Disturbing Handsome Serial Killers

31 4
.
Jeffrey Dahmer
ฉายา               the Milwaukee Monster 

จำนวนเหยื่อ    ยอมรับว่าฆ่าเด็กวัยรุ่นและผู้ชายรวมกัน 17 คน
เขาคือหนุ่มผมบลอนด์ที่อาจจะทำให้คุณนึกถึง Paul  Walker ตอนเริ่มดัง เมื่อได้เห็นสายตาเย็นชาว่างเปล่าและมุมฝีปากที่เหยียดขึ้นราวกับจะเย้ยหยันโลกแห่งความจริงก็คงทำให้คุณระแวงขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าไม่รู้มาก่อน หลายคนคงไม่คาดคิดว่านี่คือโฉมหน้าฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารเหยื่อด้วยวิธีหฤโหด ทั้งแยกชิ้นส่วน ต้มเพื่อเลาะเอาแต่กระดูกมาเป็นที่ระลึก พื้นที่ในตู้เย็นของเขาเต็มไปด้วยส่วนศีรษะและหัวใจของเหยื่อที่ตั้งใจจะนำมากินในภายหลัง


* เราขอเตือนว่า ถ้าคุณไม่ใช่คนจิตแข็ง อย่าริไป search ภาพหลักฐานในที่เกิดเหตุของฆาตกรรายนี้จะดีกว่า มันอาจจะเป็นภาพติดตาฝังใจจนฝันร้ายก็เป็นได้!!!
วิธีการล่าเหยื่อนั้นมีแพทเทิร์นคล้ายคลึงกัน เขามองหาผู้ชายขายตัวหรือเด็กชายเพื่อลวงให้ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ห้อง จากนั้นวางยาและจัดการด้วยวิธีต่างๆ ราวกับมันเป็นเกม เขาอาจจะรัดคอหรือฉีดน้ำเดือดเข้าไปในกะโหลก เขาเคยบอกเล่าวิธีการจัดการกับเหยื่อเคราะห์ร้ายรายหนึ่งที่ฟังแล้วขนหัวลุก

"ผมต้องแยกข้อกระดูกออกจากกัน แขนขา แบ่งการต้มออกเป็นสองครั้ง ผมใส่ผง Soilex สี่กล่องลงไปในหม้อแล้วก็ต้มร่างส่วนบน 2 ชั่วโมง ท่อนล่างอีก 2 ชั่วโมง ผงจะช่วยละลายเนื้อให้กลายเป็นเหมือนกับเจลลี่ แค่ล้างออกก็ใช้ได้แล้ว แล้วผมก็จุ่มกระดูกลงในน้ำยาฟอกผ้าขาวทิ้งไว้ 1 วัน เอาออกมาวางในห้องนอนบนกระดาษหนังสือพิมพ์หรือผ้าให้แห้งสักหนึ่งสัปดาห์ครับ"



เขาถูกจับได้หลังจากที่ลวงให้เหยื่อตามไปที่ห้องด้วยข้อเสนอล่อใจว่าจะให้เงินหากยอมถ่ายภาพนู้ด แต่ไม่สามารถล็อคตัวได้สำเร็จ เหยื่อหนีรอดออกไปได้และย้อนกลับมาพร้อมกับตำรวจ เมื่อตรวจค้นในห้องก็ต้องผงะกับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่

ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ได้เก็บชิ้นส่วนมนุษย์ไว้ราวกับว่ากำลังจัดนิทรรศการให้ความรู้ ศีรษะ หัวใจ เครื่องใน โครงกระดูกครบทุกท่อน ลำตัว มือ อวัยวะเพศ บางส่วนถูกดอง บางส่วนกำลังรอการทำลายในถังกรด รวมไปถึงภาพโพลารอยด์ของชิ้นส่วนเหล่านั้น



เจ้าตัวยอมรับหมดเปลือกว่า รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด และสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นมีโทษสมควรตาย แต่ก็ไม่กลัวตายแต่อย่างใด  เขาจำไม่ได้แล้วว่ามีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร  


"ความปรารถนาของผมคือการสำรวจร่างกายของพวกเค้า ผมมองพวกเขาเป็นสิ่งของ เป็นของแปลกใหม่ ตัวผมเองก็ยังแทบไม่เชื่อว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนทำอะไรแบบนี้ได้"  



"ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นจากธรรมชาติ เราจะต้องการพระเจ้าไปทำไม ผมจะสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองไม่ได้รึไง ไม่มีใครเป็นเจ้าของผมสักหน่อย ผมนี่แหละเป็นเจ้าของตัวเอง"



"ผมปล่อยให้ตัวเองทำลงไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะอธิบายยังดี พอทำลงไปแล้วมันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีได้เต็มที่ ผมคงจะคิดว่า ขออีกหนึ่งครั้ง คราวนี้อาจจะพอใจขึ้นมาได้บ้าง ไปๆ มาๆ เหยื่อก็เพิ่มมากขึ้นแล้วก็หยุดไม่อยู่อย่างที่คุณได้เห็นนี่แหละครับ"  


เรื่องราวของ Jeffrey  Dahmer ถูกสร้างเป็นหนังมาแล้ว เวอร์ชั่นล่าสุดจากปีก่อนเป็นการเล่าเรื่องปูมหลังในตอนยังเป็นวัยรุ่นที่ก้าวเข้าสู่ความวิปริต เจ้าตัวเคยพูดว่า ตอนเป็นเด็กก็เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ได้จิตใจโหดร้ายอันใด  แต่เพราะอะไร เด็กคนนั้นจึงกลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนมากมาย



ชีวิตในวัยเด็ก Jeffrey Dahmer เต็มไปด้วยความเงียบเหงาเพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาให้มากนัก เขาเริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่มัธยมต้น ถึงขนาดว่าพกเอาเหล้าชนิดต่างๆ ไปดื่มที่โรงเรียน คนรอบข้างเห็นตรงกันว่าเขามีความเฉลียวฉลาดมาก แต่เพราะไร้ความสนใจในการเรียนจึงทำเกรดได้เพียงในระดับที่พอจะผ่านได้เท่านั้น เมื่อโตเป็นหนุ่มก็ค้นพบว่าตัวเองมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันและเริ่มสร้างจินตนาการการร่วมเพศที่รุนแรง  เขาวางแผนจู่โจมนักวิ่งจ็อกกิ้งรายหนึ่งเพื่อทำร้ายให้สลบแล้วข่มขืน แต่โชคดีของชายคนนั้นที่ไม่ได้วิ่งผ่านไปจุดที่ Jeffrey ดักรอ เขาไม่ได้คอยติดตามเพื่อทำตามแผนการให้สำเร็จ แต่หลังจากที่พ่อแม่หย่าขาดจากกันตอนอายุได้ 18 ปี เขาก็ได้ลงมือฆ่าเป็นครั้งแรก Jeffrey พานักโบกรถกลับมาที่บ้านแล้วรัดคอจนตาย ร่างไร้ลมหายใจของเหยื่อเป็นแรงกระตุ้นความเบี่ยงเบนทางเพศ เขาสำเร็จความใคร่ใส่ศพ หลังจากนั้นจึงชำแหละแล้วใช้กรดทำลายศพ บดกระดูกในนำไปฝังในที่ต่างๆ

อาการติดเหล้าของ Jeffrey ไม่ทุเลาลงและทำให้ล้มเหลวในการเรียนมหาวิทยาลัย พ่อของเขาจึงหว่านล้อมให้เข้ากองทัพรับใช้ชาติแทน แต่ในช่วงเวลาประจำการ Jeffrey ได้ข่มขืนเพื่อนทหาร 2 นาย เขายังดื่มเหล้าหนักจนถูกปลด จากนั้นเป็นต้นมาก็เริ่มล่วงละเมิดเด็กชายและเปิดเผยขอลับต่อหน้าคนอื่นจนถูกขึ้นทะเบียนเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศ แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าเขาเริ่มฆ่าเหยื่อตามมาอีกหลายคน   ความหฤหรรษ์ไม่ได้อยู่ที่การวางยาเหยื่อ ข่มขืนแล้วก็รัดคอเท่านั้น การสะสมชิ้นส่วนศพกลายเป็นสิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้กับฆาตกรเลือดเย็น และคงไม่หยุดฆ่าหากไม่ถูกจับได้ซะก่อน

โทษทัณฑ์ของการสังหารเหยื่อ 17 รายอย่างเหี้ยมโหดคือการจำคุกตลอดชีวิต

เขามักบอกครอบครัวและตำรวจว่า พร้อมที่จะตายมานานแล้ว และไม่สนว่าจะมีใครต้องการเอาชีวิต หลังจากเข้าคุกได้เพียง 2 ปี ความปรารถนาของ Jeffery ก็กลายเป็นจริงเมื่อนักโทษที่เกลียดชังเขาได้ทุบตีจนอาการสาหัสและตายในโรงพยาบาลในอีก 1 ชั่วโมง



ก่อนหน้าที่จะถูกทำร้าย Jeffrey ถูกนักโทษคนอื่นพยายามฆ่าแต่ก็รอดมาได้ ผู้ลงมือฆ่าได้ระบุว่า Jeffrey ไม่พยายามส่งเสียงหรือขอความช่วยเหลือตอนถูกทุบ

"มันเหมือนกับว่าผมกำลังถูกฉีกทึ้งเป็นส่วนๆ ผมไม่ได้พูดเกินจริงมากไปหรอกนะ และผมก็สมควรจะเจอแบบนี้แล้ว นี่คืดการพูดคุยกับคนที่เจ็บป่วยอย่างหนักและกำลังเผชิญหน้ากับความตาย ถ้าให้เลือกผมก็คงเลือกความตายมากกว่าสิ่งที่ต้องเจออยู่ตอนนี้ ผมรู้สึกราวกับว่าข้างในตัวผมกำลังจะระเบิดออกมา รู้มั้ย ผมแค่อยากจะไปไหนสักแห่งและก็หายตัวไปเลย"





Richard Ramirez
ฉายา              Night Stalker 

จำนวนเหยื่อ    13 ศพ


นี่คืออาชญากรฆ่าข่มขืนที่มีแฟนคลับตามไปให้กำลังใจถึงในคุก  OMG!
เมื่อพูดถึงฆาตกรต่อเนื่องที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์  ชื่อของ Richard  Ramirez จะเข้าสู่ list นี้เสมอ ในสังคมตะวันตก หากไม่ได้รู้ถึงความอำมหิตเกินมนุษย์มนา เขาเป็นชายหนุ่มที่มีสันกรามและโหนกแก้มบาดใจสาวๆ แววตาที่มั่นใจนั้นอาจจะทำให้คุณพิศวงว่า นี่หรือคือแววตาของฆาตกรโฉดชั่ว
หนุ่มอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกันผู้นี้เริ่มลิ้มชิมรสความรุนแรงตั้งแต่เด็กๆ เมื่อญาติผู้พี่ของเขากลับมาจากสงครามเวียดนามได้โชว์ภาพหญิงสาวชาวเวียดที่ถูกเขาขืนใจและทำร้ายร่างกาย ภาพน่าสลดของเหยื่อกลายเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะของอดีตทหารอเมริกัน เขาสอนให้ Richard เรียนรู้ทักษะการใช้อาวุธและสูบกัญชาด้วยกัน     หลังจากมีปากเสียงกับภรรยา เขาก็ยิงเข้าแสกหน้าของเธอต่อหน้า Richard ที่มีวัยเพียง 13 ขวบ แทนที่จะหวาดกลัวต่อเหตุการณ์นองเลือด Richard กลับยึดลูกพี่ลูกน้องเป็นแบบอย่าง เมื่อเข้าวัยรุ่นก็เริ่มหมกมุ่นกับจินตนาการทางเพศที่เบี่ยงเบน การมัดร่างกายและข่มขืน

ทั้งๆ ยังไม่ทันเป็นหนุ่มเต็มตัว เขาก็หาโอกาสจากงานพิเศษในโรงแรมแอบเข้าห้องเพื่อข่มขืนแขกด้วยกุญแจสำรองแต่กลับรอดคดีมาได้เพราะคู่กรณีเปลี่ยนใจไม่ฟ้องศาล Richard เลิกเรียนแล้วหาเลี้ยงชีพด้วยการงัดแงะย่องเบา เมืออายุ 24 ก็ได้เริ่มบทบาทฆาตกรวิปริต

เธอเป็นเด็กหญิงชาวเอเชียวัยเพียง 9 ขวบเท่านั้น  Mei Leung ถูกกระทำชำเรา ทุบตีและแทงจนตาย ร่างเล็กๆ ของเธอถูกแขวนที่ท่อชั้นใต้ดินโรงแรมน่าอนาถใจ คดีนี้ปิดไม่ได้มายาวนานกว่า 25 ปี กว่าที่จะมีการเชื่อมโยงหลักฐานและพิสูจน์ DNA ในที่เกิดเหตุในปี 2009 ว่าตรงกับ  The Night Stalker ที่กำลังชดใช้ความผิดคดีอื่นๆ อยู่ในคุก



เป้าหมายของ The Night Stalker ส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวที่หมายตาว่าไม่สามารถต่อสู้ขัดขืนได้ เขาสังหารหญิงชราหลายคน และกระทำชำเราเหยื่อโดยไม่เลือกวัย  เขาตระเวนขับรถหาบ้านที่จะเข้าไปปล้นฆ่า แล้วใช้อาวุธปืนหรือแม้กระทั่งมีดที่อยู่ในบ้านโจมตีเหยื่อ หลายครั้งก็แล่เนื้อเถือหนังผู้บริสุทธิ์ราวกับเป็นสัตว์นรกมิใช่คนที่มีเลือดเนื้อปกติ

"ผมบอกกับผู้หญิงคนนี้ให้เอาเงินมาให้หมด แต่เธอไม่ยอม ผมก็เลยเชือดเธอซะ แล้วก็ควักเอาลูกตาเธอออกมา ผมสามารถทำแบบนี้แบบนี้กับใครสักคนแล้วจับมานั่งข้างๆ เพื่อจะได้ตั้งกล้องถ่ายรูปคู่เก็บไว้"


 วิธีการฆ่าและเพศ - วัยของเหยื่อนั้นดูไม่ซ้ำกัน แต่หลักฐานที่มีร่วมกันคือสัญลักษณ์ของลัทธิบูชาซาตานที่ทิ้งไว้บนศพ นั่นคือ pentagram ที่เหมือนกับรูปที่ปรากฏบนมือของเจ้าตัวนั่นเอง
หนึ่งในหลายครอบครัวที่ต้องสังเวยให้กับความเลวร้ายนี้คือครอบครัวคนไทยค่ะ สามีถูกยิงจนเสียชีวิต เขาข่มขืนและทุบตีภรรยาหลายครั้งก่อนจะลากเธอไปทั่วบ้านเพื่อบังคับให้บอกที่เก็บทรัพย์สินและบังคับให้เธอสาบานต่อซาตานว่าจะไม่โกหก
เมือถูกตำรวจจับได้และต้องปรากฏตัวในศาลเพื่อสู้คดี แม้จะมีประวัติการฆ่าอย่างโชกโชน คุณจะไม่รู้สึกเลยว่าฆาตกรต่อเนื่องรายนี้หวาดหวั่นต่อการพิพากษา เขาใส่แว่นดำราวกับเป็นคนดังแล้วเล่นหูเล่นตาให้กับกล้องอย่างอารมณ์ดี แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ Richard อาจจะทราบว่าซุปตาร์อย่าง Madonna เคยชื่นชมความหล่อเหลาของเขาต่อหน้าแฟนๆ มากมายมาแล้ว !
"ผมชอบฆ่าคน   ชอบดูตอนที่พวกเขากำลังจะสิ้นลม  ผมจะจ่อยิงหัวแล้วร่างของพวกเขาจะกระตุกไปทั่วแล้วก็ค่อย ๆ หยุด  หรือผมอาจแทงด้วยมีดแล้วก็ดูหน้าพวกเขาซีดลงกลายเป็นสีีขาว  ผมชอบเลือดที่ไหลหลั่งออกมาจริง ๆ "


"ผมใช้ชีวิตควบคู่มากับความอันตราย ขโมยรถ ปล้นจี้  เสี่ยงที่จะถูกยิงหรือฆ่าตายซะเอง  แต่ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมหวาดเกรงงได้  ตอนที่ผมถูกพิพากษาประหารชีวิต   ผมไม่รู้สึกอะไรเลย"

"ผมนับถือซาตาน  ผมเชื่อว่าปีศาจคือพลังที่อยู่เหนือพวกเราทั้งหมดและเราจำเป็นต้องอัญเชิญท่านเข้ามา"

"ผมไม่เชื่อในกฎข้อบังคับเรื่องศีลธรรมอันเสแสร้งที่ถูกยกว่าเป็นสังคมของผู้เจริญนี่หรอก"


คุณอาจจะรู้สึกปั่นป่วนหากได้รู้ว่า หญิงคนหนึ่งหลงไหลในตัวของ The Night Stalker มากล้น เธอเพียรเขียนจดหมายถึงไอ้ตัววายร้ายที่คร่าชีวิตและข่มขืนเหยื่อให้จมอยู่กับความทรงจำที่เจ็บปวดไปตลอดชีวิต จนในที่สุดทั้งสองแต่งงานกันที่คุก แม้ว่า Richard จะได้รับโทษประหาร แต่เธอก็รู้ดีว่ากฎหมายเปิดช่องทางช่วยยืดเวลาให้นักโทษประหารยังมีชีวิตต่อในเรือนจำได้อีกเป็นสิบๆ ปีและมีโอกาสที่จะขอลดโทษ ฝ่ายหญิงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของสามีฆาตกรต่อเนื่องและประกาศอย่างองอาจว่า หากเขาถูกประหารเมื่อใด เธอก็จะฆ่าตัวตายตามไป แต่ Richard ไม่ได้อยู่เฝ้าคุกยืนยาวเพื่อรอวันประหาร หลังจากที่ถูกจองจำ 23 ปีก็ตายจากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วนตัวภรรยานั้นก็เก็บตัวเงียบหายไป เชื่อกันว่าเธอเลิกรากับ Richard ไปแล้ว เพราะไม่มีการติดต่อขอรับศพไปทำพิธีแต่อย่างใด




Charles Sobhrat

ฉายา  The Bikini Killer

จำนวนเหยื่อ   12 ศพ   

 
อาชญากรรชายฝรั่งเศสเชื้อชาติเอเชียคนนี้ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียและสังหารคนขาวนับสิบ ประเทศไทยคือหนึ่งในโลเคชั่นของฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ เชื่อกันว่ามีเหยื่อสังเวยความโหดเหี้ยมถึง 20 ราย แต่เพื่อจะได้รับโทษน้อยที่สุด เขายอมรับว่าได้ฆ่านักท่องเที่ยวที่ประเทศไทย 5 คน และยังมีเหยื่อคนอื่นกระจัดกระจายตามประเทศต่างๆ ในเอเชีย
นี่คืออาชญากรที่ใช้ชีวิตบนการหลอกลวง มีประวัติ18 มงกุฎยาวเป็นหางว่าว ทั้งขโมย จี้ ปล้น แหกคุก เดินทางเข้าออกหลายประเทศด้วยพาสปอร์ตปลอมแล้วก็หันมาใช้เสน่ห์ภายใต้หน้ากากนักธุรกิจหนุ่มฝรั่งเศสหลอกล่อผู้หญิงให้ติดตามช่วยเหลือเป็นนกต่อเพื่อฆ่านักท่องเที่ยวชิงทรัพย์สินมาถลุง 
เป้าหมายของ The Bikini Killer คือนักท่องเที่ยวฮิปปี้ที่แบกเป้มาเที่ยวเอเชีย เขาจะตีสนิทด้วยอัธยาศัยและรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจแล้ววางยาจนหมดสติแล้วฆ่าด้วยวิธีต่างๆ ก่อนที่จะขโมยทรัพย์สินและพาสปอร์ตไม่ให้ตำรวจระบุตัวตนเหยื่อได้ เหยื่อคนแรกในประเทศไทยคือสาวอเมริกันที่มีความสนใจในพุทธศาสนาอย่างลึกล้ำ เธอเงียบหายไปนานจนครอบครัวต้องขอความช่วยเหลือผ่านทางการให้ช่วยเหลือค้นหาก่อนจะพบว่าเธอเป็นศพไร้ญาติมายาวนานหลายเดือน ร่างไร้วิญญาณในชุดว่ายน้ำของเธอถูกพบที่หาดน้ำตื้นที่พัทยา ผลการชันสูตรยังชี้สาเหตุการเสียชีวิตว่ามาจากการฆาตกรรมไม่ใช่การเล่นยาจนจมน้ำตายอย่างที่ตำรวจเข้าใจในตอนต้น
จากนั้นก็เริ่มมีหลายศพตามมา เหยื่อถูกกดน้ำ รัดคอ และสยดสยองที่สุดคือเผาทั้งเป็น ! คู่รักชาวดัชท์คู่นี้พบกับ The Bikini Killer ที่ฮ่องกง เขาใช้ตัวตนปลอมหลอกลวงให้พวกเขาตายใจและเชิญชวนให้มาพักด้วยที่เมืองไทย ก่อนที่จะเป็นศพถูกรัดคอและเผาทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่
เรากำลังพูดอาชญากรที่เฉลียวฉลาดขนาดที่หลบหนีการจับกุมของตำรวจในหลายประเทศ เขาพูดได้หลายภาษา ปลอมตัวแนบเนียนราวกับกิ้งก่าเปลี่ยนสี เขาใช้เงินจากการปล้นฆ่าติดสินบนเจ้าหน้าที่ เขาเคยให้สัมภาษณ์ Richard Neville นักเขียนหนังสืออัตชีวประวัติว่าเคยเสนอเงินจำนวน 15,000 ดอลลาร์ให้กับตำรวจไทยแล้วหนีรอดการจับกุมมาได้ (เมื่อ 40 กว่าปีก่อนถือว่าเป็นเงินที่สูงมากทีเดียว) ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ให้ข้อมูลกับนักเขียนมากกว่าให้การกับเจ้าหน้าที่ เพราะเทปสัมภาษณ์นี้ไม่ได้นำมาเป็นหลักฐานเพื่อเอาผิดในชั้นศาล นักเขียนชื่อดังได้เล่าว่าในช่วงเวลา 3 เดือนที่เขาเข้าหา Charles ก็ได้พบว่ามหาวายร้ายรายนี้สามารถยุยงคนในคุกแตกคอกันเองได้ง่ายอย่างง่ายดาย  ถึงขนาดว่าพยายามทำให้เขาทะเลาะกับคู่หูนักเขียนร่วมที่มาด้วยกัน "ยิ่งเขาสารภาพและโอ้อวดเรื่องการฆาตกรรมมากเท่าไร มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกดูดให้จมต่ำลงไปเรื่อยๆ"  Richard ยอมรับ

"จากการที่ได้สัมภาษณ์ Charles คุณจะได้พบกับความรู้สึกที่ซับซ้อน แน่นอนว่าเขาคือชายร้ายกาจที่ยอมรับว่าทั้งฆ่าและทรมานเหยื่อหลายคน และเขาก็ยังเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ไร้ความปรองดองและหาความยุติธรรมได้ยาก"


แม้ The Bikini KIller จะบอกเล่ารายละเอียดฆาตกรรมให้กับนักเขียนทั้งสอง แต่เขาก็ได้เตือนไว้ว่า "ถ้าหากผมถูกจับส่งตัวไปขึ้นศาลที่เมืองไทย ผมจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา"




หลังจากออกจากประเทศไทยได้ The Bikini Killer หรืออีกชื่อหนึ่งคือเจ้าอสรพิษ (จากความสามารถในการหลบหนีเงื้อมมือกฎหมาย) ได้ฆ่าคนเพิ่ม แต่ไปจนมุมที่อินเดีย เจ้าดีรู้ดีถึงช่องโหว่ของผู้ใช้อำนาจกฎหมายในประเทศนี้ แทนที่จะได้รับโทษประหารตามที่หลายคนคาด โทษของเขาคือจำคุก 12 ปี แต่ติดสินบนผู้คุมแลกกับความสุขสบายระหว่างถูกคุมขังและถูกยกย่องจากชาวคุกด้วยชื่อ Charles-sahib     เจ้าตัวรู้ดีว่าหากพ้นโทษเมื่อใดก็จะต้องถูกส่งตัวมาที่เมืองไทยเพื่อรับโทษที่อาจจะถึงขั้นประหารชีวิต เขาจึงวางแผน...ฟังให้ดีนะคะ...สั่งเลี้ยงอาหารผู้คุมและเพื่อนนักโทษอย่างครื้นเครงแล้ววางยาทุกคนจนไม่ได้สติ จากนั้นก็แหกคุกออกไปสบายๆ  แล้วทำให้ตัวเองถูกจับเข้าเรือนจำในอินเดียต่ออีก 10ปี จนหมดอายุคดีในประเทศต่างๆ ที่ถูกวางหมายจับไว้ The Bikini Killer เดินทางกลับฝรั่งเศสพร้อมกับเงินทองและเริ่มต้นใหม่อย่างอิสระในฐานะคนดัง

แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ในปี 2003 ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังเดินทางกลับไปที่คาสิโนในเนปาล Charles ถูกรวบตัวข้อฆาฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวด้วยการแทงและเผา ทางการได้นำหลักฐานจาก Herman Knippenberg นักการฑูตชาวดัชท์ที่เคยประจำในกรุงเทพฯ ผู้ที่วิ่งเต้นรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดหลังจากคู่รักชาวดัชท์ถูกฆ่าเผาทั้งเป็นที่พัทยาตั้งแต่ยุค 70s  และมันสามารถนำมาใช้มัดตัวคนโฉดชั่วให้ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตที่เนปาลได้

Herman Knippenberg  เคยกล่าวด้วยความเจ็บใจและกังวลว่า  "มันช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับคนๆ นี้ เขาสามารถหลบหลีกจากความผิดของตัวเองจนทำให้เขาเชื่อมั่นว่าตัวเองจะรอดไปได้เรื่อยๆ ส่วนตัวผมคิดว่าเขาน่าจะฆ่าเหยื่อมามากกว่านี้ครับ เราเจอพาสปอร์ตและใบขับขี่เป็นตั้งในอพาร์ทเมนท์-ของเขาที่กรุงเทพฯ มันอาจจะเป็นของเหยื่อหลายคน"

แม้จะมีตราฆาตกรต่อเนื่องแปะที่หน้า แต่นี่คือชายที่ทำให้ผู้หญิงบางคนหลงไหล ตอนที่ถูกจับที่อินเดียก็มีข่าวว่าทนายนั้นหลงรักเขาเข้าเอง เมื่อมาถูกจองจำในเนปาล หญิงสาวที่อายุห่างกันถึง 44 ปี ก็เดินทางมาหาที่คุกเพื่อร่วมงานในฐานะล่าม แต่ก็ตกหลุมรักกันและแต่งงานกลายเป็นข่าวฮือฮา ภรรยายังสาวคนนี้ยังช่วยวิ่งเต้นร้องต่อหน่วยงานต่างๆ ให้ช่วยเหลือเพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยอคติและทุจริตยัดข้อหาให้กับ Charles โดยขาดหลักฐานเพียงพอ

*หลังจากฆ่านักท่องเที่ยวชาวดัชท์ เขาหลบหนีมาที่เนปาลแล้วมีคนพบเห็นเหยื่อชาวอเมริกันและแคนาดาอยู่กับ Charles ที่ใช้ชื่อ Alain Gautier อันเป็นตัวตนพ่อค้าพลอยอันเดียวกับที่ใช้มาหลอกเหยื่อในเมืองไทย แต่เมื่อตำรวจเรียกตัวมาสอบถามก็อ้างว่าตัวเองชื่อ Henricus Bintanja  ซึ่งเป็นชื่อของนักท่องเที่ยวชาวดัชท์ที่ลงมือฆ่าในประเทศไทยนั่นเอง  เมื่อไม่มีหลักฐาน ตำรวจจึงปล่อยตัว แล้วเขาก็ใช้พาสปอร์ตของเหยื่อชาวแคนาดา(ภาพขวา) ที่เพิ่งถูกฆ่าในเนปาลเข้ามาที่ประเทศไทยอีกครั้ง  

ฆาตกรต่อเนื่องสองคนแรกที่เรายกมานั้นมีอาการทางจิตชัดเจน การทรมานและฆ่าเหยื่อสร้างความพึงใจให้แบบถมไม่เต็ม จนกว่าจะถูกจับได้ พวกเขาก็จะฆ่าไปเรื่อยๆเพื่อสนองความต้องการจากจิตใจที่บิดเบี้ยว พวกเขายอมรับว่าการกระทำเยี่ยงนี้ไม่มีเศษเสี้ยวความเป็นมนุษย์เหลืออยู่และโทษประหารก็สมควรกับความผิดของพวกเขาแล้ว แต่สำหรับกรณีของ The Bikini Killer การฆ่าคือส่วนหนึ่งของชีวิตมิจฉาชีพที่เหยียบย่ำชีวิตผู้บริสุทธิ์เพื่อประโยชน์ตัวเอง เขาเคยประกาศว่าไม่เคยฆ่าคนดีและป้ายสีให้กับเหยื่อที่ต้องตายอย่างทรมานว่าเป็นพวกคนชั่ว และยกการกระทำของตนว่าเป็นการปัดกวาดขยะออกจากสังคมเท่านั้น การใช้เสน่ห์และโพรไฟล์จอมปลอมหลอกลวงให้คนอื่นเชื่อถือแล้วปล้นฆ่านั้นไม่ทำให้เจ้าตัวอับอายแต่อย่างใด แม้จะอยู่ในคุกก็ยังคุยโวกับสื่อว่ามีสาวๆ เข้ามาเยี่ยมเยียน การก่ออาชญากรรมก็มีผู้หญิงที่หลงเสน่ห์เขายื่นมือเข้าช่วย แม้จะมีหลักฐานเรื่องการขโมยพาสปอร์ตคนตายมาใช้เดินทางไปก่อนกรรมทำเข็ญในกลายประเทศก็ยังพลิกลิ้นแถว่าตัวเองไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่อง ซ้ำร้ายยังใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายและการคอร์รัปชั่นเปิดช่องทางให้ตัวเองชูคอในสังคมด้วยฐานะที่อยู่ดีกินดี ถึงจะถูกจับได้ที่เนปาลจนติดคุกยาวจนเข้าวัยชราแต่ก็พยายามใช้อุบายต่างๆ เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นความผิด อันที่จริงแล้ว นี่อาจจะเป็นฆาตกรที่น่ากลัวมากกว่าคนที่สะสมชิ้นส่วนศพซะด้วยซ้ำ



Rodney Alcala


ฉายา     The Dating Game Killer


จำนวนเหยื่อ   เด็กและผู้หญิงประมาณ10 คน  ตัวเลขสูงขึ้นจากการพิสูจน์ DNA ด้วยเทคโลโลยีปัจจุบัน  เจ้าหน้าที่มั่นใจว่ามีเหยื่ออีกหลายคนถูกฆ่าแต่ยังหาหลักฐานเชื่อมโยงไม่ได้ ตัวฆาตกรเคยโอ้อวดว่าฆ่ามาแล้วร่วมร้อยศพ!

