เปิด Skincare ที่พกไปญี่ปุ่นช่วงหน้าหนาว มีไว้อุ่นใจผิวสวยตลอดทริปแน่นอน

38 3
เปิด Skincare ที่เนตพกไปโตเกียว?? 
ในช่วงอากาศหนาวววว 5-7 องศา

สำหรับที่เนตพึ่งไปญี่ปุ่นในช่วง 14 - 20 ธันวาคม ที่ผ่านมาทำการบ้านมาเรียบร้อยว่า อากาศหนาวมากค่ะ เรียกได้ว่าแต่งตัวเป็นหมีทุกวันเลย แถมมีทริปต้องไป SKI Resort ด้วย ซึ่งมีหิมะ!!! และอุณหภูมิติดลบบบบบ ปัญหาของผิวที่เพื่อนๆ มักจะเจอ หากไปที่ที่อากาศเย็นมากๆ นั้นคือ ผิวตึง แห้ง แตก คัน บางทีแตกจนเลือดซิบๆ ก็มีค่ะ ซึ่งมันไม่โอเคเลย

ดังนั้น Skincare ที่เนตคำนึงถึงในทริปนี้คือ ต้องเพิ่ม #ความชุ่มชื้น และ #กักเก็บน้ำในผิวของเรา ให้ได้ยาวนาน เป็นหลักค่ะ
ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น สามารถเลื่อนอ่านดูแต่ละตัวได้เลยนะคะ เนตเองเรียก Category ไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ

Eri Eden Rejuvenating Sleeping Mask (ราคา 1,350 บาท)

ถ้าใครตามเนตมาก่อน จะพบว่าเนตเคยรีวิวตัวนี้มาแล้ว เพราะเป็น Sleeping Mask ที่ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ เพราะลดส่วนผสมที่เสี่ยงต่อการแพ้ออกไป (ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีพาราเบน) และเนื่องจาก texture พิเศษ คือ เป็น Gel to Essence เลยทำให้สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวนั้นเอง ผิวมันเป็นสิวง่ายแบบเนตก็สบายเลยค่ะ อีกอย่างคนที่อยากใช้ Sleeping Mask เพื่อที่จะตื่นมาหน้าฉ่ำๆ เด้งๆ แต่เบื่อความเหนอะหนะ หรือ ไม่ชอบให้เนื้อเจลติดหมอน ต้องมาที่ตัวนี้เลย เพราะปัญหานี้จะหมดไป เนื่องจากพอเราทา Eri Eden แล้วซึมเข้าบำรุงผิวเราเลย และด้วยส่วนผสมยังเก็บกักความชุ่มชื้นของเราไว้อยู่ทำให้ตื่นมาหน้าก็เต่ง เด้งดึ๋งๆ ค่ะ ^^ ส่วนผสมที่เด่นๆ ของเค้าในการบำรุงผิวคือ Rose of Jericho, Burdock Root, Plankton และ Herbal Complex (Mulberry, Scutellaria, Peony, Saxifrage, Licorice และ Aloe Vera) ซึ่งจะทำงานร่วมกันในการช่วยกักเก็บและเติมเต็มความชุ่มชื่น และส่วนผสมของ Herbal Extract กลุ่มนี้ เค้ามีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านกระบวนการสร้างเม็ดสี Melanin จึงมีส่วนช่วยในการปรับผิวให้ขาวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ และจุดด่างดำให้จางลง ดังนั้นคนที่มีรอยสิวน่าจะ happy นะคะ เรียกได้ว่ากระปุกเดียวเอาอยู่เนอะ ครบเลย 

ที่เนตพกครีมตัวนี้ไป เพราะว่าเนตอยากมีครีมตัวเดียวจบใช้บนเครื่องบิน โดยที่ได้บำรุงแบบ Sleeping Mask แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อยากใช้ Mask แผ่น เพราะกลัวคนข้างๆ ตกใจ 55555 อีกอย่างเนตมีรอยสิวด้วย เลยอยากได้แบบมี whitening ในตัวด้วยค่ะ ตื่นมาหน้านิ่ม แต่งหน้าต่อได้เลย เรียกได้ว่าหน้าพร้อม 5555 #สรุป Eri Eden ก็กู้ผิวบนเครื่องบินตลอด 6 ชั่วโมงได้ดี ทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงตลอดที่เนตอยู่ญี่ปุ่นค่ะ ^^

THREE Aiming Cleansing Balm (ราคา 2,600 บาท)

สาเหตุที่ยอมแบกกระปุกนี้มา แม้ว่ามันจะหนักมาก เพราะตั้งใจเลยว่าเนื้อสัมผัสแบบนี้ ส่วนผสมแบบนี้ เอาอยู่ในอากาศหนาวแน่ๆ แถมพกพาสะดวกไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะเหมือน Cleansing Oil เลยเป็นตัวเลือกที่เนตเองต้องพกมาค่ะ

กระปุกนี้ลักษณะเป็นบาล์มล้างเครื่องสำอางค่ะ ซึ่งมีความละมุนกว่าบาล์มล้างหน้าทุกชนิดที่ลองมา อันนี้พูดจริงๆนะ รู้สึกนุ่มนวลกับผิว กลิ่นก็ละมุนมากๆ เลยค่ะ ส่วนผสมของบาล์มตัวนี้มาจากธรรมชาติ 92 % นะคะ โดยมีส่วนผสมของ Orange Peel Oil สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดการอุดตันของสิ่งสกปรกในรูขุมขนได้ วิธีใช้ก็ นวดวนบนผิวเบาๆ ก็สามารถละลายกลืนไปกับอุณหภูมิผิว ละลายเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกที่อุดตันออกมาได้เลย mascara กันน้ำอะไรก็เอาอยู่นะคะ แถมพอล้างด้วยน้ำแล้วก็ไม่เหนียวเหนอะหนะหน้า รู้สึกหน้านิ่ม และรู้สึกเหมือนห้าได้บำรุงอีกค่ะ เนื่องจากส่วนผสมของกระปุกนี้ และเนื้อสัมผัสนำมาใช้ Treatment Mask แบบนวดหน้าแล้วล้างออก เพื่อฟื้นฟูผิวในเวลาเร่งด่วน แก้ไขปัญหาผิวแห้ง ได้ดี เลยเหมาะกับการเอามาทริปนี้ที่ต้องเจอหิมะได้ด้วยค่ะ 

ความเห็นของเนตคือ ถ้าเป็นเมืองไทยหน้าร้อน อาจจะพบว่าตอนใช้นวดวน อาจจะรู้สึกเนื้อหนักไปบ้าง (แต่ตอนล้างออกหน้านิ่มมากๆ ค่ะ) แต่ถ้าใครชอบเนื้อลื่นๆ หรือ ออยเนื้อเบา อันนี้ข้ามได้ค่ะ แต่ถ้าไปที่หนาวเย็นมากๆ ตัวนี้ลูกรักแน่ๆ ค่า ^^
Fresh Soy Face Cleanser
ขนาดนี้เป็นขนาดที่ได้แถมมานะคะ ปกติจะ 150 ml >> 1620 บาท ค่ะ 


เจลล้างหน้าที่เนตใช้เป็นหลอดที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ คือมันดีมากที่เป็นรูปแบบเจลทำให้เวลาล้างหน้าแล้วรู้สึกสะอาดแต่อ่อนโยนต่อผิว และพอล้างแล้วหน้าไม่แห้งตึงเลย แถมนุ่มอีกต่างหาก เพราะมีส่วนผสมของ Amino Acids จาก Soy และมี Rose Water + Cucumber extract ที่ช่วยsoothing ผิวด้วยค่ะ เนตพูดถึงบ่อยมากจนเพื่อนๆ น่าจะเบื่อกันแล้ว 5555 ตัวนี้เนตพกแบบทดลองมา ใช้ให้หมดจะได้ทิ้งเลย เพราะกะว่าน่าจะพอ สำหรับไปเที่ยว 2 คนค่ะ ^^

Origins | Dr. Andrew Weil For Origins™ Mega-Mushroom Relief & Resilience Soothing Treatment Lotion (ราคา 1,800 บาท)

เนตพกมาญี่ปุ่นในรอบนี้ด้วย ยอมแบกมา เพราะคุณสมบัติของเจ้าขวดเขียวนี้แหละ ที่เหมาะจะเอามาสู้กับอากาศหนาว จนผิวแดง (หรือแดงจนแสบ) ได้ค่ะ เพราะ เค้าออกแบบมาให้ Soothing หรือปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ ระคายเคืองผิว โดยเฉพาะผิวที่แดงจากการระคายเคืองให้ดียิ่งขึ้นนั้นเอง จะเห็นว่า หากพลิกไปหลังขวด สรรพคุณจะบอกเรื่อง Relieving Skin Redness เป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ
เนตมองว่าเนตมาญี่ปุ่น และไป Ski Resort ด้วย อุณหภูมิ ติดลบ ไปถึงสูงสุดที่ 7 องศา คือ หนาวมากกกนะ หากไม่บำรุงเลยนี่หน้าแดงแสบมากแน่ๆ เลยอยากได้ item แบบน้ำตบซักตัวที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแบบสดชื่นผิวทันทีและ Soothing ผิวให้ไม่แดงค่ะ ซึ่งตัวนี้ #ตอบโจทย์ เลยยอมแบกมาค่ะ #ส่วนผสมของตัวนี้ จะเป็น สารสกัดจากเห็ด 4 ชนิดด้วยกัน ซึ่งหากไปศึกษา สารสกัดจากเห็ดเพื่อผิวหนังแล้วจะพบว่ามีส่วนช่วยในหลายๆ เรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็น ให้ความชุ่มชื้นปลอบประโลมผิว, ชะลอวัยผิว และให้ผิวกระจ่างใส
เนตชอบนะขวดนี้ และแนะนำเพื่อนๆ ที่กำลังเล็งๆ อยู่ เลิกเล็งได้เลย จัดเหอะ มันดีจริงๆ กลิ่นหอมสมุนไพรมากๆ ตบลงบนผิวแล้วสดชื่นมากกกก แบบเหมือนมันช่วยปลอบผิวเราทันที แบบ instant hydration เลยค่ะ ^^ เนตมาเที่ยว หนาวมาก หน้าไม่แดงไม่แสบเลย
อ้อ ! ที่พูดมาทั้งหมด ไม่ใช่ว่าขวดนี้จะเหมาะ แค่กับที่หนาวๆ เท่านั้น ในไทย หาเพื่อนๆ เป็นคนเป็นสิวแดงๆ อักเสบทั้งหน้า หรือพึ่งไปออกแดดมาจนแสบแดง ตัวนี้ก็ช่วยลดอาการแดงได้เหมือนกันค่ะ แถมรูปแบบเป็นน้ำ ทำให้สามารถใช้กับทุกสภาพผิวได้ดี และใช้ได้หลายแบบ เป็น Toner, น้ำตบ (เนตชอบวิธีนี้) หรือจะ Tissue Mask เฉพาะจุดที่แดงเป็นพิเศษเพื่อปลอบประโลมก็ได้ค่ะ

Kiehl’s Hydro Plumping Re Texturizing Serum Concentrate ( 50ml ราคา 2,690 บาท)

เซรั่มที่เอาไปในทริปครั้งนี้ จะเน้นเรื่องเพิ่มน้ำให้ผิวเป็นหลักเลยค่ะ มีตัวนี้อยู่แล้ว และมักจะใช้ตอนรู้สึกผิวขาดน้ำแล้วกู้ผิวได้จริงๆ เลยเอาขวดนี้มา อีกอย่างสำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มต้นบำรุงผิวเน้นอะไรดี เนตบอกได้เลยว่า การเพิ่มความชุ่มชื้น หรือเพิ่มน้ำให้ผิวจัดเป็น The Must ที่ควรใส่ใจเป็น Priority แรก อย่างว่าแหละค่ะ เวลาน้ำในผิวมีเพียงพอ ยังไงผิวก็จะเด้งสดใส ริ้วรอยน้อยลง ผิวแข็งแรงการเกิดจุดด่างดำ รอยต่างๆ ก็น้อยลงด้วย

มาดูที่เซรั่มขวดนี้ทำไมเนตถึงพกมาเผชิญหนาว และเวลาหนาวๆ เนี่ย เรามักจะไม่ค่อยทานน้ำ (แต่เนตก็พยายามทานตลอดนะ) เราจะแห้งมากเลยค่ะ ดังนั้นตัวนี้น่าจะเป็นตัวช่วยได้ดี ในการช่วยเก็บกักน้ำที่ผิวของเรา ส่วนผสมหลักๆ ของขวดนี้จะเป็น Glycerin จากพืช ที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นถึง 15% เลยค่ะ

เนื้อสัมผัสก็ดีมากๆ เหมือนสาดน้ำให้ผิวเพราะตอนทาเนื้อเซรั่มจะแตกตัวเหมือนเป็นน้ำทำให้ตอนทาเรารู้สึกสบายผิวค่ะ ดังนั้นผิวแบบไหนก็สามารถใช้เซรั่มนี้ได้ค่ะ
Kiehl’s Ultra Facial Cream
(50 ml 1,400 บาท
)

กระปุกนี้คือขาดไม่ได้ มันเหมือนเป็นภาพที่ flash back กลับมาทุกครั้งที่ต้องไปเมืองหนาวค่ะ เพราะเป็นกระปุกที่เอาอยู่แม้หิมะตกที่อเมริกาเมื่อ สิบกว่าปีก่อนที่เนตไปเรียนและ Professor เป็นคนแนะนำให้ คือ ถ้าไม่มีกระปุกนี้คาดว่าไม่รอด เพราะหน้าแสบแดงแตก ตึงมากๆ ค่ะ รอดจากหิมะที่อเมริกามาได้ก็เพราะ Kiehls กระปุกนี้เลยล่ะ

ดังนั้นรอบนี้ที่มาญี่ปุ่น รู้ว่าต้องไป Gala Yuzawa เพราะพี่ต่อจะไปเล่นสกีแล้ว กระปุกนี้คือ เอาเข้ากระเป๋าเลยค่ะ จำได้ว่าไปถึงญี่ปุ่นแล้วหันไปมองหน้าหมอต่อคือแดงมาก และนางก็บอกว่าขออะไรมาทาหน่อย ก็ใช้เจ้ากระปุกนี้แหละโบกกไปค่า แถมตอนที่หมอต่อไปเล่นสกีกับเพื่อนๆ ทุกคนก็โบก Kiehls กันหมดเลย

ส่วนผสมของเค้าคือ Antarcticine ที่เป็น glycoprotein ที่สามารถช่วยปกป้องผิวจากอุณหภูมิที่เย็นจัดได้ + Imperata Cylindrica ช่วยเก็บกักน้ำในผิวให้เราได้ แม้ว่าอากาศจะแห้งมากๆ ก็ตามค่ะ โดยเนื้อครีมของเค้านุ่มมากค่ะ เคลมว่าสามารถมอบความชุ่มชื้นให้ผิวตลอด 24 ชั่วโมง ปกป้องเซลล์ผิวจากการสูญเสียความชื้นและช่วยดูดซึมความชื้นจากอากาศเข้าสู่ผิว ทำให้ผิวนุ่มสบายได้ เค้าก็ทำได้แบบนี้จริงๆ ค่ะ
สำหรับอากาศเมืองไทยหน้าร้อน อาจจะหนักไปสำหรับคนผิวมัน เนตแนะนำให้ทาน้อยๆ หรือเอาไปทาตอนกลางคืนได้ แต่หากเป็นคนผิวแห้ง หรือผิวอักเสบได้ง่าย เนตว่าน่าจะรักเลยล่ะค่ะ
THREE Conditioning SQ oil (ราคา 4,700 บาท)

แน่นอนว่า เนตเป็นคนที่ขาด Facial Oil ไม่ได้ ยิ่งเวลาเดินทาง ยิ่งต้องพกไปเลยค่ะ ซึ่ง Facial oil ที่เนตมี ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหน เนตว่าดีหมดเลยนะ และมันทำให้ผิวหน้าเนตเปลี่ยนจริงๆ แต่ที่เลือกขวดนี้มา เพราะ Packaging พกพาง่าย ขนาดเล็ก ส่วนผสมดี กลิ่นดี ทำให้นอนหลับได้ดี เพราะเวลาเราเดินทาง เราอาจจะนอนไม่ได้จากต่างที่ ทำให้เราตื่นมาหน้าไม่สดใส ขวดนี้เลยช่วยได้ทำให้หลับได้ดี คำว่า SQ คือ Sleep Quality คือ นอนอย่างมีคุณภาพ เพราะ SQ Oil นอกจากจะมี Botanical Oils ในการบำรุงผิวแล้ว กลิ่น aromatherapy ที่ดมแล้ว ผ่อนคลายมากๆ ทำให้เรานอนหลับได้ดี เมื่อเราพักผ่อนได้ดี ผิวของเราก็จะได้ฟื้นฟูจากภายในนั้นเอง วิธีการใช้ เนตจะหยดออยลงบนฝ่ามือ 1-2 หยด ถูประกบผ่ามือเข้าด้วยกัน แล้วเอามาสูดดมก่อน อันนี้คือขั้นตอนที่ relax มากๆ เสร็จแล้วจะค่อยๆ วางฝ่ามือลงบนผิวหน้าค่ะ
เนื้อออยด์ไม่ได้เหนอะหนะอะไรเลย จัดเป็นออยด์เนื้อเบาเลยค่ะ แต่ความเบาจะสู้ THREE AIMING FACIAL OIL ESSENCE ไม่ได้นะคะ ตัว Oil Essence จะเบากว่า ดังนั้น ถ้าใครมีทั้ง 2 ตัวแบบเนต ก็แยกใช้ ตอนเช้า Oil Essence ตอนเย็น SQ Oil ก็ได้นะคะ
La Mer The Concentrate  (ราคา 19,300 บาท)

ขวดนี้ก็เป็น The Must ที่เป็น life saver ในทุกสถานการณ์ของผิวค่ะ เนตอยากได้ขนาด Travel size มาก แต่ก็ไม่มีงบ ยอมแบกขวดใหญ่ ไปแล้วกันเนอะ 5555 เนตมองว่าหากตรงไหนแดง แสบ แตกมากเป็นพิเศษ หรือสิวอักเสบปูดขึ้นมากระทันหัน โปะเข้าไปเลยจ้า ยุบแน่ๆ เลยจำเป็นต้องเอาไปจริงๆ ขวดนี้จัดว่าเป็น Skincare ที่แพงที่สุดในชีวิตของเนต ก่อนจะตัดสินใจซื้อคือ คิดแล้วคิดอีก อ่านรีวิวแล้วรีวิวอีก ขวดนี้เป็น Miracle Bottle ของ Lamer เพราะมีสารสกัด Miracle Broth ของ LaMer เข้มข้นมากที่สุดใน Skincare Lamer ทั้งหมด และแน่นอนเป็น Miracle Bottle ของเนตที่เนต swear by ว่า มันฟื้นฟูผิวเนตดีแบบเปลี่ยนชีวิตเลยค่ะ โดยเฉพาะปัญหา ผิวถลอก คันแดง แห้งแตก รอยแกะสิว สิวอักเสบ แค่แต้มๆ นอนผ่านไป ตื่นมา ผิวเราดีเลย นุ่ม ตรงที่แห้งหายไป สิวที่อักเสบแดงๆ ดูดีขึ้น (บางเม็ดเล็กๆ คือยุบเลย) เนตเลยไม่ได้ใช้ยาแต้มสิวอีกเลยค่ะ ปกติเนตจะใช้ขวดนี้ทาเฉพาะจุดเท่านั้นที่ต้องการฟื้นฟูพิเศษ หรือบางวันที่ผิวดูโทรมๆ ถึงจะตักมานิดนึง แล้วกดๆ ทั่วหน้า ไม่ได้ใช้ทั้วหน้าทุกวัน ซื้อทีรู้สึกตัวเบาหวิวเลย และต้องอธิบายความดีงามให้หมอต่อสามีฟังจนเข้าใจ และอนุมัติ ไม่งั้นใครจะให้ซื้อ....??
Bobbi Brown Lip Balm SPF15 (ราคา 1,000 บาท)

กระปุกนี้คือ ริมฝีปากสวย นุ่มมมมม ดีงามมากจริงๆ ค่ะ เค้าดังมานานอยู่แล้ว และมีหลาย blogger Raving ความดีงามของลิปบาร์ม Bobbi brown กระปุกนี้อยู่แล้วนะคะ ว่าใช้ระหว่างวันก็ดี โบกหนาๆ ก่อนนอน ตื่นมาริมฝีปากก็จะนุ่มมากๆ แต่วิธีใช้ให้ใช้ Cotton Bud หรือ หลังเล็บจิกเนื้อผลิตภัณฑ์ขึ้นมานะคะ แล้วค่อยเอาทาที่ริมฝีปาก ขอบอกว่า workkkk มากกกกกก ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื่น ไม่แตกลอกเลยค่ะ เนตชอบที่มันให้ความรู้สึกบำรุงจริงๆ ไม่ใช่แค่เคลือบ แถม ไม่มันวาวด้วย เลยทำให้ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายค่ะ ใครยังไม่เคยลอง เนตว่าต้องจัดแล้วน้าาา
Angela Caglia Rose Quartz Roller (ราคา 2,950 บาท)
*ซื้อจากร้าน BFF Luxury Lifestyle Store นะคะ

ที่เนตซื้อเพราะเนตรักร้านนี้มาก 5555 เคยคิดอยากไปสมัครงานที่ร้านเลยอะ คิดดูววววว ผลิตภัณฑ์ที่ร้านนี้แนะนำไม่เคยทำให้เนตผิดหวังค่ะ และเนตชอบที่สามารถหา skincare ที่หาซื้อยากๆ ได้จากที่นี่แหละ มาถึงตัว Roller ที่ตั้งใจซื้อเพราะว่า เห็นนางแบบ Victoria Secret คนนึงบอกว่าเค้าต้องใช้อันนี้ ก่อนนอนและก่อนตื้นนอนทุกครั้ง มันทำให้ผิวเค้าดูสดใส และไม่โทรม เนตก็เลยลองทำการบ้านหาข้อมูลแบรนด์ที่ทำ Rose Quartz Roller แล้วก็พบว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่ดารา นางแบบ Hollywood ใช้กัน ! ไหนๆ ก็ไหนจะซื้อมาใช้แล้วก็ต้องแบรนด์นี้สิ ! แล้วก็ตรงกับที่คิด ร้าน BFF ก็นำเข้ามาขายค่าาา ก็จัดไปสิคะ เอาไปเพิ่มขั้นตอนใน Skincare Routine ของเราก็สนุกดีค่า ว่ากันว่าคุณสมบัติของเค้าคือ ช่วยเดรนผิวทำให้หน้าไม่บวมสดชื่นขึ้น ก็คงหลักการเดียวกับการประคบเย็นทำหน้าตามคลินิกนะคะ เพราะตัวหินเองจะมีความเย็นอยู่แล้ว และพลังของหินก็เป็นศาสตร์ที่มีคนศึกษาอยู่ค่ะ ในเรื่องการพลังในการฟื้นฟูผิว แต่นี่ยังไม่ได้เห็นความแตกต่างอะไรนะคะ แต่ใช้แล้วสนุกดี และรู้สึกดีกับขั้นตอนดีๆ ให้กับผิวเราค่ะ
และทั้งหมดก็คือ Skincare ที่เนตพกไปทริปญี่ปุ่น?? ในครั้งนี้น้าค้า เน้นความชุ่มสู้หนาวเป็นหลักเลยค่า ?หวังว่าจะพอเป็น idea ให้กับเพื่อน ๆ ได้น้า ^^ ปี 2019 นี้จะมีทริปไปไหนอีก และจะเอาอะไรไปบ้าง ค่อยมาติดตามกันอีกน้า
———————————
Product Mentioned
Sleeping Mask : EriEden
Make Up Remover : THREE Thailand
Cleanser : Fresh
Lotion : Origins
Serum : Kiehl's
Moisturizer : Kiehls
Facial Oil : THREE Thailand 
Lip Balm : Bobbi Brown Cosmetics
Sunscreen and Base Make Up : La Mer
Face Roller : Angela Caglia Skin Spa


Nettybeautylife

Nettybeautylife

สวัสดีค่า ชื่อ เนตตี้นะคะ อายุก็ปาไป 30+++แล้ว แต่ก็ชอบเครื่องสำอางและ skincare มากๆ พึ่งมาเล่น Jeban ก็ 2018 แล้ว หวังว่าจะได้ up review บ่อยๆ นะ 555

FULL PROFILE