รีวิวน้ำหอม 5 แบรนด์ พร้อมคะแนนความหอม-คุ้มค่า-ติดทน

สวัสดีค่ะทุกคน~ หลังจากห่างหายการเขียนรีวิวไปร่วมเดือนเพราะงานหนักมากกก เลยแยกร่างมารีวิวไม่ไหวจริงๆ 555555 รอบนี้เอ๋ยกลับมาพร้อมรีวิวน้ำหอมที่ใช้ในชีวิตประจำวันกันบ้าง ซึ่งจริงๆเอ๋ยมีน้ำหอมในกรุอีกหลายตัวมากกก แต่บางตัวจะใช้แค่บางโอกาส บางตัวก็ทิ้งให้ฝุ่นจับจนลืมไปแล้วว่าซื้อมา จนไม่แน่ใจว่ากลิ่นดั้งเดิมเปลี่ยนไปมากแค่ไหน…

รีวิวรอบนี้เอ๋ยเลยคัดมาทั้งหมด 5 แบรนด์ ที่หยิบมาใช้ประจำ ไม่ต้องคิดมากมาย สามารถใช้ได้ทั้ง Day Time – Night Time ซึ่งเป็นกลิ่นที่สามารถฉีดได้ตลอดวันค่ะ

มาเริ่มต้นกันที่ตัวแรก เริ่มจากตัวซ้ายมือสุดเรียงไปทางขวานะคะ

1. Clinique Happy Heart Perfume Spray

เริ่มต้นด้วยกลิ่นตระกูล Happy ที่โด่งดังของแบรนด์นี้กันก่อนเลยค่ะ ตอนแรกก่อนซื้อคือมีความลังเล ระหว่าง Happy กับ Happy Heart สุดท้ายก็เลือกตัวนี้มา
ความหอม: เหมือนเบ่งบานอยู่กลางทุ่งดอกไม้นานาชนิด ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ทำให้อารมณ์เราดีขึ้นสมชื่อเลย5555555 แต่ถ้าฉีดมากไป นี่จะมีความมึนๆฉุนๆ คัดจมูกหน่อยๆ ต้องเบามือ ฉีดแค่ 2 จึ้ก พอ หอมฟุ้งกำลังดีค่ะ
ความติดทน: ติดทนนะคะ ไม่ต้องใช้ปริมาณมาก กลิ่นก็ยังอยู่ตลอดวัน โดยเฉพาะถ้าฉีดติดเสื้อ อันนี้จนหมดวันเสื้อยังหอมอยู่เลยค่ะ
ความคุ้มค่า: ปริมาณ 50ml ถ้าจำไม่ผิดน่าจะซื้อมาประมาณ 1,500บาทค่ะ ราคาปานกลางค่อนไปทางสูง แต่ใช้ทีละนิด ขวดใหญ่ใช้ได้นานสุดดดด ถือว่าคุ้มค่ะ


2. Chloe Eau De Parfum

ตัวนี้ซื้อตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อนค่ะ ไปลองดมๆเลือกๆ อ่านรีวิวเขาว่าดีก็สอยมาตามเทรนด์
ความหอม: กลิ่นดอกไม้ที่ชัดสุดคือกุหลาบบบบบ มีความลูกคุณหนูขัดกับลุคมากมาย555555 จะชอบฉีดวันที่แต่งตัวดูดีนิดนึง เช่น ใส่เชิ้ตกางเกงสแล็คไปเข้าประชุม เหมาะกับวันที่อยากให้ดูผู้ดี น่าเชื่อถือหน่อย แต่ไม่ได้แก่เกินไป
ความติดทน: ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องความติดทนเท่าไร (แต่ก็ใช้มาครึ่งขวดแล้วนะ) เพราะบางวันฉีดก็ยังอยู่ บางวันก็หายๆ แต่ถ้าให้กะคร่าวๆว่าฉีดตอนเช้าก็ยังมีกลิ่นหอมอยู่ถึงบ่ายๆนะคะ
ความคุ้มค่า: ถ้าซื้อที่ไทยคือแพงม๊ากกก เห็นในชอปหรือสนามบิน 50ml ประมาณ 4,000บาท ซึ่งโชคดีว่าตอนไปเที่ยวซื้อมาไม่น่าจะเกิน 2,000บาทไทยค่ะ ><


3. Beauty Cottage Victorian Romance Memories of Love Eau De Parfume

ส่วนแบรนด์นี้ ปกติเอ๋ยไม่เค๊ยไม่เคยรู้เลยว่าเขามีน้ำหอม ปกติจะซื้อแต่ลิป ดินสอเขียนคิ้ว Beauty Cottage แต่วันนั้นไปเดินวนๆลองฉีดเล่น แล้วเซอร์ไพรส์กับกลิ่นของขวดนี้มาก รีบสอยมาทันที!
ความหอม: ถ้าให้อธิบายสั้นๆคือ กลิ่นมีความคล้ายคลึงเจ้าตัว Chloe Eau De Parfum ด้านบนมากกกก กลิ่นท็อปของตัวนี้จะจัดจ้านกว่านิดหน่อย แต่พอฉีดไปซักพัก กลิ่นจะละมุนพอดีมากๆค่ะ
ความติดทน: ติดทนปานกลาง-มาก ฉีดเช้า เย็นๆค่ำๆก็ยังมีกลิ่นจางๆตามข้อมือที่ฉีดนะคะ แต่กลิ่นก็จะเปลี่ยนไปประมาณนึง เหลือแค่กลิ่นหอมอ่อนๆค่ะ
ความคุ้มค่า: คุ้มมากกกกกกก คือขวดนี้ตอนตัดสินใจซื้อ เดินไปจ่ายเงินง่ายมากๆค่ะ (เหมือนโดนป้ายยา55555) ขนาด 28ml ราคาประมาณ 500บาทเอง แล้วได้กลิ่น Dupe ของ Chloe Eau De Parfum ที่ขวดละ 4พันกว่า! ฟินเว่ออออร์~~


4. Oriental Princess L.I.F.E Lively Eau de Perfume

อีกแบรนด์ที่ไม่ได้มีดีแค่เครื่องสำอาง ยังมีน้ำหอมราคาน่ารักน่าคบให้เลือกหลายกลิ่นด้วยค่ะ
ความหอม: เป็นกลิ่นที่ฉีดแล้วฟรุ้งฟริ้ง กระปรี้กระเปร่าดีค่ะ คือใช้ได้เรื่อยๆ กลิ่นกลางๆ แนวสดชื่น กลิ่นจะค่อนไปทางสไตล์เด็กๆสดใสนิดนึง จะชอบฉีดในวันที่แต่งตัวสบายๆ
ความติดทน: อันนี้เฉยๆค่ะ ไม่ได้ติดทนมากขนาดนั้น แต่ฉีดเช้า ตกบ่ายแก่ๆก็ยังมีกลิ่นอยู่นะคะ
ความคุ้มค่า: เป็นน้ำหอมอีกตัวที่ราคาน่ารัก 30ml ราคาประมาณ 700-800บาทค่ะ


5. Ck Be Eau De Toilette by Calvin Klein
ตัวสุดท้ายของวันนี้ และเป็นอีกหนึ่งตัวที่เอ๋ยชอบมากกกกก และหยิบมาใช้บ่อยๆ เพราะกลิ่นค่อนข้างตรงกับไลฟ์สไตล์และการแต่งตัวของเราค่ะ

ความหอม: ถือเป็นน้ำหอม Unisex ที่เอ๋ยว่าใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง กลิ่นสดชื่น ไม่หวานเลี่ยนเกิน ฉีดแล้วรู้สึกเท่ ผสมเป็นคนคูลๆ แต่ก็อบอุ่นอะ (เริ่มงงละ) 5555555 เอ๋ยเป็นคนชอบแต่งเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ก็จะชอบฉีดกลิ่นนี้ เพราะรู้สึกว่ามัน Finished Look มากขึ้นค่ะ
ความติดทน: เสียดายที่ตัวนี้เป็น Toillette กลิ่นเลยไม่ติดทนเท่าไร ฉีดแป๊บเดียว 3 ชั่วโมงก็หายไปแล้วค่ะ TT
ความคุ้มค่า: ตัวนี้เอ๋ยซื้อที่ต่างประเทศตอนลดราคา จำราคาแม่นๆไม่ได้ แต่ไม่เกิน 1,000บาทค่ะ ขวดใหญ่มาก คุ้มค่าค่ะ ^^


สำหรับวันนี้ก็จบไปแล้วนะคะ กับรีวิวน้ำหอมทั้ง 5 แบรนด์ที่ใช้บ่อยๆ ถ้ามีโอกาส (และมีเวลา) อาจจะมาเปิดกรุน้ำหอมให้จัดเต็มกว่านี้นะคะ
ใครมีตัวไหนที่ใช้เหมือนกัน หรือมีน้ำหอมแนะนำกันเข้ามาได้เลยค่ะ
วันนี้เอ๋ยขอตัวไปเคลียร์งานค้างก่อนนะคะ สวัสดีค่าาา~~