บทหนังดังที่สร้างแผลใจให้กับนักแสดง
candy 30 4Jon Snow
แทบทุก character ใน Game Of Thrones จะต้องพบกับชะตากรรมอันโหดร้าย ถ้าไม่ถูกหักหลังอย่างบัดซบที่สุด ก็อาจจะต้องถูกทารุณทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่สำหรับ Jon Snow ผู้ที่มีจุดเริ่มต้นจากลูกนอกสมรสอันต้อยต่่ำ กว่าจะกลายมาเป็นผู้นำอาณาจักรในแดนเหนือได้นั้นต้องผ่านเลือดและน้ำตามามากมาย น้อยครั้งที่เขาก็สัมผัสถึงความสุขส่วนตัว ในเมื่อเกิดมาเป็นลูกผู้ชายชื่อJon Snow แล้วก็ต้องอุทิศตนเพื่อส่วนรวมเสมอ แต่ความยึดมั่นในอุดมการณ์ก็ต้องทำให้เขาพบกับการตัดสินใจอันหนักหนาสาหัส มันจึงไม่แปลกเลยที่ใบหน้าหม่นหมองจะกลายมาเป็น trademark ของนายฮีโร่คนนี้
นักแสดงชื่อดังหลายคนยอมรับตรงกันว่า การแสดงไม่ได้เป็นเพียงการงานที่ต้องรับผิดชอบเท่านั้น แต่มันคือชีวิต! คนภายนอกอาจจะมองว่า นี่คืออาชีพที่บันดาลชื่อเสียงเงินทองให้มากมาย พวกนักแสดงแสนโชคดีที่ไม่จำเป็นต้องทำงานทั้งปี หากaudition บทดีๆได้แล้วก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการถ่ายทำรวมไปถึงการเดินสายโพรโมทผลงาน นอกจากนั้นก็เลือกเวลาพักผ่อนยาว ใช้เงินที่หามาได้อย่างไม่ต้องกดดัน
แต่ที่จริงแล้วชีวิตนักแสดงดังซับซ้อนกว่านั้น พวกเค้าไม่ได้มีเวทย์มนตร์ที่ทำให้จำบทยืดยาวภายในเวลาสิบนาทีก่อนเข้าฉาก นอกจากจะท่องบทตัวเองก็ต้องมีซ้อมเข้าบทกับคนอื่น ฝึกซ้อมฉาก action และอีกสารพัด ฉากใน Game Of Thrones ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอาจมีความยาวไม่กี่นาที แต่นักแสดงและทีมจะต้องเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้ามืดและใช้เวลาในกองถ่ายทั้งวัน หากผู้กำกับยังไม่พอใจก็ต้องยืดเวลาเพื่อถ่ายซ้ำจนกว่าจะได้ภาพที่ดีที่สุด
นอกเหนือจากความเหนื่อยล้าทางกาย สิ่งที่นักแสดงหลายคนต้องเผชิญคือความเครียดจากการสวมบทบาทเป็นคนอื่นเป็นระยะเวลายาวนาน โดยเฉพาะบทที่เศร้าหมองจากเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยด้านมืด การบีนคั้นอารมณ์เพื่อให้เข้าถึงบทบาทที่สมจริงก็ไม่ได้ฟังเป็นเรื่องหอมหวานเลย
บท Jon Snow อาจเปลี่ยนชีวิตของ Kit Harington แต่มันก็ได้สร้างแผลใจให้กับเขาจนต้องรับความช่วยเหลือ
(มีเนื้อหา spoil season 5-6)
"ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดสำหรับผมเกิดขึ้นตอนที่ซีรีส์ดำเนินเรื่องโดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับ Jon ตอนที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพกลับมา"
"เมื่อคุณได้กลายเป็น cliffhanger ในซีรีส์ที่กำลังประสบความสำเร็จในระดับพีค กระแสความสนใจในตัวคุณมันน่าหวาดหวั่นมากจริงๆ"
"ผมเป็นนักแสดงที่ประสาทเสียได้ง่ายอยู่แล้ว พอมาเจอกับความกดดันที่ต้องถูกจับตามองยิงไปกันใหญ่"
"มันไม่ได้เป็นช่วงเวลาดีๆในชีวิตผมเลยครับ ผมจำเป็นต้องคอยย้ำเตือนตัวเองว่าโชคดีมากแค่ไหนทั้งๆที่กำลังรู้สึกเปราะบางมาก ชีวิตในช่วงนั้นไม่ค่อยมั่นคงสักเท่าไร ผมคิดว่าหลายคนที่อยู่ในวัยยี่สิบก็คงเจอปัญหาคล้ายๆกัน ผมจึงเริ่มรับการบำบัดและค่อยๆเปิดใจกับคนอื่น ก่อนหน้านั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายและไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย ผมรู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่ตัวเองมีนะ แต่ผมวิตกกังวลอย่างรุนแรงว่าตัวเองยังจะสามารถแสดงได้ต่อไปมั้ย"
"ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดสำหรับผมเกิดขึ้นตอนที่ซีรีส์ดำเนินเรื่องโดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับ Jon ตอนที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพกลับมา"
"เมื่อคุณได้กลายเป็น cliffhanger ในซีรีส์ที่กำลังประสบความสำเร็จในระดับพีค กระแสความสนใจในตัวคุณมันน่าหวาดหวั่นมากจริงๆ"
"ผมเป็นนักแสดงที่ประสาทเสียได้ง่ายอยู่แล้ว พอมาเจอกับความกดดันที่ต้องถูกจับตามองยิงไปกันใหญ่"
"มันไม่ได้เป็นช่วงเวลาดีๆในชีวิตผมเลยครับ ผมจำเป็นต้องคอยย้ำเตือนตัวเองว่าโชคดีมากแค่ไหนทั้งๆที่กำลังรู้สึกเปราะบางมาก ชีวิตในช่วงนั้นไม่ค่อยมั่นคงสักเท่าไร ผมคิดว่าหลายคนที่อยู่ในวัยยี่สิบก็คงเจอปัญหาคล้ายๆกัน ผมจึงเริ่มรับการบำบัดและค่อยๆเปิดใจกับคนอื่น ก่อนหน้านั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายและไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย ผมรู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่ตัวเองมีนะ แต่ผมวิตกกังวลอย่างรุนแรงว่าตัวเองยังจะสามารถแสดงได้ต่อไปมั้ย"
ไม่ได้มีแต่ Kit ที่ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันในบทสุด Iconic จาก Game Of Thrones เพราะ Emilia Clarke ก็เคยต้องจมอยู่กับความหวาดหวั่นจากอาการป่วยเฉียดตาย เธอไม่ต้องการสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในอาชีพนักแสดงและกลับมารับบทแม่มังกรแม้ร่างกายยังไม่ฟื้นคืนเต็มร้อย และต้องพบกับความขัดแย้งในตัวตน เพราะเธอกำลังแสดงบทผู้หญิงแกร่งที่สามารถเปลียนโลกได้ แต่ในความเป็นจริงเธอกำลังเกรงกลัวความตายและรู้สึกอ่อนแอเป็นที่สุด
แต่เมื่อผ่านวันคืนที่โหดร้ายและกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ใน season สุดท้าย Emilia ก็ต้องพบบทสรุปสุดช็อคของDaenerys เธอได้รับบทก่อน Kit และแทบคุมสติไม่อยู่จนต้องขอเวลาออกไปเดินทำใจข้างนอกหลายชั่วโมง แม้จะร่ำไห้ออกมาก็ยังไม่ดีขึ้นจนต้องโทรไปขอกำลังใจจากแม่
ไม่ได้มีแต่ Emilia เท่านั้นที่ต้องตระหนกกับฉากจบ Game Of Thrones ...
ระหว่างที่อ่านบทต่อหน้าทีมนักแสดงพร้อมหน้าพร้อมตา ทันทีที่ได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ Jon Snow ก็ได้หลั่งน้ำตาออกมา เขาทั้งส่ายหน้า ส่งสายตาที่สับสน ใบหน้าแดงจัด ไม่ได้ผิดแผกจากที่เคยบรรยายว่าตัวเองเป็นคนอ่อนไหวเลย
แต่เมื่อผ่านวันคืนที่โหดร้ายและกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ใน season สุดท้าย Emilia ก็ต้องพบบทสรุปสุดช็อคของDaenerys เธอได้รับบทก่อน Kit และแทบคุมสติไม่อยู่จนต้องขอเวลาออกไปเดินทำใจข้างนอกหลายชั่วโมง แม้จะร่ำไห้ออกมาก็ยังไม่ดีขึ้นจนต้องโทรไปขอกำลังใจจากแม่
ไม่ได้มีแต่ Emilia เท่านั้นที่ต้องตระหนกกับฉากจบ Game Of Thrones ...
ระหว่างที่อ่านบทต่อหน้าทีมนักแสดงพร้อมหน้าพร้อมตา ทันทีที่ได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ Jon Snow ก็ได้หลั่งน้ำตาออกมา เขาทั้งส่ายหน้า ส่งสายตาที่สับสน ใบหน้าแดงจัด ไม่ได้ผิดแผกจากที่เคยบรรยายว่าตัวเองเป็นคนอ่อนไหวเลย
ล่าสุด Kit ตกเป็นหัวข้อข่าวใหญ่ หลังจากที่สื่อดังเปิดเผยพร้อมกันว่าเขาเช็คอินสู่สถานบำบัดเพื่อดูแลรักษาอาการเครียดและปัญหาการดื่มสุรามาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ...
"วันสุดท้ายในการถ่ายทำ ผมก็ยังรู้สึกโอเคนะ แต่พอถ่ายฉากสุดท้ายจริงๆก็ต้องสูดหายใจลึกๆ พอพวกเค้าประกาศว่า ถ่ายเสร็จจนหมดแล้ว ผมก็ใจสลายไปเลย มันมีทั้งความโล่งและอาลัยที่ไม่สามารถกลับมาทำสิ่งนี้ได้อีกแล้ว"
Joker
ว่ากันว่า สาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการบันเทิงคือบทในตำนานอันทำให้ Heath Ledger ได้รับการยกบ่องว่าเป็น Joker ที่ดีที่สุด แต่มันกลับทำให้เขาสิ้นลมหายใจจากโลกนี้ ทั้งๆที่กำลังอยู่บนจุดสูงสุดของอาชีพนักแสดง
จริงหรือที่ Heath Ledger ถูกดึงเข้าสู่ความดำมืดของตัวละครที่ได้ชื่อว่าชั่วร้ายที่สุด ?
ข้อมูลจากปากเจ้าตัวก่อนที่จะเสียชีวิตทำให้มีคนเชื่อว่า ความเครียดที่เกิดจากการเข้าถึงบท Joker จนไม่สามรถนอนหลับได้ ทำให้เขาต้องพึ่งยาanti-anxiety แล้วจากไปไม่มีวันกลับด้วยการใช้ยาเกินขนาด
ข้อมูลจากปากเจ้าตัวก่อนที่จะเสียชีวิตทำให้มีคนเชื่อว่า ความเครียดที่เกิดจากการเข้าถึงบท Joker จนไม่สามรถนอนหลับได้ ทำให้เขาต้องพึ่งยาanti-anxiety แล้วจากไปไม่มีวันกลับด้วยการใช้ยาเกินขนาด
หลายปีหลังจากที่ Heath เสียชีวิตอย่างสุดช็อค พี่สาวของเขาก็ได้เปิดเผยว่า แท้จริงแล้ว Heath สนุกกับการสวมบทบาทเป็น Joker เธอจึงตกใจมากที่ได้ยินว่ามีคนเชื่อว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องใช้ยากล่อมประสาทโดยที่ไม่ได้ระมัดระวังถึงส่วนผสมอันตรายจนเกิดอุบัติเหตุแสนเศร้า
แต่คำสัมภาษณ์ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ทำให้แฟนๆยังปักใจเรื่องนี้
" ผมนั่งๆนอนๆในโรงแรมที่ London ประมาณเดือนนึงเต็มๆ ขังตัวเองจากโลกภายนอก และสร้างบันทึกทดลองการใช้เสียงต่างๆ มันจำเป็นมากที่จะต้องสร้างเสียงพูดและเสียงหัวเราะที่เป็นเอกลักษณ์ ผมได้ค้นพบด้านที่ปลาส ไร้การแยแสเรื่องผลกระทบของพฤติกรรมตัวเอง เขาเป็นพวกต่อต้านสังคมอย่างเต็มรูปแบบ และยังเลือดเย็น เป็นตัวตลกฆาตกรใจอำมหิต"
Heath ยังบอกสื่อดังว่า ในขณะที่ถ่ายหนัง Batman นั้น เขาแทบจะนอนไม่ได้
"อาทิตย์ที่แล้วผมน่าจะได้นอนเฉลี่ยแค่สองชั่วโมงในแต่ล่ะคืน ผมหยุดความคิดไม่ได้เลย ร่างกายผมเหนื่อยอ่อนมากแต่ใจมันไม่หยุดพัก " และยังระบุว่า ใช้ยาAmbien ไปแล้วก็ไม่ยอมหลับ จึงต้องเพิ่มจำนวนเข้าไปเพื่อที่จะพบว่าทำให้หลับได้เพียงหนึ่งชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมาใหม่ด้วยใจที่กระวนกระวาย
มันช่างน่าสลดใจที่ไม่นานหลังจากการสัมภาษณ์ ความพยายามที่จะหลับพักผ่อนด้วยการใช้ยาก็ทำให้เขาจากไปตลอดกาล
Harry Potter
แฟนๆอาจจะคาดไม่ถึงว่า เบื้องหลังบทบาทเป็นพ่อมดผู้กล้าหาญแห่งโลกเวทย์มนตร์จะสร้างความกดดันให้กับนักแสดงนำจนต้องพึ่งเหล้าในระหว่างถ่ายทำ!
ในช่วงปีแรกๆ ในการสวมบทบาทพ่อมดน้อย Daniel กลายเป็นดราราเด็กที่ประสบความสำเร็จที่สุด แต่เติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น ก็เริ่มมีผลกระทบจากความโด่งดังจนทำให้เขาเดินสู่เส้นทางที่ต้องรู้สึกเสียใจในภายหลัง
"ผมผ่านช่วงปฃายวัยทีนมาได้อย่างยากลำบาก ตอนที่ผมออกไปข้างนอก ซึ่งจริงๆผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ผมรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองตลอดไม่ว่าจะทำอะไร อย่างตอนที่ไปผับบาร์ วิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำให้เลิกใส่ใจว่ากำลังถูกคนมองอยู่ก็คือการดื่มให้เมาหัวทิ่มไปเลย แแต่ที่จริง พอเมาแล้วคนก็ยิ่งรุมมองกันมากขึ้นไปอีก แล้วก็ต้องดื่มเพิ่มต่อเรื่อยๆ"
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เขาต้องหนักใจคือความคาดหวังจากผู้คนนั่นเอง
"คนคาดหวังให้คุฯต้องมีความสุขตลอดเวลา เพราะว่ามีอาชีพที่สร้างความร่ำรวยให้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเศร้าหรือถ้าไม่ทำตัวลัลล้ากับทุกสิ่งก็ยังไม่ได้ และผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่กดดันอย่างหนึ่งครับ"
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เขาต้องหนักใจคือความคาดหวังจากผู้คนนั่นเอง
"คนคาดหวังให้คุฯต้องมีความสุขตลอดเวลา เพราะว่ามีอาชีพที่สร้างความร่ำรวยให้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเศร้าหรือถ้าไม่ทำตัวลัลล้ากับทุกสิ่งก็ยังไม่ได้ และผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่กดดันอย่างหนึ่งครับ"
Daniel มีชื่อเสียงเรื่องการวางตัวดีเสมอต้นเสมอปลายกับแฟนๆ แต่หลายครั้งก็เจอกับพวกที่แสดงความหยาบคาย โดยเฉพาะพวกคนหนุ่มที่ทำเหมือนว่าการขอลายเซ็นเขามันดูเห่ยซะเต็มประดาแล้วบอกว่าไม่ได้ชอบ Harry Potter แต่ช่วยเซ็นให้หน่อยละกัน " อย่าทำแบบนั้นเลยครับ แค่พูดดีๆก็พอแล้ว"
The End