พาเจาะลึกถึงญี่ปุ่น เมื่อ "ความพึงพอใจของลูกค้า” คือทุกลมหายใจของ DOMOHORN WRINKLE

97 26
PARTNERS IN BEAUTY

จนถึงตอนนี้แล้ว เชื่อว่าชาวจีบันหลายๆ คน คงเคยได้ยินชื่อแบรนด์

"DOMOHORN WRINKLE" 


แน่ๆ และก็เชื่ออีกเต็มอกว่าหลายคนคงมีคำถามว่า ทำไมแบรนด์นี้ถึงไม่มี counter?  ทำไมมีผลิตภัณฑ์แค่ไลน์เดียว? แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าผิวเราต้องใช้แบบไหน? หรือแม้กระทั่ง ทำไมเราต้องใช้สกินแคร์ตั้ง 8 ตัว??


ทุกอย่างมีคำตอบอยู่ที่นี่แล้วค่ะ! ต้องบอกก่อนว่าเราได้มีโอกาสที่ดีมากๆๆๆ ในการได้รับเชิญไปเยี่ยมแบรนด์ Domohorn Wrinkle หรือบริษัท Saishunkan Pharmaceutical ที่เมือง Kumamoto จังหวัด Fukuoka ประเทศญี่ปุ่น


โดยรอบนี้เราไปเพื่อ

"ทำความรู้จักแบรนด์อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่แนวคิดในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์

รวมถึงการดูแลองค์กรที่เป็นแบบเฉพาะของบริษัท"


หัวใจหลักของแบรนด์ ไม่ใช่การผลิตสินค้าให้ได้จำนวนมาก

การเพิ่มยอดขาย หรือการเปิดสาขาให้ได้เยอะๆ

แต่กลับเป็น "การมอบความพึงพอใจให้กับลูกค้า"


ซึ่งนั่นหมายถึง

- ความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์  -

- ความพึงพอใจในการบริการ -

- ความพึงพอใจในผลลัพธ์ -

 

เกริ่นมาเยอะขนาดนี้แล้ว! ตอนนี้เราไปทำความรู้จัก Domohorn Wrinkle กันให้มากยิ่งขึ้นดีกว่า จะได้รู้ว่าทำไมเราถึงประทับใจแนวคิดของแบรนด์นี้นัก :)

เรามีโอกาสได้ไปที่เมือง Kumamoto จังหวัด Fukuoka ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ท่ามกลางธรรมชาติบนตีนเขา Aso ที่นี่ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิด "สถานที่แห่งการเรียนรู้ สร้างสรรค์ และรู้สึกขอบคุณ" มีชื่อเรียกว่า "Saishunkan Hill Top" โดยเป็นทั้งสถานที่ผลิต จัดจำหน่าย จนถึงต้นทางกระจายสินค้า เรียกได้ว่าพนักงานทุกฝ่ายกว่าพันคน ทำงานรวมกันอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ รวมถึงพนักงานรับโทรศัพท์คนไทย!


แนวคิด “คัมโป” และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์


Saisunkan Pharmacuetical (บริษัทไซชุนกัน ฟาร์มาซูติคอล) กำเนิดขึ้นในปีพ.ศ. 2475 หรือเมื่อ 87 ปีที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อตาม “SAISUNKAN” โรงเรียนแพทย์แห่งแรกของญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้การศึกษาเรื่อง “คัมโป” หรือแนวคิดแบบแพทย์แผนตะวันออก และในฐานะบริษัทผลิตยาที่มีแนวคิดตามแบบคัมโป จึงตระหนักได้อย่างลึกซึ้งถึงหัวใจของศาสตร์นี้ ซึ่งมีความเชื่อมั่นในพลังอันน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ 


และด้วยแนวคิด “คัมโป” ที่หลอมรวมกับ “ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์” ผลิตภัณฑ์ “Domohorn Wrinkle” จึงถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2517 ซึ่ง “Domohorn Wrinkle 5” เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผสมคอลลาเจนเป็นรายแรกในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของ “Cream 20” อันโด่งดังในปัจจุบัน


ถึงตอนนี้ มาตอบคำถามของทุกคนก่อนว่า ทำไมที่ Domohorn Wrinkle ถึงมีผลิตภัณฑ์เพียงแค่ไลน์เดียวเท่านั้น? แล้วผิวอย่างฉันจะใช้อะไร?


"ONE LINE"


แม้ปัญหาผิวจะมีหลากหลาย แต่สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผิวเหล่านั้นมีเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือ เมื่อเราอายุมากขึ้น "พลังในการฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ" ก็จะลดลง Domohorn Wrinkle จึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ทั้ง 8 ตัว หรือ "One Line" เพื่อช่วยฟื้นฟูพลังนั้น โดยไม่มีการแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามปัญหาผิว ประเภทผิว หรือสภาพอากาศ


โดยผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นจะช่วยเสริมการทำงานซึ่งกันละกันให้เกิดประสิทธิภาพทวีคูณ และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเราต้องใช้ให้ครบ 8 ตัว! (เข้าใจแหละว่าฟังดูเยอะ เห็นแล้วท้อใจ แต่ถ้าเราเรียงให้ดูตามนี้ จะเห็นว่าขั้นตอนก็เหมือนที่เราใช้อยู่ทุกวันเลย!)


ผลิตภัณฑ์ One Line ครอบคลุม 3 ขั้นตอนหลักในการดูแลผิวในแต่ละวัน ได้แก่

  1. การทำความสะอาดและการเตรียมผิว (Refining 3 - 3 ชิ้น)

  2. การบำรุงอย่างล้ำลึก (Essential 4 - 4 ชิ้น)

  3. การปกป้องผิวจากแสงแดด (Daytime Solution - 1 ชิ้น)

อ่อ แอบแถมให้อีกหน่อยว่าต้องมีอุปกรณ์พิเศษด้วยนะ แต่ไม่ต้องซื้อเพิ่มเติมที่ไหน โดยชิ้นที่ 9 นี้ก็คือ "มือของเรา" นี่เองค่ะ โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมีวิธีการใช้มือที่แตกต่างกัน หรือที่เรียกว่า "โอเทะอาเทะ" ดูเหมือนเป็นวิธีอะไรยุ่งยาก แต่ที่จริงเปล่าเลย! ก็แค่ชิ้นนี้ใช้มือตบเบาๆ ชิ้นต่อมาใช้มือนวดวน อะไรประมาณนี้เองค่ะ

นี้พอเห็นภาพหรือยัง ว่าทำไมผลิตภัณฑ์ทั้ง 8 ชิ้นหรือ "One Line" ถึงเป็นคำตอบของทุกปัญหาผิว อ๊ะๆ แต่ถ้าสนใจ อย่าเพิ่งพุ่งตัวไปซื้อค่ะ เพราะที่นี่เค้า..


"อยากให้คุณลองใช้ ก่อนตัดสินใจซื้อ"

:)


 **ลูกค้าที่สนใจสามารถรับผลิตภัณฑ์เซ็ตทดลอง 3 วันไปลองใช้ได้ ลงทะเบียนได้ที่  https://bit.ly/2xCS7YM หรือโทร 02-260-2222 ค่ะ (ที่ญี่ปุ่นรับได้ฟรี แต่ในไทยมีค่าภาษีระหว่างประเทศ 200 บาทนะคะ) 

คุณภาพของผลิตภัณฑ์


ถึงจะมีผลิตภัณฑ์เพียงแค่หนึ่งไลน์ แต่ฝ่ายวิจัยก็ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมากที่สุด โดยคัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 170 ชนิด ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นถูกผลิตจากโรงงานที่นี่ เนื่องจากต้องการใช้ประโยชน์จากน้ำที่มาจากเทือกเขาอะโสะ อีกทั้งโรงงานยังอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ จึงทำให้สามารถต้อนรับลูกค้าได้สะดวก เพราะเป้าหมายไม่ใช่แค่การผลิตเท่านั้น แต่มุ่งมั่นที่จะผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้กับผู้ที่มีปัญหาผิวได้ใช้ไปตลอดชีวิต


นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์จะถูกปรับปรุงใหม่ทุกๆ 3-4 ปี เพราะจะมีการนำผลลัพธ์ของวิทยาศาสตร์ด้านผิวหนังใหม่ๆ เข้ามาปรับใช้ ซึ่งนับถึงทุกวันนี้ มีการปรับปรุงมากกว่า 10 ครั้ง และยังคงดำเนินต่อไป!

ซึ่งในครั้งนี้ เราได้บุกถึงห้องผลิตในฝั่งโรงงาน (ใช่ค่ะ ชุดขาวๆ เหมือนนักบินอวกาศคือเรากับพี่จีนเอง!) โดยเราต้องต้องแต่งกายด้วยชุดหมี รองเท้ายาง คลุมผม 2 ชั้น พร้อมผ้าคาดปาก ต้องล้างมือแบบจับเวลานาน 1 นาที ใช้ลูกกลิ้งดักจับฝุ่นออกให้หมด แล้วยังผ่านเครื่องเป่าลมแรงเพื่อกำจัดฝุ่นอีกรอบ! โดยเราได้ดูการทำงานของการผสมวัตุดิบต่างๆ การบรรจุ การเช็คคุณภาพผลิตภัณฑ์ แค่ซีลพลาสติกไม่ตรงก็ไม่ผ่านนะจ้ะ แถมผลิตภัณฑ์แต่ละ lot เค้าจะเก็บตัวอย่างเอาไว้ 5 ปี เผื่อว่า lot ไหนมีปัญหา เค้าจะได้นำกลับมาตรวจสอบได้ยังไงล่ะ!

ไม่ใช่ตลาดหุ้นนะ! แต่นี่คือออฟฟิศไร้ห้องที่เรียกว่า "One Floor"


ความตื่นเต้นของเราอีกอย่างคือการได้มาดูการทำงานของเค้าในออฟฟิศ ที่นี่เค้าเชื่อเรื่อง "การสื่อสารที่รวดเร็วระหว่างพนักงานแต่ละฝ่าย" เพื่อให้ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขที่รวดเร็วที่สุด จึงต้องตัดระยะทางในการส่งสารออก ไม่ว่าจะเป็นการรอห้องประชุม การกด lift ไปหลายๆ ชั้น ปัญหาเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นที่นี่ค่ะ! เพราะเค้าทำงานกันแบบแนวราบ เหมือนอยู่ในโถงใหญ่ ทุกคนเดินถึงกันได้ตลอดเวลา ลองคิดตามง่ายๆ ว่า feedback จากลูกค้าที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ได้รับมา สามารถจะถึงประธานบริษัทภายใน 3 นาที!


ใช่ค่ะ ประธานบริษัทก็นั่งอยู่ใน One Floor นี้ด้วย :)


นอกจากนั้นทุกฝ่ายยังมีการสื่อสารกันอีกรูปแบบค่ะ คือ "เขียนบอร์ดประกาศ" พูดเลยว่าคนญี่ปุ่นเนี่ย เค้าจัดบอร์ดกันเก่งมากๆ ที่น่ารักกว่านั้น คือมีแผนกนี้โดยเฉพาะค่ะ รับหน้าที่เขียนบอร์ดและทำ card พิเศษให้ลูกค้า เห็นแล้วอยากทำตำแหน่งนี้มากๆๆๆ 555 ซึ่งเราเองก็มีโอกาสได้เดินชมบอร์ดประกาศต่างๆ ซึ่งมีทั้งประกาศอาหารกลางวัน ประกาศ outing ประจำปี ประกาศผลงานของทีมวิจัย รวมไปถึงโปรโมชั่นของซุเปอร์มาเก็ตที่พนักงานสาวๆ น่าจะสนใจ และโปรโมชั่น wedding planner ต่างๆ โอ้ย น่ารักมากๆๆๆ ค่าาา

Pleaser ไม่ใช่ Call Center และเป้าหมายคือคอยให้คำปรึกษากับลูกค้า


สาวๆ ผู้อยู่เบื้องหลังการรับโทรศัพท์ของลูกค้านั้น คือ "Pleaser" แปลตรงตัวตามนั้นเลยค่ะ ว่าคือตำแหน่ง "ผู้ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ" โดยจะเป็นผู้รับการสั่งสินค้า และให้คำปรึกษาด้านปัญหาผิวให้แก่ลูกค้า เพราะในการใช้ผลิตภัณฑ์ Domohorn Wrinkle จำเป็นต้องใช้อย่างถูกวิธีและใช้ในปริมาณที่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม ก็จำเป็นต้องใช้ตามวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวของลูกค้าด้วย และเนื่องจากไม่มีเคาน์เตอร์หรือสำนักงานขาย จึงมี Pleaser ที่แหละเป็นตัวกลางระหว่างลูกค้าและผลิตภัณฑ์ค่ะ


แม้แต่เหล่า Pleaser ที่คอยรับสายลูกค้าชาวไทย ก็นั่งทำงานรวมกันใน One Floor นี้ด้วยแหละค่ะ เพราะถึงจะสื่อสารภาษาไทย แต่ก็ต้องจดบันทึกเป็นภาษาญี่ปุ่น และปรึกษาเคสที่มีปัญหาต่างๆ กับหัวหน้าฝ่ายชาวญี่ปุ่นโดยตรง  :) 

เพราะใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ จึงอยากจะดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

และธรรมชาติเพื่อเป็นการขอบคุณ


ที่นี่ให้ความสำคัญกับแนวคิดที่ว่า “มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ” โดยได้นำสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้มาผลิตสินค้าที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมการดำรงชีวิตของมนุษย์ให้ดีขึ้น จึงมีการสร้างความคุ้นเคยให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากสิ่งใกล้ตัว เช่น การช่วยกันประหยัดพลังงาน ใช้กระดาษทุกแผ่นให้คุ้มค่า ไปจนถึงการแยกขยะ ภายใต้แนวคิดที่ว่า "ถ้าเราทิ้งมันจะเป็นขยะ ถ้าเราแยกเราจะได้ทรัพยากร"


ส่วนตัวบริษัทเองก็มีการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยการผลิตกระแสไฟฟ้าไว้ใช้เอง 100% ด้วยการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ครอบคลุมทั่วพื้นที่ของสำนักงานใหญ่ ให้ชื่อน่ารักว่า "ไร่พลังงานแสงอาทิตย์ Saishunkan" โดยปัจจุบันนี้ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งหมดที่จะใช้ใน Saishunkan Hill Top ได้ตลอดทั้งปีเลยล่ะ!


