[Makeup Tutorial]

Korean Makeup 

  แต่งหน้าโทนแดงพีชๆ สไตล์เกาหลี  

________________________

By smindstyle

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน หลังจากที่หายไปนานวันนี้ก็ขอกลับมาเอาใจสายเกากันหน่อย กับการอัพเดตลุคการแต่งหน้าที่กำลังอินเทรนของสาวๆเกาหลี ปูมาขนาดนี้สายเกาห้ามพลาดนะคะ!!! บอกเลยว่าครั้งนี้จัดเต็มอีกเช่นเคย มีทั้งภาพและคลิปมาให้เพื่อนๆได้ร่วม enjoy กันค่ะ

เอาละค่ะเรามาเริ่มกันที่การบำรุงหน้ากันหน่อย ช่วงนี้หน้ามายแห้งมาก (ก ล้านตัวไปเลยค่ะ) มีการแห้งลอกเป็นจุดๆ เพราะงั้นมายเลยขอมาร์คหน้าซะหน่อย เมคอัพจะได้สวยขึ้นไปอีก อิอิ แนะนำมากๆสำหรับวันที่รู้สึกว่าหน้าล้า หน้าแห้ง อยากบำรุงแบบด่วนๆ แบบว่าหน้าไม่พร้อมรับอะไรทั้งสิ้น 

  STEP 1: MASK  

มายใช้เป็นชีทมาร์คของ etude house cherry blossom นอกจากความชุ่มชื้นแล้ว ตัวนี้เค้าช่วยในเรื่องของ firming และ brightennig ด้วยน้า บอกเลยว่าส่วนตัวใช้มาร์คของ etude เป็นประจำ เพราะว่าเค้าถูกและคุณภาพดี ชอบที่เค้าให้เซรั่มมาเยอะแบบไม่กักค่ะ ชุ่มฉ่ำตั้งแต่หน้าไปจนถึงคอ มายชอบใช้ประจำเลย มาร์คได้ทุกวัน

มาร์คหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นก็นวดหน้าเบาๆ เพื่อให้เซรั่มซึมเข้าผิวยิ่งขึ้น 

 

  STEP 2 : BASE MAKEUP  

 Base & Primer 

หลังจากขั้นตอนการบำรุงหน้า สิ่งต่อมาคือการใช้เบสหรือไพรเมอร์ ที่นี้เบสกับไพรเมอร์เค้าต่างกันยังไงละน้า? เอาเป็นว่าเรามาอธิบายกันสั้นๆละกันเน้อะ โดยปกติ (จากประสบการณ์ส่วนตัว) หน้าที่หลักของเบสจะมีคุณสมบัติที่ช่วยปรับสภาพผิว ปรับสีผิวนั้นเองค่ะ ส่วนไพรเมอร์คุณสมบัติหลังๆก็จะช่วยในเรื่องของเมคอัพที่ติดทนนานหรือเติมความชุ่มชื้น (แล้วแต่รุ่น) 

ซึ่งในลุควันนี้มายก็เลือกใช้เป็นเบสที่ช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น และให้ความวาวหน่อยๆ เพื่อนๆจะเลือกใช้เป็นอะไรก็ได้น้า แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ 

 Foundation 

รองพื้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยน้าสำหรับการแต่งหน้า ซึ่งตอนนี้เค้าก็ผลิตออกมาในหลายรูปแบบทั้งแบบขวด ตลับ และคุชชั่น และตอนนี้ถ้าสายเกาจะไม่พูดถึงคุชชั่นก็ไม่ได้แล้วละ เป็นอะไรที่ขาดกันไม่ได้จริงๆ คุชชั่นก็คือรองพื้นที่บรรจุอยู่ในฟองน้ำ แล้วจะมาในรูปแบบของตลับพร้อมฟองน้ำ ที่สะดวก ใช้ง่าย แนะนำสำหรับมือใหม่สุดๆ

สำหรับลุควันนี้มายใช้ any cushion cream filter คุชชั่นตัวดังจาก etude นั่นเองค่ะ ให้การปกปิด medium - full coverage คือสามารถบิ้วเพิ่มได้ค่ะ ให้ลุคที่ค่อนข้างละแมท แต่ยังดูมิติอยู่ค่ะ ไม่ดูหนาหรือหนักหน้า คนที่ผิวแห้งแบบมายก็ใช้ได้ สำหรับตัวนี้คือคนผิวแห้ง ใช้เดี่ยวๆได้เลย ไม่ต้องลงแป้งต่อก็ได้จ้า

 Concealer 

ตัวช่วยสำคัญของหลายๆคน รวมทั้งมายด้วยค่ะ เพราะน้องเค้าจะใช้ซ่อมใต้ตา ไฮไลท์เพิ่มมิติให้ใบหน้า หรือว่าจะเป็นการกลบสิวและรอยสิวของเรา เป็นตัวช่วยเพิ่มสร้างความ perfect ให้กับหน้าของเรานั่นเองค่ะ

สำหรับ big cover concealer ตัวนี้มายใช้มานานละน้า แต่ว่าน้องก็ไม่หมดสักที เพราะใช้ปริมาณนิดเดียว แต้มเป็นจุดๆ ก็สามารถปกปิดรอยคล้ำใต้ตาได้ดี สำหรับเนื้อตัวนี้น้องค่อนข้างจะแห้งนิดนึง เพราะแบบนี้เค้ามีตัวใหม่ออกมาแล้วค่ะ ทั้งสูตรและแพกเกจใหม่ แต่เป็นความโชคร้ายของมายที่สีที่แมทกับมายหมดค่ะ (น้ำตาซึมเบาๆ) นั่นหมายความว่า แพกเกจตามในรูปนี้ที่เพื่อนๆเห็นเค้าไม่ได้ขายแล้วนั่นเอง

  STEP 3 : EYEBROW  

ครั้งนี้มายขอเขียนคิ้วก่อนเลย เป็นอันว่ารู้กันสำหรับคิ้วสไลต์เกาหลีคือ จะมีลักษณะตรงๆ หนาๆ แต่ยังไงก็ตาม! มายยังอยากให้เพื่อนๆยึดโครงคิ้วตามหน้าของเราอยู่น้า เกาได้! ฝอได้! ขอให้เข้ากับหน้าเราด้วยน้า แค่ทรงคิ้วที่เปลี่ยนไปก็สามารถเปลี่ยนลุคการแต่งหน้าเราได้เลยค่ะ

เรียกได้ว่าเป็นที่เขียนคิ้วในตำนานของ etude เลยก็ว่าได้กับ drawing eye brow ดินสอเขียนคิ้วปลายตัด มาพร้อมแปรงปัดคิ้วที่ใช้ได้จริง เนื้อดี เขียนง่าย พร้อมราคาน่ารัก ตัวนี้ไม่ต้องพูดกันเยอะ เพราะมายเชื่อว่าเพื่อนๆ รู้ถึงคุณสมบัติของน้องเค้าดี

  STEP 4 : EYES  

สำหรับลุควันนี้ตา คือส่วนที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ เพราะเทรนของสาวเกาหลีในตอนนี้ เค้านิยมแต่งหน้าตามโทนสีผิวค่ะ โทนสีผิวที่มายพูดถึงไม่เกี่ยวกับว่าสีผิวที่ขาวหรือแทนนะคะ แต่หมายถึงโทนสีผิวของคนเรา ที่จะแยกได้ประมาณ 3 โทนค่ะ

โทนเหลือง - warm tone

โทนชมพู - cool tone

โทนสีกลาง - natural tone 

[โทนสีธรรมชาติ ไม่เหลืองหรือชมพู]

การแต่งตาตามโทนสีผิว จะช่วยทำให้ลุคโดยรวมของเราดูละมุนเข้ากับเรามากขึ้น พูดง่ายๆว่า เราจะมั่นใจได้ว่าสีที่เราเลือกใช้จะเข้ากับเรานั่นเองค่ะ แต่ๆไม่ได้หมายความว่าคนที่เลือกใช้สีที่ไม่ใช่โทนสีผิวของตัวเองจะผิดหรือใช้ไม่ได้นะคะ เรายังคงสามารถสนุกก้บการแต่งหน้าของเราได้อยู่ แต่แค่ว่าตอนนี้การแต่งหน้าตามโทนสีผิว เค้ากำลังอินเทรนสุดๆที่เกาหลีนั่นเอง เพราะสุดท้ายแล้วทุกอย่างอยู่ที่ความพอใจและความมั่นใจของตัวเราเองค่ะ

พาเลท Best Love เป็นพาเลทใหม่ที่ทาง etude พึ่งออกมา ซึ่งแน่นอนมนุษย์ผิวเหลืองอย่างเราๆก็ต้องอยากเล่นกับ Best Love เป็นธรรมดา แต่ก่อนอื่นมายขอมาพูดถึงพาเลทของ etude กันก่อนดีกว่า เค้าออกมา 2 พาเลทด้วยกันทั้ง 

Best Love (สีแดง) พาเลทอายแชโดว์โทนอุ่น 

สีอายแชโดว์โทนแดง ส้ม ทอง

 

Rose Bomb (สีชมพูนู้ด) พาเลทอายแชโดว์โทนเย็น 

สีอายแชโดว์โทนชมพู ม่วง 

ซึ่งลุคการแต่งตาวันนี้มายบอกเลยว่า มายค่อนข้างสนุกกับการเล่นกับพาเลทนี้ เพราะสีเค้าสวย ชัด และเกลี่ยง่าย ซึ่งอายแชโดว์เค้ามีหลาย texture ทั้งแมท ชิมเมอร์และกลิตเตอร์เลยค่ะ เป็นพาเลทที่มายว่าคุ้มค่าน้า สีที่ใบ้ได้จริงทุกวัน ขนาดแพกเกจพอดีมือ มาพร้อมกระจกไซส์ใหญ่ พูดเยอะเดี๋ยวจะหาว่าอวย งั้นขอจบแค่นี้ก่อนก็ได้ มั่นใจว่าแค่นี้หลายๆคนอ่านเสร็จ add to wish list  แล้วจ้า 55555

  STEP 5 : Contouring, Blush & Highlighting  

ขั้นตอนสร้างมิติให้ต้องมา ถึงแม้ว่าสายเกาเค้าจะเน้นความธรรมชาติ แต่ว่า  Contouring, Blush & Highlighting เป็นสิ่งที่เค้าไม่ปล่อยผ่านนะคะ มายมองว่าสาวเกาหลีมีความ expertise ทางด้านนี้สูงเลยแหละ เพราะเค้าสร้างเบ้าหน้าให้ดูธรรมชาติ แบบเงาธรรมชาติ ผิวโกลว์ธรรมชาติ คำว่า "ธรรมชาติ" นิแหละค่ะ สร้างยากที่สุด!

รูปแบบการ contouring, blush & highlighting ปกติแล้วไม่มีอะไรที่ตายตัว เพราะคนเราจะมีโครงหน้า รูปหน้า หรือความบกพร่องที่ต่างกัน เพราะมายมองว่าในส่วนนี้คือการแก้ไขและสร้างมิติให้กับหน้าของเรา จุดตรงไหนอยากให้อยากหายไปเราก็ใช้คอนทัวร์สีน้ำตาลเนื้อแมทปัด ส่วนที่อยากให้โดดเด่นขึ้นมาก็ใช้ไฮไลท์เพิ่มเข้าไป ส่วนบรัชออนก็การเพิ่มสีสัน บริเวณพวงแก้มทำให้ลุคของเราดูมีสีสันยิ่งขึ้น

ถ้าเพื่อนๆนึกภาพไม่ออกจริงๆ สามารถดูตามภาพด้านบนได้เลยน้า อันนี้เป็นรูปแบบพื้นฐานของการสร้าวมิติของหน้าค่ะ 

  STEP 6 : LIP  

"ปาก" เป็นสิ่งที่บางคนอาจจะมองข้าม คิดว่าทายังไงก็เหมือนๆกัน แต่ไม่ได้ค่ะ! เราจะคิดแบบนี้ไม่ได้ เพราะว่าปากเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญของการแต่งหน้า สังเกตง่ายๆ ถ้าเราแต่งหน้าทุกส่วน ยกเว้นการทาปากไว้ละออกจากบ้าน ทักคนจะทักว่า ไม่สบายหรอ ดูซีดๆนะ กลับกันถ้าเราไม่ได้แต่งอะไรเลย แต่ของเพิ่มปากแดงไปสักนิด ต่อให้เราป่วยยังไง ไม่มีใครทักแน่นอนว่าป่วย 

Better Lip Talk รุ่นใหม่จาก etude ซึ่งสีที่มายมีคือ OR203 เป็นสีโทนแดงส้มชมพูๆ ครบมาเลย พูดไม่ถูก แต่สวย! มายเลือกเป็นสูตร Moisture เค้าจะมีความ shine อยู่นิดๆ และสีที่ค่อนข้างชัดเลย ความติดทนพอสมควรเลยค่ะ 

แนะนำเลยว่า Best Love และ Better Lip Talk OR203 คือ best combination มาก เหมือนเกิดมาเพื่อกันละกัน 

ครั้งนี้มายรู้สึกพอใจกับ Finish look มาก หวังว่าเพื่อนๆจะคิดแบบเดียวกันนะคะ

เจอกันใหม่กระทู้หน้า

____________________

บาย!