Skincare Anti-Pollution ฟื้นฟูผิวหลังจากไปฝ่าฟันสมรภูมิฝุ่น PM 2.5 ชีวิตกลางกรุงอันโหดร้าย

19 12
แว่วๆว่ากรุงเทพติด TOP10 โลก ว่าเป็นเมืองที่อากาศแย่ที่สุด เริ่มรู้สึกว่าอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่คือคันหน้า คันจมูก คันหู คันตาไปหมด ขอบ่นหน่อยนะ ว่าอีฝุ่นเนี่ย เห็นว่าทำให้สุขภาพแย่ได้ง่ายๆเลย ใครออกจากบ้านไปทำงานก็อย่าลืมใส่หน้ากากป้องกันกันด้วยนะคะ ถ้าเป็นไปได้คือพยายามลดกิจกรรมกลางแจ้งไปเลยค่ะ เพราะอันตรายมากๆ นอกจากปัญหาที่กระทบต่อสุขภาพโดยตรงแล้ว ฝุ่นก็ยังถือว่าเป็นมลภาวะที่แย่ ที่สามารถทำร้ายผิวหน้าเราได้ด้วยค่ะ ช่วงนี้ก็อาจจะมีปัญหาผด ผื่น สิวอุดตัน หรือรู้สึกว่าผิวหน้ามีอาการขาดน้ำ แห้งผากผิดปกติ วันนี้เราก็เลยมาแนะนำวิธีฟื้นฟูผิวหลังจากที่เราออกไปต่อสู้กับมลภาวะมาค่ะ น่าจะเป็นประโยชน์แก่ชาวยอดมนุษย์เงินเดือน ที่ต้องเดินทางไปทำงานกันทุกวัน เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เลยจะเอาวิธี และสกินแคร์ที่เราใช้มาบอกต่อกัน ลองดูกันนะ เรารู้สึกว่าสกินแคร์พวกนี้แหละที่กู้หน้าเราไว้ได้ ไม่งั้นป่านนี้หน้าพังไปแล้ว  
เริ่มที่กลับถึงบ้าน เราจะต้องล้างมือด้วยสบู่ล้างมือให้สะอาดก่อนค่ะ เพราะวันๆนึงมือเราจับสิ่งสกปรกมาเยอะมาก เพราะฉะนั้นก่อนสัมผัสผิวหน้าจงล้างมือก่อน จากนั้นก็จัดการเช็ดหน้าด้วย Cleansing Water Freyja Pure Face Cleansing Micellar Water ค่ะ เทใส่สำลีพอประมาณ แล้วจัดการเช็ดที่ผิวหน้าเลยจ้า สำลีออกมาดำปี๊สุดๆ ไม่ใช่แค่เมคอัพที่ออกนะ พวกฝุ่นสิ่งสกปรกตกค้างก็ออกมาด้วย เพราะ Cleansing ตัวนี้มีน้ำแร่ประจุลบ ที่จะช่วยดึงดูดสิ่งสกปรกออกจากผิวค่ะ ก็มั่นใจไปได้อีกหนึ่งระดับว่าน่าจะเช็ดออกเกลี้ยงอยู่นะ
ข้อดี เช็ดออกได้หมดจด เครื่องสำอางกันน้ำก็เอาออกได้ ไม่ตึงผิว ไม่แสบหน้า และไม่แสบตาด้วย
ข้อเสีย มีส่วนผสมของน้ำหอม ใครแพ้น้ำหอม อาจจะต้องระวังจ้า
จากนั้นก็ต้องล้างซ้ำด้วยเจลล้างหน้าอีกรอบค่ะ เพื่อความชัวร์ว่าสะอาดแน่ๆ เราเลือกใช้เป็น Simple Refreshing Facial Wash gel เพราะรู้สึกว่าตัวนี้อ่อนโยนมาก ไม่มีฟอง ไม่มีสารที่ทำร้ายผิว ผิวจะได้ไม่ถูกรบกวนมากจนเกินไป เพราะลำพังมลภาวะนอกบ้านก็แย่พออยู่แล้ว ขอเป็นอะไรที่อ่อนโยนหน่อยแล้วกัน สำหรับตัวนี้ใช้แล้วก็รู้สึกว่ากักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ใช้งานง่าย ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นเลยด้วย หลักๆก็ช่วยเรื่องทำความสะอาดได้ดี มีวิตามินอีที่ช่วยเรื่องของ Antioxidant ด้วย ฝุ่นควันขนาดนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหน้าเหี่ยว สบายใจได้ไปอีกขั้นนึง
ข้อดี ผิวแห้งก็ใช้ได้ไม่แห้งตึง ไม่ทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น และไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
ข้อเสีย ไม่มีฟอง อาจจะทำให้คนที่ผิวหน้ามันรู้สึกได้ว่าเอาความมันออกไม่หมด
สัปดาห์นึง Detox ผิวซักครั้งก็ยังดีค่ะ ถ้างบถึงหน่อย แนะนำเป็นมาส์กโคลน Origins Clear Improvement Active Charcoal Mask ส่วนประกอบดีมาก มาส์กประมาณ 10 นาที จะสังเกตเห็นเลยว่าพวกหัวสิวเสี้ยนโผล่ออกมา พอล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้ว จะรู้สึกได้ทันทีเลยว่าผิวสะอาดหมดจดเป็นพิเศษ สำหรับตัวนี้รู้สึกว่าจะมีส่วนผสมของถ่านชาโคลด้วย ก็จะช่วยดึงดูดสิ่งสกปรกแบบล้ำลึกคูณ 2 เข้าไปอีก ลองมาหลายแบรนด์ชอบแบรนด์นี้ที่สุด เพราะใช้งานง่าย เป็นหลอดแบบไม่ต้องอาศัยไม้พายมาตักให้ลำบาก
ข้อดี ล้างออกง่าย กลิ่นไม่แรงจนเกินไป หน้าไม่แห้งตึง
ข้อเสีย ถ้าปิดไม่ดีเนื้อโคลนอาจแห้งปิดปากหลอดจนบีบไม่ออกได้
ล้างหน้าจนสะอาดที่สุดในชีวิตแล้ว ก็ตามด้วยการเช็ดโทนเนอร์ค่ะ เราใช้เป็น Thayers Witch Hazel Aloe Vera Formula Rose Petal แบรนด์นี้ค่อนข้างดังในวงการพรีออเดอร์ ใครที่ท่องอินเตอร์เน็ตบ่อยๆ น่าจะเคยเห็นกันมาบ้าง เราจะใช้คู่กับสำลีค่ะ เช็ดเบาๆที่ผิวหน้า เพื่อเป็นการปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป หากใครที่ยังล้างหน้าไม่สะอาด ขั้นตอนนี้จะเห็นได้ชัดเจนเลยแหละว่ามีคราบสิ่งสกปรกติดบนสำลี ก็ถือเป็นการเชคอีกรอบว่าหน้าสะอาดจริงไหมไปในตัว โทนเนอร์ตัวนี้ช่วยในเรื่องของการกระชับรูขุมขน ปลอบประโลมผิวที่เหนื่อยล้า และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ส่วนตัวชอบมาก ขวดนึงใช้ได้นาน ใช้มาซักพัก รู้สึกได้ว่าสิวอุดตันลดลงด้วยนะ
ข้อดี ปริมาณเยอะ เช็ดแล้วไม่แสบผิว ไม่มีแอลกอฮอล์ รูขุมขนดูกระชับขึ้น
ข้อเสีย ราคาพรีออเดอร์ถูกกว่าซื้อในร้านค้าที่เมืองไทยเยอะมาก ทำให้ยังต้องพรีออเดอร์อยู่ เสี่ยงของปลอม
เซรั่มคุณหมอตัวดังที่แพทนปภาเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ Dr.Jill G5 Essence ตัวนี้หลักๆจะช่วยเรื่องให้ความชุ่มชื้น แต่พอได้ลองก็ไม่ได้ชุ่มมากขนาดนั้นนะ เราไปอาศัยความชุ่มชื้นจากครีมเอามากกว่า เพราะเซรั่มบางเบา และซึมไวมาก คนผิวมันน่าจะชอบ เพราะทาแล้วซึมลงผิว แห้งไปเลย เรื่องลดรอย ลดจุดด่างดำ ก็รู้สึกว่าจางลงนิดหน่อยค่ะ หลักๆเราใช้เพราะอยากลดพวกสิว แล้วก็ต้องการอะไรที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ตัวนี้ตอบโจทย์ในเรื่องของสิวอยู่
ข้อดี บางเบามาก ซึมไวมาก ไม่เสี่ยงเรื่องสิวอุดตัน
ข้อเสีย ปริมาณที่ใช้ต่อครั้งค่อนข้างเยอะ กว่าจะทาได้ทั่วหน้า เซรั่มหมดขวดไวมาก
ปิดท้ายการบำรุงด้วยครีมรกแกะเอมี่ค่ะ Joliena Plus Moisturising Placenta Cream  บอกเลยว่าใครกังวลเรื่องหน้าเหี่ยว ผิวแห้ง ดูกร้านๆ ตัวนี้บำรุงได้ดีมาก เราทาทั้งเช้าและเย็น ผิวดูอิ่มน้ำ ละเอียดขึ้นแบบเห็นได้ชัด พวกริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตา ตรงหน้าแก้มจางลงชัดเจนเลย เนื้อครีมค่อนข้างเข้มข้น แต่ทาแล้วบางเบา ซึมไวอยู่นะ ไม่เหนียวเลย ทาก่อนนอนก็ชุ่มชื้นดีงาม ทาตอนเช้าหน้าก็ไม่มันไม่เยิ้ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สามารถใช้พอกหนาๆ เป็น Sleeping Mask ได้ด้วย ไม่ต้องเสียเงินซื้อมาส์กเพิ่ม กระปุกเดียวใช้คุ้ม หลักๆคือช่วยเรื่องริ้วรอย และเติมน้ำให้ผิว จากเดิมที่ผิวเราแห้ง ลอก แสบๆ ตรงร่องจมูก ตอนนี้ผิวก็ดูนุ่มชุ่มชื้น ดูเด้งๆขึ้น สำหรับเรื่องริ้วรอย ถ้าคนไหนที่อายุยังไม่เยอะ ยังไม่มีริ้วรอยก็ใช้ป้องกันไว้ก่อนได้นะคะ ความชุ่มชื้นนี่แหละจะทำให้ผิวเหี่ยวช้าลง อากาศแย่ขนาดนี้จะเสี่ยงหน้าเหี่ยวไม่ได้น้า มันมาไวจริงๆความแก่ เราเองผิวแพ้ง่ายใช้แล้วก็ไม่แพ้นะ อ่อนโยนมาก ทารอบดวงตาก็ไม่รู้สึกระคายเคือง
ข้อดี เนื้อครีมซึมไว ชุ่มชื้นแต่ไม่เหนียว ช่วยเติมน้ำให้ผิว และลดริ้วรอยได้ดี
ข้อเสีย ไม่มีช้อนสำหรับตักครีม กระปุกใหญ่ต้องใช้นิ้วมือในการปาดเนื้อครีมออกมา
          ขั้นตอนง่ายๆแค่นี้ผิวก็สตรองสู้มลภาวะได้แล้ว แค่หมั่นบำรุงทาสม่ำเสมอเท่านั้นเอง แต่ละตัวที่เราเลือกใช้ก็ได้มาตรฐาน มีที่ผลิต แจ้งส่วนประกอบ พร้อมเลขที่จดแจ้งปลอดภัยชัดเจน มลภาวะแบบนี้เราก็ต้องสู้ไปค่ะ เดี๋ยวอะไรๆก็ดีขึ้นเนอะ ใครทำตามแล้วอย่าลืมแวะมาแจ้งผลกันบ้างน้า ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ คนสวยต้องแข็งแรงด้วย อิอิ วันนี้ก็ขอตัวไปก่อน สวัสดีค่า  


วงกลมกลม

วงกลมกลม

FULL PROFILE