3 ไอเท็มเด็ด งัดหน้าหมองคล้ำ ให้สว่างกระจ่างใส จาก watsons

35 2

สวัสดีค่ะสาวๆ ใกล้จะสงกรานต์กันแล้ว เตรียมช็อปปิ้งของใช้ของฝากกันยังเอ่ย

 เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา เราเตรียมหาเครื่องสำอางแบบที่เป็นชุดเซตจะเอาไปฝากญาติผู้ใหญ่ในช่วงสงกรานต์พอดี เลยเห็นแบรนด์ CLINELLE (คลีเนล) ใน Watsons 

นี่ก็หยิบมาส่อง เห็นว่าเป็นสูตรและผลิตจาก USA ด้วย ดูพรีเมี่ยมเลอค่า ราคาจับต้องได้ แม่ว่าแม่ไหว 555 เลยซื้อมา 2 เซต มาลองใช้และรีวิวเองเซตนึง ส่วนอีกเซตก็จัดใส่กล่องสวยๆรอเวลาเอาใจญาติผู้ใหญ่กันค่ะ อิอิ

Skin care ของเซตนี้จะออกเป็นแนว Cosmeceutical หรือผลิตภัณฑ์เวชสำอางมีการทดสอบประสิทธิภาพมาแล้วว่าช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นใน 2 วัน แล้วทำไมถึงเห็นผลเร็วขนาดนั้น มา Analyze กันค่ะว่าใส่อะไรมาบ้าง 


ในทุกๆผลิตภัณฑ์ของซีรี่ย์นี้จะมีส่วนผสมทั้ง 3 ตัวนี้ค่ะ 


วิตามิน C  เป็นส่วนผสมยอดฮิตและรู้จักกันดีเนอะว่าช่วยปรับสีผิวที่หมองคล้ำให้ขาวใสขึ้น เพราะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เริ่ดสุดๆแล้ว แต่แตกต่างจากแบรนด์อื่นตรงที่เขาใส่เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า เพื่อให้เห็นผลได้ภายใน 2 วัน เหมาะกับหน้าร้อนนี้เลย 


สารสกัดจากข้าวสีม่วง  เค้าคิดมาแล้วค่ะว่าสารสกัดจากข้าวสีม่วงตัวนี้ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินซีให้ทำงานดียิ่งขึ้นได้ ทำให้เห็นผลเรื่องความกระจ่างใสได้ชัดเจนและยังเพิ่มความกระชับและความชุ่มชื้นให้ผิวมากยิ่งขึ้น 


สารสกัดจากดอกเดสซี่  เคยตากแดดมากๆแล้วผิวร้อนแสบแดงไหมคะ แต่บางคนก็ใช้เวลานานกว่าผิวจะเบิรน์ เพราะความแข็งแรงของผิวแต่ละคนต่างกัน ดอกเดสซี่นี่จะช่วยให้ผิวทนต่อแสงแดด ลดการหมองคล้ำและลดจุดด่างดำของสีผิวได้ค่ะ 


Advance Anti-photoaging Technology เพิ่มความกระจ่างใสแบบ 3XR ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่มี 3 ส่วนผสมที่ทำงานร่วมกันจะได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพและจะแทรกซึมไปยังชั้นผิวที่ลึกที่สุดพร้อมจัดการตรงส่วนที่เกิดปัญหาได้อย่างรวดเร็ว (Hitechhhh แอร๊ยยยย)    


          นอกจากส่วนผสมต่างๆที่ช่วยให้ผิวเรากลับมาใสขึ้น ก็ยังมีส่วนผสมที่เขาไม่ใส่มาเด็ดขาดทั้ง 7 ตัว เพราะเป็นส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและอันตรายต่อผิวเรา นั่นก็คือ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสี ไม่มีส่วนผสมของการทำให้เกิดสิวอุดตัน ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ไม่มีแอล์กอฮอล์ และไม่มีลาโนลิน ไม่มีพาราเบน ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้วด้วยว่าอ่อนโยนต่อผิว (Dermatologically Tested) ฟังแล้วเริ่มรู้สึกถึงความคุ้มค่าคุ้มราคาที่เสียไป ถ้าคิดถึงระยะยาวแล้วก็ไม่อยากให้สารเคมีสะสมในผิวเราไปนานๆเหมือนกันค่ะ  >_< 


            ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเหตุผลที่เราเลือกหยิบมารีวิวกัน แต่ถ้าใส่มาเริ่ดหรูอลังการขนาดนี้ แล้ว Texture ล่ะ จะเป็นยังไง มาเจาะลึกที่ละตัวกันเลยค่ะ 


                            มาเริ่มกันเลยค่ะ ตัวที่เราซื้อมา มีทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน

1. Whiten Up Brightening Serum 20 ml. 1,000.-

          เซรั่มเนื้อบางเบาแต่ซึมเข้าผิวได้ล้ำลึกและช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิว ที่ก่อให้เกิดจุดด่างดำและผิวคล้ำเสียจากส่วนลึกของชั้นผิว นอกจากช่วยฟื้นฟูผิวคล้ำเสียแล้วยังช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ด้วยค่ะ


            แอบชื่นชมแพ็คเกจอยู่นะ ค่อนข้างดูดีเลยทีเดียว เวลาซื้อเป็นของขวัญให้ใครแล้วดูมีมูลค่าดี เนื้อเซรั่มบางเบา เป็นสีขาวขุ่นนิดๆ มีความหนืดเล็กๆ เกลี่ยง่าย ซึมไว กลิ่นของซีรี่ย์นี้ทุกตัวจะมีกลิ่นลาเวนเดอร์ชัดเจน (เหมือนวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ที่แท้ทรู 555)  ทาแล้วผิวเนียนนุ่มทันที รู้สึกได้ถึงความชุ่มชื่น เวลาใช้ก็ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอได้เลยนะคะ เวลาลูบให้ลูบขึ้นอย่าลูบลง เดี๋ยวหน้าย้อย ลูบเบาๆเซรั่มก็ซึมเข้าผิวหมด ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะผิวทิ้งไว้เลยค่ะ แตกต่างจากเซรั่มที่เคยใช้มา ที่บางแบรนด์จะซึมก็ซึมหายไปหมด เหมือนไม่ได้ทาอะไร ไม่รู้สึกถึงความชุ่มชื่น หรือบางแบรนด์ก็ชุ่มชื่นจนเยิ้ม เราว่าเซรั่มเนื้อดีๆทำยากมากนะคะ แต่ตัวนี้ทำออกมาได้ดีเลยค่ะ พร้อมสำหรับทา Night Cream ต่อไปได้เลย ไม่ได้รู้สึกว่าผิวหนักอะไร 


คะแนน    9/10 (ชอบ Feeling ของเนื้อเซรั่มมากจริงๆค่ะ เสียดายให้มาน้อยไปหน่อย)  

2. Whiten Up Brightening Night Cream 40 ml. 780.-

          Night Cream ตัวนี้เพิ่มส่วนผสมสำคัญเข้ามาอีกตัวคือ ดอกมัลเลน (เป็นดอกไม้ที่สีสันสดใสนิยมมาสกัดใช้เป็นยาหรือส่วนผสมในเครื่องสำอาง) ดอกนี้นอกจากจะช่วยเรื่องเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวแล้วยังช่วยปกป้องผิวจากแสงต่างๆ ไม่ใช่เพียงจากแสงแดด แต่แสงไฟจากห้องนอน แสงจากจอมือถือ ทีวี ที่เรามองข้ามกันมาตลอด แต่อยู่กับหน้าจอตลอดเวลาแทบจะทั้งวัน สาเหตุของการเกิดฝ้าและสูญเสียน้ำในผิวจากความร้อนของแสงต่างๆเหล่านี้เลยนะคะ


          เปิดกระปุกออกมาจะมีช้อนไม้พายเอาไว้ให้ตักเนื้อครีมข้นมากค่ะ ตอนแรกแอบหวั่นใจแล้วว่าจะเหนียวหนึบหนับแน่ๆเลยๆ ด้วยความที่เป็น Night Cream ด้วยแหละ แต่พอปาดลงผิวเท่านั้นแหละ ชอบบบบบบ ชอบมากกกกก เพราะ Surprise ที่เนื้อครีมดูหนาหนักขนาดนี้ แต่พอเกลี่ยแล้วซึมลงผิว ผิวรู้สึกเย็นฉ่ำๆเหมือนได้ปลอบประโลมผิวจริงๆ บางส่วนของเนื้อครีมยังเคลือบผิวไว้บางๆ แล้วรู้สึกว่าครีมมันรัดผิว ตึงๆหน้า เหมือนผิวกระชับทันที ตื่นเช้ามาจับที่ผิวหน้ายังรู้สึกถึงความฟูของผิว รู้สึกว่าผิวนิ่มและดูเด็กลง 


คะแนน     10/10 (นึกว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้ชอบเท่า Serum แล้วพอเจอครีมแล้ว Texture 

ดีเหมือนเคาท์เตอร์แบรนด์เลย ราคาต่างกันเยอะแต่ความดีงามกินขาด เทใจให้รัวๆ) 


3. Whiten Up Brightening Day Cream SPF 20 40 ml. 670.-

          ตอนแรกเห็นหลอดแล้วตกใจ นึกว่าเป็น Body Cream ให้มาเยอะเกิน 555 แต่พออ่านด้านหลังแล้วก็ถึงบางอ้อเริ่มเข้าใจว่า เขาทำมาเพื่อเป็นมอยเจอร์ไรซิ่งครีมที่สามารถกันรังสี UV ได้ด้วย ค่า SPF 20 ก็สามารถกันแดดได้เบาๆประมาณนึง เหมาะสำหรับวันสบายๆ ใช้ตัวเดียวจบ


           บีบเนื้อครีมออกมา เป็นเนื้อครีมบางเบา เหมือนมอยเจอไรซิ่งครีมจริงๆด้วย ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ไม่เหนียวหนึบ เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ไม่ต้องกลัวว่าแต่งหน้าแล้วน้ำมันจะเยิ้มออกมา ที่บอกว่าใช้ตัวเดียวจบ เพราะช่วยเรื่องปรับผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส ปกป้องผิวจากแสงแดด เติมความชุ่มชื่นให้ผิว แล้วก็ช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอย ผิวกระชับขึ้นด้วย ก็ครบทุกสิ่งที่เป็นปัญหาผิวแล้วนะ


คะแนน     7/10 (เนื้อครีมยังรู้สึกว่าเฉยๆอยู่ ถ้าต้องออกไปทำงานก็ต้องทากันแดดเพิ่มอีก แต่ถ้าวันไหนอยู่บ้านเฉยๆก็จะหยิบมาทาตัวเดียวจบ พอ เหมาะสำหรับชะนีขี้เกียจเบอร์แรงแบบเราจ้า ให้7/10 แต่ก็หยิบมาใช้ทุกวัน ย้อนแย้งสุด ) 

หลังใช้ไป 2 วัน รู้สึกว่าผิวขาวกระจ่างใสขึ้น มีความอิ่มน้ำ 

รู้สึกถึงความฟูแน่นขึ้นของผิว 

ที่สำคัญที่คือรอยดำจากสิวดูจางลง
สงกรานต์นี้รอดแล้วแล้วจ้า ส่วนตัวชอบ Night Cream มากค่ะ มีความดีงามของเนื้อครีมมาก ถ้าใครอยากลองแต่ไม่รู้จะเริ่มจากอะไร แนะนำให้ลอง Night Cream ค่ะ เชียร์สุดใจ ^^ หาซื้อง่ายด้วย ใครที่กำลังมองหาอะไรใหม่ๆหรือยังหาของขวัญไม่ได้ ลองดู CLINELLE เอาไว้นะคะ


Pinyamon

Pinyamon

FULL PROFILE