นอกจากนั้นยังมีการลดการใช้พลาสติกกันกระแทกในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า โดยใช้เป็นผ้าที่ถักทอมาจากเศษด้ายเหลือๆ ซึ่งลูกค้าก็สามารถนำผ้านี้ไปใช้ประโยชน์ได้อีก ไม่ว่าจะเช็ดทำความสะอาด หรือเช็ดมือ แต่สิ่งที่น่ารักก็คือ เมื่อมีลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์นี้อย่างต่อเนื่องแล้วได้รับผ้ากันกระแทกมากจนเกินจะใช้ เลยนำผ้าเหล่านั้นประดิดประดอยเป็นของขวัญกลับมาให้กำลังใจพนักงานค่ะ น่ารักมากๆ :)

พนักงาน ไม่ใช่แค่ลูกจ้าง แต่คือคนที่จะก้าวไปด้วยกัน :)


นี่คือจุดที่ทำให้เราประทับใจ และคิดว่าเป็นแนวความคิดที่ใกล้เคียงกับจีบันมากๆ เพราะที่นี่ดูแลพนักงาน "เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน" โดย office ฝั่งสำนักงาน ถูกออกแบบมาให้เป็นโถงใหญ่ ไม่มีห้องกั้น เพื่อให้พนักงานแต่ละฝ่ายเดินปรึกษากันได้สะดวก ไม่ต้องมีพิธีรีตรอง รวมทั้งพนักงานระดับสูงอย่างหัวหน้าและผู้บริหารก็อยู่กันอย่างทัดเทียมและพร้อมที่จะช่วยเหลือกันในการทำงานบน One Floor แห่งนี้! นอกจากนั้นอาหารการกินยังเพียบพร้อม เพราะมีชั้นโรงอาหารที่แต่ละแผนกจะสับเปลี่ยนกันไปทานอาหารกลางวันที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีเท่านั้น (วันที่เราไป ได้ทานข้าวแกงกะหรี่เนื้อ กับของหวานเป็นเยลลี่สัปปะรด อร่อยมาก สดชื่นมาก อยากกินอีกค่า!)


หรือบางวันถ้าอากาศดี อาจจะมีปาร์ตี้โซเม็งรับไออุ่นของแดดอีกด้วยค่ะ น่ารักมาก! (จีบันก็จัดหมูกะทะรับอากาศดีอยู่บ่อยๆ เหมือนกันนะ :D)


ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังเห็นถึงความสำคัญของ "พนักงานหญิง" โดยมีการสร้าง nursery เด็กเล็กขึ้นมา เพื่อดูแลลูกน้อยของพนักงานหญิงที่ไม่อยากอยู่บ้านเป็นแม่บ้านด้วยล่ะค่ะ

พูดตามตรงว่า... วันแรกที่เราได้รู้จักแบรนด์นี้ก็แปลกใจเหมือนกันนะ ว่าทำไมต้องอยากให้รู้จักองค์กรเค้ามากขนาดนี้? แต่พอได้รู้จักแล้ว มันก็ส่งผลทำให้ตัวผลิตภัณฑ์ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก เพราะวิธีการดูแลองค์กรแบบเฉพาะของ Saishunkan Pharmaceutical นั้น.. เป็นภาพสะท้อนมาถึงการทำงานในส่วนอื่นๆ และที่สำคัญที่สุด สะท้อนให้เห็นถึง


"ความใส่ใจ" ค่ะ :)


ขอขอบคุณทีมงานทุกฝ่ายที่ทำให้ทีมจีบันได้ไปเยี่ยมเยือนบริษัทที่มีความน่าสนใจอย่าง Domohorn Wrinkle นะคะ นับเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ขอบคุณที่ต้อนรับและดูแลเราเป็นอย่างดี



ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

ありがとうございます

Updated by Jeban Team - Fateye_slim


fateye_slim

fateye_slim

make up เริ่ดแค่ไหน ไม่เท่ากับความมั่นใจในกระเป๋า :)
Jebanista Since 2008/ Jeban Team Since 2012

FULL PROFILE