[ Acne Skincare ]

 " บอกสกินแคร์รักษาสิวตัวเด็ด " 

สิวหาย! เห็นผลจริง! ไม่ง้อหมอ

 พร้อมขั้นตอนการดูแลผิว 

by Smindstyle 

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคนวันนี้มายมาเขียนรีวิวสกินแคร์รักษาสิวที่ตัวมายเองใช้แล้ว หายจริง หน้ากลับมาใสไร้สิว จนเพื่อนๆหลายคนทักกันมาว่า หน้าดีขึ้น ให้มารีวิวสกิลแคร์หน่อย มาค่ะ!!! ถึงเวลาแล้ว มาดูกันว่ามีตัวไหนบ้าง พร้อมขั้นตอนดูแลผิวด้วยน้า 

ขอออกตัวนิดนึงก่อนน้าว่า ขั้นตอนทุกอย่างค่อนข้างจะดูจุกจิก ต้องเอาใจใส่และขยันทำอย่างสม่ำเสมอ รับรอง! หน้าหายจากสิวจริง ครั้งนี้เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเป็นสิว หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนนะคะ

" มาดูหน้าก่อนจะเริ่มใช้สกินแคร์กันนะคะ "

​

ดูจากสภาพหน้าแล้ว หวังว่าจะเป็นกำลังใจกับเพื่อนๆที่กำลังเป็นเหมือนกันอยู่น้า เอาละค่ะ มาพูดกันถึงเรื่องสภาพผิวหน้าของมายกันก่อนเลย

• สภาพผิวคือแห้งมากและแพ้ง่าย

• มีสิวอักเสบและสิวอุดตันจำนวเยอะ (โดยเฉพาะหน้าผากค่ะ)

• มีรอยแดง รอยดำจากสิว

• รูขุมขนที่ค่อนข้างกว้าง บริเวณจมูก ข้างแก้ม และระหว่างคิ้วถ้า

ถ้าใครกำลังตกอยู่ในสถานะเดียวกันแบบนี้ มาเริ่มไปพร้อมๆกันนะคะ

" แต่ๆ อย่าพึ่งหมดกำลังใจกันไปค่ะ มาดูภาพปัจจุบันกันก่อน " 

เพื่อนๆจะต้องมีกำลังใจเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่ากัน สิวรักษาได้ไม่ยากอย่างที่คิด

" นี่คือ!... สกินแคร์ทั้งหมดที่มายใช้รักษาสิว "

เอาละค่ะเพื่อนๆ เห็นแล้วอย่าพึ่งท้อกัน ไม่ได้ต้องทาแบบนี้ทุกวัน แต่จะมีวิธีการยังไงก็ไปดูเลยจ้า

 [ Makeup Cleanser ] 

แน่นอนค่ะ Step ของการดูแลผิวคือการทำความสะอาดผิวหน้าค่ะ หลังจากที่หน้าของเราต้องเจอทั้งฝุ่น มลภาวะ แสงแดด และเครื่องสำอางค์ เราควรให้ความสำคัญกับทำความสะอาดผิวอย่างจริงจังมากๆ ตามจริงเลยคือไม่ว่าเราจะแต่งหน้าหรือไม่แต่งหน้า เราควรเช็ดหน้าด้วย cleanser เช็ดเครื่องสำอางค์ เอาแบรนด์ที่เพื่อนๆใช้เป็นประจำได้เลยนะคะ

 

• สำหรับวันที่ไม่ได้แต่งหน้า เช็ดหน้าด้วย cleanser กับสำลีประมาณ 2 แผ่น เพราะว่าครีมกันแดดที่เราทา เป็นตัวหนึ่งที่สามารถอุดตันรูขุมขนของเราได้ค่ะ

• สำหรับวันที่แต่งหน้า ควรเช็ดหน้าด้วย cleanser จนกว่าสำลีจะขาวสะอาด หรือถ้าใครเป็น cleansing oil หลังล้างเสร็จ แนะนำให้ลองใช้สำลีกับ cleanser เช็ดหน้าเพื่อเช็คความสะอาดอีกครั้งค่ะ
  

 [ Cleanser ] 

หลังจากนั้น ตามด้วยการล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า วิธีการเลือกซื้อโฟมสำหรับคนเป็นสิว คือ ควรซื้อโฟมสำหรับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ ลักษณะของโฟมไม่ควรมีฟองขณะล้างมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองได้ เพราะบางคนที่ผิวไม่หายเป็นสิวสักที อาจจะเกิดจากสารที่ทำให้เกิดฟองในโฟมก็ได้น้า (ถ้าใครชอบความนุ่มของฟอง มายแนะนำให้ใช้ cleanser ที่เป็นเนื้อโฟมมูสเลย จะช่วยลดการระคายเคืองได้จ้า) ไม่ควรมีน้ำหอมและพาราเบน  

สำหรับ Mizumi Extra Mild Facial Cleanser ตัวนี้บอกเลยว่าใช้มาตั้งแต่ที่เค้าออกมา ใช้หมดไปหลายขวดแล้ว อาจจะมีนอกใจเค้าบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาหาตลอดๆ ตัวนี้คือมั่นใจได้ว่าอ่อนโยนมาก เค้าไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน, น้ำหอม, พาราเบน, Alcohol และสีสังเคราะห์ 

วิธีใช้: ด้วยความอ่อนโยนของเค้ามาเลยใช้ทั้งเช้าและเย็นในช่วงที่เป็นสิวหนักๆ แต่ตอนนี้สิวหายแล้ว มายเลือกที่จะล้างหน้าแค่ตอนกลางคืน ตอนเช้าล้างแค่น้ำเปล่าๆเท่านั้น

ราคา 299 บาท ปริมาณ 100 ml.

* แบรนด์นี้เค้าจัดโปรบ่อย มายก็ซื้อตอนเค้าจัดโปรนิแหละค่ะ คุ้มสุด *

ความรู้สึกหลังใช้:

ใช้แล้วไม่รู้สึกระคายเคืองสิว สิวไม่เห่อขึ้นมาหลังใช้ เพราะแบบนั้นเลยคิดได้ว่าไม่แพ้ รู้สึกว่าหน้าสะอาด แต่ไม่รู้สึกแห้งตึง 

 [ Mask ] 

การมาร์คหน้าถือเป็นขั้นตอนที่ช่วยลดการเกิดสิวได้เยอะเลยน้า มายจะบอก! กลุ่มผลิตภัณฑ์จำพวกมาร์คจะมีส่วนผสมที่เข้มข้นและค่อนข้างจะมีคุณสมบัติแบบเฉพาะเจาะจงไปเลย ซึ่งมาร์คที่จะช่วยในเรื่องสิวจะเป็นตัวมาร์คจำพวก detox และ exfoliation 

สำหรับมายที่เป็นคนผิวแห้ง จะให้มาร์คหน้าจำพวกนี้จะทำให้ผิวแห้งมากขึ้นอีก (ถ้าคนที่ผิวมัน ถ้ามาร์คด้วยมาร์คพวกนี้จะช่วยให้หน้ามันน้องลงด้วยน้า) มายแนะนำให้เพื่อนๆมาร์คหน้าด้วยชีทมาร์คที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นผิวด้วย ควรทำทั้งคนที่ผิวแห้งและผิวมัน เพราะว่าถ้าหน้าเราชุ่มชื้นการผลิตน้ำมันบนใบหน้าของเราก็จะไม่ออกมามากเกินไป ถ้าทำควบคู่กันไปผิวเราจะพร้อมการรักษาได้ดีขึ้น

ตัวนี้เป็นมาร์คที่ช่วยเรื่อง Detox โดยเฉพาะ เป็นมาร์คโคลนธรรมชาติช่วยดูดซับสิ่งสกปรกในรูขุมขนของเรา ช่วยลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า เนื้อมาร์คเป็นสีชมพูมูสนิ่มละมุนมาก

วิธีใช้: มาร์คอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง มาร์คทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ราคา 1440 บาท ปริมาณ 75 ml.

ความรู้สึกหลังใช้:

มาร์คเนื้อสัมผัสดี กลิ่นไม่แรงไม่ฉุน แต่อธิบายกลิ่นไม่ถูก หลังมาร์ครู้สึกได้ทันทีเลยว่าหน้ากระจ่างสว่างขึ้น รู้สึก fresh และรู้ขุมขนกระชับอย่างเห้นได้ชัด แต่เพราะเราหน้าแห้งอยู่แล้ว หลังมาร์คหน้าเลยรู้สึกว่าหน้าแห้งกว่าเดิม แต่เพราะว่าช่วยลดสิวอุดตันและทำให้สิวที่อักเสบอยู่แห้ง เลยใช้มาเรื่อยๆ แต่จะบอกอีกอย่างเลยนะว่า หลังมาร์คด้วยตัวนี้ ผิวพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปมากๆ (ความคิดเห็นส่วนตัว)

มากันที่มาร์คตัวต่อมา แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยละคะ The Body Shop Japanese Matcha Tea Pollution Clearing Mask เป็นมาร์คที่ช่วยเคลียร์มลภาวะหรือฝุ่นต่างๆที่เกาะอยู่บนผิวของเรา มีส่วนผสมของออแกนิก อโลเวร่า ช่วยปลอบประโลมผิว, มีส่วนผสมของดอกแดนดิไลออน เอ็กแทร็กซ์ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสและที่ส่วนประกอบสำคัญอย่างมัชชะที ที่ปกป้องผิวจากมลภาวะ ในมาร์คมีเม็ดสคับที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยน

* บอกตรงๆว่าไม่รู้ว่าเม็ดๆ ที่อยู่ในมาร์คคือเม็ดอะไร เลยของเรียกว่า เม็ดสครับแล้วกันน้า *

วิธีใช้: มาร์คอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง มาร์คทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วลาออกด้วยน้ำสะอาด

ราคา 990 บาท ปริมาณ 75 ml.

ความรู้สึกหลังใช้:

หลังใช้รู้สึกว่ารูขุมขนกระชับจากเม็ดสคับที่มีอยู่ในเนื้อมาร์ค รู้สึกถึงความเฟรชของผิวมากๆ แถมผิวยังกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย แต่ว่าตอนที่มายล้างหน้า มายนวดไปด้วย อาจมีรู้สึกว่าเม็ดสครับที่อยู่ในมาร์คแบบแข็ง ต้องนวดอย่างเบามือสุดๆ ไม่งั้นเดี๋ยวหน้าอาจจะระคาบเคืองได้น้า

มาที่มาร์คตัวสุดท้ายกันค่ะ!!! ตัวนี้คือแบบพลาดไม่ได้เลยจริงๆ เป็นตัวที่ช่วยหลายเรื่องมากๆ อาจจะหาซื้อลำบากหน่อย ตรงที่เค้าไม่มีช็อปในไทย แต่มายมั่นใจว่าเพื่อนๆหาซื้อกันได้ไม่ยากใช่มั้ยละ ระดับจีบันเนอร์แล้วละก็!!!

ถึงชื่อเค้าจะไม่ได้บอกว่าเป็นมาร์ค แต่มายขอจัดให้เค้าอยู่ในกลุ่มของมาร์คละกันนะ เพราะว่าวิธีการใช้ของเค้าเป็นเหมือนมาร์คเลย คือต้องล้างออกนั่นเอง

คุณสมบัติของ The Ordinary AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution คือส่วนประกอบเข้มข้นของ AHA 30% และ BHA% เป็นสิ่งที่ช่วยเรื่องของสิวอุดตันได้ดีมาก และด้วยคุณสมบุติที่เป็น Peeling แปลให้เข้าใจง่ายคือลอกผิวหน้าออกอย่างอ่อนโยน เลยเป็นสิ่งที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวออก ช่วยลดการอุดตัน และช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น ทำให้รอยดำจากสิวจางลง

วิธีใช้: ในช่วงที่เป็นสิวหนักๆ ตอนเริ่มต้นใช้นั่นเอง มายใช้อาทิตละ 2 ครั้ง ใช้ประมาณ 2 เดือนหรือ 8 อาทิตย์ หลังจากนั้นมายมาร์คแค่อาทิตย์ละ 1 ครั้งเท่านั้น ทาและมาร์คทิ้งไว้เพียง 10 นาทีเท่านั้น อย่าเกินจากนี้เพราะจะทำให้ผิวเราเกิดระคายเคืองได้น้า

ราคา 400 - 600 บาท ปริมาณ 30 ml. 

ความรู้สึกหลังใช้:

อย่างแรกเลยสิวอุดตันมายลดลงจริง หน้าขาวขึ้นพร้อมกับรอยดำจากสิวจางลง หลังมาร์คหน้าจะดูดึงๆและขึ้นเงา ด้วยความที่เราเป็นคนผิวแห้งอาจจะรู้สึกตึงมากเป็นพิเศษ แต่ก็ทำให้หน้าเราพร้อมรับกับสกินแคร์ขั้นตอนต่อๆไปได้เป็นอย่างดี

ทุกคนอาจจะงงว่ามาร์คอะไร ทำไมเยอะขนาดนี้เนี่ย 

ละต้องมาร์คยังไงบ้าง?

  เอาละค่ะ มายทำตารางการมาร์คหน้ามาให้ดู   

บอกเลยว่าช่วงแรกๆมายทำตามนี้แบบเป๊ะๆเลยน้า หน้าดีขึ้นมาก

​

ถ้าถามว่า โอโห้ต้องทำแบบนี้ไปตลอดเลยหรอ? คำตอบคือไม่ค่ะ ตัวมายตอนนี้ก็ไม่ได้ทำขนาดนี้แล้ว แต่ว่าในช่วง 2 เดือนแรกของการรักษาสิวด้วยตัวเอง บอกเลยว่าทำแบบนี้เลย พวกนี้คือยังไม่รวมสกิลแคร์ที่จะใช้ต่อๆไปอีกนิดหน่อยน้า 

* การใช้มาร์ค 3 ตัวที่พูดมาคือ มายชอบใช้หลังจากที่เช็ดเครื่องสำอางค์เสร็จเรียบร้อย 
มาร์คทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนด แล้วก็ไปล้างหน้า อาบน้ำ สุดท้ายก็ตามด้วยสกิลแคร์ค่ะ *

อย่างที่บอกเลยค่ะ สำหรับตัว The ordinary AHA 30% + BHA 2% มายใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้งเพียง 2 เดือนแรกที่รักษา หลังจากนั้นก็เหลืออาทิตย์ละหลัง จนตอนนี้คือไม่ได้ใช้มาประมาณ 1 เดือนแล้วค่ะ แต่สำหรับมาร์คอีก 2 ตัวคือ Cadulie กับ The Body Shop มายจะใช้อยู่ตามในตารางเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ แต่ถ้าใครมีตัวใดตัวนึงและแต่งหน้าบ่อยหรือทุกวัน แนะนำให้มาร์ค 2 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ จะเป็นการช่วยลดการอุดตันของผิวเราได้ดีเลยจ้า

มาพูดถึงเรื่อง Sheet Mask ต้องมาร์คกันทุกวันเลยหรอ? เอาจริงๆเลยนะคะ ตอนนั้นทำทุกวัน เพราะอยากหน้าหายเร็ว (อยากหน้าใสแบบสาวเกาหลี เค้าบอกกันว่าเค้ามาร์คหน้าด้วย Sheet Mask กันทุกวันเลยจ้า) มายบอกเลยว่าถ้าทำได้ก็เป็นผลดีกับหน้าเรามากๆค่ะ แต่ตอนนี้มายก็มีขี้เกียจบ้าง แต่ก็พยายามมาร์คให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งค่ะ 

เรื่องยี่ห้อของ Sheet Mask เอาจริงๆคือ ไปเกาหลีทีนึงคือซื้อมาไว้สำหรับ 1 ปีเลย เพราะมาร์คเค้าถูกมาก และแบรนด์ที่ชอบก็เป็น Etude House เพราะตัวเซรั่มที่ให้มาปริมาณเยอะค่ะ มายซื้อมาลองหลายซื้อ แต่ 2 สูตรที่อยู่ในตารางคือสูตรที่ชอบเป็นพิเศษจ้า นอกจ้านี้มายก็หาซื้อมาร์คที่ออกมาขายในบ้านเรามาลองบ้างสลับกันไป เช่นของ garnier หรือ watson เอาเป็นว่าเรื่อง Sheet Mask เอาตามที่เพื่อนๆสะดวกเลยน้า ไม่ได้แนะนำแบรนด์ไหนเป็นพิเศษค่ะ 

  [ TONER ]  

หลังล้างหน้าเสร็จแล้ว ขั้นตอนที่ขาดไม่ได้เลยคือ "โทนเนอร์ " เมื่อก่อนเป็นขั้นตอนที่มายไม่เคยให้ความสำคัญเลย มองว่าไม่จำเป็น แต่ว่าหลังเปิดใจลอง ก็ถอนตัวไปขึ้นกันเลยค่ะ 

​

โทนเนอร์ตัวนี้ เหมาะมากสำหรับคนที่เป็นสิว ผิวอุดตันง่าย เพราะเค้ามีส่วนผสม 5% Glycolic Acid ซึ่งทำหน้าที่เป็น Exfoliating Toner ให้กับผิวเรานั่นเอง นอกจากนั้นเค้าก็มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวเราอีกด้วย ตรงนี้แหละที่ชอบ 

วิธีใช้: หลังล้างหน้า แนะนำให้ใช้ทิชชูซับหน้าเบาๆ และตามด้วยการใช้ Pixi glow tonic กับลำสีเช็ดหน้า เช็ดไปที่หน้าอย่างเบามือ มายใช้ประมาณ 3-4 หยด กับสำลีแบบบาง และเช็ดแค่รอบเดียวเท่านั้นจ้า

ราคา 1080 บาท ปริมาณ 250 ml.

ความรู้สึกหลังใช้:

ชอบบบบ ง่ายๆสั้นๆ คือนางช่วยทำให้ผิวของมายดูดีขึ้นด้วย สิวอุดตันก็น้อยลงด้วย เคยแอบนอกใจไปลองตัวอื่น แต่ก็ต้องกลับไปซื้อเค้ามาใช้อีกอยู่ดี จนตอนนี้หมดไป 2 ขวดแล้ว (ขวดนึงเค้าใช้ได้นานพอสมควรเลยน้า)

 

  [ ACNE SERUM ]  

มาที่กระบวนการสุดท้ายของการรักษาสิวของมาย มายเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จาก The Ordinary ทั้งหมด ต้องบอกก่อนเลยว่า ก่อนซื้อไม่ได้คาดหวังถึงผลลัพธ์นี้ เพราะรู้สึกทำใจได้ที่ตัวเองเป็นสิวด้วยเรื่องของฮอโมนร์ด้วย และก่อนหน้านี้ได้ลองใช้สกินแคร์ที่ราคาค่อนข้างสูง เรียกได้ว่าทุ่มทุนสร้างกันเลย ก็ยังไม่หาย 

จุดที่คิดทำให้ลองแบรนด์นี้เลยคือ "กระแสของแบรนด์นี้นั้นเอง" คนรอบๆตัว หรือแม้แต่กระทู้ต่างๆ รวมถึงในจีบันเองก็มีการเขียนถึงเยอะพอสมควร เลยคิดว่าลองซะหน่อยไม่เสียหาย และก็อย่างที่เห็นในภาพ ผลลัพธ์เค้าก็ดีแบบ ไม่คาดคิดมากเว่อ!!!

ราคาของแบรนด์นี้ อยู่ประมาณ 300 - 600 บาท ปริมาณ 30 ml.

  STEP 1  

​

The Ordinary Lactic Acid 10% + HA ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมชอง alcohol, silicone และ nut

วิธีใช้: แนะนำให้ใช้เป็นตัวแรกหลังใช้โทนเนอร์ ใช้ตอนกลางคืนเท่านั้น หยด 5 หยดเล็กทั่วหน้า แล้วใช้มือทาให้ซึมเข้าผิวอย่างเบามือ

ความรู้สึกหลังใช้:

หลังใช้ครั้งแรกอาจจะรู้สึกแสบเล็กๆ บริเวณที่มีสิว ใช้แล้วสิวอุดตันลดลงจริง คำอธิบายหลังจากนี้จะไม่เยอะละ เพราะไม่รู้จะพูดยังไงของเค้าดีจริงค่ะ

  STEP 2  

​

The Ordinary Salicylic Acid 2% อันนี้คือช่วยเรื่องสิวเลยตรงเลยจ้า  ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ปราศจาก alcohol, silicone, oil, gluten และ fragrance

วิธีใช้: ใช้ทาทั้งเช้าและเย็น หยด 5 จุดทั่วหน้าและทาเบาๆให้เข้าผิว เว้นบริเวณของตาด้วยน้า

ความรู้สึกหลังใช้:

พอทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนอาจมีข้อสงสัยว่า ทำไมมีแต่สกินแคร์ที่ช่วนผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดดันของรูขุมขนทั้งนั้นเลย อย่างนึงเลยคือ มายเป็นคนที่สิวอุดตันหนักมากจริงๆ มีสิวอักเสบบ้าง ซึ่งสิวอักเสบส่วนใหญ่จะเกิดจากการกลายตัวของสิวที่อุดตันที่เกิดการอักเสบขึ้น มายเลยคิดว่าตัดปัญหาตั้งแต่ต้นคือ กำจัดสิวอุดตันค่ะ 

จากคำเคลมเค้าช่วยเรื่องสิว ก็ตรงตามจุดค่ะ ใช้แล้วสิวลดลงเรื่อยๆ  คือปลื้มค่ะ

  STEP 3  

​

The Ordinary Niacinamide 10% + Zinc 1% ช่วยลดความมันและรอยแดงจากสิว ด้วยส่วนผสมหลักของ Niacinamide 10% หรือ วิตามิน บี3 ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ Zinc 1% ช่วยลดความมันและการอุดตันของไขมันในรูขุมขน สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว ไม่มีส่วนผสมของ alcohol, silicone, oil, gluten และ fragrance

ตัวที่แนะนำให้ใช้คู่กันกับ The Ordinary Salicylic Acid 2%

วิธีใช้: ใช้วันละ 2-3 ครั้ง เช้าและเย็น  หยด 5 จุดทั่วหน้าและทาเบาๆให้เข้าผิว เว้นบริเวณของตาด้วยน้า

ความรู้สึกหลังใช้: เอาจริงๆตัวนี้ใช้แล้วผิวค่อนข้างจะแห้ง เพราะว่าเค้าช่วยลดความมันบนหน้าด้วย สิวลด รอยลด ดี (ไม่ได้ขี้เกียจรีวิวนะคะ แต่ว่าสกินแคร์ 3 ตัวนี้เค้าช่วยเรื่องสิวอักเสบและสิวอุดตัน ซึ่งพอเราใช้ทุกอย่างดูดีขึ้น สิวค่อยๆลดลงและหายไป)

​

อันนี้คือผลลัพธ์จากการใช้ สกินแคร์ทั้งหมดนี่ค่ะ แต่มายขอบอกก่อนน้าว่า มายใช้สกินแคร์ทั้งหมดนี้ประมาณ 2 เดือน สิวมายหายหมด หายในที่นี่คือ สิวอุดตันที่ขึ้นมาแบบไม่มีช่องว่างดีขึ้นจนหน้าเราดูเรียบเนียนขึ้น เมื่อสิวอุดตันหายสิวอักเสบก็น้อยลงไปด้วย ทุกวันนี้สิวอักเสบมีก็ต่อเมื่อจะมีประจำเดือนประมาณนั้น ส่วนสิวอุดตันมีขึ้นมาบ้าง แต่สำหรับมายถือว่าน้อยมาก เพราะเราแต่งหน้าอ่ะเน้อะ ก็คงจะต้องยอมรับในข้อนี้ 

พอเรารักษาสิวจนหาย มายก็เริ่มซื้อสกินแคร์ที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวมาใช้ต่อ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมายขอมาอัพเดตครั้งต่อไปในหัวข้อ Skincare Routine แล้วกันนะคะ 

vvvvvvv

เอาละค่ะ ก็จบกันไปแล้วกับการรีวิว

" สกินแคร์และการรักษาสิวของมาย "

หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่ได้เข้ามาอ่าน

อาจจะเม้าท์เยอะไปหน่อย แต่อยากจะบอกอยากจะเล่าให้ฟังเต็มไปหมด

_______________________

  ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันน้า  

มาคอมเม้นคุยกันบ้างน้า ว่าชอบมั้ย อยากให้รีวิวอะไรบ้าง หรือจะขอฮาวทูก็พร้อมค่ะ

~ บั๊บบายค่ะ ~