ฆาตกรฆ่าข่มขืนคนนี้สร้างความช็อกให้กับอเมริกาเพราะเคยไปเป็นแขกรับเชิญของรายการออกเดททาง TV หญิงสาวที่เลือกเขามาเป็นคู่เดทหน้ากล้องไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังกอดอยู่กับฆาตกรต่อเนื่อง แต่เคราะห์ยังดี เมื่อรายการจบ เธอกลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ยอมออกเที่ยวกับเขาตามคำเชื้อเชิญ
ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้จะเข้าหาเด็กหนุ่มสาวและหลอกให้ตายใจว่าเป็นตากล้องมืออาชีพ เมื่อนัดหมายถ่ายรูปแล้วก็จะหาโอกาสทำร้ายเหยื่อด้วยวิธีสุดวิปริต
แพทเทิร์นของ The Dating Game Killer คือการใช้รูปร่างหน้าตาดึงดูดใจหญิงสาว   เขามีทักษะการถ่ายภาพที่ร่ำเรียนจาก UCLA  ทั้งยังเคยเรียนถ่ายหนังกับผู้กำกับดังอย่าง Polanski ใน NYU และใช้จุดเด่นอันนี้โน้มน้าวใจให้เหยื่อเป็นนางแบบ มีคนเป็นร้อยๆ ที่ยอมให้เขาถ่ายภาพโป๊เปลือยเพราะหวังว่ามันอาจเป็นบันได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง แต่เมื่อสบโอกาส เขาจะใช้กำลังทุบตีและข่มขืน จากนั้นก็จะรัดคอให้เหยื่อหมดสติและเฝ้ารออย่างเลือดเย็นให้เหยื่อฟื้นขึ้นมาใหม่แล้วรัดคอซ้ำๆ ให้ทรมานต่อไปจนกว่าจะสาสมใจแล้วรัดคอจนขาดใจตายในที่สุด
ตอนค้นที่พักของของ The Dating Game Killer  ตำรวจต้องผงะกับภาพของหนุ่มสาววัยทีนเป็นพันภาพ และภายหลังก็ตามสืบสวนได้ว่ามีหญิงสาวที่ปรากฏในภาพเหล่านั้นถูกข่มขืนและฆ่าตายไปแล้ว จนเชื่อมั่นว่ายังมีเหยื่ออีกหลายคนที่ยังไม่ทราบชะตากรรมเพราะไม่สามารถระบุตัวได้ อุปสรรคต่อการตรวจสอบหารายชื่อของบุคคลที่ถ่ายแบบให้กับฆาตกรต่อเนื่องนั่นคือระดับความโป๊เปลือยที่ไม่สามารถนำมาประกาศต่อหน้าสาธารณชนเพื่อตามหาพวกเขาเพื่อยืนยันความปลอดภัย แต่ก็มีครอบครัวของบุคคลสูญหายจำนวนหนึ่งติดต่อเจ้าหน้าที่ในการตามหาลูกหลานที่หายตัวไป ในระหว่างที่เขาถูกจองจำอยู่นั้น การพัฒนาเทคโนโลยีพิสูจน์ DNA ก็ได้ช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดกับ The Dating Game Killer ได้เพิ่มอีกหลายคดี แต่ก็เชื่อกันว่าจำนวนเหยื่อที่ถูกฆ่าข่มขืนนั้นมีจำนวนมากมายกว่านี้หลายเท่า 


นักสืบคดีนี้ได้เปิดเผยข้อมูลที่ชวนเสียวสันหลังกับฆาตกรที่แฝงตัวแนบเนียนในสังคมว่า

"ผมสอบถามกับอาจารย์จาก UCLA และ อาจารย์ของเขาก็ยืนยันว่านี่คือนักศึกษาระดับท็อป เขาเป็นคนคนที่จิตใจดีขนาดที่จะตบแมลงวันยังไม่กล้าเลย คิดว่าผมต้องเข้าใจผิดสลับตัวเขากับคนอื่น ผมต้องรับมือกับคนร้ายที่ชาญฉลาดและปิดบังตัวตนอย่างแนบเนียน  การกระทำของเขานั้นร้ายกาจเหมือนกับมีปีศาจซ่อนอยู่ในตัว"




* สังเกตไหมคะว่า ฆาตกรต่อเนื่องที่เรายกมาให้ฟังนั้นมีสติปัญญาดี แม้แต่คนที่ไม่ได้รับการศึกษาสูงก็ยังมีวิธีถ่ายทอดความคิดได้อย่างเฉลียวฉลาด  แต่มันเป็นการใช้สมองแบบผิดทางและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE