[เปิดประสบการณ์ใหม่] Workshop with AESOP “Summer Skincare Routine”

19 1

วันนี้เนตขอมาเขียนบทความแนวบันทึกประสบการณ์ และความรู้สึกที่เนตได้มีโอกาสไปร่วม workshop กับทางแบรนด์ AESOP หน่อยนะคะ ซึ่งแน่นอนบทความนี้เนตตั้งใจเขียนมากเลย เพราะประทับใจในความ ART ความ Unique ของ Skincare แบรนด์นี้มากๆ เนตเชื่อว่าถ้าใครได้มีโอกาสได้ลองผลิตภัณฑ์เค้า และได้พูดคุยกับทาง AESOP ต้องประทับใจ หลงเสน่ห์และอยากจะเข้าไปในวงการ Skincare ของเค้าแน่ๆ ซึ่งใช่ค่ะเนตเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

⚡️ซึ่ง Workshop ที่เนตเก็บภาพมาจะเป็น Summer Skincare routine ของทาง AESOP ค่ะ ซึ่งก็คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับหน้าร้อนนั้นเอง เพราะทาง AESOP เองเชื่อว่า ผิวของเราในแต่ละฤดูไม่เหมือนกัน ผิวฤดูร้อนก็เช่นกัน ดังนั้นผลิตภัณฑ์ ที่เราใช้ก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหน่อย โดยเน้นเรื่องการทำความสะอาดล้ำลึก ซึ่งรวมทั้งขั้นตอนการล้างหน้า และขั้นตอนทำ treatment masque เน้นขั้นตอนการให้ความชุ่มชื้นผิวโดยเลือกเนื้อสัมผัสที่สบายผิวแต่เติมน้ำให้ผิวได้ดี ให้ผิวไม่มัน ไม่แห้ง ดูฉ่ำน้ำ รวมไปถึงการทาครีมกันแดดที่เนื้อเบาสบายเหมาะกับหน้าร้อนค่ะ ซึ่งวันนี้เนตก็ได้ทำตั้งแต่ Step แรกไปจนถึงสุดท้ายเลย #ขอบอกว่าเบาสบายฉ่ำผิวมากจริงๆ แบบรู้สึกดีกับผิวมาก จน list ในหัวแล้วหลายตัวที่ลองวันนี้ว่าไปจัดแน่นอน (.....และเนตก็ไปจัดมาแล้ว 55555)  
⚡️“แบรนด์ AESOP “ เนตเชื่อว่าเพื่อนๆ คงคิดว่า เป็นแบรนด์ที่จะเข้าถึงอยาก ซึ่งก็ยากจริงๆ นะ มันดู ART มากกว่าจะเป็น Skincare ก่อนหน้านี้เนตยังรู้สึกแบบนั้น แต่พอได้เข้าไปสัมผัส พอเนตมางานนี้ได้เห็นผิวของคนที่ใช้ AESOP จริงจังทั้งไลน์เหล่านั้น และแลกเปลี่ยนความคิด attitude ด้าน Skincare ของ AESOP Admirers ทั้งหลาย เนตยอมรับว่าเนตแทบจะอยากซื้ออยากลองทุกตัวเลย ซึ่งแน่นอน หลายๆ Top Spenders ของ AESOP ที่ใช้แทบจะทุกอย่างเป็น AESOP บอกเนตว่า Parsley Seed Serum เป็นเหมือนยาสามัญประจำบ้านที่ต้องมี ซึ่งแน่นอนทุกคนรู้จัก AESOP จากเซรั่มตัวนี้ แต่ตัวที่เป็น Top Secret ของผิวกระเบื้องเคลือบของเหล่า Top Spenders ที่พูดเป็นเสียงเดียวกัน (แม้ไม่รู้จักกันแต่พูดตัวเดียวกัน) คือ B & C facial balancing gel ร่วมกับ Fabulous Oil หรือ Dermscan rose treatment ก็ได้ ถือเป็นความลับผิวดีของพวกเค้า และ เป็น The must items ที่ควรลงทุนลอง

⚡️แน่นอนค่ะ เนตเองก็เคลิ้มมากกกกกกก พูดเลย และคาดว่าจะไปจัดมาลองเช่นกัน
✌?เอาล่ะ อย่านอกเรื่องไปมาเลย เรามาดู Workshop ในวันนั้นดีกว่า ว่าทาง AESOP แนะนำตัวไหนบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร แล้วเนตใช้แล้วรู้สึกยังไง #เลื่อนลงมาอ่านตามกันได้เลยค่ะ

​ปอลอ ส่วนตัวเนตเองก็ใช้แชมพู และสกินแคร์บางตัวของ AESOP อยู่ค่ะ ยังไงเดี๋ยวมาต่อรีวิวหน้านะคะ
AESOP Workshop จัดที่ร้าน Cusine de Cafe ค่ะ ซึ่งจัดเป็นร้านที่เก๋มากๆ เนตเองเคยทานที่เชียงใหม่แล้ว ซึ่งประทับใจมากๆ พอ AESOP จัด Workshop ที่นี่ เนตเองก็ตื่นเต้นมาก เพราะ Cusine de Cafe เป็น Fine Dinning ที่ต้องจองกันล่วงหน้าทีเดียวค่ะ เนตว่าเป็นร้านที่เหมาะกับแบรนด์ AESOP และสร้างบรรยากาศได้ดีเลย แถมหลังจากเรา Workshop ผิวแล้ว ก็ได้รับประทานอาหารกันต่อ ซึ่งถือว่า Happy มากจริง
นี่ก็เป็นอุปกรณ์ทั้งหมดที่เราจะได้ทดลองใช้นะคะ แค่การจัดวางก็ดูศิลปะแล้วใช่ไหมล่ะ ซึ่งใน Summer Skincare นั้น AESOP เองเชื่อว่า #ผิวของเราในแต่ละฤดูไม่เหมือนกัน ผิวฤดูร้อนก็เช่นกัน ดังนั้นผลิตภัณฑ์ ที่เราใช้ก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหน่อย โดยเน้นเรื่องการทำความสะอาดล้ำลึก ซึ่งรวมทั้งขั้นตอนการล้างหน้า และขั้นตอนทำ treatment masque เน้นขั้นตอนการให้ความชุ่มชื้นผิวโดยเลือกเนื้อสัมผัสที่สบายผิวแต่เติมน้ำให้ผิวได้ดี ให้ผิวไม่มัน ไม่แห้ง ดูฉ่ำน้ำ รวมไปถึงการทาครีมกันแดดที่เนื้อเบาสบายเหมาะกับหน้าร้อนค่ะ

ที่เนตประทับใจคือ

1. ก่อนเริ่มทำ Workshop เค้าจะมาถามสภาพผิวของเราก่อน รวมถึงเราแพ้อะไรหรือไม่ 

2. มีการเสริฟชาที่ไม่มีคาเฟอีน ให้ได้จิบซึ่งทำให้ผ่อนคลายมากๆ ซึ่งเป็น signature ของแบรนด์ที่หอมมากกกกกกก relax มากๆ ใครไป Shop AESOP ลองไปทานดูนะคะ

3. ทาง AESOP จะให้ล้างมือก่อนเริ่มทดลองผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีไม่กี่แบรนด์ที่เนตไปร่วมงาน ที่เค้าใส่ใจจุดนี้นะ จะไปล้างที่ห้องน้ำ หรือจะใช้ Resurrection Rinsed free ของทาง AESOP ก็ได้ ซึ่งก็เป็น alcohol ล้างมือที่หอมสะอาดดี และล้างแล้วไม่รู้สึกแสบหรือแห้งนะคะ

วัสดุอุปกรณ์ทาง AESOP ก็จัดวางเรียงให้ตาม Step จากซ้ายไปขวาค่ะ

ขั้นนตอน 1. ล้างเครื่องสำอางตา ปาก ก่อนด้วย Remove ซึ่งเหมือน Cleansing Oil ค่ะ แต่ทาง Aesop ให้ใช้สำลีนะ ค่อยๆ ประคบที่ตา จะได้ไม่ขยี้ตาจนเกิดริ้วรอยค่ะ ใช้แล้วไม่แสบตา และ Make Up หลุดออกได้ดี (เหมือนจะ 900 กว่าบาท) 

เสร็จแล้วตามด้วย Purifying Facial Cream Cleanser นวดวนตอนหน้าแห้ง เหมือนเป็นครีมล้างหน้าที่มีความเย็น นวดเอาเครื่องสำอางออก แล้วล้างด้วยน้ำ เสร็จแล้วก็ล้างต่อด้วยตัวเดิม คือ Facial Cream Cleanser ตัวนี้สามารถใช้แบบแห้ง และแบบเปียกก็ได้ สามารถเป็นทั้ง Make up remover และ second cleanse ค่ะ มีส่วนประกอบของ White Clay ช่วยดูดซับสิ่งสกปรก และความมันได้ ซึ่งเนตชอบมากๆๆๆๆ เลย และหลังจาก Workshop ก็ไปจัดมาเรียบร้อยแล้วค่ะ 55555 (1350 บาทนะ)
ขั้นตอนที่ 4. ใครเป็นสิวง่าย ทาง AESOP แนะนำตัวนี้ค่ะ In Two Minds ซึ่งเนตว่าสบายผิวดี มีส่วนผสมในการกระชับรูขุมขน ลดรอยสิว และลดการอุดตันของสิวได้ด้วยค่ะ ทาง AESOP ให้ใช้สำลีนะคะ แต่เนตก็ลืมถามว่า ตบๆ เอาได้ป่าว 55555

ขั้นตอน 5 เพิ่มความชุ่มชื้นค่ะ

ซึ่งอันนี้เป็น Product ให้ความชุ่มชื้น และเพิ่มความแข็งแรงของ Skin Barrier ที่สามารถใช้ได้กับทุกผิว และเหมาะกับหน้าร้อนมาก เพราะเป็นเซรั่มเติมน้ำ soothing ผิวลักษณะเป็นเจล ซึมง่าย ไม่ทิ้งความเหนอะหนะเลย เวลาใช้ทาง AESOP ให้ดูดเต็มหลอดนะคะ ต่อหนึ่งหน้า แต่สำหรับเนต เนตชอบ Parsley Seed Serum มากกว่านะเพราะอยากได้ anti oxidants เยอะๆ 5555

ขั้นตอน 6 (optional)

Step นี้เป็น Step พิเศษค่ะ สำหรับก่อนนอนก็ได้ หรือ วันที่ต้องการฟื้นฟูผิวเป็นพิเศษ จะออกงานและต้องการให้ผิวฉ่ำเด้งก่อนแต่งหน้า

ให้ใช้ตัวเด่นของเค้าในวันนี้คือ
Blue Chamomile Facial Hydrating Masque ซึ่งสามารถปลอบประโลมผิว แต่เติมน้ำให้ผิวฉ่ำได้ทันที จะ Mask แล้วเช็ดออก ก่อนแต่งหน้าไปงานเพื่อความ glow ฉ่ำ เพิ่มความชุ่มเร่งด่วน หรือจะทาหนาๆ ทิ้งไว้ข้ามคืนเป็น Overnight Mask ก็ได้ โดยสามารถใช้ร่วมกับ Fabulous Oil ที่เป็น Facial Oil เนื้อเบา เก็บ Look ความชุ่มชื้น และเพิ่มความนุ่ม ยืดหยุ่นผิวได้ค่ะ

ตัว Fabulous Oil เนี่ย เป็นตัวโปรดของหลายๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้อยู่แล้วด้วยค่ะ

ขั้นตอน 7 Sun Protection

เนตเสียใจมาก ลืมถ่ายกันแดดหน้ามา 5555 เอาเป็นว่าแนะนำกันแดดตัวแล้วกัน ซึ่งตัวนี้ เนื้อเบา กลิ่นมิ้น ทำให้รู้สึกเย็นสบายผิว ไมาเหนียวเหนอะหนะเลยค่ะ

ขั้นตอน 8 : Lip Care

ตัวนี้น้องที่รู้จักกันที่มาด้วย บอกว่าเป็น Item The Must ที่ต้องลองค่ะ เป็น Lip Cream สีขาวที่รสอร่อยมาก 5555 คือ กลิ่นมันหอมผู้ดี หวานๆ แบบดีมากๆเลย เป็นเนื้อครีมสีขาว แต่ทาแล้ว ไม่เป็นคราบขาวอะไรนะคะ ทาแล้งริมฝีปากเรียบเนียนนุ่มเลย เนตรู้สึกว่าเหยยยยย ดีงามอะกับตัวนี้ ใครมองหา Lip Care ก็ลองมาดูนะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง AESOP มากๆ ที่ให้มาร่วม Workshop ในครั้งนี้ สนุกและได้ความรู้ด้านผิวหน้าร้อน รวมถึงป้ายยาอย่างหนักมากๆ จากคนที่รัก AESOP เหมือนกัน 

อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองเปิดใจมาดูผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ AESOP นะ เนตว่า ต้องได้สอยซักชิ้นสองชิ้นแน่นอนค่ะ 

?Ps : ยังไงก็ดี เนตขอยกให้ AESOP เองเป็นแบรนด์ที่น่าติดตาม
และเป็นแบรนด์ที่เนตเองกำลังอินมากตอนนี้ รู้สึกถึงความ Indy แต่มีความ sophisticate นิดๆ และความกระเบื้องเคลือบผิวของลูกค้า AESOP นั้น ก็ได้ทำให้เนตหลงเข้าไปในแบรนด์นี้ แบบถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ จริงๆ นะ ไม่ได้โกหก >< อยากให้มาเห็นด้วยกันจัง 5555
Netty
——————-
Product Mentioned
AESOP
#aesopskincare #aesop


Nettybeautylife

Nettybeautylife

สวัสดีค่า ชื่อ เนตตี้นะคะ อายุก็ปาไป 30+++แล้ว แต่ก็ชอบเครื่องสำอางและ skincare มากๆ พึ่งมาเล่น Jeban ก็ 2018 แล้ว หวังว่าจะได้ up review บ่อยๆ นะ 555

FULL PROFILE