ผิดตรงไหนที่หย่าแล้วจะก้าวต่ออย่างStrong

54 13
ความรักสามารถเริ่มต้นจากหลากหลายเหตุผลจนนับไม่ถ้วน

จุดจบของความรักก็เช่นกัน

ไม่มีใครสามารถออกแบบความสัมพันธ์ให้จีรังยั่งยืนไปได้หมด เราไม่สามารถคำนวณออกมาได้หรอกว่ามีคนกี่ล้านคนในโลกนี้ที่กำลังคิดแยกทางกับคนรัก

ไม่ใช่ทุกคนที่จะพบกับ Happy Ending

บางคนต้องอดทนกับความทุกข์มาเนิ่นนาน เพราะเชื่อมั่นว่าขอแค่รักซะอย่าง ก็จะฝ่าอุปสรรคไปได้หมด

บางคนฝืนอยู่กับคนที่หมดรักกันจนตายจากกัน เพราะมีเหตุผลที่ไม่อาจปลดปล่อยตัวเองไปจากความสัมพันธ์ย่ำแย่

บางคนพยายามทุกอย่างเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาชีวิตคู่จนผ่านวิกฤติไปได้ และรักกันมากกว่าเดิม

บางคนเลือกจบแบบเจ็บๆ และปล่อยให้เวลารักษาแผลใจ


แต่สำหรับบางคน ที่เจ็บจนด้านชา การแยกทาง อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ทำให้มีความสุขที่สุด อิสระจากความรักที่จืดจาง


แต่นั่นคือเรื่องส่วนตัวของแต่ล่ะคู่ หากพวกเค้าไม่ได้เป็นฝ่ายป่าวประกาศให้ชาวโลกได้รู้เรื่องราว คนนอกก็ไม่สามารถก้าวก่ายได้หรอกว่า พวกเค้าเลือกเส้นทางในการจบความสัมพันธ์เช่นไร


โดยเฉพาะแต่คู่ของดารา A List ที่เก็บงำชีวิตส่วนตัวไว้ได้ลึกลับซับซ้อน มันยากที่จะคาดเดาได้ว่า เหตุใด พวกเค้าจึงไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้

แต่โลก Internet ก็ยังคลาคล่ำไปด้วย Netizen สายมโนที่สามารถพิพากษาอดีตคู่รักคนดังด้วยอคติแนวติ่งหัวรุนแรง คุณพบเห็นเมื่อไรก็คงถอนหายใจแรงๆไม่ต่างจากผู้เขียน


ดังเช่นกรณีของ Song Hye Kyo





ข่าวคู่ Song - Song ยื่นหย่าหลังจากแต่งงานกันได้เพียงเกือบ ๆ 2 ปี อาจจะสร้างความช็อคให้กับแฟนๆจากหลายประเทศ

แต่สำหรับเรา สิ่งที่ทำให้ช็อคมากกว่า มันคือคำวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ทจำนวนมาก เมื่อฝ่ายหญิงได้รับงานอีเวนท์ต่างประเทศ และเธอก็ถูกโจมตีว่า "บังอาจ" ยิ้มแย้ม ทั้งๆที่ยื่นหย่าได้ไม่นาน

โอ โหมะ!


เราขอไล่เหตุการณ์นิดนึงค่ะ


- Song หญิง คือนางเอก A List มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกของ Korean wave เธอหนึ่งในดาราที่เป็นที่รักจากแฟนๆมากมายจาก Full House ซีรีส์ที่โกยเรตติ้งถล่มทลายไปหลายประเทศทั่วโลก และผลงานโดนใจแฟนๆอีกหลายเรื่อง

- ไม่นานหลังจากประกาศแยกทางกับ Song ชาย ก็มีคนปล่อยข่าวลือว่าเธอตีจากเค้าเพื่อไปหาชายอุปถัมป์มหาเศรษฐีจีน แม้ว่าเธอจะเคยคบหาแต่กับนักแสดงhigh profile ด้วยกันเท่านั้น และที่สำคัญ เธอรายได้มากขนาดที่ต้องเสียภาษีเฉียดร้อยล้าน
ตัวเลขยืนยันจากข่าวฉาวเรื่องการเลี่ยงภาษี แต่เธอออกมาขอโทษและชี้แจงว่าเป็นความผิดพลาดจากฝ่ายบัญชีที่ไม่ได้ส่งเอกสารให้)

- ในขณะที่ชาวเน็ทบางกลุ่มเริ่มเมามันกับข่าวลือที่ทำให้ภาพลักษณ์ของ Song หญิงมัวหมองลงไป กลับมีกระแสความสงสารไปที่ Song ชาย ที่ว่ากันว่าทุกข์ใจหนักจนผมร่วงและอาจจะหัวล้านได้



แต่ก็มีแฟนๆที่ติดตามหนุ่มแก้มป่องมาตลอดตั้งข้อสังเกตว่า  ที่จริแล้ว  เจ้าตัวไม่ใช่หนุ่มผมดกดำเด่นชัดอะไรอยู่แล้ว   ผมที่ดูหนาไม่กี่ปีก่อนนั้นก็เป็นไปตามความนิยมของ K Beauty  ที่จัดเต็มเรื่อง volume

 Song  ชายมีภาพของชายหนุ่มผู้น่าสงสาร  แต่ Song หญิงถูกโจมตีไม่ต่างกับว่าเป็น Gone Girl      แม้จะได้ยินค่านิยมสังคมชายเป็นใหญ่ของเกาหลีใต้มาก่อนแล้ว  แต่เมื่อได้เห็นข้อความจากเว็บกอสสิปเกาหลีได้แปลความเน็ทของชาวเน็ทที่เต็มไปด้วยอคติต่อตัว Song หญิง  ก็ทำให้เพลียขึ้นมาทันที   !



- ชั้นหวังว่าหล่อนจะให้ความสำคัญกับความสวยจากภายในมากกว่าจะใส่ใจแต่เรื่องรูปร่างหน้าตานะ


- การหย่าก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรอกนะ แต่เธอกล้าแต่งสวยมาออกงานยิ้มหน้าระรื่นหลังจากที่เพิ่งหย่าได้ยังไง คนอื่นอาจจะคิดว่าเธอสวย แต่ก็เป็นแค่ภายนอก ชั้นว่าข้างในเธอไม่ได้ดีงามนักหรอก

- .ในขณะที่อีกฝ่ายผมร่วงและพ่อของเขาต้องมารับหน้ากับข่าวนี้ ฝ่ายหญิงกลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงและยังเดินหน้าเรื่องงานซะเต็มที่ ดีแล้วล่ะที่ Song Joong Ki ยื่นหย่า

- เธอหิวเงินเป็นบ้าเลย

- ชั้นว่าข่าวลือน่าจะจริงแล้วล่ะ ข่าวบอกเธออยากหย่าเพื่อจะได้ประสบความสำเร็จมากขึน เธอคงจะเจอสปอนเซอร์จีน แล้วก็เอาแต่รับงานในจีนและมาเก๊าเพราะได้รับการพะเน้าพะนอราวกับเป็นชนชั้นสูง

- เธอไปมีอะไรกับผู้ชายจีนใช่มั้ย

- ทำไมสื่อจีนถึงปลื้มเธอนักนะ ปลื้มมากกว่าสื่อเกาหลีอีก เธอมีบ้านที่ฮ่องกงด้วย สงสัยจังนะว่าทำไม

- ชั้นขอให้เธออยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตไปเลย พอหย่าก็ตีปีกสนุกสนานทันที ถึงเธอจะดังมาก แต่เธอก็ไม่ได้สาวๆเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ




เราได้ส่วงลิงค์ข่าวนี้ไปให้เพื่อนสาวที่ผ่านการหย่าผู้ชายเอเชียนมาเช่นกัน และมันทำให้เธอถึงกับสบถออกมา เพราะความกดดันที่ Song หญิงต้องเจอทำให้การหย่าของเค้าฟังดู friendly ไปเลย เพราะถึงจะพบกับประสบการณ์รักร้าว แต่ไม่มีใครมาพิพากษาว่าเป็นความผิดใครมากกว่า หรือยัดเยียดให้ผ่ายหญิงเป็นคนไร้หัวใจเพราะพยายามก้าวต่อไปข้างหน้าหลังจากชีวิตคู่สิ้นสุดลง


ถึงจะเป็นคู่คนดังที่ทำให้ผู้คนมากมายต่างอยากรู้อยากเห็นว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของพวกเค้า      แต่การหย่าไม่ได้เป็นจุดจบของโลก มันอาจจะกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนสองคนที่คนนนอกไม่จำเป็นต้องมารับรู้เข้าใจ     สิ่งที่ไม่แฟร์ที่สุดคือ คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดทั้งสิ้นเอาแต่ถูหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความว่าร้ายแต่ฝ่ายหญิง  ทั้งๆที่เมื่ออ่านข้อความก็รู้ได้เลยว่าจะต้องเป็นผู้หญิงเหมือนกัน


บางคนอาจจะมองว่า นีคือส่วนหนึ่งของ "วัฒนธรรมติ่ง" ที่คนดังจะต้องทำใจยอมรับ และควรเลือกเมินเฉยต่อถ้อยคำที่บ่งบอกถึงความเกลียดชังปนริษยาเหล่านี้


แต่ถ้าทุกคนสามารถก้าวผ่าน hater ไปได้หมด ปัญหาเรื่อง bully คงไม่เรื้อรังทำลายจิตใจ ...

แต่คำยืนยันจากสื่อออนไลน์บางเจ้าว่าการหย่ายังถือเป็นเรื่องต้องห้ามในเกาหลีก็ทำให้เราฉุกใจขึ้นมา เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้ชมซีรีส์เรื่องหนึ่งแบบผ่านๆ เนื้อเรื่องหลักนั้นชวนอึดอัดใจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เปิดหน้าจอไปเลยคือ เรื่องราวของหญิงสาวที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่ฉากหลังกลับถูกสามีทำร้ายร่างกายมานานจนทนไม่ไหวต้องขอหย่า แม้ว่าแม่ของเธอจะเห็นใจและสนับสนุนให้เธอพ้นไปจากขุมนรกนี้ แต่ฝ่ายพ่อกลับไม่พอใจอย่างแรง เพราะเชื่อว่าการหย่าร้างคือความอับอายของครอบครัว และโทษว่าจะไม่มีผู้ชายดีๆที่ไหนมาสู่ขอลูกสาวคนเล็กที่มีพี่สาวมีมลทินจากการหย่า OMG!


ในส่วนหนึ่งของสังคม ได้มีการส่งต่อความคิดฝังรากกันรุ่นต่อรุ่นว่า  หากมีการหย่าร้างเกิดขึ้น   ฝ่ายที่ผิดหนีไม่พ้นผู้หญิง   และมันอาจกลายเป็นตราบาปที่ลดโอกาสในการหาคู่ครองคนใหม่เพราะผู้ชายบางคนอาจรับไม่ได้หากเธอผ่านการหย่ามาแล้ว  แม้ว่าเกาหลีในยุคโมเดิร์นมีความเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต   มีจำนวนคู่หย่าร้างเพิ่มสูงขึ้นมากจนสังคมเปิดรับได้มากขค้น   แต่อคติก็ยังหลงเหลืออยู่    

Song หญิงถูกคนบางกลุ่มพิพากษาอย่างรุนแรงเพราะโฟกัสกับการงานหลังหย่า   แล้ว ความเห็นของชาวเน็ทผู้เทิดทูนโอปป้าเป็นอย่างไรกันนะ ?
นี่คือคอมเมนท์ส่วนหนึ่ง


- Song Joong Ki อาจจะเป็นเซเลหนึ่งเดียวที่ได้รับความกรักจากแฟนๆมากขึ้นทั้งๆที่หย่าร้าง

- แม้ว่าจะผ่านการหย่ามาแล้ว เค้าก็เป็นดาราที่ร่ำรวย และมันจะไม่เป็นอุปสรรคใดๆที่จะเสาะหาผู้หญิงสวยๆมาเป็นภรรยาอีกครั้ง

- เค้าทั้งฉลาด หล่อเหลา มีพรสวรรค์ โด่งดังโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร เดี๋ยวก็เจอผู้หญิงที่ดีกว่าเอง ลืมคนไม่สิสัยไม่ดีคนนั้นไปซะเถอะ

- ชั้นหวังว่ายัย Song Hye Kyo จะถูกยกเลิกสัญญาโฆษณาไปจนหมด ภาพลักษณ์ของเธอดูแย่ลงแล้ว  ฝีการแสดงของเธอก็ไม่เห็นจะดีตรงไหน



wow... ไร้คำพูดไปพักนึงเลย!

ก็เข้าใจนะว่ายังมีคนมากมายที่พร้อมให้กำลังใจคนทั้งคู่ที่ต้องเผชิญกับการเลิกราท่ามกลางสายตาสาธารณชน และติ่งคุณภาพที่แยกแยะเป็นก็ทราบอยู่แล้วว่า เราไม่มีทางรู้เบื้องลึกใดๆกับความสัมพันธ์ของพวกเค้าได้ และมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคนนอกที่จะต้องถือหางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วประนามอีกฝ่ายว่าเป็นฝ่ายที่ต้องเก็บตัวสำเหนียกความผิดตัวเองแล้วโยนการงานที่ช่วยสร้างเสริมความมั่นคงให้ชีวิตทิ้งไป


แต่เมื่อได้เห็นคำพูดบั่นทอนพวกนี้แล้ว มันก็ห้ามความเคืองไม่ได้จริงๆ หลายคนคงสงสัยเหมือนเราว่า มีคนคิดอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ?









ลองมาชมความ strong ของเซเลบที่ต้องผ่านมรสุมชีวิตคู่จนต้องหย่าร้างกันค่ะ


Katy Perry



เธออาจจะถูกยกให้เป็นซุปตาร์ที่ร้อนแรงที่สุดคนหนึ่ง แต่เมื่อถูกสามีส่งข้อความมาขอหย่าระหว่างที่ออกทัวร์ Part of Me


มันทำให้เธอสติแตกไปเลย  และหมดแรงใจที่จะแสดงต่อ  แต่ก็รวบรวมสติขึ้นมาจนสามารถพาทัวร์ไปสู่ความสำเร็จได้ 
ภาพการต่อสู้ของ Katy ปรากฏในdocumentary ของเธอค่ะ   ก่อนที่สร้างรอยยิ้มกับแฟนๆเรือนหมื่นที่ตะโกนเรียกอยู่หน้าเวที   Katy แทบจะทรงตัวไม่อยู่ด้วยซ้ำไป เธอต้องปกปิดความโศกเศร้าไว้แล้วออกไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด


ผู้หญิงที่เผชิญหน้ากับปัญหาชีวิตคู่จนต้องหย่าแล้วพยายามก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยการทุ่มเททำงานไม่สมควรจะถูกดึงให้ตกต่ำ แต่พวกเธอคือแบบอย่างเพื่อสร้างพลังใจให้กับคนอื่นต่างหาก




Jennifer Garner


ข่าวคราวการแยกกันอยู่ของ Jen กับ Ben ทำให้แฟนๆหลายคนใจหาย แต่ก้อาจไม่ได้ประหลาดใจ เพราะฝ่ายชายมีข่าวเรื่องพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่มาตลอด ระยะแรกของการแยกกันอยู่นั้น ดูเหมือนว่า Ben จะกระเจิดกระเจิงถึงขนาดมีข่าวชู้สาวกับพี่เลี้ยงของลูกๆ และ Jen ก็ยอมรับตรงๆว่า ถึงจะตัดสินใจแยกทางกันก่อนที่สื่อจะตามคุ้ยเขี่ยเรื่องของพี่เลี้ยงสาว และเธอคนนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจแยกกันอยู่ แต่เมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผย มันก็ฟังดูไม่เหมาะสมเอาซะเลย เพราะมันกลายเป็นข่าวฉาวใหญ่โตจนเธอต้องให้พี่เลี้ยงออกจากงาน มันกระทบต่อจิตใจของเด็กๆจนต้องอธิบายให้พวกเค้าเข้าใจถึงสถานการณ์



แม้ในระหว่างนั้น งานแสดงของ Ben กำลังไปได้ดี แต่ปัญหาส่วนตัวที่รุมเร้าทำให้อาการติดเหล้ากลับมาอีกครั้ง เขาตัดสินใจถอนตัวออกจากการกำกับและแสดงหนังฟอร์มยักษ์ Batman และแม้ว่าจะเข้ารับการบำบัดไปแล้วในปี 2017 แต่ก็ไม่สามารถประคับประคองตัวเองได้ กลับมาดื่มเหล้าอย่างหนักอีก


และคนที่เข้ามาช่วยเหลือคือใครเอ่ย ???



คุณภรรยาที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินเรื่องหย่านั่นเองค่ะ


มีบางสิ่งเกิดขึ้นในบ้านของ Ben เมื่อ Jen รับรุดไปหาก็พบว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ เธอออกจากบ้านแล้วกลับมาใหม่พร้อมกับบอดี้การ์ด จากนั้นก็ขับรถพาBen ไปแวะซื้อ fast food    มีรายงานว่า Jen นี่แหละที่เป็นคนเลี้ยกล่อมให้ Ben เข้ารับการบำบัดอีกครั้ง และเขาก็ยินยอมตามไป




การหย่าไม่ได้ทำให้คนสองคนต้องเกลียดกันเสมอไป ไม่ว่ารักร้าวจะมีสาเหตุมาจากสิ่งใดก็ตาม หากเป็นการเลิกราอย่างสันติ และก้าวผ่านจุดที่ยากลำบากมาได้แล้ว อดีตสามีภรรยาสามารปรองดองและคบหากันในฐานะเพื่อนและสมาชิกครอบครัวคนสำคัญได้ ไม่ต่างจาก Ben&Jen ทีฝ่ายชายยกย่องแม่ของลูกอย่างจริงใจ เพราะแม้แต่ในช่วงที่เขาต้องพบกับวิกฤติในชีวิต เธอก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างไม่รีรอ ( ทั้งๆที่มีข่าวลือเนิ่นนานว่าชีวิตสมรสที่ผ่านมามีปัญหามาจาก Ben ซึ่งทำให้ Jen ทุกข์ใจเรื่อยมา)




 Katie Holmes 


แม้เธอจะไม่เคยปริปากถึงเรื่องการหย่าจากTom Cruise   แต่สื่อพุ่งประเด็นไปที่ลัทธิ scientology ที่มีบทบาทใหญ่หลวงในชีวิตของพระเอกหนุ่มใหญ่   และข้อมูลจากปากอดีตลัทธินี้ได้ได้ชี้ไปทางเดียวกัน     หลายคนเชื่อว่า   Katie ต้องฝืนใจตัวเองเชื่อฟังสามีและการเข้าแทรกแซงชีวิตจาก scientology    และเมื่อถึงจุดที่เธอทนไม่ไหว ก็ต้องตัดขาดจากสามี  และพาลูกสาวออกมาจากการควบคุมนั้นด้วย
Katie ตัดขาดจาก scientology  อย่างสิ้นเชิง  เธอพาลูกสาวสมัครโรงเรียนคอนแวนต์และพยายามรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่  เมื่อหลายปีก่อน มีคนคิดว่า Katie จะใช้โอกาสในการนำภาพนางเอกสาวที่หลุดพ้นจากการบงการมาเป็นจุดขายและอาจจะควงลูกสาวแสนสวยขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง

แต่สิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้น


เราเคยได้ยินเหมือนกันว่า การปิดปากเงียบของKatie อาจจะเกี่ยวข้องกับข้อตกลงการหย่าที่อดีตสามียื่ข้อเสนอเพื่อแลกกับสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกสาว โดยปกติกระบวนการหย่าของคู่คนดังที่มีความซับซ้อนเรื่องการแบ่งทรพย์สินอาจจะกินเวลาเป็นปีๆ แต่สำหรับ Tom&Kat นั้น พวกเค้าใช้เวลาเพียงสิบเอ็ดวันในการหาข้อตกลง และสิทธิ์การเลี้ยงดูก็ตกไปเป็นของฝ่ายแม่ ทั้งๆที่Tom ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าภรรยามีแผนจะยื่นขอหย่า สื่อได้ต้องข้อสงสัยว่า Katie อาจจะกำความลับสำคัญบางอย่างที่ทำให้เธอได้เปรียบในการเจรจาเรื่องค่าเลี้ยงดูและสิทธิ์การเลี้ยงดู

แต่นั่นก็ยังเป็นปริศนาต่อไป     สิ่งที่ทำให้ผู้คนช็อคไปยิ่งกว่านั้นก็คือ    หลังจากที่ตัดความสัมพันธ์กัน   แทบจะไม่มีภาพ Tom Cruise ไปมาหาสู่ลูกสาวเลย    ทั้งๆที่ก่อนการหย่าร้างนั้น เขาดูรักหลง Suri ยิ่งกว่าสิ่งใด    US weekly ได้รายงานว่า   Katie มิได้เป็นผู้ปิดกั้นพ่อลูกให้ห่างไกลกัน  เขามีสิทธิ์ตามกฎหมายในการมาหาเธอ    แต่กลับตัดสินใจไม่ใช้สิทธิ์นั้น  

Tom เคยฟ้องร้องนิตยสาร Life & Style และ In Touch ที่เล่นข่าวว่าเขาทอดทิ้งลูกสาวหลังจากหย่ากับ Katie ได้ไม่นาน ระหว่างการไต่สวน เขาได้ยอมรับว่า เรื่องศาสนาอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ภรรยาเลือกตัดขาดกัน และทนายของเขาเองได้ยืนยันกับสื่อว่า Tom โทรหา Suri เป็นประจำทุกวัน

แต่เป็นเวลามากกว่า 6 ปี แล้วที่คนภายนอกไม่เคยเห็นสองพ่อลูกอยู่ด้วยกัน    จากแต่ก่อนที่เคยไปเที่ยวสวนสนุกและทริปในสถานที่สวยงาม  และมันก็เป็นสิ่งที่เราแทบจะไม่เห็นจากคนดัง high profile   เพราะแม้ว่าจะเป็นการหย่าแบบ "จบไม่สวย" สักเพียงใด  แต่หลายคู่สามารถทำใจประนีประนอมเพื่อร่วมกันเลี้ยงดูลูกได้
"ลูกสาวเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับชั้นค่ะ  การเลี้ยงดูเธอมีความหมายเป็นอย่างยิ่ง    ชีวิตวัยเด็กที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่มีความปลอดภัยมั่นคงนั้นสำคัญเป็นที่สุด"


Suri อายุ  13 แล้วค่ะ   แต่น้องยังดูใสสมวัย ไม่รีบร้อนโตเป็นสาว     เธอดูสดใสร่าเริงอยู่เคียงข้างแม่ ดูเป็นเด็กธรรมดาที่สนุกสนานท่ามกลางกลุ่มเพื่อน  แม้ว่าจะถูกพาพาราซซี่ติดตามและมีข่าวเรื่องที่พ่อหายไปจากชีวิตของเธอวนเวียนบนแทบลอยด์เสมอ   แต่ Suri ก็น่าจะมีความสุขตามที่แม่ของเธอได้วาดหวังไว้


เราขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่เคยผิดหวังในรักและต้องการก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็งค่ะ




The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE