รีวิวสเปรย์น้ำแร่ซากุระ ของที่มี VS ของมาใหม่ ตัวไหนต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้ง..ยันโต๊ะออฟฟิศ!

14 2

ใครเป็นมั่งเมื่อเห็นสกินแคร์หรือเมคอัพสีชมพูทีไรใจมันจะชอบโซเซ..ยอมเปย์ให้ทู๊กกกกที ซึ่งเมื่อต้นปีเราก็ได้เปย์สเปรย์น้ำแร่ซากุระตัวนึงมา เพราะขวดมันมุ้งมิ้งกริงก่องแก้วมากกกกก และเมื่อเดือนที่แล้วเคาน์เตอร์แบรนด์ดังก็ออกสเปรย์น้ำแร่ซากุระมาเหมือนกัน ดีไซน์ขวดก็คือน่ารักโดนใจเราเหมือนกัน มองรวมๆ แล้วดูเหมือนคู่แฝด เราเลยขอจัดรีวิวฉบับชะนีออฟฟิศสักหน่อย ว่าตัวไหนมันใช่ มันน่ามีติดโต๊ะเครื่องแป้ง และติดโต๊ะออฟฟิศด้วย มาค่ะ เราจะมาเหลาให้ฟัง!

ดูจากรูปแล้วมันมุ้งมิ้งเหมือนกันเล้ยยยยย ลองเทียบให้ดูเล่นๆ ก่อน

มาเริ่มที่พี่สาวคนโต ที่เกิดก่อน

mi- ne Facial mineral water with sakura essence

ต้องขอยอมรับเลยที่ซื้อตัวนี้มาเพราะความน่ารักมากกกกกกกของขวด ดูด้านนอกอาจดูชมพูๆ ซากุระๆ ธรรมดา แต่ข้างในขวดคือแบบโอ้ยย..มันอัดแน่นไปด้วยกลีบดอกซากุระ ที่เค้าบอกว่ามันเป็น essence เข้มข้น พอเขย่าๆ กลีบก็จะหมุนอยู่ด้านใน คือชอบตรงนี้อะ เพราะตัวยังไม่เคยเจอแบบนี้ที่ไหน เวลาหยิบออกมาฉีด ทำให้รู้สึกเหมือนเจ้าหญิงดิสนีย์นิดๆ 555555 ซึ่งสรรพคุณเค้าก็ไม่ได้น้อยหน้าความน่ารักนะจ๊ะ เพราะเค้าเคลมว่าเป็นสเปรย์บำรุงผิวหน้า ที่อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ช่วยให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้น ลดเลือนจุดด่างดำ ผิวหน้าชุ่มชื่น ลดการอักเสบระคายเคือง และช่วยล็อกเมคอัพได้เช่นกัน


ความละเอียดของละอองสเปรย์ : ละอองสเปรย์ค่อนข้างละเอียด หัวกดง่าย ฉีด 1-2 ฟึด ก็ฟุ้งกระจายคลุมหน้าแบบกำลังพอดี ไม่เปียก ไม่แฉะ ไม่ต้องใช้กระดาษซับ เพราะเราจะปล่อยให้มันซึมเข้าผิวเพื่อมันจะได้เข้าไปบำรุงจ้า

การซึบซาบลงสู่ผิว : อย่างที่บอกว่ามันเป็นละอองแบบกระจายทั่วหน้า มันก็จะซึมค่อนข้างเร็วอยู่ 


ระดับความชุ่มชื้น : รู้สึกสดชื่นมากกกก ยิ่งถ้าเอาไปแช่เย็น แล้วหยิบมาฉีดนะ คือฟินระดับ 10 และหลังจากฉีดรู้สึกว่าหน้าจะเฟรชๆ เปล่งๆ ดูสดใสขึ้นนิดนึงอะ

กลิ่น :  หอมแบบดอกไม้ธรรมชาติๆ

เหมาะกับสาวออฟฟิศสายไหน : ตัวนี้เหมาะกับสาวออฟฟิศที่ต้องนั่งอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน เพื่อเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว รีเฟรชเพื่อให้ผิวชุ่มฉ่ำ และสาวๆ ที่แพ้ง่าย แบบเจอแดด ฝุ่น มลพิษนิดนึง หน้าก็จะแดง ผดผื่นตามมา ตัวนี้มันจะช่วยคุม ช่วยลดในจุดนี้ได้ แบบช่วงก่อนหน้านี้เราเคยผดขึ้นเพราะ PM 2.5 พอได้เจ้านี่มาฉีด ผดก็ค่อยๆ ลดลง เลยกล้ามาพูด


ฉีดตอนไหนเวิร์คสุด เราจะฉีดก่อนแต่งหน้า แบบให้หน้าฉ่ำๆ แล้วลงรองพื้นเลย รู้สึกว่าทำให้เกลี่ยรองพื้นง่ายดี และฉีดหลังแต่งหน้าเพื่อให้ผิวดูฉ่ำๆ และช่วยล็อกเมคอัพได้ในระดับนึง แล้วก็ฉีดระหว่างวัน ตอนไหนหน้าแห้ง หรือร้อน ก็หยิบมาฉีดได้บ่อยๆ พอใช้ไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าหน้ามันใสขึ้นนะ อันนี้เพื่อนทัก อาจจะเป็นเพราะเหมือนได้รับการบำรุงเป็นระยะๆ ตลอดทั้งวันประมาณนั้นมั้ง เลยมีขวดนี้ไว้ที่บ้าน และซ่อนไว้ในตู้เย็นออฟฟิศอีกขวดจ้า เพราะอยากฉีดแบบเย็นๆ ฉ่ำๆ


ราคา / พิกัด : 110 ml. 350 บาท เราสั่งจาก FB/ MiNe Brand


ปาใจให้คะแนน ให้ 9/10 คือชอบตรงที่ราคาหลักรอยต้นๆ แต่มันช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่คนออฟฟิศอย่างเราต้องเจอทุกวันได้จริงๆ เพราะพอสิวผดไม่ค่อยมี ชีวิตก็ดีขึ้น แต่งหน้าได้เนียนขึ้นด้วย

น้องสาวไฮโซ ที่เพิ่งคลอด 

M.A.C Boom Boom Bloom Cherry Blossom Prep + Prime Fix

สเปรย์น้ำแร่ตัวนี้ต้องบอกก่อนว่ามีมานานแล้วแหละ แต่เค้าเพิ่งออกกลิ่นซากุระมาใหม่ ที่พอเห็นขวดปุ๊บ มันมุ้งมิ้งโดนใจ และก็นึกถึงตัวสเปรย์น้ำแร่ที่มีอยู่แล้วที่บ้าน ว่ามันคล้ายๆ กัน ด้วยความอยากรู้ อยากลอง ก็เลยสอยมาลองสิจ้ะรออะไร ซึ่งตัวนี้เค้าบอกว่ามีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาติ เช่น คาโมมายด์ สารสกัดจากแตงกวา และชาเขียว ที่ช่วยบำรุงผิวหน้าของเราได้เหมือนกันนะ


ความละเอียดของละอองสเปรย์ :  ตัวนี้หัวสเปรย์ละเอียดมากถึงมากที่สุด แต่ก็มาพร้อมกับแรงพุ่งแบบเต็มพิกัดเช่นกัน คือถ้าฉีดใกล้ๆ คือมีหน้าเปียก ดูจากภาพคือแบบพุ่งแรงมาก 55555 ต้องฉีดแบบยื่นแขนไกลๆ และละอองไม่ค่อยกระจาย ทำให้ต้องฉีดหลายที ตอนกดต้องออกแรงนิ้วเยอะหน่อย เพราะมันแข็ง 

การซึบซาบลงสู่ผิว : ซึมเร็วมากกกกกก เพราะอย่างที่บอกว่าละอองสเปรย์ค่อนข้างละเอียด ฉีดปุ๊บ ซึมปั๊บเลย ชอบบบบ


ระดับความชุ่มชื้น : รู้สึกชุ่มฉ่ำตอนฉีดแปปนึงตอนฉีดใหม่ๆ แต่สักประมาณไม่กี่วิก็ซึมเข้าผิวไปหมด เลยไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความชุ่มชื่นบนผิวหน้า เหมือนมันฉีดเพื่อล็อคเมคอัพมากกว่า


กลิ่น : หอมนะ หอมแบบนัวๆ แต่กลิ่นจะออกแนวเหมือนดอกไม้แห้ง ไม่ได้หอมแบบว่ารู้สึกสดชื่นหรือธรรมชาติ 

เหมาะกับสาวออฟฟิศสายไหน ตัวนี้เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบใช้รองพื้น full coverage เพื่อปกปิดปัญหาผิวหน้า แต่ไม่อยากให้หน้าดูโบ๊ะเกินไป และก็อยากให้เมคอัพติดทนนานมากยิ่งขึ้น


ฉีดตอนไหนเวิร์คสุด เราจะฉีดก่อนแต่งหน้า และหลังแต่งหน้า 4-5 ฝึด เพื่อให้เซ็ตเมคอัพของเราให้อยู่คงทน สีชัด และให้หน้าดูไม่หนา ไม่โบ๊ะ ดูเป็นผิวมากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวนี้เราจะหยิบมาฉีดในขั้นตอนของการแต่งหน้าแค่นั้น เพราะมันไม่ได้เน้นการบำรุงผิว หรือเติมความชุ่มชื่นเท่าไหร่ เลยไม่ได้พกเพื่อเอาไว้ฉีดระหว่างวัน แต่ถ้าวันไหนที่แบบต้องมีออกไปปาร์ตี้ตอนกลางคืน ก็จะเอาตัวนี้ไปด้วย เพื่อฉีดแล้วลงเมคอัพทับอีกรอบ สำหรับเราเลยไม่จำเป็นต้องพกไปที่ออฟฟิศก็ได้ 


ราคา / พิกัด : 100 ml. 1,250 บาท ช้อป MAC ทุกสาขา

ปาใจให้คะแนน 9/10 ชอบตรงที่มันล็อกเมคอัพให้อยู่ทนยาวนานนี่แหละ แต่ก็แอบขอหักคะแนนเรื่องหัวสเปรย์ที่แรง ไม่ฟุ้งคลุมหน้า มันแบบพุ่งตรงเป็นจุดๆ เลยทำให้หน้าเปียกอยู่บ่อยๆ แถมราคาก็แอบแร๊งงงอยู่เหมือนก๊านนนนนน /เสียงสูง

สรุปคือ ทั้งสองตัวนี้ มีความดีงามที่คล้ายๆ กันอยู่ แต่ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ก็แล้วแต่ว่าสาวๆ อยากจะเน้นให้สเปรย์น้ำแร่มาดูผิวหน้าเราในด้านไหนมากกว่ากัน แต่ส่วนเราใช้ทั้งสองเลย  ส่วนทริคในการใช้สเปรย์น้ำแร่ของเราคือ วันไหนที่แต่งหน้าหนักๆ ปกปิดเยอะๆ ก็จะหยิบ MAC ออกมาฉีดในขั้นตอนของการแต่งหน้า เพื่อให้มันอยู่ทน แต่วันไหนที่แต่งธรรมดาๆ แบ everyday look ก็จะหยิบ mi-ne มาฉีด ส่วนช่วงระหว่างวันเราจะฉีดตัว mi-ne เพื่อบำรุง รีเฟรชผิว และลดการอาการแพ้ต่างๆ นั่นเองจ้า



ส่วนใครเป็นสาวออฟฟิศสายไหนก็ลองดูน้า และวันนี้ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้จ้า บ๊ายบาย :)