ทรีทเมนท์เคราตินแก้ปัญหาผมเสียชี้ฟู

15 9

เบื่อไหมคะ? กับปัญหาผมแห้งชี้ฟู


ไหนจะต้องเสียเวลาจัดทรงทุกเช้าก่อนออกจากบ้านอีก วันไหนตื่นสายนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ได้ผมกระเซิงไปทำงานแน่ ดูไม่สวยเอาซะเลย…

ตาลปี๊บเป็นหนึ่งคนที่มีปัญหาผมเสียและรู้สึกเหนื่อยมากกับการต้องเสียเวลาหนีบผม ม้วนผม ทุกวัน แต่จะให้ดัดผมหรือยืดผมถาวรก็ไม่เอา เพราะเป็นคนเบื่อง่ายอีก วันหนึ่งอยากผมลอน วันหนึ่งอยากผมตรง ให้ทำถาวรไม่ได้จริงๆ ฟังดูเป็นคนเรื่องเยอะใช่ไหมคะ ฮ่าๆๆๆ แต่เชื่อว่าหลายคนต้องเป็นเหมือนกันบ้างแหละ ?

ทำยังไงดี อยากผมสวยดูเป็นธรรมชาติ และก็ยังอยากใช้ความร้อนและทำเคมีอื่นๆได้ (เช่น ม้วนผมไฟฟ้า และย้อมสีผม) โดยที่ผมไม่พัง…. ตาลปี๊บเลยขอปรึกษา Hair Stylist ประจำตัวซะหน่อย พี่อเล็กซ์ (เจ้าของร้านทำผม Exquisite Salon) เลยแนะนำให้ลองทำทรีทเมนท์เคราตินค่ะ ฟังชื่อตอนแรกก็งงว่ามันคืออะไร
เคราติน (Keratin) เป็นโครงสร้างโปรตีนหลักของเส้นผม มีลักษะเป็นชั้นเกล็ดซ้อนกัน คล้ายเกล็ดปลา หากเคราตินนั้นมีการเรียงตัวที่ผิดปกติไป จะทำให้เส้นผมแข็งตัว เสียหาย และขาดง่าย เพราะฉะนั้นใครที่ชอบทำเคมีผม ก็จะเร่งให้เกิดการทำลายเคราตินมากขึ้น ผมเราก็จะดูหยาบกระด้าง ชี้ฟู จัดทรงยาก บางคนถึงขั้นผมร่วง อ่อนแอและขาดง่าย ดังนั้นการทำทรีทเมนท์เคราตินเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มเคราตินให้แก่เส้นผมนั่นเองนะคะ
ให้ดูภาพก่อนและหลังทำชัดๆเลย ก่อนทำคือสภาพผมจริง ไม่ได้จัดทรงใดๆ มันก็ยุ่งเหยิงดูไร้น้ำหนัก และสุขภาพเสียสุดๆๆๆๆๆ วันไหนไม่ได้ทำผมแล้วออกจากบ้านไปเจอผู้ชายที่แอบปิ๊งเนี่ย วิ่งหลบแทบไม่ทัน ? ส่วนภาพขวา เป็นภาพหลังทำทรีทเมนท์เสร็จ ดูตรงสลวยมาก แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปล. เดี๋ยวท้ายรีวิวจะมีภาพหลังทำ 1 เดือนให้ดูกันอีกทีนะคะ
มาเริ่มขั้นตอนแรกกันเลย เริ่มจากการทำความสะอาดเส้นผมอย่างล้ำลึกด้วย Clarify Shampoo ที่ช่วยเปิดเกล็ดผม และชะล้างทุกอย่างออก เพื่อเตรียมผมให้พร้อมก่อนลงทรีทเมนท์เคราตินค่ะ ร้านนี้เค้าใช้ผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมที่เหมาะแก่การทำผมแต่ละอย่าง อย่างครั้งนี้ตาลปี๊บจะทำเคราติน ก็ต้องใช้แชมพูเฉพาะเรื่องเคราตินค่ะ ?
ขั้นตอนที่ 2 คือการลงทรีทเมนท์เคราติน คือต้องหวี่ผมให้ตรงก่อน จากนั้นก็แบ่งผมออกเป็นช่อเล็ก แล้วน้องช่างผมเค้าก็ค่อยๆใช้แปรงทาทรีทเมนท์ลงบนเส้นผม พร้อมกับใช้นิ้วรูดเกลี่ยให้ทรีทเมนท์ติดผมทุกเส้นอย่างทั่วถึง อันนี้จะมาเทพรวดเดียวขย้ำทั้งหัวไม่ได้นะจ๊ะ ต้องละเอียดด้วย ไม่งั้นเดียวผมตรงไม่ครบหัวน้า ?
หลังจากลงทรีทเมนท์แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที ก็ต้องไดร์ผมให้แห้ง ขั้นตอนไดร์ผมนี่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ความร้อนระดับไหนก็ได้นะคะ เค้ามีเทคนิคของเค้า เพื่อให้ทรีทเมนท์ที่ลงไปก่อนหน้านี้มีประสิทธิภาพที่สุด พอผมแห้งแล้วพี่อเล็กซ์ก็มาทำการตัดแต่งทรงผมให้อีกทีค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญมากของการทำเคราติน นั่นก็คือการหนีบผมด้วยความร้อนค่า พี่อเล็กซ์อธิบายให้ฟังว่า ระดับความตรงของผมหลังจากทำเคราตินขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งและความร้อนที่ใช้ในการหนีบผม เพราะฉะนั้นก่อนทำตาลปี๊บก็เลยบอกความต้องการของตัวเองไปว่า อยากได้ผมตรงดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเป๊ะ ไม่เอาทื่อๆเหมือนยืดผมถาวร พี่อเล็กซ์ก็คำนวณให้หนีบประมาณ 8 ครั้งค่ะ (ส่วนเรื่องความร้อนไม่แน่ใจ แหะๆ)
ชั้นตอนสุดท้าย เป็นการบำรุงรักษาทรีทเมนท์เคราตินให้อยู่นานที่สุด โดยหลังจากทำทรีทเมนท์ไป ห้ามสระผมประมาณ 3 วัน รวมถึงไม่ควรรัดหรือรวบผมนะจ๊ะ พอถึงเวลาที่สระผมได้ ก็เป็นหน้าที่ของเราเองแล้วที่จะต้องกลับไปทำ after-care กันที่บ้าน ตัวนี้เป็นครีมนวดผมแบบล้ำลึกที่มีส่วนผสมของเคราตินเป็นหลัก คือนอกจากเราต้องใช้ Sulphate-free shampoo เพื่อไม่ทำให้เคราตินหลุดแล้ว เราควรจะต้องใช้ครีมนวดผมที่ช่วยเพิ่มเคราตินอย่างสม่ำเสมอด้วย ทรีทเมนท์จะได้อยู่กับเราไปนานๆนะคะ ?
นี่คือสภาพหลังจากทำทรีทเมนท์เคราตินไปแล้ว 1เดือน ผมยังสวยอยู่เลยย นี่ตาลปี๊บแค่สระผม หมักผมด้วยครีมนวด 20 นาที เป่าแห้ง และหวี ผลคือผมดูสุขภาพดีมากๆ เส้นผมเรียงตัวสวยเป็นธรรมชาติ จะไม่เหมือนการยืดผมถาวรนะคะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาผมเสียชี้ฟู และมีข้อจำกัดแบบเดียวกับตาลปี๊บ อยากแนะนำให้ลองทำทรีทเมนท์เคราตินจริงๆค่ะ รับรองตอบโจทย์อย่างแน่นอน หากใครมีคำถามเพิ่มเติมสามารถหาข้อมูลได้ในอินเตอร์เนตเลย เพราะเป็นทรีทเมนท์ที่ช่างผมทั่วโลกเค้านิยมใช้กันมากๆ


TARNPEEP

TARNPEEP

FB page: TAANPEEP
IG: TAANPEEP
YouTube: TAANPEEP

FULL PROFILE