คนดังก็พังได้

28 3

Era  -   2000s


Moment  - Lindsay Lohan ก้นโผล่ต่อหน้าแฟนๆ รุ่นเยาว์ใน Kids' Choice Awards

ก่อนที่จะมี Kendall และ Kylie  Jenner ยุค 2000s นั้น Lindsay คือคนที่ครอบครองพื้นที่สื่อ กองทัพ paparazzi จะคอยติดตามเก็บภาพของเธอมานำเสนอบนสื่อ gossip ไม่เว้นวัน จะมีช่วงที่ไม่ว่าเธอมีพฤติกรรมแรงเท่าไร แต่แฟนๆ ก็ยังปล่อยผ่านและส่งแรงสนับสนุน กระแสของเธอแรงเหมือนเอา J Law กับ Kylie มาผสมกัน เพราะเป็นนางเอกที่ถูกมองว่ามีความสามารถจนอาจจะคว้า Oscar ตามที่ประกาศไว้ และยังนำเทรนด์โดนใจวัยรุ่น แม้แต่ย้อมเปลี่ยนสีผมใหม่ก็ยังสร้างความฮือฮา

moment ที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความฉาวของหลินก็น่าจะเป็นงาน Kids' Choice   เธอยังเป็นขวัญใจของเด็กๆ จากบทในหนัง Disney ตอนที่ไปรับรางวัลก็อาจจะเดินสะบัดด้วยความดีใจมากไปนิด ชายประโปรงสั้นพริ้วจึงตลบขึ้นจนเห็นแก้มก้น


Moment  - ยืนกรานปฏิเสธเรื่องติดยาเสพติและเหล้าอยู่นานสองนาน แต่ในที่สุดก็ออกงานพร้อมกับสายรัดตรวจปริมาณแอลกอฮอลที่ข้อเท้า


เธอไม่ได้หาเครื่องนี้มาใส่แบบ cool - cool แต่จำเป็นต้องใส่เพราะไปก่อวีรกรรมดื่มเหล้าและเสพยาแล้วไปขับรถไล่ตามคนอื่นต่างหาก

นี่คือ accessory ที่ it girl คนอื่นคงไม่กล้าหามาใส่ประชัน!




Moment  -  ปล่อยโฮกลางศาลเมื่อถูกตัดสินลงโทษจำคุก แต่เมื่อซูมเข้าไปชัดๆ หรือว่ากำลังส่งสารลับให้ผู้พิพากษาอยู่ ?

จะตั้งใจด่าผู้พิพากษาจริงหรือไม่ นั้นประโยค F U ที่นิ้วกลางก็ไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดีขึ้นเลย





Moment  - ขโมยสร้อยทอง
Lindsay เคยถูกจับมาแล้วหลายคดี และหนึ่งในนั้นคือข้อหาขโมยสร้อยทองมูลค่า 2500 เหรียญจากร้านเครื่องประดับ ซึ่งในตอนแรกนั้นเจ้าตัวปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้ทำผิดตามที่ใส่ร้ายแต่อย่างใด จากนั้นไม่นานก็มีการเผยแพร่จากกล้องวงจรปิดที่สื่อดังซื้อจากฝ่ายโจทก์  ซึ่งเป็นการยืนยันว่า นางเอกชื่อดังได้ลองใส่สร้อยทองและเดินวนเวียนอยู่ในร้านก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่ได้คืนสร้อยให้กับพนักงานขาย


นั่นทำให้เกิดกระแสถกเถียงจากโลกออนไลน์ว่าเธอตั้งใจจะขโมยของจริงๆ หรือไม่ เพราะจากฟุทเทจ Lind ดูชิลในการลองเครื่องประดับไปทั่วร้าน เพื่อนที่ไปด้วยกันก็ไม่ได้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากพนักงาน เหมือนกับว่าเธอลืมถอดคืนให้เท่านั้น แต่ก็มีเสียงแย้งอย่างน่าคิดว่า ปกติแล้วถ้ามีคนลืมถอดสินค้าคืนให้ทางร้าน หากรู้ตัวก็ต้องรีบนำมาคืนพร้อมกับคำขอโทษและชี้แจง แต่กลับปล่อยไว้จนร้านแจ้งความ


ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ ภาพฟุทเทจไม่ได้มีเพียงสั้นๆ ตามที่เห็นในสื่อแน่นอนค่ะ ฝ่ายโจทก์มีวีดีโอตัวเต็มที่มีหลักฐานเด็ดเอาผิดได้ แต่เจ้าตัวเลี่ยงที่จะรับผิดแบบเต็มๆ จึงให้การ "ไม่ขอสู้คดีต่อ" และได้รับโทษจำคุก 120 วัน พร้อมกับการบำเพ็ญประโยชน์ และต้องบำบัดให้เลิกพฤติกรรมขโมย ก่อนหน้านี้เธอเคยจิ๊กเสื้อขนมิงค์ของสาวคนหนึ่งไปจนเจ้าของประกาศว่าถ้าไม่นำมาคืนจะแจ้งความ และได้รับกลับคืนในสภาพที่มีกลิ่นเหล้าบุหรี่คลุ้ง และยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ร่ำลือกันว่าเธอน่าจะเป็นตัวการ  
ทั้งเรื่องเหล้ายาเสพติด การทำร้ายร่างกาย  ลักขโมย party หนักจนจนเบี้ยกองถ่าย วีรกรรมเหล่านี้ทำให้เธอสูญเสีย status นักแสดงมืออาชีพไป ถูกถอดตัวออกจากหนัง (คนที่คว้าบทไปแทนคือ Amanda Seyfried ที่รับบทสมทบใน Mean Girl) deal กับแบรนด์ต่างๆ ถูกยกเลิก  ความพยายามกลับมาโลดแล่นในวงการล้มเหลวและถูกสับเละเทะเรื่องการแสดง หนังเรื่องสุดท้ายเมื่อหกปีก่อนนั้นเป็นหนังอีโรติคทุนสร้างต่ำ เธอจับคู่กับพระเอกหนังโป๊และยอมเปลือยอกในฉาก sex หมู่ แม้จะมีรายงานว่า นักแสดงนำจะได้รับค่าตอบแทนเพียง 100 เหรียญต่อวัน ส่วนผลงานล่าสุด นอกจากจะมี reality show ทาง MTV ก็เป็นหนังที่ถ่ายไว้หลายปีก่อน เพิ่งมี program จะฉายในปีนี้ค่ะ 


Moment  -  IT girls พร้อมใจทิ้งกางเกงในไว้ที่บ้าน แล้วฉีกขาออกจากรถจนเห็นทะลุทะลวง




มันเป็นช่วงเวลาที่คุณติดตามแทบลอยด์แล้วก็สับสนว่า....เพราะอะไรกันนะ ?
บางคนอาจจะคิดไปว่านี่คือเทรนด์รึเปล่า พวกเธอต่างรู้ดีว่ากองทัพช่างภาพที่มีกล้องที่มีกำลังซูมสูงกำลังรอหาภาพเด็ดไปขายทำเงิน แต่กลับไม่ใส่กางเกงชั้นในเป็นปราการป้องกันตอนยกแข้งยกขา กลายเป็นว่าภาพน้องจิ๊มิก็วนเวียนอยู่ใน internet ไปตลอดกาล


เราไม่ได้เห็นภาพทำนองนี้จากอิทเกิร์ลในปัจจุบันแล้วนะ แม้จะแต่งตัวเปิดเผยสัดส่วนมากขนาดไหน แต่ก็จะเซฟของสงวนด้านล่างไว้ด้วยกางเกงชั้นใน



Moment   -  Paris Hilton เดินออกจากคุกแบบเหนียมๆ ผิวไม่แทนจัด แต่งหน้าเบาๆ 
เป็นการออกจากคุกที่มีช่างภาพและแฟนๆ มารอรับประดุจงานพรมแดง


อันที่จริงตอนที่แพแต่งแบบใสๆ ดูมีเสน่ห์น่ามองไม่แพ้กันนะเออ



Moment    -   Paris  เมากรุบกริบหลังออกจากคุก



หลังได้รับอิสระ Paris ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับพิธีกรทรงอิทะิพลแห่งอเมริกาว่าเธอไม่ได้ชอบดื่มด้วยซ้ำไป เธอเกลียดรสชาติเหล้า แต่หลายปีที่ผ่านมากลับมีภาพตอนกระดกดหล้่เข้าปากออกมามากมาย ข้อหาเมาแล้วขับทำให้เจ้าตัวติดคุกไป 23 วันและประกาศว่าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากประสบการณ์เลวร้ายนี้

พอออกจากคุกมาได้สามเดือนแล้วมีภาพเมาขาพันกันไปถึงขั้นปีนประตูบ้านเพื่อน   สื่อก็ล้อกันให้สนุกปากน่ะสิคะ!



Moment  -  เพื่อนสนิทของ Paris ด่า Lindsay  ว่าเป็นนังยาจก ขนจิ๊มิสีส้ม
ในยุค 2000s  Paris คือ Queen Bee ที่แท้ทรู    เธอคือคุณหนูตระกูลมหาเศรษฐีมี่สร้างอาชีพขึ้นมาจากการ party  (จริงๆแล้วเธอเป็นที่รู้จักมาก่อนsex tape หลุดซะอีก)   สนิทสนมกับเซเลบชั้นนำมากมาย   และจะมี phase หนึ่งที่กลยมาเป็น  party buddy กับ Lindsay Lohan

เรื่องมันเกิดเมื่อปี 2006 เริ่มต้นที่

- Brandon Davis เพื่อนสนิทกลุ่มไฮโซของ Paris ประกาศต่อหน้าpaparazzi อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆว่า Lindsay "มีทรัพย์สินแค่เจ็ดล้านเหรียญ ดังนั้นนางก็คือยาจกน่าแหวะที่ต้องอาศัยใน motel แถมขนหมออ้อยยังเป็นสีแดงด้ม จิ๊มิเหม็นเน่า แต่พวกสื่อก็ยังเห่อยายขนแดงเพราะตายอดตายอยากจะได้ข่าว"

"คุณมีอะไรกับนางลงเหรอ ผมคนหนึ่งล่ะที่ทำไม่ลง พวกคุณสนใจนางกันอยู่นั่น ความจริงก็คือหนังนางก็แป้กสุดๆ ตัวนางก็มีแต่ขนสีส้มปกคลุม ไหนจะตกกระบานเบอะอีก" เขาพล่ามด้วยอาการที่ดูเหมือนมึนเมา ช่วงเวลาหลายนาทีที่ดูถูกLindsay อย่างเจ็บแสบนั้น Paris หัวเราะคิกคัก กระซิบกระซาบกับเพื่อนหนุ่มปากเสียและส่งข้อความเล่าให้เพื่อนคนอื่นฟังตลอดเวลา แม้rep จะออกมาแก้ข่าวให้สวยๆว่า มันเป็นการแสดงความเห็นของ Brandon เพียงฝ่ายเดียว เธอไม่ได้คิดในแง่นั้นกับ Lindsay แต่ใครๆก็ดูออกว่า มิตรภาพสาย party ของ It girl ทั้งสองคนได้สะบั้นลงไปแล้ว




ไม่กี่เดือนต่อมา  สื่อทั้งหลายก็ได้ข่าวอันโอชะเสิร์ฟให้กับผู้เสพกอสสิป  นั่นเป็นเพราะว่า


- หลินเดินมาปรี๊ดใส่ช่างภาพว่า Paris ทำร้ายเธอด้วบการเอาแก้วเครื่องดื่มข้างโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลย และโชว์แขนให้ดูว่าเจ็บนะนี่

- ไม่ี่ชั่วโมงต่อมาParis เผชิญหน้าหลินต่อหน้า paparazzi ตะโกนบอกว่า Lindsay เล่าความจริงให้พวกเค้าฟังสิยะ! หลินกลืนน้ำลายตัวเองแล้วประกาศว่า Paris ไม่เคยทำร้ายชั้น ทุกคนเอาแต่สะตอใส่กัน เธอเป็นเพื่อนชั้นและเป็นคนที่น่ารักมาก โดยที่ไม่ยอมตอบคำถามช่างภาพว่าตกลงพูดไม่จริงเรื่องที่ถูกทำร้ายใช่มั้ย

- อีกไม่นานมาก็พูดใส่กล้องอีกว่า Paris Hilton is a ... ( c word คำหยาบคายในภาษาอังกฤษ แปลตรงๆ ก็จิ๊มิ แต่ถ้าแปลเป็นไทยคงได้สารพัดคำด่าหยาบๆ ปกติแล้ว ถ้าไม่ใช่บทหนัง คนดังจะไม่พูดออกสื่อกัน เพราะมันแรงกว่า f word มาก) พูดเสร็จก็ยิ้มอย่างสะใจที่เห็นpaparazzi ร้องฮ้าด้วยความตะลึง

- พอช่างภาพตามตัวเจอ แล้วตั้งคำถามว่าทำไมด่า Paris ว่า ....หลินก็เบิกตาโตและกลับคำพูดแบบหน้าตาเฉยว่า ชั้นไม่เคยด่าเธอแบบนั้นสักหน่อย ชั้นรักเธอจะตายไป


(เหตุการณ์เหล่านี้ Paris จดจำได้หมด เมื่อปีที่แล้ว พอมีคนรวมคลิปการพูดกลับไปกลับมาของหลินมาโชว์ใน gossip blog เธอก็ไปลงความเห็นสั้นๆ ว่า "ยายคนโรคจิตชอบหลอกตัวเอง"





Moment  - Britney Paris และ Lindsay สามัคคีชุมนุม

น้องๆ ที่เกิดไม่ทันภาพนี้อาจจะคิดว่า เอ๊ะ มัน epic ยังไง it girl ที่ดังๆเค้าก็จับกลุ่มกันตามปกติ ดูอย่าง Kendall Gig และ Hailey ก็เป็นแกงค์สาวคนดังที่วัยรุ่นนิยม แต่ภาพนี้มันลึกไปกว่านั้นค่ะ ตอนนั้น Brit เพิ่งฟ้องหย่าสามี ไม่กี่ปีที่แต่งงานไป ภาพความเป็นit girl ของเธอดรอปลงไปเยอะมาก พอเธอเลิกกับผู้ชายที่ถูกมองว่ามาเกาะกิน ภาพ Girl power นั้นทำให้แฟนๆเชื่อว่าเธอจะกลับมาเป็น America's sweetheart ได้เหมือนเดิม

แต่การแทกทีมเดินสาย party กับ Paris Hilton ก็หักมุมจากสิ่งที่ผู้คนจินตนาการไว้  ด้วยความคาดหวังว่าเธอจะกลับมาสุดปัง  แต่เริ่มต้นมันก็เริ่มจะพังแล้ว  ประวัติความฉาวของทายาทเครือ Hilton นั้นยาวยืดยิ่งมีหลินเข้ามาแจมด้วยก็ฮือฮาไปกันใหญ่  สร้างเสียงวิจารณ์ว่า Brit เลือกคบเพื่อนที่มีข่าวฉาวโฉ่เช่นนี้ก็จะทำให้เธอเตลิดเปิดเปิงไปในทางไม่ดี

ไม่ว่าใครก็งงกันยกใหญ่ค่ะ ถึงจะไม่แรงขนาดกระโจนเข้าหาอริเหมือนกับดราม่า Cardi B  VS  Nicki Minaj แต่เมื่อเดือนที่แล้ว Lind ด่า Paris ออกสื่อไว้ซะขนาดนั้น อยู่ดีๆจะกลับมาจี๋จ๋าparty นั่งรถคันเดียวกันกลับบ้านมันก็ดูแปลกๆ


เมื่อไม่นานมานี้ Paris ก็ได้เฉลยที่มาขอเหตุการณ์คาใจปี 2006 ไว้ชัดเจนว่า


"ฺBritney กับชั้นไปเที่ยวกันค่ะ แล้วนางก็เนียนเข้ามาแบบไม่ได้รับเชิญ พอพวกเรากำลังจะกลับบ้านด้วยกัน นางก็ไล่ตามพวกเรามาแล้วก็เบียดเข้ามาในรถชั้น มันเป็นรถที่มีแค่สองที่นั่งนะคะ แล้วนางก็มาอัดแน่นกับพวกเรา ชั้นไม่อยากจะฉีกหน้านางต่อหน้ากล้อง paparazzi ด้วยการไล่ให้ออกไปดังๆ ก็ได้แต่คิดว่า เออ ช่างเหอะ"


"พอชั้นขับรถกลับถึงบ้าน Britney กับชั้นก็เข้านอนเลยค่ะ ในตอนนั้นก็ยังไม่มี Uber ซะด้วย นางก็คงเรียกรถ TAXI ล่ะมั้ง ชั้นไม่รู้หรอกค่ะว่านางกลับไปยังไง"
.


ถ้ามองจากภาษาร่างกายในภาพ มันลงตัวกับคำบอกเล่าของสาวไฮโซจริงๆนะ



Moment   -   It girl แทบทุกคนจะเจอสื่อปล่อยข่าวว่าเป็นโรคปฏิเสธอาหาร
มันเป็นช่วงที่ยังไม่มี Instagram และ Twitter   แต่พอมีพวกกระทู้รำลึกเทรนด์ 2000s เมื่อไร  ชาวเน็ทเจน Y  ก็จะมาบอกเล่า phase ที่แข่งกันอดอาหารให้ผอมบางกระดูกโผล่ให้เหมือนกับ It girl ทั้งหลาย      ขนาดยังไม่มี social media    ก็ยังเป็น norm ที่น่ากังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะแนวคิด "ยิ่งผอม ยิ่งสวย" สร้างความกดดันให้เด็กสาวทำร้ายตัวเองด้วยวิธีลดน้ำหนักที่แย่ต่อสุขภาพ และหนักไปจนถึงขั้นโรคปฏิเสธอาหาร



Moment   - Amanda Bynes ถูกตำรวจจับขึ้นศาลในสภาพ....


Amanda เป็นนักแสดงหนังรักวัยรุ่นที่ดูแล้วน่าจะมีอนาคตที่ไกล  ประสบการณ์แสดงตั้งแต่ยังวัยเด็กจนกลายมาเป็นteen idol นั้นน่าจะช่วยปูทางเข้าวงการ TV  แล้วคว้าบทในซีรีส์ดังๆ  และสร้างชื่อเสียงต่อได้อีกนาน  แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อนางเอกสาวที่ทั้งสวยน่ารักแะรูปร่างดีแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาดจนถึงขั้นถูกตำรวจจับและต้องตรวจรักษาในโรงพยาบาลจิตเวช
หลังจากที่ถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ  Amanda ก็เริ่มดูไม่เป็นคนเดิม  เธอ Tweet ก่นด่าคนดังอย่างรุนแรงโดยไร้เหตุผล  ถูกไล่ออกจาก gym จากพฤติกรรมก่อกวนผู้เข้าใช้บริการคนอื่นๆ (เธอเต้นแร้งเต้นกาบนลูวิ่ง และกระโดดไปบนเครื่องออกกำลังกายต่างๆ)    หลังจากที่ตัวแทนยกเลิกสัญญากับเธอ  Amanda ก็เผยลุคใหม่ช็อกผู้คน  เธอแต่งหน้าแหวกแนวเดิม สะบัดเสื้อผ้าถ่าย selfie เปลือยอก   (เมื่อหลายปีก่อน  มันไม่ได้ดูเป็นเรื่อง "ธรรมดา" ของ It girl เหมือนในปัจจุบัน)   เดินไปทั่วเมืองแบบมีผ้าห่มคลุมหัว
วีรกรรมหลายอย่างมันล้ำเส้นปกติไปมากแล้วค่ะ ทั้งด่า Riri ว่า ถูกChris Brown ทุบเอาเพราะหน้าตาแย่  ร้ายกว่ายังไปจุดไฟบนทางเข้าบ้านคนไม่รู้จัก   เธอจึงถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลจิตเวชเร่งด่วน


ข่าวคราวของ Amanda เงียบหายไปตามกาลเวลา  แต่ล่าสุด เธอได้กลับมาพร้อมไขข้อข้องใจในสาเหตุของพฤติกรรมที่ทำให้ชีวิตนักแสดงต้องถึงจุดจบลง
Amanda ในวัย 32 ยืนยันว่า  ไม่ได้ทำสิ่งแย่ๆเหล่านั้นลงไปเพราะโรคจิตเวช   แต่เป็นผลจากการเสพยา ทั้งกัญชา ยาอี  และ Adderall   "มันทำให้สมองชั้นปั่นป่วนค่ะ    จริงๆแล้วชั้นเป็นคนนิสัยดี  ถ้าไม่ได้เสพยา ไม่มีทางที่ชั้นจะพูดหรือทำสิ่งพวกนั้น รวมไปถึงการด่าคนทาง Twitter "    เธอยังได้ขอโทษทุกคนที่ได้รับผลกระทบต่อการกระทำที่ผ่านมาด้วย    นอกเหนือจากนี้  เธอยังอยากจะได้โอกาสในการกลับมาในวงการแสดงอีกครั้ง

"ชั้นไม่หวาดกลัวต่อสิ่งที่จะเกิดในอนาคตค่ะ ชั้นผ่านจุดที่ย่ำแย่ที่สุดมาแล้วและก็อยู่รอดมาได้ ชั้นเชื่อว่าจะเริ่มจากตรงนี้ได้"



candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE