สวัสดีค่า กลับมาเจอกันอีกแล้ว พร้อมกับผลิตภัณฑ์ใหม่น่าใช้เอามาแนะนำให้เพื่อนรู้จักกันค่ะ

เป็นบีบีซอง จาก IN2IT นั่นเอง เราเคยเห็นรีวิวที่เป็นขวดของเค้าแหล่ะ เห็นว่าใช้ดีอยู่เหมือนกัน แต่ทางเรายังไม่เคยลองใช้ จนตอนนี้ได้มีโอกาสมาลองรองพื้นซองแล้วคือว่ามันดีกว่าที่คิดมากกก

เลยอยากขอหยิบมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกัน

จริงๆเค้าออกมา 3 สูตรนะคะ เป็นบีบีครีมสูตรกันน้ำ บีบีครีมสูตรพิเศษ และบีบีเนื้อวิพสูตรเย็น

ซึ่งทางเราเลือก 2 สูตรที่ชอบมาแล้ว ก็คือตามภาพเลยค่ะ

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักแต่ละตัวกันเลยดีกว่า

ตัวนี้จะเป็น บีบีครีมสูตรน้ำ ให้ลุคผิวอิ่มน้ำ ดูเป็นธรรมชาติ จะว่าไปเค้าก็เป็นบีบีกันน้ำนะ ใช้ระหว่างวันเหงื่อออกก็ไม่ได้มีเป็นคราบขาวไหลลงมา

ถ้าดูที่ข้อมูลที่ทางแบรนด์เค้าได้โปรโมทเอาไว้ ก็คือ ติดทนนาน 12 ชม. เลย แล้วยังช่วยปกป้องผิวเราจากรังสี UVA/UVB ได้ด้วย เค้ามี SPF สูงถึง 40 และ PA+++ ด้วย

และนอกจากที่เค้าจะเป็นเมคอัพแล้ว เค้ายังสามารถบำรุงผิวไปในตัวด้วยสไตล์บีบีเลย ตัวนี่เค้ามีสารสกัดจากธรรมชาติ Ectoin วิตามินอี และ Aloevera เพราะฉะนั้นก็จะช่วยให้ผิวเราดูชุ่มชื้นขึ้นด้วยค่ะ

เรามาเริ่มดูเนื้อของเค้ากันบ้างดีกว่า

เนื้อเค้าจะเหมือน BB ปกตินี่แหล่ะ แต่มีความข้น ไม่ได้เหลวเป็นน้ำ เวลาเกลี่ยปุ๊บ เหมือนเค้าจะแตกตัวเป็นน้ำนิดๆ เกลี่ยง่ายเวอร์ (แนะนำให้ใช้มือเกลี่ยไปเลย แล้วค่อยตบทับด้วยฟองน้ำอีกที จะได้ผิวที่สวยค่ะ)

มาดูเรื่องเฉด อันนี้ยิ่งกว่าโดนใจ เค้าออกเป็นโทนเหลือง เพราะฉะนั้น ผิวคนไทยใช้ได้แน่นอน แล้วออกมา 2 สี คือ

ทางเราใช้เบอร์ 2 ตอนแรกก็กลัวนะ กลัวจะเทา จะลอย แต่ผลปรากฎว่า พอดีผิวไปอีกจ้าาา มีความดีงามดาวล้านดวง เพราะฉะนั้น คนผิวสองสีไม่ต้องกลัวค่ะ รอด!

มาดู เราใช้ให้ดูกันที่หน้าเลย จะเห็นว่า เค้าไม่ได้ลอยโดดเด้งออกมา แต่ทำให้ผิวดูสว่างขึ้นนิดนึง พอเกลี่ยๆ แต่งหน้าเสร็จ เค้าก็จะเซ็ทจนพอดีกับสีผิว หน้าไม่ขาวกว่าคอแน่นอน

ส่วนเรื่องการปกปิด เราว่าเค้าปิดรอบแดงจากสิวได้ดี ส่วนรอยดำไม่ได้ดีมากเท่าไหร่ ใครที่ต้องการความกริบมากๆต้องใช้คอนซีลเลอร์ค่ะ แต่โดยรวมก็ไม่ได้แย่นะ เราใช้แทนคอนซีลเลอร์ใต้ตา ก็ยังรอดอยู่

และนี่คือเราได้ทดสอบว่าเค้าคุมมันโอเคมั้ยสำหรับคนหน้ามัน

เราว่าโอเค ! อาจจะไม่ได้คุมมันกริบเนี๊ยบขนาดนั้น ระหว่างวันยังมีน้ำมันออกมาอยู่ ทำให้หน้าดูวาวขึ้น แต่ไม่ถึงกับเยิ้ม ไม่มีความตกร่องรูขุมขนใดๆ แป้งที่ทาทับไปไม่เป็นคราบ เราซับหน้าตอนบ่าย 2 ถือว่าโอเคนะคะ สำหรับคนผิวมัน ใช้ได้ เราแนะนำ เหงื่อออกไม่เป็นคราบค่ะ ถือว่าดีย์

คือชอบนะ เราชอบที่เค้าเกลี่ยง่าย บางทีขี้เกียจ เราใช้พัฟคุชชั่นปาดๆตบๆ ก็โอเคแล้ว เนียนดีเลยล่ะ ยิ่งเรื่องสี ชอบมาก น้อยแบรนด์มากที่จะทำบีบีออกมาตอบโจทย์คนผิวสองสี แบรนด์นี้ถือว่าผ่าน! หลังแต่งหน้าเสร็จ เค้าเซ็ทพอดีผิวเลย ระหว่างวันความมันออกจากหน้า มีสีดรอปลงไปบ้าง ไม่ได้ดูผ่องแล้ว แต่ตัวบีบี ก็ยังไม่ร่อน ถือว่าไม่น่าเกลียดนะ ไม่ได้ดรอปจนหมอง ยังดูเป็นผู้เป็นคนอยู่

ส่วนเรื่องการปกปิด ใน Everyday look ถือว่าผ่านอยู่ ผิวดูเป็นธรรมแต่เราว่ายังไม่เหมาะกับการไปออกงานที่ต้องการความกริบแน่นขนาดนั้น อาจจะต้องมีคอนซีลเลอร์ช่วยนิดนึง

โดยรวมชอบค่ะ ให้คะแนนที่ 4/5

(หักที่ เราว่าซองนึงมีน้อยไปหน่อย 5555)

ตัวนี้อยู่ที่ ราคาซองละ 49 บาทจ้า

มาต่อกันที่อีกตัวนึงจ้าา

บีบี เนื้อวิพ สูตรเย็น (Cooling Effect) เนื้อเนียนนุ่มละมุน สัมผัสเบาสบายผิวสุด สูตรนี้เค้าจะเหมาะกับสาวๆที่ชอบความแมตท์ เพราะเค้าจะให้ลุคที่แมตท์แต่เป็นธรรมชาติ แล้วนอกจากนี้ เค้าก็จะช่วยปรับผิวให้ดูสม่ำเสมอ กระจ่างใสด้วยค่ะ จากส่วนผสมของ สารสกัดจาก Blue Diamond

และก็ไม่ต่างจากสูตรแรกค่ะ ที่จะช่วยให้ผิวเราแข็งแรงและยืดหยุ่นเพราะมีสารสกัดจาก seastar collagen

แถมยังกันแดดได้อีกจ้าาา ค่า SPF50+ PA++ กันเลยทีเดียว ใช้แทนครีมกันแดดเลยก็ได้ค่ะ

มาๆ เรามาดูเนื้อเค้ากันบ้าง

อันนี้จะค่อนข้างแตกต่างจากบีบีบทั่วไป ก็ตามชื่อเค้าอ่ะนะ เป็นวิปค่า ก็ลักษณะคล้ายๆเนื้อมูสเลย เกลี่ยง่าย เนียนมาก หลังจากเกลี่ยๆ  รู้สึกได้ถึงความไม่หนักผิวเลย ปลื้มใจสุด และสูตรนี้ยิ่งกว่าเอาใจสาวผิวสองสีจ้า เค้าออกมา 2 สี คือ

มีความออกสีเข้มมาเลยจ้าาา

สำหรับคนผิวขาวอาจจะต้องเซย์กู๊ดบาย แต่ผิวเข้มนี่ชนะขาด

เราผิวสองสี ใช้เบอร์ 02 จ้าา

มาถึง Before After กันบ้าง

เราลองเกลี่ยที่หน้าแล้ว ถ้าพูดถึงเนื้อคือเกลี่ยมากกก มีความพอดีสีผิวมาก ไม่โดด ไม่ลอย จริงๆไม่ต้องใช้แป้งต่อยังได้เลยสำหรับคนผิวแห้ง แต่เราเป็นคนผิวมัน เราก็จะเซ็ทแป้งหน่อย เราใช้มือเกลี่ยเลย เกลี่ยง่ายมาก จากนั้นใช้พัฟคุชชั่นค่อยๆตบๆให้เนียน

จะเห็นเลยว่า เค้ามีความเนียนมาก ในส่วนของรอบแดงเส้นเลือดและสิว เค้าปกปิดได้ค่อนข้างดี ส่วนรอยดำสิว อาจจะต้องใช้คอนซีลเลอร์เซ็ทนิดนึง  เค้าให้ผิวที่ดูแมตท์แต่ไม่แห้งอ่ะ ดูกำมะหยี่ๆนิดนึง ดีงามมากค่ะ

มาในเรื่องการทดสอบการคุมมันกันบ้าง อันนี้คือส่วนตัวเราว่าให้ผิวแมตท์แต่ยังดูวาว ถ้าถามเรื่องคุมมันเราว่าไม่แตกต่างจากตัว   BB Aqua Water Based Make-up Cream เลย คือสามารถคุมมันได้ประมาณนึง ระหว่างวันยังมีต้องซับหน้าบ้าง แต่จากเช้าถึงเที่ยง ยังไม่เยิ้ม อยู่ได้ 6 ชั่วโมง โดยไม่เยิ้ม ไม่เป็นคราบ ถือว่าผ่านสำหรับคนหน้ามันค่ะ

ส่วนตัวเรารูขุมขนใหญ่ รู้สึกว่าเค้าตกร่องรุขุมขนอ่ะ TT ไม่ค่อยโอเคเลยยย พยายามใช้ทั้งมือเกลี่ยและฟองน้ำตบแล้ว ก็ยังเป็นจุดๆรูขุมขนอยู่ แต่บริเวณอื่นที่ไม่ได้รูขุมขนกว้าง คือเนียนเลยนะ เสียดายมาก เลยคิดว่า ค่อนข้างเหมาะกับคนที่ผิวหน้าเนียนหน่อย คนที่หน้ามันมากรูขุมขนใหญ่ๆ อาจจะต้องใช้ไพร์เมอร์ก่อน ถึงแม้ว่าตัวเค้าเองจะเกลี่ยได้ง่ายเหมือนไพร์เมอร์อยู่แล้ว แต่สำหรับเรายังไม่รอด

พอมาดูระหว่างวัน เค้าไม่ได้เห็นรูขุมขนชัดเจนขึ้น ( แต่มันก็เห็นชัดมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้วอ่ะนะ TT)

แต่ถ้าถามเรื่องความติดทน ติดทนนะคะ สีไม่ดรอป ปิดรอยได้ดี อาจจะเพราะว่าเค้าเป็นสีเข้มด้วยแหล่ะ ไม่ลอยไม่เทา  เฉดสีเค้าเหมาะกับผิวคนไทยสุดๆ ถือว่าติดทนระหว่างวันดีเลยทีเดียว

โดยรวมชอบค่ะ ให้คะแนนที่ 3/5

(หักที่ เราว่ามันไม่เหมาะกับผิวเราอ่าา มันตกร่องรูขุมขนเราาา )

ตัวนี้อยู่ที่ ราคาซองละ 69 บาทจ้า

ทำความรู้จักแต่ละสูตรไปละ เรามาเปรียบเทียบสองสูตรกันบ้างดีกว่า เพื่อให้เห็นภาพรวมและเข้าใจง่ายขึ้นเนอะ

BB Aqua Water Based Make-up Cream  : เนื้อเป็นครีมข้น ไม่เหลวเกินไป แต่เกลี่ยง่าย เฉดสีเป็นโทนเหลือง เหมาะกับคนเอเชีย คนผิวปกติ - ผิวเหลือง

มีเฉดสีที่ใช้ได้ทั้งผิวขาว และผิวสองสี คนผิวเข้มมากๆอาจจะไม่รอด

BB Whip : เนื้อมูส เกลี่ยง่าย เหมาะกับคนที่เป็นมือใหม่ ปาดๆจบ เฉดสีเป็นโทนเหลือง

มีเฉดสีเข้ม ใช้ได้ทั้งผิวสองสี ไปจนถึงผิวแทน ไม่มีเฉดสีสำหรับผิวขาว

ระดับการปกปิดไม่แตกต่างกันมาก แต่โดนส่วนตัวรู้สึกว่า BB Whip ปกปิดได้ดีกว่า BB Aqua Water Based Make-up Cream  แต่โดยรวมทั้งสองตัวสามารถปกปิดรอยแดงได้ดีทั้วคู่ รอยดำเล็กๆก็ยังได้อยู่ แต่ถ้ามีรอยดำใหญ่ หรือเข้มมากๆ ต้องใช้คอนซีลเลอร์ช่วยค่ะ

สำหรับใครที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ต้องกราบขอบคุณจริงๆ

รู้สึกกระทู้นี้ยาวนานมาก 5555

วันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้า

มาดูกันว่าจะมีอะไรดีๆมาเล่าให้ฟังอีก

สวัสดีค่า