จากศึก diss track ของ Eminem VS MGK  ที่ปลุกความร้อนแรงให้กับวงการ hip hop ทำให้เราได้ทราบว่าแร็พเพอร์ระดับตำนานได้ติดตาม trending ไม่แพ้กับชาวบ้านชาวช่องจากการหยิบชื่อของ Lil Tay  เด็กน้อยที่สร้างเสียงโจษจันในโลกออนไลน์คนนี้

Lil Tay คือใคร ?

เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่สร้างความโด่งดังด้วยการประกาศตัวเป็นแร็พเพอร์รุ่นจิ๋ว นั่นอาจจะฟังดูไม่แปลกใหม่แต่อย่างใด ศิลปินรุ่นเยาว์มีให้เห็นเกลื่อนอินเทอร์เน็ท แต่เด็กคนนี้มีจุดขายที่วาจาสามหาวและการอวดอ้างถึงความร่ำรวยรวมถึงดูถูกดูแคลนผู้อื่นด้วยถ้อยคำหยาบคาย Lil Tay สร้างความตกตะลึงด้วยการพ่น N word ราวกับเป็นสิ่งที่เธอทำในชีวิตประจำวันอย่างอาบน้ำแปรงฟัน 

"อย่างพวกแกไม่มีปัญญาจะมีบ้านแพงๆ แบบชั้น ดูสิชั้นมีบ้านวิวเริ่ดๆ บนเขา"  Lil Tay อวดอ้างว่ามีบ้านหลายหลัง รถหรู โปรยเงินเป็นฟ่อน และตะโกนใส่กล้องด้วยคำสบถสารพัด

พูดตรงๆ คนร่ำรวยที่ใช้ชีวิตรวยๆ ไปตามปกติแล้วเปิดเผยให้ชาวเน็ทได้เห็นก็ยังมีคนตามมาจิกกัด แต่คือเด็กตัวจิ๋วที่ตะโกนด่าผู้คนว่า นังบ้า พวกงี่เง่าขี้อิจฉา จำนวนผู้ติดตามของเธอพุ่งพรวดและรวมไปถึงความเห็น bully รุนแรง และเริ่มมีข้อสงสัยว่า จะเป็นไปได้หรือที่เด็กในวัยไร้เดียงสาจะเป็นต้นคิดให้ตัวเองกลายเป็น viral ด้วยวิธีนี้


การขุดจากโคนันออนไลน์จึงเกิดขึ้น และความจริงที่ตามมานั้นอาจจะทำให้คุณต้องถอนใจ บางคนที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดยังยอมรับว่า จากที่เคยอยากจะตบกบาลเด็กปากดีเพื่อสั่งสอน ตอนนี้กลับสงสารเธอขึ้นมาแทน



แล้วจริงๆ เบื้องหลังของ Lil Tay เป็นเช่นไร ?   

  วิถีสู่ความเป็น viral ของ Lil  Tay นั้นทำให้เกิดผู้ติดตามนับล้านบนโลกออนไลน์  มีแฟนๆ ที่มองว่านี่คือการเล่นตลกขำๆ ของเด็กหญิง wannabe rapper  และ haters ที่จิกกัดอย่างสนุกสนาน บ้างก็ขุดคุ้ยและเผยแพร่ข้อมูลที่ค้นหามาแฉ ในที่สุด ตัวตนที่ลึกลับของเศรษฐีปากจัดวัย 9 ขวบก็ถูกเปิดเผย  

- Lil Tay ไม่ใช่เด็กอเมริกัน แต่มาจากแวนคูเวอร์ แคนาดา เธอมีพี่ชายวัยรุ่นอีกคน  และ คนๆ นี้แหละที่เป็นตัวหมากสำคัญ

- Lil Tay ไม่ใช่ทายาทเศรษฐีที่ร่ำรวยเหมือนเซเลบฮอลลีวู้ด  Angela Tien ผู้เป็นแม่ทำงานนายหน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เธอเป็นชาวเอเชียนที่ย้ายมาตั้งรกรากที่แคนาดา

