ไอดอลที่เคยผ่านประสบการณ์ถูกเหยียดเชื้อชาติ

35 9
จากกรณีไอดอลสาวไทยที่ต้องผจญคำวิจารณ์รุนแรงชาวเน็ท "บางกลุ่ม" ที่ส่อถึงปัญหาการแบ่งแยกทางเชื้อชาติอย่างแจ่มแจ้งนั้น ทำให้เรารวบรวมเรื่องราวของไอดอลที่ถูกเหยียดมาให้ลองวิเคราะห์กัน

ไม่ว่าจะเป็นไอดอลต่างชาติที่ไปสร้างชื่อเสียงที่เกาหลีใต้
ไอดอลสัญชาติเกาหลีลูกครึ่งเกาหลี
หรือจะเป็นไอดอลเกาหลีแท้ๆ ที่โด่งดังระดับอินเตอร์และเริ่มเจาะตลาดตะวันตกได้ แต่ก็มีดราม่าถูกเหยียดซ้ำแล้วซ้ำอีก

มาติดตามกันสิคะ  


Jeon Somi


สาววัยทีนนี้เป็นลูกครึ่งแคเนเดี้ยน - เกาหลี เข้าสู่วงการไอดอลด้วยตำแหน่งอันดับ 1 จากรายการ Produce 101 และเข้าใกล้ที่จะได้เดบิวท์เป็นสมาชิกวง Twice แต่ถูกคัดตัวออกก่อน และกำลังพยายามเริ่มต้นงาน solo กับค่ายลูกของ YG

เคยมีกระแสเกรียวกราวว่าอีกไม่นานเธออาจจะกลายเป็นไอดอลระดับซุปตาร์ที่มีฐานแฟนคลับจาก reality show แต่เธอเคยทุกข์ใจกับรูปลักษณ์ของลูกครึ่งผิวขาว จนอยากทำศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าให้ดูเกาหลีมากขึ้นเพราะต้องผจญกับคำพูดล้อเลียนเรื่องเลือดผสม และทำให้เธอไม่มั่นใจในการพยายามเพื่อความสำเร็จในวงการ K-Pop

"ชั้นเคยได้ยินเรื่องราวทำนองว่าจะรับได้แต่เฉพาะคนเกาหลี ไม่เอาคนต่างชาติ และมันทำให้คิดว่า ชั้นคงเป็นศิลปิน K-Pop ไม่ได้เพราะชั้นเป็นลูกครึ่ง แต่ตอนนี้วันเวลาเปลี่ยนไป ผู้คนคงจะปรับแนวคิดกันแล้วค่ะ"

 
เธออาจจะเป็นที่ชื่นชมจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นบวกกับความสามารถที่โดดเด่นเกินวัยทำให้มีค่ายใหญ่ๆ สนใจเรียกตัวเข้าไปร่วมงานด้วย แต่ก็น่าฉุกคิดว่า แนวคิดเรื่อง "เลือดบริสุทธิ์" นั้นยังแฝงตัวอยู่ในสังคมเกาหลี ถึงจะไม่ได้ประกาศต่อต้านกันอย่างโจ่งแจ้ง ก็ยังมีผู้ใหญ่ที่ถ่ายทอดแนวคิดเหยียดชาวต่างชาติให้กับลูกหลาน ชาวเน็ทบางคนวิเคราะห์ว่า เพราะ Jeon Somi มีใบหน้าที่เข้ากับ beauty standard แบบ Gangnam Style เธอมีใบหน้าเล็กและ dolly eye แบบไม่ต้องพึ่งมีดหมอ แม้เห็นชัดว่าเป็นลูกครึ่ง แต่ก็ดู blend ไปกับไอดอลสาวๆ อีกหลายคนที่นำเสนอความสวยน่ารักแบบตุ๊กตา และมันอาจจะทำให้ชาวเกาหลีตอบรับเธอโดยไม่สร้างอคติเรื่องความเป็นต่างชาติมาขวางกั้น

(แต่ท่ามกลางความชื่นชมนั้น ก็ยังมีคนจิกกัดเธอว่าคงจะสวยได้เฉพาะตอนนี้ แต่ในอนาคตคงเหี่ยวไวเพราะได้กรรมพันธุ์ฝรั่ง ไม่หน้าเด็กเหมือนคนเกาหลี )

แต่สำหรับศิลปินลูกครึ่งอีกคน เธอต้องเจออะไรที่แรงกว่านั้น


Shannon  Williams

สาวลูกครึ่งเกาหลี - เวลส์ ที่เดินทางจากอังกฤษมาสานฝันในการเป็นศิลปิน K-Pop และเคยพลาดแสดงพฤติกรรมที่ทำให้ชาวเน็ทไม่พอใจจนถูกขู่ฆ่ามาแล้ว
บางคนอาจจะสงสัยว่าคำพูดเกรี้ยวกราดพวกนี้จะมาจากแฟนเกิร์ลของไอดอลที่มีข่าวลือคู่กับเธอ พวกเค้าเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่คนเกาหลีก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม Shannon เคยเปิดใจเรื่องกระแสแอนตี้เรื่องความเป็นต่างชาติผ่านรายการ TV มาแล้ว เธอไม่ได้อาศัยที่เกาหลีเหมือนกับ Jeon Somi แต่เป็นสาวอังกฤษเต็มขั้น การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่แตกต่างที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางดูขัดตาชาวเกาหลีนั้นเรียกเสียงวิจารณ์ในแง่ลบหลายครั้ง เธอได้ยืนยันกับพิธีกรรายการ TV ว่าไม่ได้เป็นคนนอกอย่างเต็มตัวอย่างที่ถูกมอง เลือดชาวเกาหลีครึ่งหนึ่งได้ไหลเวียนในตัว แต่ทุกคนกลับเรียกว่าต่างชาติและโจมตีเธอแรงๆ ฝ่ายพิธีกรก็ได้แต่บอกให้ทำใจเพราะสิ่งปฏิเสธไม่ได้คือชาวเกาหลีนั้นยังมีอคติกับคนต่างชาติอยู่จริงๆ  
Shannon ต้องพบเจอกับ scandal ครั้งใหญ่ เมื่อเธอผิดพลาด ร้องเพลงคลอตาม Beyonce และไม่ยอมเว้นวรรค N word ซึ่งเป็นคำต้องห้ามของคนที่ไม่ได้มีเชื้อสายแอฟริกัน เธอถูกกล่าวหาว่าเหยียดเกย์เพราะล้อเพื่อนไอดอลตอนทำท่าแบ๊วๆ ว่า "นายนี่เกย์จัง" และถูกโจมตีอย่างหนักถึงขนาดมีคำขู่ฆ่านับสิบจนเธอต้องรีบออกมาวิงวอนขอโทษต่อความผิดนั้น  

ขอยืนยันว่าเราไม่ได้เข้าข้างใครที่ใช้ N word และล้อคนอื่นว่าเป็นเกย์ แต่ก็เคยดราม่าของไอดอลเกาหลีที่ล้ำเส้นเรื่องวัฒนธรรมเข้าขั้นเหยียดผิวมาแล้ว ทั้งแต่ง black face พูด N word แม้จะมีกระแสโจมตีขึ้นมา แต่ก็ไม่ดูรุนแรงขั้นนี้
Shannon ต้องพบเจอกับ scandal ครั้งใหญ่ เมื่อเธอผิดพบาด ร้องเพลงคลอตาม Beyonce และไม่ยอมเว้นวรรค N word ซึ่งเป็นคำต้องห้ามของคนที่ไม่ได้มีเชื้อสายแอฟริกัน   เธอถูกกล่าวหาว่าเหยียดเกย์เพราะล้อเพื่อนไอดอลตอนทำท่าแบ๊วๆว่า "นายนี่เกย์จัง"   และถูกโจมตีอย่างหนักถึงขนาดมีคำขู่ฆ่านับสิบจนเธอต้องรีบออกมาวิงวอนขอโทษต่อความผิดนั้น  

ขอยืนยันว่าเราไม่ได้เข้าข้างใครที่ใช้ N word และล้อคนอื่นว่าเป็นเกย์   แต่ก็เคยดราม่าของไอดอลเกาหลีที่ล้ำเส้นเรื่องวัฒนธรรมเข้าขั้นเหยียดผิวมาแล้ว  ทั้งแต่ง black face พูด N word   แม้จะมีกระแสโจมตีขึ้นมา แต่ก็ไม่ดูรุนแรงขั้นนี้


TAO  อดีต Member Exo



แม้จะประสบความสำเร็จและกลายเป้นำอดอลต่างชาติที่แฟนๆ เกาหลีคลั่งไคล้ แต่ TAO ก็มาตกในกระแสต่อต้านเมื่อมีดราม่าแยกตัวจากวง

จากความชื่นชมก็ผันเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด ความเห็นประเภทไล่ให้ Tao กลับจีนไปซะ วงการ K-Pop ไม่ต้องการความจีน หรือแค่ค่ายยอมรับให้มาเป็นไอดอลก็เป็นบุญแล้วก็เริ่มพุ่งกระหน่ำขึ้นมา สำหรับแฟน K- Pop จำนวนหนึ่ง แม้จะยังไม่ทราบเหตุผลของฝั่งศิลปิน การแยกตัวจากวงก็ถือเป็นเรื่องทรยศพอๆ กับการแอบมีแฟนนั่นเอง
มักจะมีข่าวลือออกมาว่า ไอดอลต่างจากนั้นต้องเผชิญกับความไม่แฟร์จากต้นสังกัด หรือแม้แต่ตอนที่ยังเป็น trainee ก็อาจจะไม่ได้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนร่วมค่ายเพราะอคติเรื่องคนต่างชาติที่จะมาเบียดแย่งพื้นที่ในการ debut ไอดอลบางคนที่ได้ผ่านพ้นช่วงพีคไปแล้วก็เคยเปิดใจว่าชีวิตที่ต้องทำตามคำสั่งจากต้นสังกัดอย่างเข้มงวดและความกดดันหลายประการก็ทำให้ไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากสมาชิกในวง สิ่งเหล่านั้นอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ไอดอลต่างชาติพยายามฉีกสัญญากับค่ายยักษ์ใหญ่ ตัว TAO เองก็ได้รวมเรื่องการแบ่งแยกทางเชื้อชาติเข้าไปในสาเหตุที่ฟ้องร้อง SM ด้วย  

เรื่องทำนองนี้ไม่ได้เป็นข่าวแปลกใหม่ของจักรวาล K-Pop แต่อย่างใด เมื่อไม่นานมานี้เราก็เคยได้ยินจากแฟน Blackpink วัยทีนว่า บางครั้ง costume ของ Lisa ก็ไปตรงกับ backup dancer ในขณะที่เพื่อนร่วมวงบางคนที่ออกงานพร้อมกันได้ใส่ชุดดีไซน์เนอร์ราคาแพง ประเด็นเสื้อผ้าราคาเบาๆ นั้นอาจจะไม่สำคัญเท่ากับเรื่องสไตล์ที่ชื่อก็บอกชัดๆ ว่า backup dancer ชุดของพวกเธอต้องกลมกลืนช่วยขับให้ศิลปินดูโดดเด่นตรงจุดกึ่งกลาง และมันทำให้แฟนๆ ของ Lisa เคืองไม่น้อยเลยทีเดียว

BTS

บอยแบนด์ที่เป็นความภูมิใจของชาวเกาหลีจำนวนมากมาย ก็ระดับที่เมื่ออัลบั้มขึ้นอันดับ 1ชาร์ท Billboard 200 ประธานาธิบดียังต้องส่งข้อความแสดงความยินดีผ่าน  social media
กองทัพแฟนคลับของพวกเค้าขยายตัวไปหลายประเทศทั่วโลก แต่กระนั้น BTS ก็ต้องพบกับเรื่อง discrimination มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นสื่อหรือชาวเน็ทก็ดูจะไม่ลดดีกรีลงไปเลย
หนุ่มๆ ได้สร้างปรากฏการณ์ให้วงการดนตรีทั่วโลกได้ตื่นเต้น ทั้งยอดขายและกระแสความนิยม K-Pop ที่พุ่งสูงขึ้น สื่อตะวันตกมากมายนำเสนอเรื่องราวของพวกเค้าด้วยความทึ่และยกให้เป็นบอยแบนด์ที่ดังที่สุดในโลก แต่ก็ยังมีอีกหลายสื่อที่ไม่ปกปิดอคติ และบรรยายถึงบอยแบนด์เกาหลีด้วยน้ำเสียงที่ไม่เชื่อถือปนเยาะเย้ย

"RM พูดภาษาอังกฤษด้วยความมั่นใจอย่างเหลือล้น จังหวะการออกเสียงก็ไม่ผิดพลาด แต่ถึงแม้จะมีคนบอกว่าเขามี IQ สูงถึง 148 การวางประโยคแบบงงๆ ของเขาทำให้นึกถึง Joey มากกว่าจะเป็น Chandler"

The Times ได้พาดพิงถึงทักษะภาษาอังกฤษของ RM ผู้เป็น leader ของวงจากเรื่องราวที่เค้าเรียนรู้การพูดภาษาอังกฤษด้วยการดูซีรีส์เรื่อง Friends ซ้ำไปมา และเหน็บแนมว่าเขาพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนกับ Joey ที่เป็นแคแรคเตอร์หนุ่มเอ๋อไม่ค่อยจะฉลาดนัก และยังบรรยายถึงรูปลักษณ์ของ BTS ราวกับว่ามันเป็นเรื่องพิลึก นักข่าวยังแสดงความกังขาที่หนุ่มๆ เหล่านี้เป็นซุปตาร์แห่งเอเชีย แต่กลับไม่มีข่าวควงคู่กับสาวๆ (ที่จริงแล้วแค่ google ก็คงรู้ว่าเป็นเพราะนโยบายต้นสังกัดและตารางงานแน่นจนแทบไม่มีเวลาพัก แต่คงเปรยขึ้นมาเพราะอะไรบางอย่าง)

"พวกเขาใส่เสื้อยืดเต้นแต่ไม่เห็นร่องรอยของกล้ามท้องเลย ถึงจะใส่กางเกงหนังแต่ก็ไม่เคยลูบเป้าหรือเต้นเบียดชิดกับผู้หญิง"

รูปลักษณ์ที่เอนไปทาง feminine ทำให้หลายคนนำไปเชื่อมโยงกับรสนิยมทางเพศแล้วนำมาล้อเลียนราวกับว่ามันมุกตลกมากมาย stereotype นี้อยู่กับบอยแบนด์เกาหลีมาเนิ่นนาน


หรือจะเป็นผู้ประกาศข่าว “World News Now”  จากช่อง ABC ที่รายงานเรื่องการพูดสุนทรพจน์ในการประชุม UN ของหนุ่มๆ ด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมคล้ายๆ กับจะบอกว่า "เป็นแค่" บอยแบนด์จากเกาหลีที่เปลี่ยนมาดมามีสาระในการประชุมระดับโลก


"แฟนๆ เคยเห็นแต่ตอนที่พวกเค้าเต้นฉีกแข้งฉีดขาบนเวทีและ video" ผู้ประกาศข่าวจากอเมริกาได้บรรยายเนื้อหาที่ RM ที่ได้เป็นตัวแทนพูดเรียกร้องให้ผู้คนแสดงตัวตนของตัวเองแบบกลั้วหัวเราะ ด้วยความขำเรื่องการใช้คำว่า speak yourself และฝ่ายชายก็ได้ตัดบทการนำเสนอของเพื่อนร่วมงานหญิงว่า "นี่กลุ่มบอยแบนด์จากเกาหลีเหอะ" ด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อถือเต็มที่แม้เธอจะพยายามพูดต่อแบบประนีประนอมว่า "พวกเค้าก็พยายามทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีอยู่นะ" แต่เขาก็ส่ายหน้าแบบเอือมๆ ว่า "พวกเขาเทรนการเต้นได้อย่างพร้อมเพรียงต่างหาก"

แม้ว่าผู้ประกาศชายจะออกมาขอโทษตามที่แฟนๆ ของ BTS เรียกร้อง แต่เราจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายังมีคนต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่มองศิลปิน K-Pop อย่างขำขันไปถึงขั้นดูถูก

ตอนที่ได้รับรางวัล Top Social Artist จาก Billboard อันเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับหนุ่มๆ กลุ่มนี้ แต่กลับถูกชาวเน็ทจิกกัดเกลื่อน Twitter

ผู้ชายเอเชียนที่แต่งหน้าพวกนี้เป็นใครกัน เค้าชนะศิลปินดังๆ ตัวจริงไปได้ยังไง

บอกตรงๆ ฟังที่เค้าพูดภาษาอังกฤษตอนรับรางวัลไม่เข้าใจสักนิด

แม้ว่าการแสดงบนเวทีของพวกเค้าจะสร้างความประทับใจให้ผู้จนได้รับ standing ovation คนดังฮอลลีวู้ดก็แสดงความชื่นชมหนุ่มๆ จากเกาหลีอย่างออกนอกหน้าก็ยังไม่สามารถหยุดการกีดกันทางเชื้อชาติได้




ยังรวมไปถึงตอนที่พวกเค้าถูกพิธีกรชาวเม็กซิกันจิกกัดว่า ถึงจะใส่ชุด Gucci แต่ก็ยังดูแป้กอยู่ดี ดูแล้วเหมือนชาว LGBT "นี่เป็นชายแท้กันหมดวงเลยเหรอ เหมือนคนทำงานในคลับชาวเกย์ซะมากกว่า" เขายังร่ายต่อว่า BTS นั้นดูผอมแห้งและทรงผมเห่ย เมื่อถูกแรงกดดันจากโลกออนไลน์ก็ได้ส่งคำขออภัยออกมา แต่พวกเราก็ทราบกันว่ามันคงไม่ได้ใส่ความจริงใจลงไปเท่าใดนัก



Lisa Blackpink

แฟนๆ หลายคนยืนยันว่า ความเห็นโจมตีน้อง Lisa นั้นเป็นเพียงส่วนน้อยจาก anti fan ที่มีใจอคติ ประกอบกับข่าวคราวเสียหายเรื่องแรงงานผิดกฎหมายในเกาหลีที่มีอาชีพพิเศษเป็นจำนวนมากนั้นทำให้ชาวเกาหลีจำนวนหนึ่งมองคนไทยด้วยสานตาที่ไม่ชื่นชมนัก


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE