กำเงินไปซื้อก็ยังเหลือ! รีวิวแป้งพัฟ 5 ตัว งบไม่เกิน 500 ที่ชอบที่สุดสำหรับสาวหน้ามันของปี 2018 ค่า

23 14
สวัสดีปีหมูทอง 2019 ค่า ฮี่ๆ ขอเริ่มต้นกระทู้ด้วยการรวบรวมส่งท้ายแป้งคุมมันปี 2018 ที่ใช้มาหน่อยนะคะ ต้องบอกก่อนว่าที่ไม่ได้ทำช่วงปลายปีที่แล้ว เพราะเราเอาแต่เที่ยวค่า ฮ่าๆๆๆๆ เลยได้มาทำช่วงต้นปีใหม่พอดี มีทั้งตัวเก่าตัวใหม่ปนๆกันไป ก็ถือว่าขอทำรีวิวนำร่องก่อนจะไปเจอแป้งของปี 2019 นะคะ (ซึ่งแน่นอนว่า ขาช็อปอย่างเรา เตรียมเงินสำหรับแป้งใหม่ 2019 แล้วค่า ฮ่าๆๆๆๆ)

มาค่ะ เริ่มๆเม้าท์มอยเกี่ยวกับแป้งคุมมัน 2018 ที่เราชอบๆกันดีกว่า

ป.ล.บางตลับมีสกปรก เกรอะกรังไปบ้าง ก็อย่าได้ถือสากันนะคะ เพราะเราใช้ค่อนข้างบ่อยและสมบุกสมบันพอควร 5555555  
1.แป้งเจ้านาง 
แป้งแบรนด์ไทยเจ้านาง เป็นแป้งพัฟผสมรองพื้นและเป็นแป้งทูเวย์ด้วยคือ จะทาแบบเปียกแบบแห้งได้หมด ตัวตลับจะสีขาวมีแบรนด์เป็นรูปผู้หญิงไทยๆบนตลับ ข้างในเปิดมาไม่มีที่รองพัฟแต่จะเป็นพลาสติกใสๆบางๆแทน แต่ก็ว่าบาปนางไม่ได้ เพราะก็ตามราคาอ่ะ 390 บาท ถูกขนาดนี้ไม่มีพลาสติกวางแป้งก็ได้(หรา)เพราะงั้น ข้ามมาดูที่เนื้อแป้งกันดีกว่า
ซึ่งแป้งที่เราใช้เป็น เบอร์ 02 เหมาะสำหรับสาวผิวขาวเหลืองค่ะ เนื้อแป้งไม่ขาวไป ค่อนข้างเหมาะกับผิวสาวไทยที่ขาวขึ้นมานิดๆ เนื้อแป้งมีความบางเบากว่าแป้งพัฟผสมรองพื้นทั่วๆไปที่เคยใช้ พอลองเกลี่ยๆบนใบหน้าด้วยแปรงเบาๆ พบว่า เนื้อแป้งมีความติดทน ปรับผิวบนหน้าให้เรียบเนียนและปกปิดได้ดี แต่ถ้าอยากเพิ่มความปกปิดเข้าไปอีกก็เอาพัฟที่เขาให้มาค่ะ ฉีดน้ำแร่ลงไปแล้วกดๆแป้งลงบนหน้าได้เลย จะปกปิดได้ดีกว่าเดิมแบบไม่ต้องพึ่งคอนซีลเลอร์เลยค่ะ ด้านการคุมมันเองก็ทำได้ดี เช้าจรดเย็นไม่ต้องเติมระหว่างวันก็ยังไหว ส่วนตัวนอกจากจะชอบแป้งที่ไม่ค่อยอุดตันและปกปิดดีแล้ว ความดีงามอยู่ที่พัฟเลยค่ะ เราเคยใช้พัฟเจ้านางลงรองพื้นลงคอนซีลเลอร์คือ ดีมาก ไม่ดูดเนื้อครีมมากไป ช่วยให้เกลี่ยครีมลงบนผิวได้เนียนขึ้นด้วยค่า

ข้อดี คุมมัน ปกปิดดี มีสีแป้งที่เหมาะกับสาวผิวคล้ำมากๆ เหนืออื่นใด ไอเลิฟพัฟเจ้านางจ้ะ ยิ่งชุบน้ำแล้วทาแป้งคือ เนียนกว่าฉาบปูนอีก

ข้อเสีย ตลับเบาบาง อีกอย่างคือ ไม่มีที่วางพัฟ อันนี้คือ ใครทำพลาสติกใสๆหายก็จะเซ็งหน่อยๆ
2. Rimmel stay matte pressed powder 
แป้งตัวดังที่ยังไม่เคยเห็นมีช็อปขายที่ไทยใช่ม่ะ!? เอาเป็นว่า หาซื้อยาก นี่ไปซื้อมาจากใน Shopee จริงๆมีคนบอกว่า แป้งตัวนี้ดีไว้เยอะมากๆ แต่เราไม่มีโอกาสซื้อใช้สักทีเพราะซื้อยากนั่นแหละ จนไปเจอใน Shopee ตลับละ 245 บาท เลยได้เอามาลองใช้ เป็นแป้งพัฟไม่มีสี โปร่งแสง คุมมันได้ดี และมีความเบาบาง เนื้อธรรมชาติสูงมากค่ะ
ตัวนี้อยากจะบ่นว่า หาเบอร์ที่เราจะใช้ยากมาก ส่วนใหญ่คนจะขายเบอร์ 001 ซึ่งขาวสุดๆ แต่เราก็ไปหาร้านที่ขายเบอร์แป้งซึ่งใกล้เคียงกับสีผิวเรามาจนได้แหละ เป็นเบอร์ 011 creamy natural ซึ่งตัวตลับนั้นนน ... ว่าเจ้านางก๊องแก๊งแล้ว ริมเม่ลยิ่งกว่า เพราะนางไม่มีพัฟ! มีแต่ตัวเนื้อแป้งและตลับพลาสติกล้วนๆซึ่งก็แตกหักง่ายเช่นกัน แต่อย่างว่า ของดีมันอยู่ที่เนื้อแป้งของนางล้วนๆจ้า เพราะทันทีที่เอาแปรงปัดลงแก้ม นางคือ ความเบาบางที่ธรรมชาติต้องการที่แท้ทรู เนื้อแป้งเบาบาง ไม่หนักหนา ความคุมมันค่อนข้างคุมได้นานกว่าที่คิดไว้ ปกปิดระดับปานกลาง มีความติดทนดี แต่วันไหนเน้นงานหนักก็อาจจะต้องเติมระหว่างวันนิดหน่อย ชอบอีกอย่างคือ ความไม่หน้าเทา ไม่วอก ทาแล้วไม่ทำให้ผิวหน้าหนาจนเกินไป แถมบางวันเอานางลงเป็นแป้งฝุ่นเกร๋ๆก่อนลงแป้งพัฟได้ด้วยล่ะค่ะ

ข้อดี เนื้อแป้งบางเบา มีความเป็นธรรมชาติ คุมมัน ไม่เทา ไม่วอก

ข้อเสีย พกพายาก ไปไหนมาไหนต้องพกแปรงกับพัฟไปต่างหาก เพราะนางไม่มีพัฟให้ไง บวกอีกอย่างคือ อย่าทำหล่น! เพราะพลาสติกนางแตกง่ายมาก
3. Oriental Princess Beneficial Ultimate Coverage Foundation Powder
แป้งพัฟออเรนทอลที่อยู่นอกสายตามาโดยตลอด คือ ไม่เคยคิดจะซื้อใช้แต่พวกครีมอาบน้ำ ครีมทาตัวนางล้วนๆ จนเห็นหลายคนรีวิวตัวนี้ไว้เยอะ เราก็อ่ะ ไม่ได้ล่ะ แถมเป็นสมาชิกด้วย พุ่งเอาส่วนลดไปซื้อด่วนๆ ราคาเต็มของมัน 575 บาท ซื้อมาได้ราคา 400 กว่าบาท จำราคาแน่นอนไม่ได้ แต่เอาเป็นว่า ลดราคาลงมาติ๊ดนึง เป็นแป้งพัฟผสมรองพื้นเนื้อบางเบา ให้ผิวเรียบเนียนและการปกปิดที่ดีเยี่ยม แถมยังผสมสารบำรุงนู่นนี่นั่นของนางวุ่นวาย ซึ่งตอนเทสนางบอกเลย ความเป็นธรรมชาติของนางชัดมากจ้า
เนื้อแป้งมีความบางเบา กลืนไปกับผิวธรรมชาติมากๆ เป็นอีกตัวที่ไม่วอก ไม่ลอย ไม่เทาแน่นอน แต่เนื้อแป้งมีความฝุ่นฟุ้งนิดนึง ไม่ควรใช้แปรงแต่ควรใช้พัฟที่นางให้มาแทน ค่อยๆตบลงไปทีละนิดๆ จะได้ความเนียนของผิวที่ดีมาก ค่อนข้างประทับใจตรงนี้ ส่วนปกปิดก็ทำได้ดี ปกปิดได้ปานกลาง แต่รอยใหญ่ๆยังไม่รอดต้องพึ่งคอนซีลเลอร์ คุมมันก็ดี แต่มีหน้าหมองระหว่างวันทำให้ต้องเติมแป้งบ้างในช่วงบ่ายๆ โดยรวมความเนียน ความเป็นธรรมชาติให้ตัวนี้รองลงจากริมเมลเลย ด้านตัวตลับเองก็ค่อนข้างทนทาน มีพลาสติกไว้วางพัฟ คือ ตลับสวย น้ำหนักเบา และพกพาง่ายมากค่ะ  

ข้อดี เนื้อแป้งบางเบา มีความธรรมชาติ คุมมันดี ปกปิดปานกลาง

ข้อเสีย หน้าหมองระหว่างวัน และไม่ทำให้หน้าขาวมาก เพราะนางขายความเนียนธรรมชาติล้วนๆค่า
4. Zhe Foundation Powder
น้องใหม่แป้งแบรนด์ไทยอีกเบอร์ ที่มีเหล่ายูทูปเบอร์เป็นเจ้าของ ราคาก็น่ารักแค่ 290 บาท เอง (สังเกตแป้งแบรนด์ไทยจะราคาดีมากแค่ 200-400 บาทเอง) เป็นแป้งผสมรองพื้น เน้นการปดปิกสูง ผิวดูเรียบเนียน และไม่ผสมซิลิโคนทำให้คนเป็นสิวใช้ได้ต่อเนื่องค่ะ ส่วนตัวมองว่า ราคาน่าใช้ (ย้ำอีกครั้งว่า ถูกมาก) ก็ไม่ผิดอะไรที่จะเอามาลอง แถมตลับก็สวย มีพลาสติกรองพัฟ เริ่ดอยู่! โดยรวมคือ น่าใช้มากๆค่ะ
เนื้อแป้งตัวนี้มีความบางเบาถึงที่สุดคือ ว่าริมเม่ลบางแล้ว ตัวนี้บางกว่า จนเหมือนรู้สึกไม่ได้ทา คิดอีกแง่ นางไม่ทำให้หน้าดูลอยนะ 55555 เวลาใช้เราเลยต้องย้ำๆหลายรอบกันหน่อย ตัวนี้จะปกปิดได้บางเบามากๆ แทบไม่ได้ช่วยปกปิดเลย เป็นอีกตัวที่เน้นงานผิว แต่เบลอรูขุมขนได้ดีนะคะ ส่วนตัวพัฟก็สมคำร่ำลือค่ะ คือ ไม่ดี บอกตรงนี้เลยว่าเราต้องยืมพัฟเจ้านางมาช่วยค่ะ ซึ่งระหว่างวันที่ใช้ ตัวแป้งมีการหลุดลอก และคุมมันได้ไม่ดี ทำให้ต้องคอยซับและเติมแป้งตลอดทั้งวันค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งน้าน … ถึงนางจะคุมมันไม่ค่อยดี ปกปิดไม่อยู่ แต่ความโดดเด่นของนางที่เราชอบมากก็คือ หลังซับหน้าและเติมรอบสอง แป้งจะมีความแมทช์กับผิวเหมือนกับที่ทาครั้งแรกเลยค่ะ ไม่ทำให้เป็นคราบซ้ำหรือหนักผิว โดยรวม ตัวนี้เน้นงานผิวล้วนๆเลยค่า

ข้อดี ให้ความเป็นธรรมชาติบางเบาสุด มีความแมทช์กับผิว ไม่ต้องกลัวหน้าลอย ไม่เทาแน่นอนค่ะ

ข้อเสีย
แป้งไม่ค่อยติดทน คุมมันน้อย ปกปิดบางเบามากๆ แนะนำให้ใช้คู่กับรองพื้นและคอนซีลเลอร์จะดีกว่าใช้แป้งอย่างเดียวมากๆค่ะ ไม่งั้นเอาไม่อยู่แน่ๆ เราเตือนคุณแล้วนะ!
5. Sasi Magic Matte Foundation Powder
มาถึงตัวสุดท้ายกับแป้งแบรนด์ไทยน้องสาว ศรีจันทร์ กับน้อง ศศิ ค่า เป็นแป้งผสมรองพื้นสูตรควบคุมความมัน เน้นความเนียนละเอียด เนื้อแป้งบางเบาธรรมชาติ แถมราคายังถูกแบบตกอกตกใจ คือ ชีว่าถูกแล้วแต่ศศิถูกว่า เพราะซื้อมาในราคาแค่ 129 บาท! แต่อย่างว่าติดความตลับก๊องแก๊งอีกล่ะ ฮ่าๆๆ ส่วนตัวดูรีวิวมาเยอะ มีทั้งคนบอกว่าคุมมันดีบ้าง บางคนก็บอกคุมมันไม่ได้เรื่อง เราก็เอ๊ แป้งคุมมันนาเหว้ย จะไม่คุมมันได้ไง เพราะงั้น อย่าเสียเวลาเลย ราคาแค่นี้ซื้อมาลองไปเลยดีกว่า
เราใช้เบอร์ W2 ค่ะ ออกสีโทนเหลืองหน่อยๆแต่ดูแล้วเวลาทาน่าจะทำให้ผิวสว่างดีค่ะ เนื้อแป้งเองดูจากในตลับตอนยังไม่ทาคือ บางเบา แต่ค่อนข้างฝุ่นนิดนึง เพราะตอนทาอ่ะค่ะ เอาพัฟลงเนื้อแป้งจะฟุ้งออกมาเลย เราก็เลยค่อยๆพัฟลงผิว ไม่ปาดเพราะเป็นคราบง่ายมาก หลังทาเสร็จเนื้อแป้งจะทำให้ผิวดูหนาค่ะ ก็ไม่เป็นไร เอาแปรงช่วยปัดๆส่วนเกินออกก็โอเค ก็จะทำให้แมทช์ผิวมากขึ้น ผิวดูเนียน สว่างขึ้น ไม่ลอย ปกปิดก็ปานกลางค่ะ ไม่ได้ปกปิดมาก ซึ่งระหว่างวันเองก็ไม่มีดรอปแป้งยังคงเกาะผิวได้ดีมาก แต่!ติดอยู่เรื่องเดียวคือ เรื่องคุมความมันไม่ได้ดีขนาดคนหน้ามันจะใช้แล้วหน้ายังบลิ๊งอยู่นะคะ เพราะระหว่างวันตรงช่วงที่มันมากอย่างตรงจมูกกับหน้าผากคือ มันเยิ้มมาก ต้องเอากระดาษซับๆตลอด นอกนั้นยังโอเค ไม่ได้เยิ้มเท่าที่ควร ใน 5 ตัวนี้เราเลยให้กลางๆในเกือบทุกด้าน แต่แอบชอบตรงความราคาถูก สเปคตัวนี้ทั้งราคาและเบเนฟิทแป้งคือ น้องๆวัยเรียนน่าจะเหมาะใช้เลยล่ะค่ะ

ข้อดี ราคาถูก ไม่ดรอประหว่างวัน และช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้นระหว่างใช้ค่ะ

ข้อเสีย คนหน้ามันมากๆ อาจไม่เหมาะเพราะคุมมันได้ยังไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ
……………………………………………………...

ปิด! จบรีวิวแล้ว! เพิ่งมารู้ตอนรีวิวว่า เราเป็นคนใช้แป้งไม่แพง ไม่ใช่ไร ขี้งก ฮ่าๆๆๆ แต่ของไม่แพงก็ใช่ว่าจะใช้ไม่ดี ว่าบาปไม่ได้นะคะ ไม่งั้นจะมีติดปากกันเหรอ ว่า #ถูกและดี น่ะ มีอยู่จริง!  

ก็หวังว่า รีวิวของเราจะเป็นตัวเลือกสำหรับสาวๆงบน้อยทั้งหลายๆนะคะ ตัวเองผิวแบบไหน อยากได้ตัวไหน ก็ลองดูรีวิวเราประกอบการตัดสินใจได้ เพราะเราเองก็ค่อนข้างสรุปรีวิวไว้ให้ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ถ้าใครยังสงสัยว่า เอ๊ ที่เรารีวิวมาจริงมั้ย ก็กำเงินไปซื้อได้เลยค่ะ เพราะแต่ละตัวเอาแบงค์ห้าร้อยไปซื้อ เงินยังเหลือเลยเห๊อะ! แบบจะถูกไปไหนอี๊ก

ไปแล้วค่า ขอให้สาวๆทุกคนปาดแล้วสวย โปะๆ ปังๆ กันตลอดปีไปเลยนะคะ


dance

dance

FULL PROFILE