Rihanna พา Fenty ไปถึงระดับ luxury brand ได้อย่างไร ?

50 8
.


ไม่กี่วันก่อน Rihanna ได้สั่นสะเทือนวงการ fashion ในฐานะ "first black woman "ที่ก่อตั้ง luxury brand โดยร่วมมือกับ LVMH บริษัทแม่ของ Louis Vuitton และ Christian Dior

อาจมีคนที่เชื่อว่า ความเป็นคนดังและจำนวนผู้ติดตามอันล้นหลามของศิลปินสาวชาว Barbadian เป็นใบเบิกทางให้เธอเปิดshop หรูที่ฝรั่งเศสได้


แต่ต้องบอกเลยว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ซุปตาร์สามารถใช้ power ของตัวเองเพื่อก้าวให้ถึงจุดนี้ได้ตามใจต้องการ     แม้จะมีรายได้หลายร้อยล้านหรือจำนวนผู้ติดตามบน instagram สูงที่สุด     แต่การนั่งแท่นเป็นcreative director ของbrand และสร้างความสำเร็จจนนายทุนยักษ์ใหญ่ให้ความสนใจรวมงานด้วยนั้นมีเส้นทางที่ซับซ้อนมากกว่าการเป็น brand ambassador มากมายนัก


(หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนคือ รายงานตัวเลขการขาดทุนของ Victoria Beckham แม้จะมีนายทุนสนับสนุน แต่ก็ไม่ใช่กลุ่ม LVMH หรือ Kering ทำให้สถานการณ์ไม่ดีนัก เนื่องจากการแข่งขันที่น่ากลัวในตลาดสินค้า luxury ที่ยากจะแบ่งกลุ่มเป้าหมายกับbrand ยักษ์ใหญ่)



คุณภาพของ Product


การสร้างกระแสอาจจะเป็นยุทธวิธีทางธุรกิจที่ได้ผลในช่วงเวลาหนึ่ง   แน่นอนว่าแฟนๆ จะตามสนับสนุนเจ้าของ brand ที่เป็นไอดอลอย่างเต็มใจ    แต่เป้าหมายที่จะสร้างกำไรไม่ใช่กลุ่มแฟนคลับเท่านั้น  แต่ต้องทำให้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆติดใจในคุณภาพสินค้า   หลายคนยอมรับด้วยซ้ำไปว่ามีอคติต่อ brand ที่คงจะเอาชื่อของซุปตาร์มาตั้งราคาสูงๆสวนทางกับคุณภาพ  แต่ Riri ได้สร้าง surprise ด้วย feedback ในแง่บวกจากผู้บริโภคตัวจริง  อย่างชุดชั้นใน Savage ที่มาพร้อมกับไซส์ที่หลากหลายและดีไซน์ที่โดนใจ   review ของผู้ซื้อดูจริงใจ มีทั้งคำติชม  คนจำนวนมากต้องการกลับไปเลือกสินค้าของ Fenty เพิ่ม




The Fenty Effect


จากยอดขายของ Fenty Beauty ที่มีรายงานว่าสูงถึงห้าร้อยล้านยูโร  (ราวๆ $568,295,00) ภายในปีแรก  รวมไปถึงปรากฏการณ์ที่ทำให้เกิดความตื่นตัวกับเรื่อง diversity อย่างเต็มตัว   แม้เรื่องเฉดรองพื้นที่หลากหลายอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการธุรกิจความงาม  แต่ด้วยการตลาดที่ปลุกเร้าให้กลุ่มเป้าหมายที่มีเชื้อสายมาจากหลายเชื้อชาติได้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวตน ไม่ใช่ถูกกีดกันออกจาก beauty standard เหมือนที่ผ่านมา    ทั้งแฟนๆและสื่อดังต่างให้เครดิตกับ Rihanna  เธอสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการทะลายกำแพงการแบ่งแยกทางสีผิว  ด้วยจุดยืนที่แน่วแน่ว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ดูดีได้ด้วย Fenty ฺBeauty

ความสำเร็จถล่มทลายของ Fenty Beauty ย่อมทำให้partner ยักษ์ใหญ่อย่าง LVMH เล็งเห็นคุณสมบัติที่เปล่งประกายระยิบระยับในตัวศิลปินสาวงาม ซึ่งผู้บริหารได้บรรยายว่า ได้ค้นพบภาวะความเป็นผู้นำ ความเป็นนักลงทุน อันเป็นคุณสมบัติที่แท้จริงของ CEO

เพียงไม่นานหลังจาก Fenty Beauty สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก การเจรจาเพื่อสร้าง luxury brand ใหม่ในรอบ 32 ปีก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อมีการประกาศยืนยันว่า Fenty คือ luxury brand ล่าสุดในเครือของ LVMH วงการ fashion อาจจะไม่ได้ประหลาดใจเพราะเรื่องนี้ได้เล็ดรอดมาถึงสื่อตั้งแต่ต้นปี แต่ก็เรียกความฮือฮาได้ตามความคาดหมาย นี่เรากำลังพูดถึงนักร้องคนงามที่ไม่กี่ปีก่อนร้องเพลง work work work work work แล้วตอนนี้ เธอกลายมาเป็นหัวเรือของ brand ใหม่ที่อาจจะกลายเป็นปรากฏการณ์ไม่ต่างจาก beauty product จากที่นำเสนอชุดแนวsport ใน New York fashion week เธอขยับมาเป็น Paris

และเพียงเริ่มต้นก็ทำให้หลายคนร้องโอ้วซะแล้ว




Diversity ยังเป็นจุดเด่นของ brand

เมื่อได้รู้ว่าหนึ่งในนางแบบของ Fenty คือคุณยายสุดเท่วัย  67     ปฏิกิริยาก็คือ
 "ช่างสมกับเป็น brand ของ Riri จริงๆ!"
แม้ว่า Rihanna จะได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นผู้หญิงเชื้อสายแอฟริกันผิวดำที่ควรค่าเป็นแบบอย่าง แต่กลุ่มเป้าหมายของเธอมิได้จำเพาะเจาะจงเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นการออกจากกรอบที่ถูกวางไว้จากบรรดาผู้ทรงอิทธิพลในวงการ fashion&beautty ส่วนใหญ่ที่เป็นชาวยุโรปผิวขาว ด้วยการนำเสนอมุมมองต่อความงามในรูปแบบที่แตกต่างช่วยกระตุ้นให้กลุ่มคนที่เคยรู้สึกว่าถูกกีดกันจากมาตรฐานความงามอันคับแคบให้ภาคภูมิใจกับตัวตน


แต่นั่นทำให้เธอถูกวิจารณ์ว่า เอาเรื่องของ race มาสร้างกระแส ทั้งที่ใจจริงไม่ได้แคร์กับเรื่องการแบ่งแยกในสังคม diversity ใน fashion line ของเธอเป็นเพียงการกระทำบังหน้าเพื่อดูดเงินจากแฟนคลับเท่านั้น





มีหรือที่ Riri จะไม่ตอบโต้ข้อกล่าวหานี้

" ไม่ว่าชั้นจะไปอยู่ที่ไหนชั้นก็ยังเป็นคนดำอยู่วันยังค่ำ ชั้นไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีหรือโชคร้าย แต่ชั้นรักความเป็นคนดำของตัวเอง ถ้าใครไม่ปลื้ม ชั้นก็เสียใจด้วยละกัน แล้วถ้ามันเป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจคุณทั้งๆที่ไม่เคยฟังความเห็นกันด้วยซ้ำ ยังมีปัจจัยอื่นๆอีก ชั้นยังอายุไม่มาก เป็นหน้าใหม่ในวงการ แล้วก็เป็นผู้หญิง เรื่องพวกนี้ถูกนำวิจารณ์เป็นเรื่องธรรมดา แต่ชั้นจะไม่ขอโทษที่ชั้นเป็นของชั้นแบบนี้ ชั้นจะไม่ยอมอ่อนข้อเพียงเพราะเป็นผู้หญิง เพราะชั้นผิวดำ เพราะว่าชั้นมีปากมีเสียง ชั้นกำลังบริหารบริษัท และนี่คือสิ่งที่ชั้นอยู่ในจุดนี้"


"เหตุผลที่ชั้นมาที่นี่ได้ไม่ใช่เพราะสีผิวของชั้น แต่เป็นสิ่งที่ชั้นสามารถทำได้ พวกเค้าลงทุนเพื่อสิ่งนี้ และความเป็นคนดำของชั้นก็เป็นแค่ปัจจัยความจริงแค่นั้น"






เราเชื่อว่าเธอจะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่โดนใจอีกหลายอย่าง   ต้องรอจับตามองกันให้ดีค่ะว่า Fenty จะมีsurprise ที่ชวนตื่นเต้นอะไรตามมาอีก


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE