มหากาพย์รีวิวน้ำหอมที่กูรูทั้งหลายบอกว่าสำหรับสาวสูงวัยแต่เอ๊ะ! เรา 40 ยังไม่แก่นะ ตามอ่านเรื่องน้ำหอมแปลกเลย

32 14
ขออรัมภบทว่าแม่เหลี่ยนเต๋งชอบน้ำหอมมากเพราะโตมากับการนั่งมองแม่และคุณยายแต่งหน้าและฉีดน้ำหอมชวนฝันเสมอ ผู้หญิงเราแต่งตัวจนเสร็จหน้าผมชุดงามหากขาดกลิ่นหอมๆก็คงเหมือนดอกเฟื่องฟ้า ชิส์ ยัยสวยแต่รูป จูบไม่หอม หรือแม้กระทั่งไม่ได้แต่งหน้าทาปากแค่พรมน้ำหอมก็ทำให้ฟินได้ สาวฝรั่งเศสเลยไม่อาบน้ำแต่กระหน่ำ Coco Mademoiselle เข้าไปก็รู้สึกดี แต่แม่เหลี่ยนเต๋งไม่แนะนำค่ะ เมืองไทยร้อน 60 องศา ตับแตก เต่าเปียก ลองไม่อาบน้ำ กลิ่นเต่าเคล้า Lanvin อ้วกแตกได้นะคะ ไม่ต้องแผ่เมตตา แต่มีความกรุณาต่อคนรอบข้างค่ะ อาบน้ำถูทุกส่วนก่อน ค่อยพรม Jean Paul Gautier ขวดเซกซี่นั้นนะคะ

อิชั้นยังจำโลโก้ Chanel บนขวดน้ำหอมสีเขียวของแม่ได้เป็นอย่างดี ตอนโตถีงได้รู้ว่ามันคือ Chanel Number 19 ตัวเลขที่ตั้งตามวันเกิดของมาดมัวแซล Gabrielle Chanel นั่นเอง คือสมัยสาวๆแม่สวยและตัวหอมมาก เพื่อนๆจะมาวนเวียนลูบขาแม่เพราะหอมจริงไรจริง พอโตขึ้นจีงค้นพบว่าน้ำหอมตัวนี้เป็นน้ำหอมประเภท Chypre อ่านว่า ชีพพร่า เป็นน้ำหอมที่ไม่หวาน ไม่เน้นดอกไม้แต่ท้อปโน้ตหรือกลิ่นหลักคือกลิ่นซีทรัส (citrus) ผลไม้เปรี้ยวผสมกับหญ้าสูงๆ จึ๋ย ตะไคร่น้ำเขียวๆ หือ ใช่แล้วตะไคร่ฝรั่งแถบเกาะไซปรัส เปลือกไม้ต่างๆ หรือแม้กระทั่งเครื่องหนัง แล้วก็ดอกไม้เบาๆบางๆ แต่ผสมผสานจนได้กลิ่นที่น่าจดจำกันหลายกลิ่น
คือไอ้กลิ่นแบบนี้สมัยนี้มันเลิกฮิตไปสักพักจนกลิ่นดอกไม้ฉุนๆมาแทนที่ กลิ่นปี 80sที่ร้อนแรง เที่ยวกลางคืนเดินเข้าเธคเต้นยังเช้ากลิ่นไม่ไปไหนเลย แต่เชื่อมั้ย น้ำหอมสไตล์ Chypre นี่เริ่มกลับมาอีกนะ ก็เหมือนเทรนด์ทั้วไปนั่นแหละ เกิดแล้ว--->ดับ--->กลับมาเปรี้ยงตามวัฏจักร ใครรู้บ้างว่า CK One คือน้ำหอมยอดฮิต Unisex  แรกของคนปี 90 นี่คือน้ำหอมประเภทชีพพร่านะเธอว์ นึกถึงหน้า Kate Moss ลอยมาไกลๆ สมัยนั้นใครไม่ฉีด CK One คือเชยสะบัด คนอย่างเราเรียนมหาลัยไม่มีตังค์ซื้อ ก็ถูเอาจาก Magazine ค่ะ หนังสือแฟชั่นหลากหลายจะแนบน้ำหอมแห้งๆเป็นแผ่นให้คนลองดม แต่แม่เหลี่ยนเต๋งถูเลยค่ะ เอามาถูตามข้อมือ จนแม่สงสารซื้อให้ 1 ขวด ใช้สอยอย่างประหยัดมาก
1) Chloé Nomade edp

งั้นเราจะมาพูดถึงน้ำหอม Chypre แบบ Modern สุดๆที่เพิ่งออกมาปีที่แล้วและกูรูสายฝอออกปากชมกันมากแต่คนไม่นิยมสักเท่าไหร่ ยิ่งคนบ้านเราชอบอะไรเหมือนๆกันก็แห่ไปซื้อแต่กลิ่นยอดฮิตกลิ่นซึ่งเอาจริงก็หอมมากแหละของ Chloé แล้วเราก็มาทราบว่าน้ำหอมกลิ่นประจำบ้านนี้นั้นที่แท้แล้วคนไทยเรียกว่า Chloé โบว์ครีม

ลากมานานเข้าขวดแรกของแม่เหลี่ยนเต๋งเลยนะคะ แท๊น แท่น มันเรียกว่า Chloé Nomade อ่านแบบเมกันว่า โนแมด แบบ อังกฤษว่า โนมาด แปลว่านักร่อนเร่ เดินทาง ไม่มีหลักแหล่ง อิชั้นว่ากลิ่นนี้เหมาะกับชื่อมาก คือกลิ่นไม่ดอกไม้จ๋า แต่กลิ่นตะไคร่ ว้ายเห็นมั้ยอ่ะ สงสัยล่ะสิ ตะไคร่เขียวๆนี่เรียกภาษาอังกฤษงามๆ ว่า Oakmoss ค่ะ ที่องค์การน้ำหอมเคยห้ามใช้เป็นส่วนผสมมาแล้ว เพราะภูมิแพ้ แต่ตอนนี้อนุญาติให้ใช้ได้ในจำนวนจำกัด ทำให้กลิ่นสดชื่น ชื้นๆ ฝนๆ ผสมมะกรูดและลูก Mirabelle Plum สีเหลืองๆ

ใครเคยดูหนังเรื่อง Perfume บ้าง หนังสยองขวัญชื่อเพราะๆ ที่พระเอกฆ่าสาวๆเพื่อเอากลิ่นหอมออกมาจากเรือนร่างและเส้นผม ฉากแรกนี่ก็เหยื่อถือไอ้ลูกพลัมเหลืองๆหอมๆนี่แหละ ไม่มีขายบ้านเรานะ หอมเหมือนตอนใต้ฝรั่งเศส ได้อารมณ์นักเดินทางไปอีกแบบ คือกลิ่นของ Chloé Nomade มันหอมนะแต่เข้าถึงยาก ดิฉันเลยยิ่งชอบเข้าไปอี๊กเลย ไม่ซ้ำใครดี ใช้แล้วรู้สึกเป็นสาวเร่ร่อนยุคใหม่ (ที่ต้องมีเงินติดตัวบ้าง ไม่งั้นเร่ไม่ได้) ตัวหอมๆ ใส่ชุดเก๋ๆ โพกหัว ทาลิปสติกสีนู้ดๆน้ำตาลๆ


กลิ่นนี้มันพิเศษตรงที่ว่าแตกต่างจากกลิ่นอื่นของบ้าน Chloé อย่างสิ้นเชิง คือเดินไปห้างแล้วชอบขวดมาก ไปฉีดมา 2 ฟืด แปลกจังน้ำหอมแบบนี้ ปรกติแล้วน้ำหอมอิชั้นจะกลิ่นฟุ้งแรง ทำลายคนรอบข้างบ้างเล็กน้อย แต่ Nomade นี่ไม่ฉุนเลย ซื้อมา 1 ขวดและชอบกลิ่นเค้า และเป็นกลิ่นที่ติดทนนาน Ad เค้าน่ารักมาก อารมณ์เข้ากับน้ำหอม ทั้งชื่อ ทั้งขวดได้หมด มีเชือกหนังกลับเหมือนอินเดียนแดง คาวบอย ยิปซีร่อนเร่ คือกลิ่นมันบอกว่าฉีดชั้นแล้วไปทุกที่ บอกต้นกำเนิดไม่ได้ บอกจุดหมายไม่ถูก ถามว่าชอบมั้ย ชอบนะ และตอนนี้รักเป็น 1 ใน 10 ของน้ำหอมทั้งหมด (มีทั้งหมดเกือบ 70 ขวด)

เคยคิดมั้ยคะ น้ำหอมหลายตัวใช้แล้วนึกถึงเมืองใดเมืองหนึ่ง ฉีด Chanel No.5 นี่ยังกะเฉิดฉายใส่ชุดขาวดำบนถนน Saint Honoré ฉีก chocolate croissant เข้าปากที่ Paris ฉีด My Burberry นี่นึกถึงการกางร่มสีดำใส่บู้ตย่ำหญ้าที่ชนบท สุดจะอังกริ๊ด อังกฤษ

น้ำหอมเก่งๆนี่ ปรมาจารย์ด้านการปรุง ศิลปินสร้างขวด คนคิดคอนเซป คนทำโฆษณานี่เทพทั้งนั้น กลิ่น classic ต่างๆจึงบรรเจิดไง แถมใช้ไปเหอะ ยาวนานมาก แถมบางกลิ่นดมแล้วบอกปีได้ด้วย ดิฉันได้กลิ่น Poison แล้วคิดถึงคุณยายกับกระเป๋าคล้องแขน เสื้อลายแอนนิมอลพริ้นท์ของแกมาทันที สุดๆจะปี 80s
https://youtu.be/TXxbeE8QFz0
2) Divine Decadence by Marc Jacobs

น้ำหอมที่แม่เหลี่ยนเต๋งกำลังเห่ออีกขวดคือไอ้กระเป๋าเจโล ดูเป็นแฟชั่นปี 2000 คือเริ่มมีทอง มีบลิง (Bling) มีลายงงู จบยุค 90s ที่มินิมอลเรียบๆก็มาฉูดฉาดทันที ที่จริงน้ำหอมขวดนี้เพิ่งเกิดมาเมื่อปี 2015 นี่เองแต่ขวดที่เราว่าสวยมว๊ากนั้น มันแอบดูเชยสักนิด น้ำหอมกลิ่นนี้คือรุ่นต่อยอด decadence เรียกว่าน้องสาวคลานตามกันมากลิ่นเบากว่าชื่อ Divine Decadence ของพ่อ Marc Jacobs นั่นเอง กว่าจะแกะออกมาจากกล่องได้ ฝาเขียวๆห่อแยกจากขวดอย่างดี พู่ดำคล้องโซ่ก็แกรนด์ มันให้ความรู้สึกโก้หรูมาก ทำให้คิดว่ากลิ่นต้อง Sexy และมีอำนาจสุดๆ พอเริ่มฉีดจึงรู้ว่ากลิ่นไม่เข้ากับขวดเท่าไหร่ ไม่เหมือน Chloé Nomade ที่ทุกอย่างคิดมาหมด เข้ากันหมด กลิ่นของน้อง Divine Decadence นั้นหอมแชมเปญ วานิลล่า แอมเบอร์และแซฟรอน ตามความคิดอิชั้นนะ ถ้าอยากรู้ว่าเค้าปรุงจากอะไรบ้าง เข้าเวปเลยค่ะ ที่แน่ๆแม่ได้กลิ่นแชมเปญเย็นๆฟู่ๆ พอท้อปโน้ตหรือกลิ่นเปิดหายไป กลิ่นเปลี่ยน อืมดี หอม อยู่ได้นาน sexy นิดๆแต่ไม่เย้ายวน ไม่อ่อนหวานกลับเท่ห์และเก๋ ถามว่าโปรดกลิ่นมั้ย ณ ตอนนี้ยังตอบบ่ได้ เพราะมีกลิ่นโปรดอยู่แล้ว 2 กลิ่น แต่ที่แน่ๆเจ้า Divine Decadence เป็นอีกกลิ่นที่แหวกแนวไม่เหมือนใครจริงๆ 
3) Michael Kors by Michael Kors

Third bottle is a charm. ขวดที่สามคือดี คือได้ คือเริ่ด น้ำหอมขวดที่ 3 นี้ที่จะมาเล่ากันคือน้ำหอม Signature น้ำหอมประจำกายคู่กายแม่เหลี่ยนเต๋งมาตั้งแต่ยังสาวอายุ 20 ต้นๆ น้ำหอมออกมาปี 2000, เราซื้อตอนปี 2002 จำแม่นมาก คิดแล้วคิดอีกเพราะค่อนข้างแพงมีชื่อว่า Michael เป็นน้ำหอมตัวแรกของแบรนด์ Michael Kors สมัยยังเป็น High end Designer ของอเมริกาและ Mentor ใหญ่ของ Project Runway น้ำหอมตัวแรกของคุณ Kors นี่ชื่อว่า Michael เป็นกลิ่นพิเศษมากเพราะอบอวลไปด้วยดอกไม้ขาว สมัยนั้นดิฉันเรียนปริญญาโทที่อเมริกา พอฉีดกลิ่นนี้แล้วคิดถึงบ้านขึ้นมาทันที เพราะดอกไม้พวกนี้เอเชี๊ย เอเชีย ไท๊ย ไทย กลิ่นดอกซ่อนกลิ่น ดอกกระดังงา ดอกมะลิ โอ้ย หอม เย้ายวน ขนลุก ได้อารมณ์ ดึงดูดเพศตรงข้าม (และเพศเดียวกัน) ด้วยกลิ่นมัสก์ที่ได้มาจากฮอร์โมนของกวาง จี๋ย แถมได้จากต่อม จุด จุด จุด จากอวัยวะ จุด จุด จุด พอค่ะเดี๋ยวโดนกระทรวงวัฒนธรรม Censor เดี๋ยวเล่าเรื่อง Musk ต่อในน้ำหอมตัวโปรดอีกตัวของอิชั้นนะคะ ขอคุยเรื่องกลิ่น Michael ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็น Michael Kors Eau de Perfume by Michael Kors กันดีกว่า

ถึงแม้ว่าจะไปฮิตติดลมบน ก็มีน้ำหอมหลายตัวที่ออกมาหลังและทำส่วนผสมคล้ายๆกลิ่นเหมือนแฝดน้องซะงั้น ใช่จ้ะแม่มองเธออยู่นะยัย Gucci Bloom แหมเลียนแบบกันซะ แต่ความติดทนและแรงนั่นยังแพ้ Michael Kors อยู่ดี คือบอกเลยว่าใส่ไปไหนต้องมีคนชมทุกคน เปลี่ยนแฟนมากี่คนก็สยบได้ด้วยกลิ่นนี้กลิ่นเดียว แต่เมืองไทยหาซื้อยากมาก ไม่รู้ทำไมไม่นิยม แต่ก็ดีจะได้ไม่เหมือนใคร
4) Narciso Rodriguez fleur musc

ไหนๆ ก็คุยกันเรื่อง Musk (อัณฑะกวาง) แล้วก็ต่อด้วยน้ำหอมตัวโปรดล่าสุดขึ้นตำแหน่ง Signature Scent ของแม่อีกตัวคือนี่เลย Narciso Rodrigues Fleur Musc ขวดสีชมพูเข้มนี่เอง เน้นนะคะชมพูเข้ม เอาหลักๆเลยสีชมพูคือ กลิ่นกุหลาบ พริกไทยชมพู กับไอ้เจ้า Musk ที่ฟังดูทะลึ่งแต่เรียกอารมณ์ เร่งฟีโรโมนนี่แหละค่ะ สะกดกับ K คือภาษาอังกฤษแต่สำหรับน้ำหอมนั้นต้องเป็นภาษาฝรั่งเศสบนขวดถึงจะเข้ากันดีเลยเป็น Fleur Musc หรือดอกไม้ + ฮอร์โมนกวางนั่นเองแล้วมันดี๊ ดี ดี ดี ดีมากจริงๆ

เมื่อปี 2004 เมื่อดิฉันเรียนโทจบ ได้ย้ายไปทำงานที่เมืองนิวออร์ลีนส์ ขณะเดินเล่นในห้าง Saks Fifth Avenue ที่หรูหรานั่น (เงินเดือนก็น้อยแต่ชอบไปดูเทรนด์ที่ห้างแพง) ก็ได้กลิ่นที่หอมมากรีบดิ่งไปที่เคาน์เตอร์ จึงได้รู้จักกับเจ้า Narciso Rodriguez ขวดสีดำ แพงจุงซื้อไม่ไหว ได้แต่ขอ sample มา 2 ขวด ฉีดทีไรคนถามทุกที จนมีคนใจดีซื้อขวดใหญ่มาฝากที่ไหนได้เป็น Narcisco Rodriguez Essence ขวดสีเงินน้ำหอมประจำกาย Michelle Obama ค่ะ เป็นน้ำหอมกลิ่นดอกไอริสที่หอมมากแต่ไม่ sexy เหมือนขวดดำและชมพู สุดท้ายซื้อเองเราเลยมีน้ำหอมแบรนด์นี้ขวดบิ๊กเบ้ง 3 ขวดครบซึ่งทำให้เรารู้ว่าคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ของพี่ Narcisco นี่สุดจริงๆ ช่วงปี 2000-2010 นี่เป็นปีทองของน้ำหอม designer หน้าใหม่ของอเมริกาเลย Marc Jacobs, Michael Kors, Narciso Rodriguez, Vera Wang ไหนจะน้ำหอมพวก celeb ที่ดังๆ อย่าง Glow และ Still ของทูนหัวแม่เจโลของแม่เหลี่ยนเต๋งอีก แถมพวกปี 90s Calvin Klein, Ralph Lauren ก็ส่งระเบิดความหอมมาหลายขวด

เอาจริงน้ำหอมเมกามันทันสมัย ใช้ได้ทุกเวลา และเข้าถึงง่ายกว่า น้ำหอมฝรั่งเศสนี่ซับซ้อน กลิ่น classic มากมายแต่ก็ยังไม่ร่วมสมัยเหมือนของอเมริกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นคือความเห็นส่วนบุคคลนะคะ ใช้มาเป็น 100 กลิ่นเลยแบ่งปันความเห็น

นอกเรื่องอีกแล้ว อิชั้นว่าเจ้า Narciso edt กับ edp มถึงจะหอมยังไง คนก็ใช้ทั้งเมือง มันเกลื่อนไป พอมาเจอเจ้า Fleur Musc ซึ่งมีสัญชาติเดียวกันแต่หอมกว่า เก๋กว่า แปลกกว่านี่ กรี๊ดเลย ฉีดทีไรคำชม คนถามทั้งบาง
5) Alien edp by Thierry Mugler

ชมพูมาแล้วต่อม่วงเลยนะ แล้วก็ข้ามทวีปมายุโรปเลย น้ำหอมที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างด้วยความแปลกใหม่ส่วนผสม 3 อย่างเท่านั้น มะลิ อำพัน ไม้หอม sandlewood ทั้งที่น้ำหอมตัวอื่นมีส่วนผสมมากมาย แต่ Alien นี่พิสดารสมชื่อ แถมกลิ่นแรงติดทนทั้งวัน น้ำหอมอย่างอื่นมันจะเปลี่ยนกลิ่นคือ open อย่าง กลางๆอีกกลิ่น ใกล้จบก็เปลี่ยน แต่น้ำอมฤตยูนี่กลิ่นแบบนี้เช้ายันเย็นไม่มีเพี้ยน แอบทำเรามึน ห้ามฉีดตอนมีประจำเดือนเพราะอาจหงุดหงิดตัวเองได้ เล่าให้ฟังอีกนิดนะคะ Thierry Mugler นี่เค้าเป็นทั้งดีไซเนอร์ ทั้งศิลปิน นักเต้นรำบัลเลต์ นักออกแบบบ้าน ชุดของเค้าจึงมีเค้าโครงแปลกๆ สุดจะเซกซี่ มีใครจำชุดที่ Demi Moore ใส่ในหนังเรื่อง Indecent Proposal ได้บ้าง หรือตอนนี้เซเลปฮอลลีวูดก็กลับมาใส่ชุด Vintage ของ Thierry Mugler กันมากมาย เสื้อผ้าดี น้ำหอมก็ดังเปรี้ยงทุกตัวเหมือนกัน แต่ละขวดวิจิตรมาก สมัยเรียนมหาลัยก็ยืมฉีด Angel ของเพื่อนมาแต่ตอนนั้นไม่ค่อยอินกับมัน ขวดล่าสุดชื่อ Aura สีเขียวอวตาลป่าพงไพร ว่าจะไปลองก่อนจัด เพราะทำจากต้น Rhubarb และตอนนี้อยากได้น้ำหอม Womanity ของเค้ามาก แบบทำมาจากมะเดื่อกับไข่ปลา แต่หาซื้อยากจัง รอต่อไป
6) My Burberry epd by Burberry

จากที่เป็นคนไม่สนใจประเทศอังกฤษเลยเพราะเราอยู่เมกาโดยรวมมาเกือบ 7 ปีก็จะชอบอะไรที่เมกั๊น เมกัน (ยกเว้นทรัมพ์นะ) จนกระทั่งมีโอกาสไปเที่ยวไปอยู่ที่อังกฤษมาเกือบเดือนนะกลายเป็นบ้าประเทศนี้ คนสำเนียงแบบนี้ ศิลปะและศิลปินของคนชาตินี้ไปเลย แต่ถึงยังไงก็ไม่เคยคิดจะซื้อน้ำหอมอังกฤษจนไปสนามบินแล้วเดินๆดมๆเจ้า My Burberry นี่แหละ สองจิตสองใจว่าจะซื้อ Blush ดีมั้ย หวานดี เอาจริงตอนฉีดก็งั้นๆแต่พอกลิ่นเริ่มผสมกับตัวเรามันหอมนิ่มนวลแบบสายฝนปนหญ้าอย่างที่เค้าว่าจริงๆ กลิ่นดอกไม้ มะนาว มะกรูดให้อารมณ์เดินในสวน Covent Garden จริงๆ เวลายกตัวอย่างนิ แม่เหลี่ยนเต๋งไปที่เหล่านั้นมาหมดแล้วจริงๆนะคะ ถึงนึกภาพออกจินตนาการในสิ่งที่เคยทำ ที่ที่เคยไป ติดใจ Burberry มากไว้จะจัดกลิ่นอื่นบ้าง ปัญหาคือนางติดไม่ค่อยทน แป๊บเดียวกลิ่นหาย แต่นับเป็นกลิ่นดอกไม้และซีทรัสที่ผ่อนคลาย ใช้แล้วอารมณ์ดีต่างจากคนอังกฤษซึ่งขี้หงุดหงิดตลอดเวลา แฮ่ ไปว่าเค้าอีก
7) Coco Noir by Chanel

พูดเรื่องหอมๆ ใครไม่เอ่ยบูชาแม่ เทพเจ้าแห่งกลิ่นคลาสสิกมากมายบนโลกนี้ไม่ได้เลย แม่เหลี่ยนเต๋งใช้อยู่ 3 ขวด ณ ปัจจุบัน คือ Coco Mademoiselle, Chanel no.5 ที่แม่เพิ่งซื้อขวด Limited สีแดงมาให้แต่ไม่กล้าเปิด และขวดสุดท้ายในรูปได้อานิสงส์มาจากเพื่อนสาวที่อเมริกา Coco Noir น้ำมนตร์สีดำขวดเน้ หอมมว้ากกกก แรงมาก ตราตรึงใจ แต่เห็นราคาไม่เคยกล้าซื้อเลย จับแล้วจับอีก แอบไปฉีดตามห้างเป็นประจำ จุดนี้ถือเป็นโชคของเราจริงๆ ขวดสีดำนี่นึกถึง Madame Gabrielle Coco กะเมือง Venice ที่เธอคลั่งไคล้ ส่วนกลิ่นเราว่าเหมือนเป็นลูกครึ่งระหว่าง No.5 กับ Coco Mademoiselle จะสาววัยรุ่นก็ไม่ใช่ จะยายก็ไม่เชิง บอกเลยหากบุคลิกไม่ดีจริง แต่งตัวไม่สวยจริง ไม่มีอำนาจและพลังสะกดคนจริงไม่สามารถเอา Chanel No. 5 อยู่ ชะนีน้อยๆเอาไม่อยู่ค่ะ หากสาวท่านใดอยากใช้อำนาจกับน้ำหอมให้เริ่มจากขวดดำ Coco Noir นี้ก่อนค่อยย้ายไป No. 5 รับรองพลังผู้หญิงเต็มเปี่ยม แถมทำให้เรารู้สึกถืออำนาจเหนือผู้ชายทั้งความรักและการงานอีกด้วย นางพญามาเองจริงๆ กลิ่นผลไม้กรุบกริบวัยละอ่อนเพิ่งเริ่มฉีดสเปรย์โคโลญจ์หลบไปได้เลย
8) Candy Florale edt by Prada

ขวดสวยๆนี้คือฉีดตอนแรกได้กลิ่นแล้วรู้สึกใช่ๆๆ ต้องซื้อเลย มันไม่เหมือนน้ำหอมทั่วไปของเรา มันย้อนวัยให้เรากลับไปเป็นสาว 18 จ่ายตังค์แล้วคิดในใจว่ายัย Prada Candy Florale จะต้องเป็นกลิ่นโปรดใหม่ของแม่เหลี่ยนเต๋งแน่ๆ เอ้าซื้อเป็นเซต 2 ขวดไปเลย ที่ไหนได้กลับมาบ้านก็แป้วเพราะมันไม่ติดทน มันเป็น Eau de toilette ไม่ใช่ Eau de perfume รู้สึกผิดหวังขายขวด 30 ml ไปทันที แล้วเพิ่งมารู้ว่า Prada Candy เด็กๆเค้าฮิตกันมาก แต่เพราะน้ำหอมขวดนี้ทำให้เรากลับมาชอบและฉีดน้ำหอมใหม่ หลังจากห่างหายไปนานเพราะกลัวลูกๆเหม็น สรุปว่าดีนั่นแหละ อ่อนหวานเหมือนดื่ม Limoncello กินขนมในสวนดอกไม้สีชมพูอ่อนๆ ถ้าติดทนกว่านี้ ฟุ้งกว่านี้จะยกให้เป็นขวดโปรดนะเนี่ย น้ำหอมกลิ่นของกินหรือขนมนมเนย วานิลลา โกโก้เนี่ยเค้าเรียกว่าน้ำหอม Gourmand กูอะไรนะ ยังกะ กูเม่ Gourmet ใช่ค่ะ คือกันคือน้ำหอมแบบเอาส่วนผสมมาจากของกินมาเองค่ะ น้ำหอมแบบนี้เพิ่งจะมาฮิตกัน 20 กว่าปีนี้เองนะ น้ำหอมหวานๆวัยรุ่นชอบแบบนี้ ดิฉันขอบายค่ะ แต่ก็มี Gourmand บางขวดที่ผสมผสานของหวานได้ออกมาซับซ้อน เหนือชั้นกว่ากลิ่นไอติมธรรมดานะคะ Black Opium ของ YSL ไงหวาน ขมแต่ชงกันได้ที่ ไม่เด็กเกินไป แต่ก็ไม่อาจุมม่าค่ะ ก็เหมือนคนเรายิ่งแก่ยิ่งกินของขมแต่ก็ยังติดขนมหวาน
9) La petite robe noire couture by Guerlain

ใครที่ชอบน้ำหอมจริงๆจะมียี่ห้อนี้อยู่ในใจ Guerlain อ่านว่า แกร์ลาง ไม่ใช่ กิเลน น้ำหอมที่ดังที่สุดรุ่นคุณแม่คุณยายเราเที่ยวเต้นรำบอลรูม เพลงสตริง เพลงสุนทราภรณ์คือ Shalimar ซึ่งเป็นชื่อของสวนดอกไม้ในวังทัชมาฮาลที่กษัตริย์ได้สร้างให้เป็นของขวัญแก่ราชินีที่จากไป ขวดก็สวยงามเป็นแขกคลาสสิค กลิ่นก็มีความเอเชีย ความอินเดีย ความแรงของสวนดอกไม้และเครื่องเทศ เครื่องหนัง ธูปเทียน และมันฮิตซะเหลือเกินสำหรับคนรุ่นเสื้อเสริมใหล่ ผมหยิกตั้งฟู ทั่วโลกนะคะ แม่เหลี่ยนเต๋งว่ามันแรงไปสำหรับโลกสมัยนี้ที่ร้อนขึ้นซะเหลือเกิน Guerlain เค้าเลยทำน้ำหอมให้สาวรุ่น สาวแซ่บ สาวเก๋ได้ใช้กันหลายตัว ยิ่ง Collection La petite robe noire นี่ อื้อหือ ดีมาก แปลตรงๆคือ The little black dress ชุดดำชุดเก่งนั่นเอง ดิฉันนี่เป็นเจ้าแม่ชุดดำค่ะ ไม่ใช่เป็นคนเก๋อะไรหรอกนะ คืออวบไงต้องเอาชุดดำข่ม ชุดดำเต็มตู้ ชุดไปทะเลสีดำยังมี ทีนี้ไอ้คอลนี้มีออกมาหลายตัวมากแต่อิชั้นเลือกชุดดำยาวผ่าสูงจี๊ด เปิดไหล่ ดูเซกซี่ ท่าจะเย้ายวนสุดๆ แต่เอาจริงกลิ่นมันไม่เซกเลย มันเป็นกลิ่นเก๋มากกว่าชุด แปลกดี ไม่เคยดมน้ำหอมอะไรแบบนี้เลย กลิ่นน้ำๆฝนๆและตะไคร่ 555 อีกแล้วเป็นอะไรนี่ชอบตะไคร่จริง ส่วนผสมคือราสแบรี่กลับไม่ได้กลิ่นแบรี่ คอลเลคชั่นนี่มีหลายชุดต่างกลิ่นมาก Guerlain ทุกกลิ่นนี่กลิ่นติดทนนานเลยค่ะ ดมตัวเองแล้วรู้สึกมีคุณภาพที่สุด แต่ LPRN Couture นี้กลิ่นมันบางเหลือเกิน ชอบกลิ่นนะแต่ไม่ค่อยทนเหมือน Guerlain รุ่นอื่นๆเลย เสียใจเล็กน้อยแต่ยังฉีดบ่อยแถมฉีดหลายฟืดเลย หากใครจะซื้อต้องไปลองดูดีๆนะคะเพระราคาไม่ถูกเลย หอมแปลกแต่ไม่ทน
10) Olympéa Aqua edp légère

Paco Rabanne เคยเป็นแบรนด์ของสเปนที่ค่อนข้างดังแต่ไม่เปรี้ยง ส่งน้ำหอมออกมาหลายตัวแต่ก็เกือบๆ จนมาถึง Olympéa ที่หอมหวานนี่แหละ สังเกตดูอะไรที่เป็นแบรนด์แฟชั้นของสเปนมันไม่ค่อย couture ชั้นสูงเท่าไหร่ ยกเว้น Loewe แต่ดังนะ ดัง Mass ดังตลาดราคาพอซื้อได้ ทำให้ไม่ค่อยดัง งงมั้ย คืออะไรที่มันไม่เว่อร์วัง คนมักไม่ชอบสุดๆ มันไม่แสดงออกถึงความรวย(และความอยากรวย)
แต่เจ้า Olympéa ขวดชมพูส้มพีชนี่คนติดใจมากเพราะออกมาในช่วงคนเห่อน้ำหอม Gourmand น้ำหอมหวานๆ วานิลลา แบบดมแล้วอยากกินตัวเอง มันฮิตจริงๆนะคะใน 20 ปีที่ผ่านมา ตัวแม่เหลี่ยนเต๋งเองเคยชอบน้ำหอม Gourmand ตอนเป็นวัยรุ่น พอสาวขึ้นมาก็ชอบ Floral และพอเริ่ม 40 มาชอบ Chypre บ้าง แต่ตอนนี้ไม่ถูกใจกับ gourmand เลยจนมาเจอ Olympéa ที่กลิ่นเปิดมาหวานจ๋อยแต่ทำไมหอมแฮะ ไม่กล้าซื้อเพราะกลัวเลี่ยน แต่พอเค้าออกรุ่น Olympéa Aqua ปุ๊บซื้อเลย เพราะกลิ่นแบบน้ำ aquatic แม่เหลี่ยนเต๋งชอบ อย่างกลิ่น Acqua di Gio ของ Armani ก็ใช้อยู่มานมนานไม่ยานสักที

ขวด Olympéa Aqua เค้าน่ารักบ่งบอกถึงมงกุฎนักกีฬาโอลิมปิคสมัยยุคกรีก ฉีดชั้นแล้วชนะทุกอย่าง ถามว่าชนะมั้ย ด้วยความที่น้ำหอมมันหอมหวานมากแต่ติดทนมากกก ชนะแบบนั้นก็โอ แต่ถามว่ามีพลังมั้ย คงไม่พญาพอเหมือนกลิ่นอื่นๆของแม่เหลี่ยนเต๋งแต่ Olympéa เป็นกลิ่นที่ใช้ได้ทุกวันสดชื่น น่ารัก หวานผสมเค็มผสมดอกไม้ ย้อนวัยดี คิดว่าน่าจะได้เจอกันบ่อยก่อนไปหน้าหาด
มีอีกหลายขวด ไว้มารีวิวกันอีกนะ ใครอยากอ่านน้ำหอมที่คนรีวิวน้อยๆ ให้มาหาเราได้เลย ดิฉันไม่มีกฏระเบียบอะไรนะคะ คือใช้น้ำหอมทุกโอกาส เช้าสายบ่ายเย็นค่ำ ทำงาน ออกงาน ไปทะเล ไปเต้นรำ ทานข้าว กินไอติม เข้าห้องนอน ฤดูไหนก็ใช้ เลยแนะนำไม่ได้ว่าขวดนี้ใช้ตอนไหน แล้วแต่อารมณ์ตอนนั้นล้วนๆค่ะ น้ำหอมอยู่ที่รสนิยมและบุคลิกของคน ไม่ต้องคิดลึก ดมแล้วถ้าใช่ก็ดี แต่ถ้าฉีดแล้วต้องเอาเค้าอยู่ น้ำหอมคือสิ่งที่เพิ่มความมั่นใจ ไม่ใช่สิ่งที่เราใช้แล้วเคอะเขิน ไม่สบายตัวและใจ กลิ่นไหนที่เราชอบมากวันหนึ่งเราอาจไม่ชอบมันเลยก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ทุกกลิ่นที่เราใช้มันจะนำความทรงจำ ความหลังกลับมาแน่นอนค่ะ

หอมอย่างไร ภายในจิตใจ กิริยาท่าทางการพูดจาคือส่วนที่ส่งเสริมความงามที่สุดสำหรับผู้หญิงเรานะคะ สวยทั้งรูป จูบก็หอม ไปด้วยกันค่ะ


madamekhaolak

madamekhaolak

แม่ลูก 2 ที่ไม่อยากจะหยุดสวย ถึงแม้บางครั้งจะเหนื่อยและหมดแรงเหลือเกินแต่เราก็อยากมีพลังที่จะสวยตามวัยของเราต่อไป

FULL PROFILE