รีวิวเปรียบเทียบแป้งพัฟ MAC vs RAN ใครจะอยู่ใครจะไป…
blueberry2812 ช่วงนี้เครื่องสำอางออกใหม่เยอะแยะหลายสิ่งค่ะ เราก็ต้องประหยัดสิ่งหนึ่งไปซื้ออีกสิ่งหนึ่งสินะ…
ซึ่งเดิมทีเราใช้แป้งพัฟของ MAC ค่ะ ก็ต้องยอมรับว่าราคาสูงอยู่ถ้าเทียบกับเงินเดือนอันน้อยนิดของเราอ่ะนะ555 ก็เลยต้องหาของมาทดแทนกันบ้าง เผื่อว่าจะมีเงินเหลือไปสอยลิป สอยครีมอื่นๆ หลังจากที่ซุ่มอ่านกระทู้ในบอร์ดมา ก็มีเจอว่าสองตัวนี้มีอำนาจสูสีกันอยู่ เดิมเราใช้ MAC อยู่ตลอดค่ะ สูญเงินไปกับเค้าหลายตลับแล้ว แต่วันนี้มีตัวเลือกใหม่ๆ ที่จะประหยัดตังไปได้ก็ขอเลือก ขอลองหน่อยละกัน เราในฐานะผู้บริโภค จะมารีวิวตีแผ่ให้ทุกคนได้ดูกันค่ะ ว่าเอ้อ มันจะใช้แทนกันได้รึเปล่าหว่าาา?
คู่ต่อสู้ของเราในวันนี้ก็จะเป็น
- M.A.C. Studio Fix NC40 ราคา 1,600 บาท
- RAN Retouch Powder Anti-Pollution ราคา 450 บาท
แพคเกจ
M.A.C. เรียบหรูตามสไตล์ค่ะ สีดำด้าน ตลับทรงกลมได้กลิ่นอายความเป็น M.A.C. เต็มร้อย
RAN ตลับสีขาว ทรงเหลี่ยม สไตล์ญี่ปุ่นค่ะ มีความพกพาสะดวกมากกว่านิดนึง
สภาพผิว
อันนี้ก็คือหน้าอันแสนสด(ใส?)ของเราเองค่ะ T_T จะเห็นกันได้ชัดเจนเลยว่า เรามีปัญหารอยสิว รอยสงครามโลกต่างๆค่อนข้างเยอะ แล้วก็มีสิวอุดตันเยอะเลย เราเลยต้องพักจากรองพื้นมาใช้แป้งพัฟแทนไปก่อน มันก็น่าจะอุดตันน้อยกว่าใช้รองพื้นล่ะเนอะ เพราะเราจะหน้าสดออกจากบ้านไม่ได้เด็ดขาด ยังไงก็ต้องขอแต่งปกปิดกันหน่อย ส่วนผิวของเราก็จะแห้ง มีลอกบ้างบางจุด เพราะตอนนี้เราทายารักษาสิวอยู่ด้วย ก่อนลงแป้งพัฟเราก็เลยขอลงเป็นเจลว่านหางจระเข้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นก่อนนะคะ ไม่งั้นหน้าเราต้องลอกเป็นแผ่นหนังของงูเหลือมแหง๋เลย เฉดสี
RAN 03 Amber - สีโทนเหลือง ทาแล้วหน้าผ่อง เหมาะกับคนผิวออกโทนเหลือง ระหว่างวันไม่ดรอป
MAC NC40 - สีมีติ่งชมพู มีความเหมาะกับคนผิวสีเนื้ออมชมพู แต่ผิวเราก็ทาได้ค่ะไม่ถึงกับเทาน้า เสียดายที่ระหว่างวันสีค่อนข้างดรอปไปหน่อย
MAC NC40 - สีมีติ่งชมพู มีความเหมาะกับคนผิวสีเนื้ออมชมพู แต่ผิวเราก็ทาได้ค่ะไม่ถึงกับเทาน้า เสียดายที่ระหว่างวันสีค่อนข้างดรอปไปหน่อย
งานผิวก็ต้องยอม MAC เค้าจริงๆค่ะจุดนี้ เป็นแป้งพัฟที่ทาแล้วคือบั่บ ทายังไงไม่ให้รู้ว่าทาแป้งเลยอ่ะ สายแอ๊บสายเนียน อยากหลอกชาวบ้านว่านี่คือผิวจริงไม่ได้แต่งหน้าก็ต้องลงทุนกับ MAC เค้าจริงๆ ยอมรับเลยว่าทาแล้วหน้าเนียน ดูเป็นผิวมากๆ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ให้การปกปิดใดๆเท่าไหร่ คาดว่าถ้ารักษารอยสิวหายเกลี้ยง เงินพอมีพอใช้ก็จะเปย์ MAC ต่อไป ระหว่างวันผิวจะมีความโกลวหน่อยๆ สายเกาหลีหน้าวาวนิดๆน่าจะชอบจ้า
RAN นี่คือหน้าแน่น หน้าแมทจริงจัง ใครมีรอยสิว มีหลุม มีรอยสงครามที่ต้องการปกปิด รุ่นนี้คือแน่นสุดๆ ปิดรอยหายเกลี้ยง แล้วประเด็นคือผิวดูไม่หนาเกินไปทำได้ยังไง๊ ในราคาแบงค์ห้าร้อยมีทอน เอาเป็นว่าทาแล้วไม่ต้องลงรองพื้นเลยจริงๆนี่ไม่โกหก ถ้าใครอยากได้ความเงาของผิวแนะนำปัดไฮไลต์เพิ่มเลยค่ะ เพราะถ้ารอระหว่างวันให้ผิวมีความเงาเอง เค้าไม่เงานะคะคุณ เค้าสายแมทสายคุมมันสุดๆ!
การควบคุมความมัน ผ่านไป 8 ชั่วโมง เรานั่งทำงานในห้องแอร์ค่ะ มีออกไปเจอแดดบ้างช่วงเช้าออกไปทำงาน แล้วก็ช่วงพักกลางวันที่ตากแดดออกไปกินข้าวท่ามกลางอากาศร้อนๆ จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ฝั่ง มีความเงาๆ บริเวณหน้าผากเล็กน้อย มองดูแล้วมันพอๆกันค่ะ ในเรื่องของการควบคุมความมันเราว่าคุมมันได้ดีพอกันทั้งคู่ ถือว่าเสมอกันค่ะในจุดนี้
การปกปิดติดทนทาน ส่วนการปกปิดติดทนทาน ฝั่ง MAC จะเห็นว่ายังเห็นรอยสิวรอยสงครามต่างๆ แต่โดยรวมผ่านไป 8 ชั่วโมงแป้งก็ยังมีติดอยู่ที่ผิวนะคะ ไม่ได้ถึงกับเลือนลางหายไปหมด ให้ผิวที่ดูใสซะมากกว่าให้การปกปิดค่ะ ส่วนฝั่งของ RAN ความแน่นเค้ายังคงอยู่ค่ะคู๊ณ แถมงงมากว่าทำไมถึงยังสบายผิวทั้งๆที่หน้ายังแน่น ผิวยังเนียน ยังปกปิดรอยสิวอยู่เหมือนเดิม เรื่องการปกปิดถือว่าทำได้ดีกว่ามากๆ ให้ผิวที่ดูแน่นได้ตลอดวัน ก็ถ้าใครชอบงานผิวใส เราว่า MAC ก็ยังคงตอบโจทย์สำหรับชาวผิวดีที่อยากมีเครื่องสำอางติดหน้านิดๆหน่อยๆ แต่ถ้าใครมุ่งเน้นหาแป้งสายปกปิด RAN ก็ทำได้ดีมากๆค่ะในจุดนี้
สีดรอประหว่างวัน สังเกตจากที่เราส่องกระจกก็คือ สีแป้งของ MAC ดรอปค่อนข้างชัดเจนมากค่ะ ถ้าใครจะซื้อแนะนำให้ซื้อสว่างซักเฉดนึงกำลังดีค่ะ ระหว่างวันแป้งจะได้เข้ากับสีหน้า เพราะตอนนี้เบอร์ที่เรามี พอตกบ่ายหน้ามันเริ่มดรอปลงไปทำให้ดูหน้าคล้ำนิดๆ ส่วน RAN ถ้าเลือกมาถูกสี ตรงกับสีผิว ทาสีไหน ได้สีนั้นตลอดทั้งวันค่ะ
ผลการตัดสิน จากการใช้งานจริงของเรานะคะ
เป็นแป้งพัฟที่คุณภาพดีมากๆทั้งคู่ค่ะ แต่อาจจะเหมาะกับผิวที่แตกต่างกันออกไป ถามว่าใช้ทดแทนกันได้มั้ย เราว่าทดแทนกันได้ค่ะ แต่คุณสมบัติไม่ได้เหมือนกันเด๊ะๆขนาดนั้น อย่างถ้าใครผิวดีๆ ไม่ได้มีรอยอะไรมาก MAC ยังคงเป็นแป้งที่ทาแล้วผิวดูใสดูสวยค่ะ ถ้าอยากปกปิดก็ต้องใช้คู่กับรองพื้นไปแค่นั้นก็ทาออกงานได้แล้ว ส่วนแป้ง RAN ใครที่มีรอยสิว รอยดำ รอยแดงต่างๆ ค่อนข้างเยอะแล้วไม่ชอบการลงรองพื้นอยากได้ที่ตัวเดียวจบ ปกปิด กดๆแล้วออกจากบ้านได้เลย ในราคาเบาๆ แป้งตัวนี้ก็ตอบโจทย์มากๆค่ะ เราชอบแพคเกจจิ้งเค้าด้วย เพราะเล็กพกพาง่าย ถ้าไปทำงานคงจะเลือกอันนี้ใส่กระเป๋าไปทำงานค่ะจะได้ไม่ต้องแบกหนักจนหลังหัก555
ในวันนี้เราเอาทั้ง 2 ยี่ห้อ มารีวิวคู่กัน เพื่อหาว่าใช้ทดแทนกันได้มั้ย ตัวไหนดีกว่ากัน ก็สรุปได้ว่าดีทั้งคู่ค่ะ แล้วแต่เลือกใช้ตามสภาพผิวค่ะ ก็ลองเลือกกันตามสภาพผิว ตามงบประมาณนะคะ ว่าตัวไหนเหมาะกับเรา ตัวไหนราคาที่เราพอซื้อไหว แต่ถ้าเดือนไหนโบนัสออกจะเปย์ทั้งคู่ก็ได้น้า ของดีทั้งน้านนน วันนี้ไปก่อนแล้วค่า สวัสดีค่าาาา
การปกปิดติดทนทาน ส่วนการปกปิดติดทนทาน ฝั่ง MAC จะเห็นว่ายังเห็นรอยสิวรอยสงครามต่างๆ แต่โดยรวมผ่านไป 8 ชั่วโมงแป้งก็ยังมีติดอยู่ที่ผิวนะคะ ไม่ได้ถึงกับเลือนลางหายไปหมด ให้ผิวที่ดูใสซะมากกว่าให้การปกปิดค่ะ ส่วนฝั่งของ RAN ความแน่นเค้ายังคงอยู่ค่ะคู๊ณ แถมงงมากว่าทำไมถึงยังสบายผิวทั้งๆที่หน้ายังแน่น ผิวยังเนียน ยังปกปิดรอยสิวอยู่เหมือนเดิม เรื่องการปกปิดถือว่าทำได้ดีกว่ามากๆ ให้ผิวที่ดูแน่นได้ตลอดวัน ก็ถ้าใครชอบงานผิวใส เราว่า MAC ก็ยังคงตอบโจทย์สำหรับชาวผิวดีที่อยากมีเครื่องสำอางติดหน้านิดๆหน่อยๆ แต่ถ้าใครมุ่งเน้นหาแป้งสายปกปิด RAN ก็ทำได้ดีมากๆค่ะในจุดนี้
สีดรอประหว่างวัน สังเกตจากที่เราส่องกระจกก็คือ สีแป้งของ MAC ดรอปค่อนข้างชัดเจนมากค่ะ ถ้าใครจะซื้อแนะนำให้ซื้อสว่างซักเฉดนึงกำลังดีค่ะ ระหว่างวันแป้งจะได้เข้ากับสีหน้า เพราะตอนนี้เบอร์ที่เรามี พอตกบ่ายหน้ามันเริ่มดรอปลงไปทำให้ดูหน้าคล้ำนิดๆ ส่วน RAN ถ้าเลือกมาถูกสี ตรงกับสีผิว ทาสีไหน ได้สีนั้นตลอดทั้งวันค่ะ
ผลการตัดสิน จากการใช้งานจริงของเรานะคะ
เป็นแป้งพัฟที่คุณภาพดีมากๆทั้งคู่ค่ะ แต่อาจจะเหมาะกับผิวที่แตกต่างกันออกไป ถามว่าใช้ทดแทนกันได้มั้ย เราว่าทดแทนกันได้ค่ะ แต่คุณสมบัติไม่ได้เหมือนกันเด๊ะๆขนาดนั้น อย่างถ้าใครผิวดีๆ ไม่ได้มีรอยอะไรมาก MAC ยังคงเป็นแป้งที่ทาแล้วผิวดูใสดูสวยค่ะ ถ้าอยากปกปิดก็ต้องใช้คู่กับรองพื้นไปแค่นั้นก็ทาออกงานได้แล้ว ส่วนแป้ง RAN ใครที่มีรอยสิว รอยดำ รอยแดงต่างๆ ค่อนข้างเยอะแล้วไม่ชอบการลงรองพื้นอยากได้ที่ตัวเดียวจบ ปกปิด กดๆแล้วออกจากบ้านได้เลย ในราคาเบาๆ แป้งตัวนี้ก็ตอบโจทย์มากๆค่ะ เราชอบแพคเกจจิ้งเค้าด้วย เพราะเล็กพกพาง่าย ถ้าไปทำงานคงจะเลือกอันนี้ใส่กระเป๋าไปทำงานค่ะจะได้ไม่ต้องแบกหนักจนหลังหัก555
ในวันนี้เราเอาทั้ง 2 ยี่ห้อ มารีวิวคู่กัน เพื่อหาว่าใช้ทดแทนกันได้มั้ย ตัวไหนดีกว่ากัน ก็สรุปได้ว่าดีทั้งคู่ค่ะ แล้วแต่เลือกใช้ตามสภาพผิวค่ะ ก็ลองเลือกกันตามสภาพผิว ตามงบประมาณนะคะ ว่าตัวไหนเหมาะกับเรา ตัวไหนราคาที่เราพอซื้อไหว แต่ถ้าเดือนไหนโบนัสออกจะเปย์ทั้งคู่ก็ได้น้า ของดีทั้งน้านนน วันนี้ไปก่อนแล้วค่า สวัสดีค่าาาา
Discussion (12)