5 สกินแคร์ตัวท็อป ที่ยกให้เป็น The Best ของต้นปี 2019

อันยองงงค่าทุกคน 
ผ่านพ้นไปแล้วกับครึ่งปีแรก เวลาผ่านไปเร็วมากเลย
ผิวก็ไปเร็วมากเช่นกัน จะปล่อยปละละเลยไปวันๆไม่ได้!!
ต้องบำรุงดูแลอย่างสม่ำเสมอด้วยนะ

แล้วครึ่งปีที่ผ่านมานี้ มีทั้งสกินแคร์ตัวเก่าตัวใหม่ออกมาเพียบบบบ!
สาวรักสวยรักงามอย่างเราจะนิ่งเฉยไม่ได้ ตัวไหนที่ว่าดี ตัวไหนที่คนรีวิวเยอะ
เราไม่เคยพลาดจ้าาา

วันนี้เลยจะคัดเลือกสกินแคร์ที่เป็น The Best ในใจของครึ่งปีแรกนี้
ที่เราใช้แล้วปังๆ มารีวิวให้ดูทีละตัวจ้า
1.โทนเนอร์ 

มาเริ่มกันในส่วนของโทนเนอร์ เชื่อว่ายังมีสาวๆหลายคนที่ไม่ใช้โทนเนอร์ เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น ทาแค่ครีมบำรุงก็พอแล้วม้างงง แต่ขอให้ทำความเข้าใจกันใหม่นะคะ โทนเนอร์เนี่ยมีความสำคัญมากกก ถ้าอยากผิวดีแบบจัดเต็มต้องใช้เลยจ้า เราใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าหลังจากล้างหน้าเสร็จ เพราะจะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างอีกรอบ เพราะบางทีล้างหน้าก็ไม่สะอาดไปซะทีเดียวนะคะ อีกอย่างโทนเนอร์ก็ยังช่วยปรับสมดุลให้ผิวพร้อมก่อนทาครีมบำรุง ทำให้ครีมซึมลงสู่ผิวได้ดีขึ้นอีกด้วย แจ่มขนาดนี้ ต้องรีบไปหาซื้อกันเลยนะคะ :)
แล้วโทนเนอร์ที่เป็น The Best ของเราตัวนี้ จัดว่าโด่งดังและมาแรงมาก สาวๆจีบันหลายคนก็คงเคยใช้กันมาแล้ว คนดังรีวิวเพียบ เป็นโทนเนอร์ออร์แกนิคจากประเทศสหรัฐอเมริกา แบรนด์ Thayers Witch Hazel Toner เป็นแบรนด์ที่วิจัยโดยแพทย์และเภสัชค่ะ จุดเด่นของแบรนด์คือส่วนผสมจากต้น Witch Hazel พืชสมุนไพรที่พบในแถบอเมริกาเหนือ สรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบและช่วยสมานแผล แล้วคือ Thayers เค้าเคลมมาว่าไม่มีพาราเบน ไม่มีน้ำหอม คนผิวแพ้ง่ายบอบบางใช้ได้ แล้วก็ไม่ทำการทดลองกับสัตว์ สาวรักษ์โลกอย่างเราปลื้มใจสุดค่ะ เริ่ดๆ><

สูตรที่เราใช้คือ Rose Petal เหมาะสำหรับผิวธรรมดา /ผิวมันแต่ขาดน้ำ สูตรนี้จะช่วยฟื้นฟูผิวที่ขาดน้ำ ช่วยกระชับรูขุมขน ลดรอยแผลเป็นจุดด่างดำ และมีวิตามินซีที่จะช่วยในการผลิตคอลลาเจน แล้วเค้าก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของริ้วรอย แถมยังช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใสเป็นธรรมชาติอีกด้วย คุณสมบัติเริ่ดอลังการมาก

ส่วนประกอบโดดเด่น 
- เปลือกของ Witch Hazel จะช่วยบำรุงไม่ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว แล้วก็สามารถช่วยกระชับรูขุมขน มี Acrylates/C 10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer ที่จะออกฤทธิ์เคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำและความชุ่มชื้นค่ะ
- Aloe Vera หรือว่านหางจระเข้นั่นเองค่ะ คุณสมบัติหลักๆก็คือช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น จุดด่างดำ กระตุ้นคอลลาเจน แถมยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วย ประโยชน์เยอะขนาดนี้ หลายๆแบรนด์เค้าถึงได้เอา Alovera มาใส่ในสกินแคร์ยังไงล่ะคะ ^^
- สารTannin เจอในพืชหลายชนิด จะช่วยสมานแผล ต่อต้านการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียด้วยค่ะ
- Rose Petal Water หรือน้ำจากกลีบกุหลาบนั่นเอง ตรงนี้จะช่วยฟื้นฟูผิวที่ขาดน้ำ ทำให้ผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ ช่วยสมานแผลและลดอาการแพ้อักเสบของผิว กระชับรูขุมขน และช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินซีซึ่งผลิตคอลลาเจน ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวและช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น
เทลงบนสำลีและเช็ดให้ทั่วใบหน้าก่อนลงสกินแคร์ตัวอื่นค่ะ

เนื้อสัมผัส เป็นน้ำใสๆบางเบา พอเช็ดที่หน้าก็แห้งไว แต่ยังมีความชุ่มชื้นอยู่ค่ะ เราใช้แล้วหน้าไม่แห้งตึงเลย รู้สึกว่าความสะอาดหมดจดทั้งหน้าจริงๆพร้อมสำหรับลงสกินแคร์ตัวต่อไปเวอร์ๆ แล้วชอบที่มีกลิ่นกุหลาบหอมอ่อนๆแบบธรรมชาติด้วยค่ะ

ผลของการใช้ เราชอบสูตรนี้เพราะว่าปกติหน้าเราแห้งมาก แต่ว่าจะชอบมีสิวช่วงเป็นประจำเดือน พอสิวยุบแต่รอยสิวยังอยู่ไม่ไปไหน T^T  พอได้ลองใช้โทนเนอร์ตัวนี้ตามที่คนแนะนำ เราว่ามันทำให้หน้าเราชุ่มชื้นขึ้นจริงๆ ไม่แห้งขุยแบบแต่ก่อน แล้วรอยสิวก็ลดลงเรื่อยๆเลยค่ะ ตอนนี้หน้าเนียนแทบไม่มีรอยเล้ยย สรุปเลยว่าเลิฟน้องThayersมากกกก เป็นลูกรักเลย

ราคา 890 บาท (355 ml)
สถานที่จำหน่าย ร้าน All About You 
2.เซรั่ม

เซรั่มคือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มีกรดและวิตามินที่เข้มข้น ที่จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนและความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเรา แล้วเซรั่มเนี่ยเค้าจะมีเนื้อสัมผัสที่เบากว่าครีมเพราะมีขนาดโมเลกุลที่เล็กกว่าค่ะ แล้วจะซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ล้ำลึกกว่า เพราะงั้นเค้าจะผลิตมาเพื่อจัดการกับปัญหาผิวที่อยู่ลึกกว่าชั้นหนังกำพร้าลงไปอีก ลำพังแค่ครีมธรรมดาจะซึมลงไปได้ไม่เต็มที่นั่นเองค่ะ เพราะเหตุนี้ไงเราถึงจำเป็นต้องใช้เซรั่มนะ! ^^
และเซรั่มตัวที่โด่งดังที่สุดของปีนี้คงหนีไม่พ้น The Ordinary เซรั่มที่เหล่าบรรดาYoutuber,Bloggerทั้งหลายรีวิวกันเยอะมาก ตัวนี้เป็นแบรนด์ลูกของDECIEM สกินแคร์ค่ายยักษ์ใหญ่สัญชาติแคนาดา The Ordinary ดังเพราะเค้าบอกว่าราคาไม่แพงแต่คุณภาพเทียบเท่าพวกเซรั่มHigh-Endเลยทีเดียว แล้วทางแบรนด์มีงานวิจัยรองรับถึงความปลอดภัยและการันตีผลลัพธ์ที่ดีเริ่ด คือที่มาเค้าค่อนข้างไฮโซโก้เก๋มากกกกกกค่ะ

สูตรที่เราใช้คือ The Ordinary 100% Cold-Pressed Virgin Marula Oil ตัวนี้เนี่ยมีคุณสมบัติเด่นๆคือจะช่วยดูแลริ้วรอยแห่งวัย ลดรอยดำรอยแดงจากสิว แถมยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยค่ะ แล้วก็ใช้ได้ทั้งผิวหน้าผมแล้วก็เล็บเลยนะคะ

ส่วนประกอบโดดเด่น
100% Cold-Press Virgin Marula oil สารสกัดเย็นบริสุทธิ์100% จากเมล็ดผลไม้ที่ชื่อว่ามารูล่า จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดีเริ่ด ซึ่งตัว Marula Oil เนี่ย นับว่าเป็น Luxury Oil ของแบรนด์ The Oridinary เลยค่ะ เพราะว่ามีสาร Antioxidant สูง จะทำให้ผิวสุขภาพดี ช่วยลดรอยสิวให้จางลง ชะลอริ้วรอยแห่งวัย บำรุงปกป้องเส้นผมและเล็บ คือตัวนี้เป็นตัวที่ขายดีมากๆเลยทีเดียวค่ะ
หยดเซรั่มเล็กน้อย แล้วใช้ทาทั้งหน้า หรือในบริเวณที่ต้องการ 

เนื้อสัมผัส เป็นสีชาขุ่นๆ เนื้อเป็นน้ำมันเหลวๆไม่เหนียวเหนอะหนะ แล้วก็ไม่มีน้ำหอมด้วย

ผลของการใช้ จากที่เราหน้าแห้ง แต่ก่อนแห้งจนเป็นขุยเลยค่ะ พอใช้เซรั่มตัวนี้แล้วผิวชุ่มชื้นขึ้น หน้ามีความโกลวขึ้นด้วย ^0^ แล้วก็พวกบรรดารอยดำรอยแดงก็จางลงด้วย อาจจะเพราะการใช้คู่กับโทนเนอร์และครีมต่างๆด้วยค่ะ แต่ถือว่าพึงพอใจมากๆเลยกับเซรั่มตัวนี้ ให้เป็นลูกรักด้านเซรั่ม ไม่เปลี่ยนใจเล้ยยย

ราคา 550 บาท (30 ml)
สถานที่จำหน่าย พรีออเดอร์เท่านั้น ยังไม่มีช็อปที่ไทยนะคะ TT 
3.ครีมกันแดด

ต่อมาเป็นสเตปที่สำคัญมากๆเลยค่ะ นั่นก็คือครีมกันแดดนั่นเอง! ดูอากาศประเทศไทยซะก่อน แดดแรงขึ้นทู้กกกวัน แต่ละแบรนด์เค้าก็จะทำครีมกันแดดที่ SPF สูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าถ้า SPF ต่ำๆเนี่ย เอาไม่อยู่แน่นอน แต่ข้อเสียของครีมกันแดดที่เจอแทบทุกแบรนด์เลยก็คือทำให้หน้ามันเยิ้มนั่นเอง ครีมกันแดดตัวดังๆที่เค้าบอกว่าดี ก็กันแดดดีจริงแหละแต่หน้าเมือกมาก ลำพังคนหน้าแห้งอย่างเราทาไปก็ยังหน้าเยิ้มอะคิดดู แต่งหน้าทีก็ละลายไวสุด ก็เลยหารีวิวครีมกันแดดที่ไม่ทำให้หน้ามันแต่กันแดดได้เริ่ดสุดๆมาลองใช้ต่อสู้กับ UV ประเทศไทยตอนนี้!
สำหรับครีมกันแดดลูกรักที่เราใช้อยู่แล้วปลื้มจริงๆ เป็นของ Joliena Plus ค่ะ แบรนด์นี้เราใช้ครีมรกแกะของเค้าอยู่แล้ว ในส่วนของครีมรกแกะมีรีวิวมาค่อนข้างเยอะ แล้วพวกส่วนผสมสารสกัดต่างๆเค้าอิมพอร์ตมาจากประเทศออสเตรเลียกันเลยทีเดียว เราลองใช้แล้วมันดีมากจริงๆ หน้านุ่มชุ่มชื้นมาก ทีนี้พอทาง Joliena ออกครีมกันแดดมาเราก็ไม่พลาดที่จะไปซื้อมาใช้ค่ะ

ครีมกันแดดที่ว่าก็คือ Joliena Plus SPF 50+ PA++++ Ultra Light Daily UV Defence ตัวนี้มีSPF50+ PA++++ คือ SPF สูงมาก! มั่นใจเรื่องกันแดดได้อยู่หมัด ที่เราชอบอีกอย่างคือเนื้อครีมบางเบามาก แตกต่างจากครีมกันแดดทั่วไปที่เนื้อจะหนักๆทาแล้วเหนียวหน้าไม่สบายผิว แล้วก็ตัวนี้ไม่มีซิลิโคน ไม่มีพาราเบนนะจ๊ะเธอ ไม่แพ้แน่ๆ แล้วก็ไม่อุดตันผิวด้วย เริ่ดจริงอะไรจริง

จุดเด่น
- Alpine Willowherb ช่วยลดความมัน ลดปัญหาผิวที่เกิดจากความมัน เช่นพวกรูขุมขนกว้าง ผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย
- Kakadu Plum ตัวนี้คือพืชที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในโลก! ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ลดริ้วรอยแล้วก็พวกรอยดำรอยแดง และปกป้องผิวจาก UV ได้
- Beet Root ตัวนี้จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ทำให้ผิวเรียบเนียนไม่ลอกเป็นขุย
- Chamomile ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน ลดปัญหาสิว ลดรอยแผลเป็นค่ะ
- Vitamin E จะช่วยลดริ้วรอย ลดความหยาบกร้านของผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นไปในตัวด้วย
- Encapsulation Technology เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยล็อคสารสกัดให้คงประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้หน้าไม่ดรอประหว่างวัน แล้วก็จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีกว่าครีมกันแดดทั่วไปค่ะ
เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ 

เนื้อสัมผัส เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไปกับผิวไวมากก แต่งหน้าต่อได้เลย คือผิวสีไหนก็ใช้ได้หมดไม่วอกไม่เทาค่ะ
ลองหยดครีมที่กระดาษซับมัน 30 นาที ไม่มีน้ำมันเยิ้มออกมาเลย คนไหนหน้ามัน ก็ใช้ได้หายห่วงค่ะ

ผลของการใช้ ปลื้มมากที่มีครีมกันแดดเนื้อบางเบาขนาดนี้ เพราะปกติครีมกันแดดที่ SPF สูงๆ จะมีเนื้อหนักๆข้นๆ แต่ตัวนี้เนื้อครีมบางเบาซึมไวมาก เราใช้ครีมกันแดด Joliena ทุกวัน เจอแดดแรงๆแค่ไหนรู้สึกว่าไม่คล้ำลงเลยค่ะ แล้วเค้าก็ไม่ทิ้งคราบขาวเลย เกลี่ยง่ายมากไม่เสียเวลาแต่งหน้า สาวผิวแห้งอย่างเราใช้แล้วไม่แห้งผากเน้อ เพราะว่าเค้าคงความชุ่มชื้นอยู่ เหมาะกับทุกสภาพผิวค่ะ แล้วสิวอุดตันไม่มาเยี่ยมเยียนเลยด้วยนะ ตัวนี้นางเริ่ดมากก เลยขอเก็บครีมกันแดดตัวนี้เอามาไว้เป็นที่สุดในใจของปีนี้เลย

ราคา 890 บาท (25 g)
สถานที่จำหน่าย ร้านEveandBoy / และสั่งออนไลน์
4.Eyes Care 

เราเคยเห็นคนคอมเมนท์คุยกันว่า Eye Cream ไม่สำคัญ ใช้ครีมทั่วไปแทนก็ได้ ขอบอกว่าเป็นความเชื่อที่ผิดนะคะทุกคน!! เพราะว่าผิวรอบดวงตานั้นบอบบางมากกว่าผิวส่วนอื่นๆ แล้วตาเราจะมีการขยับตลอดเวลา ไม่ว่าจะมองหรือว่ากระพริบตาอะไรแบบเนี้ย จะทำให้ผิวรอบดวงตาเหี่ยวย่นง่ายกว่าส่วนอื่นบนใบหน้า แล้วถ้าเรานอนดึกสิ่งที่สังเกตได้อย่างแรกคือตาจะคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัดเลย การจะใช้ครีมทั่วไปถ้าครีมที่อ่อนโยนก็อาจจะใช้ได้แหละค่ะ แต่จะไม่ได้บำรุงได้ดีเท่า Eye Cream แล้วถ้าใช้ครีมบำรุงผิวหน้าทั่วไปที่ไม่อ่อนโยน จะยิ่งทำร้ายผิวรอบดวงตามากกว่าเดิมอีกนะ ...อธิบายถึงขนาดนี้ ต้องรีบดูแลผิวรอบดวงตาให้ดีขึ้นได้แล้วนะคะ ^^
Eye Cream ตัวเด็ดในใจที่เราชอบสุดๆในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เป็นของ Botanics ค่ะ ใครที่เข้าร้าน Boots บ่อยๆคงเคยเห็นกัน คือตัวนี้เป็นแบรนด์ที่วิจัยโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ชั้นนำระดับโลกจากสวนพฤกษศาสตร์คิวการ์เด้นส์ ประเทศอังกฤษจ้า มาไกลมาก เค้าได้คิดค้นโปรดัก Botanicas จากส่วนผสมธรรมชาติค่ะ ออร์แกนิคมาก ไม่อันตราย ไม่ระคายเคืองดวงตาแน่นอนน

แล้วสูตร Eye Cream ที่เราเลือกใช้จะเป็น Whitening With Liquorice Refreshing Eye Gel คือสูตรนี้เนี่ยเค้าจะมุ่งเน้นการช่วยลดรอยคล้ำรอบดวงตา ทำให้ผิวรอบดวงตากระจ่างใสขึ้น แล้วก็ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวรอบดวงตากระชับค่ะ เราชอบแบรนด์นี้ตรงที่เค้าเป็นแบบออร์แกนิค แล้วก็ไม่มีพาราเบน เพราะฉะนั้นเนี่ยจะอ่อนโยนต่อผิวรอบดวงตาเรามากๆ ว้าวววมาก

จุดเด่น 
- ชะเอมเทศ คุณสมบัติช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น นำมาสะกัดเพื่อรักษาพวกรอยคล้ำใต้ตาค่ะ
- Shea butter ช่วยลดเลือนริ้วรอย ผิวเหี่ยวย่น แล้วก็เพิ่มความชุ่มชื้นรอบดวงตาด้วยค่ะ
- Imperata Cylindrica Root Extract เป็นสารสกัดจากรากต้น Imperata Cylindrica มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมงเลย
เนื้อเจลเข้มข้น ชุ่มชื้น เกลี่ยง่ายค่ะ 

เนื้อสัมผัส เป็นเนื้อเจลสีขาวมุก ซึมง่าย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่นสบายผิวมากๆค่ะ

ผลของการใช้ หลังจากที่ใช้ตัวนี้มาได้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานพอสมควร รอยคล้ำกับริ้วรอยใต้ตาลดลงไวมาก อาการตาบวมจากการนอนน้อยก็หายไปจริงๆ นอนดึกตื่นเช้าแค่ไหนก็รู้สึกว่าผิวรอบดวงตาเราดูเฟรชมากกว่าตอนที่ใช้แบรนด์อื่นนะคะ

ราคา 600 บาท (15 ml)
สถานที่จำหน่าย ร้านBoots 
5.มาส์ก

มาถึงตัวสุดท้ายที่เป็นลูกรักในครึ่งปีแรก 2019 นี้ นั่นก็คือมาส์กหน้านั่นเองค่า เราจะใช้เป็นประจำเลยอาทิตย์ละ2-3ครั้งค่ะ เพราะหน้าเราโดนทำร้ายจากมลภาวะ รังสี UV จากแดดหรือพวกแสงจากหน้าจอมาในแต่ละวัน แค่ทาครีมบำรุงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอนะ แล้วการมาส์กหน้าก็เหมาะมากๆกับคนที่แต่งหน้าบ่อยๆ เพราะว่าเราอาจจะล้างเอาสิ่งสกปรกออกไม่หมด การมาส์กหน้าก็เหมือนการทำทรีทเมนต์ให้ผิวหน้าเราได้ฟื้นฟู และจะช่วยล้างสิ่งสกปรกออกจากผิวหน้าได้อย่างหมดจดนั่นเองค่ะ
มาส์กตัวที่ใช้ประจำเป็นของ Origins แบรนด์ออร์แกนิคอันโด่งดังเลย เค้าอยู่มา40กว่าปีแล้ว โหดมากๆ หลายคนก็น่าจะรู้มาบ้างว่าเค้าเป็นแบรนด์ลูกของ Estée Lauderเลยนะ ธรรมดาที่ไหนกัน ทางแบรนด์เค้าได้วิจัยเอาพืชพรรณธรรมชาติที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกมาทำเป็นสกินแคร์ค่ะ แล้วก็เค้าเป็นแบรนด์นึงที่เริ่มใช้มาตรการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้Packagingจากวัสดุรีไซเคิล แบบนี้สาวรักษ์โลกปลื้มมม ^^

ในส่วนของมาส์ก เราใช้สูตร Clear Improvement Active Charcoal Mask to Clear Poresค่ะ ตัวนี้เป็น Best Seller ของ Origins เลยนะคะ ไม่ธรรมดานะ อิอิ แล้วก็มีจุดเด่นอยู่ที่ถ่านไม้ไผ่ หรือที่เค้าเรียกกันอย่างไฮโซว่า Bamboo Charcoal ค่ะ555 ตัวเราเองเคยได้ยินมาอยู่แล้วว่าถ่านไม้ไผ่เนี่ย นอกจากว่าเค้าจะช่วยดูดกลิ่นอับแล้ว เค้ายังดีต่อผิวพรรณด้วยนะ ไม่ว่าจะช่วยล้างสิ่งสกปรกที่อยู่บนหน้าของเราอย่างล้ำลึก เหมือนเป็นการดีทอกซ์ผิวให้ผิวสะอาด ประมาณว่าทำให้ผิวได้หายใจอย่างสดชื่น หลังจากที่มีสิ่งอุดตันผิวหน้ามานานประมาณนี้อะค่ะ555 แล้วในมาส์กโคลนนี้ก็มีส่วนผสมอื่นๆที่ทำให้ผิวกระจ่างใส หน้าเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้นด้วยค่ะ ^^ ใครที่มีปัญหาหน้ามัน รูขุมขนกว้าง หรือว่าผิวแพ้ง่ายใช้ได้หมดเลยนะคะ  ^^

จุดเด่น
- ถ่านไม้ไผ่ ช่วยให้ผิวสะอาดอย่างล้ำลึก ดูดซับสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนได้อย่างหมดจด
- ดินขาวจากประเทศจีน
เป็นส่วนประกอบที่จะทำให้ผิวกระจ่างใสและเนียนนุ่มขึ้น
- Lecithin สารนี้จะช่วยทำให้ผิวสะอาดหมดจด ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้นค่ะ
เนื้อสัมผัส เนื้อโคลนสีดำเข้มข้น กลิ่นเหมือนถ่านอะค่ะ แต่ไม่เหม็นฉุนนะคะ วิธีใช้ให้ชุบน้ำอุ่นวางไว้บนใบหน้าเพื่อเปิดรูขุมขน แล้วเกลี่ยมาส์กลงหน้า ทิ้งไว้15นาทีแล้วล้างออกค่ะ

ผลของการใช้ หน้าใสวิ้งขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ค่ะ รู้สึกผิวสะอาดขึ้นมากกว่าตอนล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าธรรมดาค่ะ แล้วก็รูขุมขนเล็กลงแบบเวอร์ๆ เริ่ดจริง! ใครที่มีผิวมันอะแนะนำเลยค่ะ มาส์กแล้วหน้าไม่มันเยิ้มแน่นอน^^

ราคา 1,000 บาท (100 ml)
สถานที่จำหน่าย ร้าน Origins
นี่คือบรรดาสกินแคร์ลูกรักที่สุดของครึ่งปีนี้ ที่ดูแลให้ผิวเราดีอยู่ตล๊อดด
กาลเวลาก็ไม่สามารถพรากความสวยไปได้!! 

ยังไงถ้าใครมีสกินแคร์ทาหน้าหรือว่าผิวตัวแบรนด์ไหนเจ๋งๆแนะนำอีก ก็คอมเมนท์บอกกันมาได้นะคะ 
เดี๋ยวจะไปลองใช้ แล้วถ้าปังจริงจะเก็บมารีวิว The Bes tสกินแคร์ของครึ่งปีหลังให้ดูแบบจุกๆกันไปอีก! 

วันนี้ขอตัวร่ำลาไปดูแลผิวก่อน อยู่หน้าจอคอมนานๆแบบนี้ก็ผิวเสียได้นะคะ
ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้า บัยยยยยยยยย  

Discussion (20)

มีแต่ตัวเด็ดๆทั้งนั้นนนน
เราใช้ครีมรกแกะโจลีน่าอยู่ ใช้ดีมากเลยนะชุ่มชื้นดี เห็นกันแดดละคุณสมบัติน่าสนใจดี
Thayers ให้เป็นสุดยอดโทนเนอร์เหมือนกันค่ะ นางทำให้เราติดการใช้โทนเนอร์ไปเลย
Joliena เนื้อบางเบาจริง
กระทู้รีวิวละเอียดดีค่ะ เห็นแล้วอยากไปตำ เงินเดือนออกเจอกัน!!