- เจ้านายของแม่ Lil Tay เป็นเจ้าของรถ Mercedes 500 SL  และ Bently ที่ปรากฏใน viral video  เขาอธิบายกับสื่อว่า ลูกน้องมาขออนุญาตให้ลูกๆ ถ่ายรูปกับรถหรูของเขา แต่ไม่รู้มาก่อนว่าจะถูกนำไปนำเสนอใน social media ในรูปแบบนั้น เมื่อเรื่องแดงออกมา  Angela  ชิงลาออกก่อนที่บอสจะดำเนินการเช่นไรต่อและย้ายมาที่ LA เพื่อสานความฝันในการเป็นดาวดังแห่งโลกอินเทอร์เน็ท


มันไม่ใช่สิ่งที่ช็อคหรือเกินความคาดหมายของที่เกาะติดเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุด  เพราะอะไรพ่อแม่ของ Lil Tay จึงปล่อยให้ลูกสาวสร้างภาพลักษณ์ที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง ? มีเด็กจำนวนมากมายที่ผจญกับปัญหา bully แต่พวกเค้ากลับปล่อยให้ลูกสาวตัวเล็กๆ เป็นผู้เรียกให้ bully เข้ามาหาเอง

จากภาพด้านบน  แม้เด็กหญิงจะโอ้อวดว่าทำเงินได้เป็นล้านๆ จาก Instagram แต่ชีวิตของเธอไม่ได้มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของบอดี้การ์ดเหมือนกับแร็พเพอร์ตัวจริง และยังถูกคนที่ขับรถมาเจอตะโกนขู่ให้ตกใจกลัว


ความจริงที่หลุดมาทีละนิดก็ยิ่งฟังน่าตกใจเข้าไปอีก

ข่าวลือแพร่สะพัดตามมาว่า  Angela  กำลังใช้ลูกสร้างเงินเข้ากระเป๋าตัวเองโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม  อิมเมจเด็กหยาบคายขี้โม้โป้ปดเรียกความสนใจจากผู็คนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งLil Tay และแม่ได้รับเชิญไปออกรายการดังอย่าง Good Morning America

พิธีกรดังได้บรรยายว่า เธอต้องประหลาดใจกับบุคลิกที่ดูนุ่มนิ่มและถ้อยคำฟังรื่นหูของดาวอินเทอร์เน็ทวัยกระเตาะ แต่ก็ไม่เซอร์ไพรส์นักที่ Lil Tay ปฏิเสธข้อกล่าวหาเสียงแข็ง

" ไม่มีใครบังคับให้หนูทำแบบนี้ มันไม่จริงที่แม่หนูอยากหาเงินด้วยการขายหนู นี่เป็นการตัดสินใจของหนูเอง หนูมีความสุขกับสิ่งที่หนูทำ" Lil Tay พูดฉาดฉาน


ส่วนเรื่องบ้านและรถที่อ้างว่าเป็นของตัวเอง  แต่เจ้านายเก่าของแม่ยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเขาและของบริษัทนั้น  เด็กน้อยดูจะเตรียมตัวกับคำถามนี้มาเป็นอย่างดี
 " หนูไม่ได้ไปถ่ายวีดีโอในบ้านของคนอื่นค่ะ ไม่มีใครมีหลักฐานสักหน่อยว่าเป็นบ้านคนอื่น"
(ในที่นี้ เราเชื่อว่าสื่อไม่สามารถบีบให้เด็กและแม่สารภาพได้ เพราะมันจะเป็นการล่วงละเมิด)

"เราเลือกที่จะเมินเฉยพวก bully ไปซะ เธอเป็นเด็กมารยาทดี เธอมีความมุ่งมั่นและความฝัน" Angela ยืนยันว่าสิ่งที่เธอทำคือการสนับสนุนความสามารถของลูกสาวเท่านั้น

ระเบิดอีกลูกที่ตามมาหลังจากที่ประกาศผ่านรายการดังว่าไม่สนพวก haters  มันคือวีดีโอของ Lil Tay ที่กำลังท่องสคริปท์กับพี่ชายที่กำลังสอนให้เธอพูดคำผรุสสวาทเย้ยหยันชาวเน็ท  

"หนูต้องพูดแบบไหนนะ "  Lil Tay ถอนหายใจเมื่อจำบทไม่ได้ เธอพูดคำว่า trend maker แทนที่จะเป็น trend setter และมีพี่ชายคอยแก้ให้คำต่อคำ และเมื่อฟังดูงี่เง่าไม่พอ พี่ก็ต้องคอยย้ำว่า "ทำให้มันดูโง่กว่านี้หน่อย"  เขาเป็นโค้ชสอนแอคติ้งทุกอย่างให้น้อง ทั้งๆ ที่น้ำเสียงท่าทางตอนที่พูดปกตินั้นก็ไม่ได้ต่างจากเด็กวัยน่ารักคนอื่นๆ เลย 

คลิปที่น่าหนักใจกว่าก็คือ ภาพของ Lil Tayในชุดนอน ที่ชายยื่นมอระกู่ให้สูบ ทั้งๆ ที่แม่ก็ยืนอยู่ด้านหลัง  ตัวคนพี่เองก็ยังโพสท์อวดแบบไม่สะทกสะท้าน พ่วงด้วย n word ยั่วให้ haters เดือดขึ้นมาอีก

Jason Tian
หนุ่มวัยรุ่นที่พยายามสร้างชื่อบน youtube ด้วยการแสดงออกแรงๆ สไตล์แร็พเพอร์บนช่อง youtube อย่าง RiceGum  แต่ไม่ประสบความสำเร็จ  เขาคิด project ใหม่ขึ้นมา  ทำยังไงจะดังจนกลายเป็น viral ได้ล่ะ สอนน้องสาวตัวจิ๋วให้พูดหยาบคาย ท้าชาวบ้านอย่างกับตัวเองเป็น ganster ขาโหด แล้วก็อวดรวยเงินปลิวว่อน โอ้ นี่มัน work นี่นา

"ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไง เราก็จะเดินหน้าต่อครับ"  Jason ยืนยัน

แต่มันได้สร้างความกังวลจากหลายคนว่า  นอกจากการใช้ประโยชน์จากเด็กที่ไร้เดียงสาแล้ว นี่คือการจับเธอมาเป็นกระสอบทรายให้นักเลงคีย์บอร์ดรุมทำร้ายด้วยวาจาร้ายกาจ ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือด้านมืดของสังคม คำขู่ฆ่าและความเสี่ยงที่เธอจะถูกbully ในชีวิตจริง

Woah Vicky ดาวอินเทอร์เน็ทที่มีผู้ติดตามเป็นล้านเช่นเดียวกันเป็นผู้จุดประเด็นเรื่อง Jason Tian เธอได้เข้าไปใกล้ชิด Lil Tay ในระยะหนึ่ง และยืนยันว่าภาพเด็กวาจาสามหาวที่หลายคนเกลียดชังไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง

"ชั้นขอบอกพวกคุณเลยนะว่า Lil Tay นั้นน่ารักนิสัยดี เธอมาจากแคนาดา  เรียนบัลเลต์อะไรแบบนั้น  เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับhip hop หรือการโชว์ข้าวของเลย และ Lil Tay ที่พวกคุณเห็นน่ะเป็นฝีมือของพี่ชายเธอทั้งหมด เขาคอยควบคุมเธอหมดทุกอย่าง ถึงขนาดทำเธอร้องไห้ อย่างตอนที่เราไปคอนเสิร์ตแล้วเธอก็ทำได้ดีนะ แต่พี่ชายก็เริ่มตะโกนด่าว่า ทำไมเธอทำแบบนั้น เธอทำผิดแล้ว  เธอก็ร้องได้ออกมาเลยล่ะ  เธอแค่สิบขวบเองนะ ยังเด็กเกินที่จะรับมือทุกอย่างได้ ตอนที่พวกเค้าย้ายมาทีLA ใหม่ๆ พี่ชายLil Tay ติดต่อชั้นและก็บอกว่าเราควรมาร่วมทีมกันเพราะเค้าคิดว่าชั้นเจ๋งมาก     ตอนแรกชั้นก็คิดว่าเราเข้ากันได้ดี  แต่เอาไปเอามา เค้าก็มาทำท่าเจ้ากี้เจ้าการไม่ให้ชั้นถ่ายรูปกับน้องสาว แล้วก็เอาชั้นไปด่าใน instagram ของ Li ltay  มันทำให้ชั้นดูโง่ไปเลย  ทั้งๆ ที่ชั้นชอบLil Tay เพราะเธออ่อนหวานไร้เดียงสาจริงๆ แต่มันแย่มากที่ Jason ใช้เธอในการหาเงินและสร้างชื่อเสียง เธอไม่เกี่ยวกับเพจของตัวเองด้วยซ้ำไป  มันคือ Jason ทั้งนั้นที่ใช้บัญชีนั้น"

 Vicky  ขึ้นชื่อเรื่องความแรงและถูกขุดคุ้ยไม่ต่างจาก Lil Tay ค่ะ เหตุการณ์ที่เห็นแล้วปวดขมับนั่นคือ ตอนที่ Vicky เจอคู่อริแล้วท้าตบกันให้ลั่นต่อหน้า Lil Tay  แล้วหนูน้อยก็ร่วมผสมโรงทะเลาะกับเขาไปด้วย ตะโกนด่า "อยากตบกันเหรออีนี่"  "หุบปากไปเลย" ตอนที่เค้าพุ่งใส่กันทั้งๆ ที่หน้าตาเหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว

FYI  Bhad Bhabie ที่เข้ามาหาเรื่องเปิดเผยว่า Vicky กับ Lil Tay ด่าเพื่อนของเธอว่าโง่ด้วย N word เหยียดผิวก่อน

คุณพระ..!  ลองนึกถึงเด็ก 9 - 10 ขวบที่เติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางที่แคนาดา แต่ถูกป้อนข้อมูลคำหยาบคายและสั่งให้ทำตัวก้าวร้าวทุกสถานการณ์ แม้กระทั่งเพื่อนรุ่นพี่ตบกันข้างถนนก็ต้องเบ่งราวกับว่าตัวเองแกร่งซะเต็มประดา (แต่อยู่หลังผู้ชายตัวใหญ่นะ)  ภายหลัง Lil Tay (AKA พี่ชายเธอ) ก็ได้ด่าคู่กรณีที่ถังแตกไม่มีปัญญาใส่ Gucci เอาแต่ใส่เสื้อกล้ามถูกๆ อีกด้วย   

ภาพฉาวอย่างการสูบมอระกู่ ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ (แน่นอนค่ะ 9 ขวบจะเอามาจากไหน)   ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พี่ชายเธอก็ตัดสินใจลบโพสท์ที่เป็นแหล่งสร้างรายได้บน instagram ออกจนหมดและประกาศว่าจะมีproject ใหม่ตามมาเร็วๆ นี้  นั่นคือ reality show ผ่านช่องออนไลน์ 

เนื้อหาไม่มีอะไรมาก ดูจะเป็นการพยายามเตรียมเส้นทางสู่วงการด้วยการพร่ำบอกว่าเธอมีความสามารถรอบด้านและต้องการพิสูจน์ตัวทั้งเรื่องดนตรีและการแสดง  เราไม่ได้ยินเสียงตอบรับมากมายเท่าใดนัก 

Lil Tay จะเป็นหนึ่งในดารา Internet มีถูกจัดเข้าไปอยู่กลุ่ม 15 minutes of fame หรือไม่   เธอจะกลับมาสร้างความดังด้วยวิธีเดิมๆ อีกรึเปล่า คุณล่ะ คิดว่ายังไง?

มีใครเคยล่วงละเมิดลูกตัวเองด้วยความรุนแรงแล้วยังหน้าด้านเอามาโชว์บน social media ด้วยเหรอ  คุณฟังแค่หัวข้อแล้วอาจจะข้องใจ


ใช่ค่ะมันเกิดขึ้นมาแล้ว

จากภาพ คุณอาจจะเห็นว่านี่คือครอบครัวที่ดูปกติเหมือนคนอื่นๆ แต่ DaddyOFive   ที่สร้างกระแสความสนใจด้วยการกลั่นแกล้งลูกๆ ตัวเองด้วยถ้อยคำรุนแรงบีบคั้นผ่าน vlog ชื่อ my family is crazy เขาหาวิธีต่างๆ ที่ทำให้ลูกๆ รู้สึกย่ำแย่ ยุยงให้ลูกทำร้ายร่างกายกัน และไม่สะทกสะท้านเมื่อเห็นลูกคนโตบีบคอลูกชายตัวเล็ก(โคดี้)

เขาถ่ายวีดีโอตอนลูกกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน เมื่อโคดี้แสดงอาการต่อต้านเขาจะตะโกนใส่ด้วยคำหยาบคายเช่น ไอ้เด็กปีศาจ ไอ้โง่  เรื่องมันเลวร้ายขนาดที่โคดี้ทำร้ายตัวเองที่โรงเรียนด้วยการข่วนตัวเองจนเลือดออก แต่แทนที่พ่อยอดแย่คนนี้รู้แล้วจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง  เขากลับตามไปดุด่าลูกชายซ้ำเติม 

ยังมีเรื่องทุเรศทุรังอีกหลายอย่างที่ DaddyOfive ทำกับโคดี้ที่ทำให้คุณต้องจิตตก เด็กชายถูกแกล้งให้เข้าใจว่าตัวเองพลัดหลงกับครอบครัวตอนไปเที่ยวข้างนอก ในยามปกติ เขาจะตามเซ้าซี้ให้โคดี้โมโหและสนุกสนานกับการดุด่าให้ลูกน้ำตาแตกให้ได้ แม่เลี้ยงเคยกลั่นแกล้งด้วยการทำห้องโคดี้รกเลอะเทอะแล้วร่วมกันดุด่าจนเด็กชายเครียดจัดแล้วหัวเราะอยู่ลับหลัง พวกเขาไม่ได้พยายามลองใจลูกด้วยซ้ำไป แต่ดูเหมือนกับวิธีทรมานที่น่ารังเกียจ

สิ่งที่เราสตั๊นไปหลายวินาทีคือการเล่นเกมแล้วผู้ชนะตบหน้าคนแพ้เพื่อเรียกยอดเข้าชม และสอนลูกว่า ห้ามตีผู้หญิงแต่น้องสาวไม่รวมในกฎนั้น สิ่งที่ตามมาคือเด็กหญิงถูกตบอย่างแรงจนร้องไห้

เอมม่า ลูกสาวเคยกรีดร้องอย่างอัดอั้นตันใจว่าเธออยากจะตายให้พ้นๆ ไป...OMG! เหตุการณ์abusive เหล่านี้มีแม่เลี้ยงของเด็กสองคนร่วมด้วย เธอย่ำแย่เกือบจะพอ ๆกับพ่อแท้ๆ ของเด็ก เมื่อถูกสังคมกดดันอย่างหนักก็ออกมาอ้างว่าเป็นการเตี๊ยมกันเพื่อสร้างกระแส แม่เลี้ยงบอกว่าโคดี้ร่วมแสดงด้วยการเห็นดีเห็นงามด้วย แต่ภาพหลักฐานหลายอย่างนั้นมัดตัวพวกเค้าไว้แน่นหนา ในที่สุดตำรวจก็เข้ามาจัดการเรื่องนี้ค่ะ

แม้จะอ้างว่าเป็นวีดีโอเตี๊ยมที่ทำให้มีผู้ติดตามบน youtube มากกว่า 700,000 คน  แต่เมื่อหน่วยงานพิทักษ์สิทธิเด็กได้เข้ามาตรวจสอบ  หญิงชายไร้ยางอายคู่นี้ก็ถูกถอดถอนสิทธิ์การเลี้ยงดูโคดี้และเอมม่า เด็กๆ ได้กลับไปอยู่กับแม่แท้ๆ  

ถ้าคุณอยากรู้ว่าคนเราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อได้ยอด view  ลองติดตามเจ้าหนูคนนี้ดูกันก่อน

ถ้าคุณอยากรู้ว่าคนเราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อได้ยอด view  ลองติดตามเจ้าหนูคนนี้ดูกันก่อน

Morgz   เด็กวัยรุ่นอังกฤษที่เพิ่งจะเสียงแตกทำ click baits ด้วยการตั้งชื่อคอนเทนท์ว่าแม่มี sex กับเขาตอนอายุ 12  ....

หมดคำพูด!!

หากคุณอยู่ในวัยที่มีลูกหลานแล้ว ใช่แล้วค่ะ ถ้าไม่ระมัดระวังเรื่องการเข้าถึง social media ดีๆ เด็กๆ อาจจะอยู่ในกลุ่มผู้ติดตามของนักสร้าง click baits อย่างเด็กหนุ่มคนนี้ เขามีผู้ติดตามมากกว่า 5 ล้านคน content ส่วนใหญ่ก็ prank ไม่ต่างจากการสร้างความโด่งดังของ Logan Paulและ Rice Gum ส่วนแม่ของ Morgz ก็มีผู้ติดตามล้นหลามเป็นล้านกัน  content แรงๆ ของเธอคือการแอบอยู่ใต้เตียงของลูกชายทั้งวันทั้งคืน  ภาพลูกชายที่กำลังนัวเนียกับแฟนสาวโดยที่มีแม่ของเขาแอบดูด้วยสีหน้าสนุกสนานนั้นชวนแหวะไม่ใช่เล่นๆ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นการเตี้ยมกันในครอบครัว  ถึงจะทำท่าทางโกรธจัดตอนจับได้ว่าแม่แอบซ่อน แฟนสาวก็ฟูมฟาย  แต่ถ้าจะบอกว่าวีดีโอนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงไม่มีการจัดฉาก ความเป็นไปได้มันก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน  พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงกับวีดีโอนี้เพราะยอดview พุ่งไปถึง 15 ล้าน เมื่อคุณเลื่อนลงไปอ่านคอมเมนท์ก็จะพบผู้ติดตามที่เป็นผู้เยาว์มากมายเต็มไปหมด  เฮ้อ...

RiceGum

มีคนขอให้พูดถึงyoutuber เชื้อสายเอเชียผู้โด่งดังรายนี้หน่อยว่ามีดราม่าอะไร ชาวเน็ทจากจีนรวมถึงคนเชื้อสายจีนในต่างประเทศถึงได้ชังน้ำหน้า   
จัดให้ค่ะ

Bryan Le  หนุ่มอเมริกันเชื้อสายเวียดนามที่โด่งดังในโลกออนไลน์ขนาดที่ทำdiss track ออกมามาตอบโต Jake Paul ขายได้ถึงระดับ platinum  ผู้ติดตามบน youtube มีมากมายกว่าสิบล้าน platform อื่นๆ ก็อุ่นหนาฝาคั่งไม่แพ้กัน 

คล้ายกับดาวอินเทอร์เน็ทคนอื่นๆ RiceGum เริ่มต้นจากการ cast เกมตั้งแต่หกปีที่แล้ว เมื่อเริ่มมีแฟนๆ ติดตามมากขึ้นก็เริ่มนำเสนอ content ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นดนตรี  prank และ challenge นู่นนี่นั่นตามประสาวัยทีน พออายุ 21 ก็มีผู้ติดตามหลักสิบล้านสร้างรายได้อู้ฟู่ การ flex (โชว์รวย) ก็ตามมา รวมถึง clickbait อย่างดึงสาวหน้าเหมือนคิมเคมาเล่นเกมท้าถอดผ้าแล้วจั่วหัวว่าเป็นเป็นดาวดังตัวจริง 

ตามประสาชุมชน youtube ค่ะ พอมีคนดังตู้มต้าม ก็ต้องมีคนที่หมั่นไส้ไม่ชอบหน้าแขวะกันไปมา ตัวอย่างก็ Jake Paul ที่เราพูดถึงไปแล้ว และยังมีคนอื่นๆ จ่อคิวเตรียมเหยียบซ้ำตอนที่ทำอะไรไม่เข้าท่า แต่ว่าทะเลาะกับ youtuber ด้วยกันดูจะไม่หนำใจ RiceGum ลงทุนเดินทางไปที่ฮ่องกงเพื่อถ่ายวีดีโอ prank แนวประชดประชันที่ตัวเองถูกเหยียดเชื้อชาติบ่อยๆ นั่นคือการเหยียดหยามให้กลับเมืองจีนไปซะ  เจ้าตัวจึงไปที่ฮ่องกง แล้วทำตัวเกะกะระรานชาวบ้านเพื่อเรียกยอด view ด้วยข้ออ้างว่า   "ก็ผมเป็นคนจีน แค่เล่นมุกใส่คนจีนด้วยกันเหมือนที่คนดำเล่นมุกล้อคนดำ คนขาวเล่นมุกจิกคนขาวแค่นั่นอะ ซีเรียสไรกันมากมาย"


เอ่อ  คุณคะ  ได้ข่าวว่าพ่อแม่เป็นเวียดนามทั้งคู่  ไม่มีความผูกพันอันใดกับวัฒนธรรมจีนเป็นอเมริกันเต็มขั้น

เขาไล่ถามคนจีนว่า "หมาอยู่ไหน"  เพื่อส่อเสียดเรื่องที่คนจีนมักถูกเหยียดหยันเหมารวมว่าเป็นชนชาติที่รับประทานเนื้อหมา  นอกจากนั้นยังถามหาผู้หญิงด้วยคำหยาบคาย แล้วแสดงความสนุกสนานที่ผู้คนตามท้องถนนไม่เข้าใจที่ตัวเองพูด เลือกทำตัวหยาบแต่กับผู้หญิงและคนแก่ หรือแม้กระทั่งการไปถามหา happy ending กับหญิงแก่ที่เชียร์ลูกค้าร้านนวด (หมายถึงบริการที่ไม่ใช่นวดอย่างเดียว)

เจ้าตัวออกมาตอบโต้ว่า แค่ล้อเล่นไง  ที่ใช้คำว่า bitch และ ho ก็เป็นคำสแลงของฮิปฮอปที่หมายถึงผู้หญิง ไม่ได้ถามหาโสเภณี

โอ้  มันขำจังที่มีเด็กอเมริกันเชื้อสายเอเชียนที่ดูกร่างสุดชีวิตทำเหมือนคนจีนฮ่องกงเป็นตัวตลกเพราะไม่เข้าใจว่าจะถามหา bitch ไปทำบ้าอะไร

พออ้างว่าเป็นคนจีนเลยอำคนจีนได้ มันก็น่าขำอีกเพราะยังเคยลงวีดีโอแม่ตัวเองด่าเป็นภาษาเวียดนามตอนที่รู้ว่าลูกชายซื้อรองเท้าราคาเป็นหมื่นมาอวด haters จึงกระแทกคำประนามอย่างพร้อมเพรียงว่า นี่คือคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับความเป็นจีน แต่ใช้เชื้อชาติตัวเองมาเป็นเครื่องมือเพื่อก่อกวนคนต่างชาติเพื่อให้มีคนเข้ามาชมเยอะๆ ก็เท่านั้นเอง

สิ่งหนึ่งที่ชาวจีนหลายคนโกรธมากคือการแกล้งคนแก่ด้วยการบีบให้กินไอศครีมที่เหลือด้วยการแถไปว่า ไม่อยากให้เสียของไปเฉยๆ ชาวเน็ทหลายคนยืนยันถ้าญาติผู้ใหญ่ถูกทำแบบนี้ต่อหน้า เรื่องไม่จบสวยๆ แน่ อีกหลายคนยังเห็นตรงกันว่า ไม่ได้มีแต่คนขาวเท่านั้นที่เหยียดชาวจีน แม้แต่คนเอเชียนด้วยกันเองก็ยังแสดงพฤติกรรมเช่นนั้น และยิ่งเป็นการเปิดทางให้มีการเหยียดผิวจากเชื้อชาติอื่นมากขึ้นไปอีก