งาน Sale ที่เราตกเป็นเหยื่อ
vodca29เท่าที่รู้ว่า มี หลาย brand ที่ทำเช่นนี้ ไม่ขอเอ่ยนาม และเชื่อว่าเรื่องแบบนี้หลายๆ คนที่เป็นขาช๊อปรู้อยู่แล้ว ไม่ได้บอกว่าเค้าผิดที่ทำแบบนี้นะคะ แต่มันเป็นเรื่องกลยุทธ์การตลาดมากกว่า ที่บางทีเราอาจโดน "ทำให้เชื่อ"ได้โดยไม่รู้ตัว
เรื่องของเรื่องก็คือ จะมาบอกแค่ว่า งานsale พวกนี้ของบางชิ้น ที่เราไปซื้อลดราคาน่ะ มันไม่ได้ลดจริงๆหรอกค่ะ
สินค้าที่เค้าเอามาลดได้ขนาดนั้น จะคละๆกันแบบนี้
1. สินค้าที่มาจากสินค้าที่แขวนขายจริงๆในห้าง หรือใน shop ตัวที่สวยจริงๆ ที่เราเคยเห็นผ่านตามาแล้ว
2. สินค้าที่ตัดมาเพื่อการsale โดยเฉพาะ และตั้งราคาสูงเอาไว้ เพื่อเอามาลดเยอะๆ เช่น 6400 ลดแล้วเหลือ 3200 บาท อย่าไปเชื่อค่ะว่า เราได้ของดีตั้ง 6400 แล้วลด 50% ค่ะ มันไม่จริงค่ะ ที่เรารู้เพราะว่า
- เสื้อบางรุ่น กระเป๋าบางอัน ทำไมเราเป็นแฟนคลับเค้ามาตลอดไปร้านเค้าบ่อยมากๆ แต่ไม่เคยเห็นเลยล่ะ จะว่ามันของเก่าเมื่อนานมาแล้วก็ไม่ใช่นะคะ เพราะเราไปร้านเค้าบ่อยๆ เราเห็นแทบทุกตัวแหละ แต่ดันมาโผล่งานเซลล์ซะหลายตัว และส่วนใหญ่จะเป็นตัวที่ไม่ต้องลงรายละเอียดในการตัดเย็บมากนักค่ะ แล้วก็เอามาตั้งราคาในแบบของbrand นั้น แพงๆ เช่นเสื้อตัวละ 2400 ก็ลดเหลือ 1200
- กระเป๋าบางรุ่น ไม่เคยเห็นขายในห้างไหน นอกจากงานเซลล์ค่ะ แล้วสภาพก็ใหม่มากๆๆๆๆ และก็มาเรียงกันเป็นตับเลยค่ะ คือไม่น่าเชื่อนั่นเองว่าของดีๆ แบบนี้มันจะเหลือว่าให้เซลล์ขนาดนี้กันเลย ! และป้ายราคาดูยังไงก็โคตจะใหม่เหมือนเพิ่งเอามาติดไว้เลยอ่ะค่ะ
- เรื่องกระเป๋า นี่ก็ได้จากการเทียบราคาของที่วางในห้างนะคะว่ามันมี ดีเทลมากกว่าเยอะแต่ทรงอาจจะคล้ายกัน ในห้างขาย 5000 แต่เจ้าตัวนี้เซลแล้วเหลือ 2500 แน่ะ ก็แหงะล่ะ ทรงคล้าย แต่ว่าดีเทลน้อยกว่าเยอะนิ่
การทำแบบนี้มีข้อดีอย่างไรสำหรับ Brand ?
1. ได้กลุ่มลูกค้าใหม่ อย่าลืมว่าราคาเป็นตัวสะกัดกั้นคนให้เข้ามาซื้อใช่ไหมคะ เศรษฐกิจแบบนี้ ใครจะไปซื้อคะ dress ชุดละ 4500 บาท แต่ว่าลดเหลือ 2000นิดๆนี่ยังมีคนซื้อใช่ไหมคะ เค้าก็ตัดให้มันดีเทลน้อยลง แล้วขาย 2000 บาท จะมีคนกลุ่มนึงที่ซื้อได้โดยทันที และเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ แต่อยากลองสินค้าbrandนั้นๆ แต่ไม่มีกำลังซื้อ พอได้ลอง และคิดว่าตัวเองมีกำลังซื้อแล้ว ก็อาจจะติดใจในคุณภาพของ และกลับมาซื้อเป็นลูกค้าประจำ
2. ขายได้เยอะขึ้น ทำสินค้าแบบ mass massได้มาก ขายง่าย ขายเร็ว โดยไม่เสีย Brand Image และแน่นอนเมื่อขายง่าย ขายเร็วและได้กลุ่มลูกค้าที่มากขึ้น คิดว่า “รายรับรวม” น่าจะสูงกว่าทำของดีๆ detail เยอะๆ แต่ขายได้น้อยชิ้นค่ะ
3. ได้ Brand Loyalty จากทั้งลูกค้าเก่า และใหม่นะคะ เพราะลูกค้าเก่าที่ซื้อของและมั่นใจในbrandอยู่แล้ว ก็จะกลับมากวาดต้อนของเซลล์ไปอีก (ทั้งตู้อาจมียี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียว ฮา)
เดี๋ยวคิดได้อีก แล้วจะมาต่อ เอาเป็นว่า มันไม่ผิดนะคะ ที่ทาง brand จะทำแบบนี้ เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดนะคะ
เรื่องของเรื่องก็คือ จะมาบอกแค่ว่า งานsale พวกนี้ของบางชิ้น ที่เราไปซื้อลดราคาน่ะ มันไม่ได้ลดจริงๆหรอกค่ะ
สินค้าที่เค้าเอามาลดได้ขนาดนั้น จะคละๆกันแบบนี้
1. สินค้าที่มาจากสินค้าที่แขวนขายจริงๆในห้าง หรือใน shop ตัวที่สวยจริงๆ ที่เราเคยเห็นผ่านตามาแล้ว
2. สินค้าที่ตัดมาเพื่อการsale โดยเฉพาะ และตั้งราคาสูงเอาไว้ เพื่อเอามาลดเยอะๆ เช่น 6400 ลดแล้วเหลือ 3200 บาท อย่าไปเชื่อค่ะว่า เราได้ของดีตั้ง 6400 แล้วลด 50% ค่ะ มันไม่จริงค่ะ ที่เรารู้เพราะว่า
- เสื้อบางรุ่น กระเป๋าบางอัน ทำไมเราเป็นแฟนคลับเค้ามาตลอดไปร้านเค้าบ่อยมากๆ แต่ไม่เคยเห็นเลยล่ะ จะว่ามันของเก่าเมื่อนานมาแล้วก็ไม่ใช่นะคะ เพราะเราไปร้านเค้าบ่อยๆ เราเห็นแทบทุกตัวแหละ แต่ดันมาโผล่งานเซลล์ซะหลายตัว และส่วนใหญ่จะเป็นตัวที่ไม่ต้องลงรายละเอียดในการตัดเย็บมากนักค่ะ แล้วก็เอามาตั้งราคาในแบบของbrand นั้น แพงๆ เช่นเสื้อตัวละ 2400 ก็ลดเหลือ 1200
- กระเป๋าบางรุ่น ไม่เคยเห็นขายในห้างไหน นอกจากงานเซลล์ค่ะ แล้วสภาพก็ใหม่มากๆๆๆๆ และก็มาเรียงกันเป็นตับเลยค่ะ คือไม่น่าเชื่อนั่นเองว่าของดีๆ แบบนี้มันจะเหลือว่าให้เซลล์ขนาดนี้กันเลย ! และป้ายราคาดูยังไงก็โคตจะใหม่เหมือนเพิ่งเอามาติดไว้เลยอ่ะค่ะ
- เรื่องกระเป๋า นี่ก็ได้จากการเทียบราคาของที่วางในห้างนะคะว่ามันมี ดีเทลมากกว่าเยอะแต่ทรงอาจจะคล้ายกัน ในห้างขาย 5000 แต่เจ้าตัวนี้เซลแล้วเหลือ 2500 แน่ะ ก็แหงะล่ะ ทรงคล้าย แต่ว่าดีเทลน้อยกว่าเยอะนิ่
การทำแบบนี้มีข้อดีอย่างไรสำหรับ Brand ?
1. ได้กลุ่มลูกค้าใหม่ อย่าลืมว่าราคาเป็นตัวสะกัดกั้นคนให้เข้ามาซื้อใช่ไหมคะ เศรษฐกิจแบบนี้ ใครจะไปซื้อคะ dress ชุดละ 4500 บาท แต่ว่าลดเหลือ 2000นิดๆนี่ยังมีคนซื้อใช่ไหมคะ เค้าก็ตัดให้มันดีเทลน้อยลง แล้วขาย 2000 บาท จะมีคนกลุ่มนึงที่ซื้อได้โดยทันที และเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ แต่อยากลองสินค้าbrandนั้นๆ แต่ไม่มีกำลังซื้อ พอได้ลอง และคิดว่าตัวเองมีกำลังซื้อแล้ว ก็อาจจะติดใจในคุณภาพของ และกลับมาซื้อเป็นลูกค้าประจำ
2. ขายได้เยอะขึ้น ทำสินค้าแบบ mass massได้มาก ขายง่าย ขายเร็ว โดยไม่เสีย Brand Image และแน่นอนเมื่อขายง่าย ขายเร็วและได้กลุ่มลูกค้าที่มากขึ้น คิดว่า “รายรับรวม” น่าจะสูงกว่าทำของดีๆ detail เยอะๆ แต่ขายได้น้อยชิ้นค่ะ
3. ได้ Brand Loyalty จากทั้งลูกค้าเก่า และใหม่นะคะ เพราะลูกค้าเก่าที่ซื้อของและมั่นใจในbrandอยู่แล้ว ก็จะกลับมากวาดต้อนของเซลล์ไปอีก (ทั้งตู้อาจมียี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียว ฮา)
เดี๋ยวคิดได้อีก แล้วจะมาต่อ เอาเป็นว่า มันไม่ผิดนะคะ ที่ทาง brand จะทำแบบนี้ เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดนะคะ
Discussion (29)
ขอบคุณที่มาบอกกล่าวกันนะคะ
อิ.อิ