#ปวดท้องน้อยมีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง? อันตรายที่่สาวๆไม่ควรมองข้าม
สรณ์ปวีณ์ ยอดสุวรรณ์ 25 3
#การปวดท้องน้อยมีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง? อันตรายที่่สาวๆไม่ควรมองข้าม
1 การปวดท้องน้อยแบบเฉียบพลัน จะไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า อยู่ๆก็ปวดแบบกระทันหันไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เกิดจากการอักเสบของมดลูก ไส้ติ่งอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งล้วนแต่เป็นเหตุให้มีการขาดเลือดไปเลี้ยงในอวัยวะส่วนนั้นๆหรือมาจากสาเหตุอื่นๆ นั่นก็คือความผิดปกติของรังไข่ การตั้งครรภ์นอกมดลูก
2 การปวดท้องน้อยแบบซ้ำๆ ซึ่งเราจะพบได้บ่อยในเพศหญิงเท่านั้น ซึ่งเกิดจากไข่ตก และก็กลายเป็นประจำเดือนในเวลาต่อมา หรือบางคนที่ปวดมากๆมันก็จะเกิดอาการผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อมีอาการอื่นๆร่วมด้วย อย่างเช่น จะมีตกขาว ซึ่งสีมันจะเพี้ยนออกไป เป็นสีขุ่น ข้นเหลือง แล้วก็จะมีกลิ่นเหม็นค่อนข้างรุนแรง ซึ่งถ้าสาวๆคนไหนที่มีอาการแบบนี้ ควรที่จะรีบพบสูตินรีแพทย์โดยด่วน
3 การปวดท้องน้อยแบบเรื้อรัง ซึ่งจะพบได้มากที่สุด และก็จะมีปัญหาในเรื่องของการวินิจฉัยโรคมากที่สุด เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อมีการซักถามมักจะบอกอาการไม่ตรงกัน เนื่องจากมักมีอาการปวดแบบ เป็นๆหายๆ จึงทำให้การวินิจฉัยโรคไม่ตรงกับอาการของผู้ป่วย หรือเรียกง่ายๆว่า รักษาไม่ตรงกับโรค นั่นเอง การรักษาจะต้องพบแพทย์อย่างเดียวซึ่งแพทย์จะวินิจฉัยเองว่าจะใช้การรักษาแบบไหน? เช่นให้ยาทาน หรือฉีดยาร่วมด้วย ส่วนในเรื่องของยาก็คือยาลดการอักเสบ ยาปฏิชีวนะ และยาคุมกำเนิด และก็การรักษาด้วยการผ่าตัด หากมีอาการของโรคที่แบบว่ารุนแรงแล้วก็มีสาเหตุของโรคที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือมีเนื้องอกเกิดขึ้น แพทย์ก็จะรักษาด้วยการผ่าตัดอย่างเดียว ส่วนการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ก็อย่างเช่นการทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ หรือไม่ก็รักษาด้วยวิธีการออกกำลังกาย การฝึกบุคลิกภาพแบบใหม่ ส่วนการรักษาจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ป่วยเป็นหลัก หากผู้ป่วยสามารถจดจำรายละเอียดหรือให้ข้อมูลในขณะที่ปวดท้องได้อย่างชัดเจน ย่อมมีโอกาสที่แพทย์จะหาสาเหตุให้ตรงกับโรคได้มากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ.
ติดตามสาระดีๆได้ที่ Channal @ying naka
1 การปวดท้องน้อยแบบเฉียบพลัน จะไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า อยู่ๆก็ปวดแบบกระทันหันไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เกิดจากการอักเสบของมดลูก ไส้ติ่งอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งล้วนแต่เป็นเหตุให้มีการขาดเลือดไปเลี้ยงในอวัยวะส่วนนั้นๆหรือมาจากสาเหตุอื่นๆ นั่นก็คือความผิดปกติของรังไข่ การตั้งครรภ์นอกมดลูก
2 การปวดท้องน้อยแบบซ้ำๆ ซึ่งเราจะพบได้บ่อยในเพศหญิงเท่านั้น ซึ่งเกิดจากไข่ตก และก็กลายเป็นประจำเดือนในเวลาต่อมา หรือบางคนที่ปวดมากๆมันก็จะเกิดอาการผิดปกติเกิดขึ้นเมื่อมีอาการอื่นๆร่วมด้วย อย่างเช่น จะมีตกขาว ซึ่งสีมันจะเพี้ยนออกไป เป็นสีขุ่น ข้นเหลือง แล้วก็จะมีกลิ่นเหม็นค่อนข้างรุนแรง ซึ่งถ้าสาวๆคนไหนที่มีอาการแบบนี้ ควรที่จะรีบพบสูตินรีแพทย์โดยด่วน
3 การปวดท้องน้อยแบบเรื้อรัง ซึ่งจะพบได้มากที่สุด และก็จะมีปัญหาในเรื่องของการวินิจฉัยโรคมากที่สุด เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อมีการซักถามมักจะบอกอาการไม่ตรงกัน เนื่องจากมักมีอาการปวดแบบ เป็นๆหายๆ จึงทำให้การวินิจฉัยโรคไม่ตรงกับอาการของผู้ป่วย หรือเรียกง่ายๆว่า รักษาไม่ตรงกับโรค นั่นเอง การรักษาจะต้องพบแพทย์อย่างเดียวซึ่งแพทย์จะวินิจฉัยเองว่าจะใช้การรักษาแบบไหน? เช่นให้ยาทาน หรือฉีดยาร่วมด้วย ส่วนในเรื่องของยาก็คือยาลดการอักเสบ ยาปฏิชีวนะ และยาคุมกำเนิด และก็การรักษาด้วยการผ่าตัด หากมีอาการของโรคที่แบบว่ารุนแรงแล้วก็มีสาเหตุของโรคที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือมีเนื้องอกเกิดขึ้น แพทย์ก็จะรักษาด้วยการผ่าตัดอย่างเดียว ส่วนการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ก็อย่างเช่นการทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ หรือไม่ก็รักษาด้วยวิธีการออกกำลังกาย การฝึกบุคลิกภาพแบบใหม่ ส่วนการรักษาจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ป่วยเป็นหลัก หากผู้ป่วยสามารถจดจำรายละเอียดหรือให้ข้อมูลในขณะที่ปวดท้องได้อย่างชัดเจน ย่อมมีโอกาสที่แพทย์จะหาสาเหตุให้ตรงกับโรคได้มากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ.
ติดตามสาระดีๆได้ที่ Channal @ying naka
