Perfect Body Throughout History

28 7

“Renaissance" 

ท่ามกลางความรุ่งเรืองการฟื้นฟูศิลปวิทยาราวๆศตวรรษที่14-17ในอาณาจักรยิ่งใหญ่ที่ยุโรป ดูเหมือนว่านี่คือยุคที่ให้ความชื่นชมเนื้อหนังอวบอั๋นของผู้หญิง

ช่วงเวลาที่ผู้คนปลาบปลื้มต้นขาใหญ่ ไขมันหน้าท้องกระเพื่อม มีอยู่จริงๆ หรือ ?
งามปานภาพวาด คำๆ นี้พวกเราต่างได้ยินมาเนิ่นนาน เมื่อคุณจ้องมองภาพวาด The three graces ฝีมือ Peter Paul Rubens ให้ดีๆ นอกจากมันจะแสดงถึงเทพีกรีกสามคน แต่ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด นั่นคือเซลลูไลท์เทพีใช่มั้ย ?


ดังที่ได้เห็นในภาพของ Rembrandt  ศิลปินชาวดัชท์ หญิงสาวในภาพคือ Bathsheba ที่ทำให้ราชา David หลงไหลหลังจากที่ได้เห็นเธอกำลังอาบน้ำ แม้ว่าเธอจะมีสามีเป็นทหารกล้าที่กำลังออกรบ แแต่ราชาก็ทำให้เธอตั้งท้อง และตัดสินใจสั่งให้สามีผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปเป็นปราการหน้ากองทัพจนถูกฆ่าตาย จากนั้นก็อภิเษกกับสาวงามที่เป็นภรรยาของคนอื่นหน้าตาเฉย


และในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ  สาวงามสะคราญใจอย่าง Bathsheba นั้นมีรูปร่างที่คนปัจจุบันมองว่าอวบระยะสุดท้าย ในบางประเทศก็คงใช้คำว่าอ้วนด้วยซ้ำ
Venus ในมุมมองศิลปินในยุคนั้นไม่ได้มีรอบเอว 24 นิ้ว แต่เป็นสาวจ้ำม่ำที่มีรูปร่างแบบลูกแพร์ หน้าอกของเทพีแห่งความงามเลิศไม่ได้เบียดชิดอวบอิ่มเป็นทรงหยดน้ำ แต่เป็นอกตูมที่ดูเล็กเมื่อเทียบกับเรือนร่าง ลองจินตนาการผู้หญิงที่ต้องหยิบของกินเข้าปากบ่อยๆ จะได้งดงามเหมือนกับเทพธิดากรีกในภาพวาดดูสิ


สำหรับผู้ที่มี
- ช่วงล่างใหญ่ตู้ม
- พุงที่พอจับได้เต็มไม้เต็มมือ
- อกเล็กๆ เต่งตึง

คุณน่าจะเป็น supermodel ของยุค Renaissance ในอิตาลีเชียวล่ะ!

มันจะเป็นอย่างไรนะ ถ้าโลกบิดกลับสลับเวลาไปตอนที่บรรดาผู้หญิงได้เห็นสาวสวยหุ่นจ้ำม่ำเดินผ่านแล้วก็รู้สึกริษยาวาบขึ้นมาในใจแล้วหันไปกระซิบกระซาบกับคนอื่นว่า "นี่ๆ ดูลอนพุงของเธอคนนั้นสิ สวยกำลังดีเลยนะ !"



Victorian - Edwardian



เวลาผ่านไปเป็นร้อยๆ ปี ทั่วยุโรปนั้นไม่ได้หลงไหลในบั้นท้ายและพุง แต่กลับหันไปหมกมุ่นเรื่องการทำให้เอวดูคอดกิ่วมาที่สุด
corset เปรียบเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของผู้หญิงในยุคนั้น นอกจากจะต้องรัดกันให้เอวเล็กแบบเอวมดแล้ว ท่อนล่างของชุดก็ยังพองบานยิ่งทำให้ส่วนกลางเล็กมากเข้าไปอีก
ที่น่าตกใจคือ ยุคนี้มีการใช้ยาลดน้ำหนักกันแล้ว และมันคือสารหนู! แม้หลายคนจะทราบกันว่ามันเป็นอันตราย แต่ก็ยังใช้กันแพร่หลาย  นอกจากจะใช้กับผิวพรรณให้ขาวเรียบเนียนดั่งกระดาษแล้วยังผสมน้ำอาบเพื่อเร่งการเผาผลาญให้ผอมทันใจ ยังมีวิธีที่น่าขยะแขยงอย่างการกลืนพยาธิตัวตืดเพื่อเลี้ยงให้เป็นปรสิตคอยแย่งสารอาหารไปจากร่างกายด้วย OMG!


(คำว่าตายไม่กลัว กลัวไม่สวย มีมาทุกยุคทุกสมัย)
หลังจากสิ้นสุดยุด Victorian ผู้หญิงเริ่มมีเสรีในการอวดโฉมกันมากขึ้น จากที่เน้นเอวคอดเป็นหลักก็กลายมาเป็นส่วนเว้าส่วนโค้งแบบนาฬิกาทราย แน่นอนว่าพวกเธอไม่ได้แต่งเปลือยเนื้อหนังไม่ให้เหลือไว้จินตนาการ พวกผู้หญิงต้องใส่ชุดยาวปกปิดเหมือนเดิมแต่ก็ลดความอนุรักษ์นิยมลงไปบ้าง ช่วง Victorian นั้น แทบจะไม่ได้เห็นแม้แต่ข้อเท้า แต่ Edwardian นั้นมีสาวใจกล้าถึงขนาดใส่ชุดที่ผ่าขึ้นไปถึงปลีน่อง!

มองดูแล้วก็คล้ายคลึงกับรูปร่าง KimK ในปัจจุบัน บรรดาอิทเกิร์ลต่างโชว์ curves กันสุดความสามารถ เอวจะเล็กอย่างผิดธรรมชาติ ในขณะที่อกและสะโพกจะใหญ่ตู้มแข่งกัน
บรรดาผู้ดีก็ลุกขึ้นมาแต่งกายโชว์บั้นท้ายโค้งมน แต่รูปร่างจริงๆข้างในจะก้นเด้งเหมือนกับที่เห็นจากภายนอกหรือไม่ อันนี้ต้องไปลุ้นกันเอง เพราะชุดและ corset จะถูกออกแบบมาให้เหมือนเดินก้นแอ่นๆแบบมดทั้งนั้น
แม้จะเป็นวันที่อบอุ่น ชุดก็ต้องยาวระกวาดฝุ่นหญ้าตามพื้น



!920s

จากความอนุรักษ์นิยมตามประเพณีดั้งเดิมมายาวนาน ผู้คนก็ได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งความโมเดิร์น วงการฮอลลีวู้ดได้ส่งดาราจรัสฟ้าสร้างอิทธิพลในเรื่องความงามให้กับผู้คนมากมายทั่วโลก ผู้หญิงสลัดชุดยาวดูรุ่มร่ามและเลิกใส่ corset ที่สร้างความทรมานจนหายใจไม่สะดวกออกไป ความยาวของชุดถูกหั่นออกไปจนสามารถมองเห็นเรียวขาได้ถนัดตา


แล้วรูปร่างที่ perfect ล่ะ ?

เค้าวัดกันชัดหัวจรดเท้าค่ะ ตามภาพ
ความหมุกมุ่นเรื่องเอวมดหายไป ไม่ต้องทรมานยัดร่างกายลงไปใน corset เพื่อเป้าหมายรอบเอว 19 นิ้ว แต่ตัวเลขในอุดมคติอาจจะเพิ่มมาเป็น 26 นิ้วครึ่ง! ด้วยความที่ยังไม่ได้นิยมการคว้านคอลึกโชว์ร่องอกแน่นๆ เหมือนปัจจุบัน หน้าอกนั้นยังไม่นิยมความอวบอิ่มหนองโพมาเอง 33 - 34 นิ้วคือเป๊ะ ส่วนสะโพกกับต้นขานั้นเน้นความกลมกลึง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่เด้งสะดุดตา ดูเหมือนว่ายุคนี้จะบอกลาส่วนเว้าส่วนโค้งแบบสุดโต่ง ใครมีหุ่นแบบตรงๆ นั้นถือว่าสวยด้วยซ้ำไป
Anita Page สาวงามผู้มีรูปร่างในอุดมคติในสายตาของผู้คนในวงการหนังกำลังชั่งน้ำหนัก รอบเอวของเธอดูไม่ห่างจากอกและสะโพกเท่าใดนัก
ก็ไม่น่าแปลกใจที่เค้าไม่ได้อวดความ curves กัน fashion สาวเปรี้ยวในยุคนั้นจัดเต็ม พร็อพเยอะสุดๆ ถึงจะโกยนมจนร่องอกสวยแค่ไหน แต่ก็เอานู่นนี่มาทาบทับไว้อยู่ดี
อาจจะไม่มีผู้หญิงที่คอยบ่นว่า "ทำไมชั้นมีหุ่นที่ไม่เว้าโค้งบ้างเลย" เพราะดีไซน์ของชุดที่อินกันสุดๆ นั้นนำเสนอหุ่นแบบตรงๆ เท่ากันทั้งตัว

1950s



ความ curves กลับมาทวงบัลลังก์ perfect body ในยุค Victorian ยังแห่อาบสารหนูเพื่อความผอม แต่เมื่อเปลี่ยนศตวรรษ  สโลแกนโฆษณาความงามคือ "ผู้ชายไม่เคยเปลียวตามาแลตอนที่ชั้นผอม" และขายเครื่องดื่มเพิ่มน้ำหนัก


เอากับเค้าสิ!
การประกวด Miss Universe เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงนี้ และคุณคงเห็นความแตกต่างของเหล่านางงามยุค 50s กับปัจจุบันได้ชัดเจน 
เรื่อง perfect body ของ Marilyn Monroe นั้นเป็นที่ถกเถียงกันว่า ตกลงเธอเป็นสาว plus size ในยุคนี้รึเปล่า เพราะบางแห่งก็อ้างว่าเธอใส่เสื้อผ้าไซส์ 12 (ที่จัดในกลุ่มสาว plus size ) บางแห่งก็บอกว่าแค่ไซส์ 8 เคยมีนางเอกอังกฤษวิจารณ์เธอว่าตัวใหญ่บึ้มด้วยซ้ำไป


ซึ่งถ้าติดตามเรื่องราวของซุปตาร์สาวชื่อก้องโลกจริงๆ จะพบว่า เธอมีช่วงที่ผอมเพรียวและตอนที่น้ำหนักขึ้นนะคะ 
เมื่อลอง search ข้อมูล  ก็จะพบตัวเลขสัดส่วนในฝันแบบ 36 - 24 -36  หรือ 37 - 23.5 -37 ส่วนสูง 167 ซ.ม น้ำหนัก 54 ก.ก. เธอสูงกว่า  KimK ประมาณ 10 ซ.ม. แต่หนักไล่เลี่ยกัน ในขณะที่ราชินี internet ยุคปัจจุบันไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสาว plus size แต่อย่างใด 
ปรากฏการณ์ที่ Marilyn ได้สร้างไว้ ทำให้ผู้หญิงคลั่งไคล้ในความ curves ไปทุกหัวระแหง (ส่วนผู้ชายนั้นละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ความผอมบางถูกเบียดกระเด็น กลายเป็นว่าคนผอมถูก skinny shame รัวๆ
ดูโฆษณาแต่ล่ะอันค่ะ เป็นช่วงที่ยังเหยียดเพศกันอย่างเสรี ผู้หญิงมีหน้าที่ปรุงแต่งรูปโฉมให้ผู้ชายชื่นชมเท่านั้น
โลกที่ทำให้เราต้องสตั๊นอย่างจริงจัง มันเป็นช่วงเวลาที่มีบริษัทผลิตภัณฑ์เพิ่มน้ำหนักส่งโฆษณามาเหยียบย่ำสาวผอมว่าไม่ดีพอ หากหล่อนให้ผอมต่อไปก็ไม่สามารถลงจากคานได้ และส่วนเว่าโค้งจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างให้


1990s - 2000s


curves ถอยไป waif มาแทนที่
เมื่อ Kate Moss ก้าวเข้ามาเป็น IT girl คนใหม่ ผู้คนจำนวนมากก็เปลี่ยนมุมมองต่อความงามเรือนร่างไปด้วย อกเอวสะโพกอาจจะหมดความหมาย หากคุณไม่ผอมบางจนอวดซี่โครงได้
เมื่อ Kate Moss ก้าวเข้ามาเป็น IT girl คนใหม่ ผู้คนจำนวนมากก็เปลี่ยนมุมมองต่อความงามเรือนร่างไปด้วย 
ในช่วงต้น 2000s Nicole Richie กลายเป็นข่าวให้สื่อพาดหัวไม่เว้นวันจากการลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบ กระแสเธอแรงจนส่งให้กลายมาเป็นผู้นำ fashion แม้ว่าหุ่นของเธอจะหดลงมาเหลือครึ่งค่อนจากลุคเดิม และหลายครั้งก็มีภาพที่ดูผอมจนน่าเป็นหวง แต่ก็มีแฟนๆ ชื่นชมเธอว่าดูสวยเริ่ดชะมัด!
ในตอนนั้น เซเลบหลายคนดูผอมลงผิดตา และยิ่งทำให้พวกเธอดึงดูดความสนใจได้มากกว่าแต่ก่อน
ช่วง 80s - ต้น 90s นั้น บรรดา นางแบบระดับ top ไม่ได้ผอมกันเหมือนที่เราเห็นกันอย่างชินตาค่ะ แน่นอนว่านางแบบอย่าง Cindy Crawford หรือ Naomi Campbell ผอมเพรียวขายาวเรียว แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบ Heroin Chic ที่กลายเป็นเทรนด์แห่งยุค
ยังจำได้ได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ผู้เขียนเริ่มงานเขียน gossip มีคนเข้ามาชื่นชม Nicole Richie ว่าผอมสวย ขาเรียวเล็ก ดูเริ่ดกว่าสมัยยังอวบเป็นไหนๆ

แม้สื่อจะปล่อยข่าวลือว่าเธอเป็นโรคปฏิเสธอาหาร แต่ก็ได้รับคำชื่นชมล้นหลามในความเป็น fashionista

กลายเป็นว่า it girl ยุคนั้นต่างน้ำหนักลง หมุนเวียนเปลี่ยนกันเป็น topic บนสื่อบันเทิง

Hilary Duff ยอมรับว่า เธออดอาหารและออกกำลังอย่างเอาเป็นเอาตายจนผอมแห้ง แต่ไม่รู้สึกมีความสุขเลย
ที่ลืมไปไม่ได้เลยคือ Mary Kate Olsen ที่เปิดเผยว่าป่วยเป็นโรคปฏิเสธอาหาจนต้องบำบัด


ยุคปัจจุบัน

Instagram body


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE