In Memory Of Alexander McQueen

.
เคยมีคนบอกกับเราว่า อัจฉริยะหลายคนมีชีวิตแสนสั้น  พวกเขานำเสนอที่ยอดเยี่ยมผลงานจนพุ่งไปจุดสูงสุดแล้วกลับจากไปอย่างรวดเร็วจนใจหาย


Alexander McQueen ดีไซน์เนอร์หนุ่มชาวอังกฤษที่พลิกประวัติศาสตร์โลก fashion ด้วยความสร้างสรรค์ที่ฉีกกฎเกณฑ์ การออกแบบที่โดดเด่นบวกกับ fashion show อลังการที่ยิ่งทำให้เสื้อผ้าดูล้ำมากขึ้นไปอีก หากแต่ในวันนี้ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Alexander McQueen ไม่ได้มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ความยิ่งใหญ่จากศิลปะที่ยังคงอยู่ก็ยังเป็นที่จดจำไม่เสื่อมคลาย
จากเด็กหนุ่มที่เติบโตในครอบครัวชนชั้นแรงงานย่านที่ไม่โสภานักใน London    
Lee Alexander McQueen ได้โบกมือลาชีวิตนักเรียนในวัยเพียงแค่ 16 และมุ่งตรงไปสู่ถนน Savile Row ที่เต็มไปด้วยห้องเสื้อชั้นนำ เส้นทางของดีไซน์เนอร์ที่ถูกยกให้เป็นราชา Fashion แห่งอังกฤษก็ได้เริ่มขึ้น
แม้ว่าจะเลิกเรียนตั้งแต่ยังเป็นวัยทีน แต่พอร์ทโฟลิโออันล้ำหน้าของ McQueen ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้บริหารวิทยาลัยศิลปะและการออกแบบ เขาจบการศึกษาในระดับปริญญาโทเมื่อปี 1992 ระหว่างนั้นก็ได้พบกับ Isabella Blow สาวชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงในวงการ fashion ในฐานะบรรณาธิการนิตสารและ stylist ผลงานของ McQueen ทำให้เธอตราตรึงถึงขนาดแม้จะไม่มีที่นั่งใน fashion show ก็หาที่ว่างตรงพื้นนั่งชมจนได้ จากนั้นจึงกระหน่ำโทรไปที่บ้านของ McQueen จนแม่ของเขาคิดว่าเธอสติหลุดไปแล้ว เมื่อต่อสายถึงเขาสำเร็จ Isabella ก็ขอซื้อผลงานเดบิวท์ฝีมือ McQueen ทุกชุดโดยตกลงเสนอราคาที่ชุดละ £ 350  

มิตรภาพของทั้งคู่ได้เบ่งบานตั้งแต่นั้น เธอกลายเป็นทั้งเพื่อนและ mentor ให้กับดีไซน์เนอร์หนุ่มไฟแรงที่ต่อมาได้กลายมาเป็นหนึ่งในตำนาน fashion ระดับโลก

"มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ลุกขึ้นยืนท่ามกลางกลุ่มผู้ชม แม่ของเขาและตัวชั้นเองค่ะ"   Isabella บอกกับสื่อ เธอไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ mentor แต่ยังสนับสนุนเขาทุกวิถีทาง  ด้วย platform ในฐานะ fashion icon ช่วยให้โลกใด้ประจักษ์ถึงความสามารถของดีไซน์เนอร์ที่เธอชื่นชม

 Joyce  แม่ของ McQueen ได้กล่าวถึง Isabella ว่า"เธอซื้อcollection ของเขา เธอใส่เสื้อผ้าพวกนั้น เธอโพรโมทให้เขา เธอพูดให้ใครๆ ฟังเรื่องของเขา ชั้นรู้มาว่าเขาเคยอาศัยในบ้านของเธอด้วยซ้ำ เธอช่างแสนดีเสมอมาและชั้นคิดว่าการช่วยเหลือของเธอส่งผลดีมากมายต่อLee"    

Isabella ผู้นี้เองที่แนะนำให้เขาตั้งชื่อแบรนด์โดยตัดชื่อต้นออกเพื่อให้ฟังเหมาะกับ high fashion มากขึ้น
"ทุกคนเรียกเขาว่า Lee แต่ชั้นเรียกว่า Alexander เหมือนกับ Alexander มหาราชค่ะ"



McQueen ได้สร้าง Signature ที่กระแทกใจโดยไม่แคร์ต่อเสียงคำครหาในผลง่านที่สร้างความอื้อฉาว เขาได้รับเลือกให้ออกแบบ costume ให้กับ David Bowie ศิลปินระดับ icon รวมไปถึงชุดของ BJork ในMV ที่ถูกเรียกว่าtopless dress มีแต่ไข่มุกที่เรียงร้อยทรวงอกที่เปลือยเปล่าของเธอ
การสั่นสะเทือนวงการ fashion ด้วย bumsters กางเองที่เอวต่ำกว่าระดับเอวและเปิดเผยร่องก้นอย่างจงใจ

นอกจากฝีมือการดีไซน์จากแนวคิดนอกกรอบ   McQueen ยังสร้างชื่อเลื่องลือจาก fashion show ที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ชมด้วยแรงบันดาลใจจากความมืดหม่นและวิปริตในเบื้องลึกจิตใจมนุษย์ จนได้ฉายา l'enfant terrible อันเป็นคำพูดที่ชาวฝรั่งเศสใช้เรียกอัจฉริยะหัวขบฎผู้ฉีกกฎเกณฑ์ เพียงไม่กี่ปีหลังจากจบการศึกษาจาก Central Saint Martins College เขาก็ได้รับเลือกให้เป็น creative director แห่ง Givenchy ในวัยเพียง 27 ปี!




ก้าวใหญ่ในการเป็นหัวเรือให้กับห้องเสื้อชั้นสูงที่มีประวัติเรืองโรจน์มายาวนานทำให้มิตรภาพกับ mentor คนสำคัญเปลี่ยนแปลงไป เล่าลือกันว่า Isabella เจ็บแค้นใจที่เธอไม่ได้รับเชิญชวนให้ไปอยู่ในทีมเดียวกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงานกับ Givenchy

Julien Macdonald ดีไซน์เนอร์ชาวเวลช์เล่าว่า   "เธอทุ่มเทเงินทอง เวลาและเรี่ยวแรง  ตอนที่เขาไปทำงานกับ Givenchy  เขาก็มีเงินพร้อมแล้วแต่กลับไล่เธอไป  เขามีเป็นล้านแต่เธอไม่มีสักเพนนี  เขาไม่ได้ตอบแทนอะไรเธอเลย แค่ปิดประตูใส่หน้าจบแค่นั้น"

"บทบาทของการเป็น muse กำลังเปลี่ยนไปค่ะ ตามธรรมเนียมเดิมเราจะไม่ได้ค่าตอบแทน  แต่เมื่อ Bryan Ferry ได้บอกชั้นว่า คนที่เป็น muse ควรจะได้เงินจากไอเดียและการนำเสนอมัน   ถ้า Alexander เอาไอเดียเหล่านั้นไปใช้ในการแสดง fashion เขาเป็นคนได้เงิน แต่ชั้นไม่ได้ ชั้นจึงตกลงปลงใจว่า ต่อไปนี้ชั้นจะต้องได้เงินตอบแทนแล้วนะ เพราะก่อนหน้านี้ รางวัลเดียวที่ชั้นได้รับจากการค้นพบคนเหล่านี้คือการมองพวกเค้าบินสูงออกไปเรื่อยๆ และมันทำให้ชั้นแทบบ้าเพราะพวกเค้าทอดทิ้งชั้นไว้ข้างหลัง"



11 ปีหลังจากที่ McQueen รับตำแหน่ง creative director ให้กับ Givenchy   Isabella ก็ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองด้วยการดื่มยาฆ่าหญ้า สร้างทั้งความเศร้าโศกและเสียงซุบซิบตามมาว่า หรือว่าสาเหตุแห่งความซึมเศร้าจนทำให้คิดสั้นนั้นจะมาจาก McQueen  ??
ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาเคยเปิดใจต่อหน้า Isabella ว่า "ดีไซน์เนอร์พวกนี้ชอบคิดว่า เธอน่ะเป็นคนสร้างผมขึ้นมา ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนะครับ พวกสื่อก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโอ้  Isabella Blow เป็นคนปั้น Phillip Treacy และ Alexander McQueen อย่าเข้าใจผิดนะ เธอช่วยผมเยอะแยะเลย แต่ที่สำคัญคือ เธอทำเพราะเธอชอบเสื้อผ้าของผม ไม่ใช่เพราะเธอชอบผมซักหน่อย"  
เพื่อนฝูงรับรู้เรื่องความตึงเครียดที่เกิดขึ้น แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็ยังดำเนินมิตรภาพต่อไป จนกระทั่งในปี 2000 กลุ่ม Gucci ได้ยื่นเสนอซื้อหุ้น 51% จากแบรนด์ Alexander McQueen ความคาดหวังของ Isabella ก็ดูจะปลิดปลิวไปอีกครั้ง


Daphne Guinnes ทายาทมหาเศรษฐีได้บรรยายถึงความรู้สึกของ Isabella ไว้ว่า "เธอเศร้าที่ Alexander McQueen ไม่ได้ให้เธอเข้าร่วมตอนที่เขาขายแบรนด์ให้กับ Gucci เธอถึงทางตัน ในขณะที่ทุกคนได้ทำสัญญาต่างๆ  แต่สิ่งที่เธอได้ก็คือชุดฟรีเท่านั้น"    


ในปี 2007 McQueen ได้รับแรงกดดันจากสื่อหลังจากการเสียชีวิตของ Isabella ด้วยข่าวลือว่าเธอจบชีวิตตัวเองหลังจากที่มีความขัดแย้งกับเขา ดีไซน์เนอร์ที่กำลังมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์จึงได้ออกมาโต้ข่าวลือด้วยถ้อยคำเจ็บแสบตามแบบฉบับตัวเองว่า

"นี่มันเหลวไหลสิ้นดี คนพวกนี้ดีแต่พูดไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น พวกเขาไม่รู้จักผม พวกเขาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของผมกับIsabella เลย ตอแหลกันทั้งนั้น เอาแต่พูดกันไปเรื่อย คุณไปถามพี่สาวของเธอดูก็ได้ พวกเขาสมควรอยู่ห่างจากชีวิตของผม เลิกยุ่งเกี่ยวกับเธอซะ ความสัมพันธ์ของผมกับ Isabella นั้นแยกกับเรื่อง fashion โดยสิ้นเชิง มันอยู่เหนือเรื่อง fashion ไปอีก"
 


ในตอนนั้นไม่มีใครคาดคิดเลยว่าอีก 3 ปีหลังจากเสียชีวิตของ Isabella จะเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดซ้ำรอยขึ้นมา แม่บ้านเป็นผู้พบร่างของ McQueen แขวนคอภายใน penthouse ที่ London เมื่อหน่วยกู้ชีพมาถึงก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เขาจากโลกนี้ไปแล้ว

ไม่น่าแปลกใจหากโลกจะแสดงความตกตะลึงและโศกเศร้าต่อการสูญเสียครั้งนี้ McQueen กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ที่สุด ทั้งรางวัลยอดเยี่ยมจากรางวัลดีไซเนอร์ยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษถึง 4 ครั้ง และผลงานชิ้นโบแดงจาก fashion show ที่ตระการตาจำนวนมาก มีเซเลบระดับ A List หลายคนที่ปลาบปลื้มความเป็น McQueen

แล้วเพราะอะไรเขาจึงเลือกที่จะจากไป ?
มีnote สั่งเสียไว้สั้นๆ ว่าฝากดูแลสุนัขให้ด้วยและเสียใจที่ทำแบบนี้  มีผลการชันสูตรออกมาว่ามาจากการขาดอากาศหายใจจากการแขวนคอและตำรวจไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จากที่เกิดเหตุ McQueen เลือกที่จะจากไปหลังจากที่แม่ของเขาถูกโรคมะเร็งคร่าชีวิต ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาไม่สามารถรับมือกับการสูญเสียได้จนไม่อยากมีชีวิตต่อไป
McQueen ไม่เคยปิดบังความรักที่มีต่อ Joyce ผู้เป็นแม่ เขาดูแลเธออย่างดีเยี่ยมไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนหน้าที่จะต้องเห็นเธฮทุกข์ทรมานจากโรคร้าย  McQueen ก้ได้สูญเสีย Isabella ไปแล้ว และยังมีป้า Dolly ที่เปรียบเสมือนแม่อีกคน เมื่อบุคคลอันเป็นที่รักได้เสียชีวิตไล่ๆ กันเพียงในเวลาไม่กี่ปี ความทุกข์ระทมนั้นก็ดูเหมือนยากที่จะเยียวยา 
Archie Reed  อดีตคนรักที่มีความสัมพันธ์แบบรักๆ เลิกๆ กับ McQueen มานานเกินสิบปียอมรับว่าดีไซน์เนอร์ดังมีปัญหาการเสพติดมายาวนาน "เขาบอกผมว่าได้ใช้เงินไป8ล้านตั้งแต่เริ่มใช้ยา!" เมื่อคิดเป็นเงินไทยคร่าวๆ แล้วคุณอาจจะต้องตกใจถึงตัวเลขเงินที่ใครคนหนึ่งละลายไปกับสิ่งเสพติดมากมายขนาดนั้น คนสนิทของ McQueen พยายามดึงให้เขาออกห่างพ่อค้ายาเสพติด แต่เมื่อลบช่องทางการติดต่อของอีกคน เขาก็สามารถหารายใหม่เพื่อซื้อยาได้อีกเรื่อยๆ


สิ่งนี้จึงสอดคล้องจากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพถึงปริมาณโคเคนและยาตามใบสั่งแพทย์ รวมถึงประวัติจากการพยายามทำร้ายตัวเองที่มีแต่คนสนิทที่รับรู้   แม้แต่ครอบครัวก็ยังไม่ทราบมาก่อนว่าเขากำลังดำดิ่งอยู่กับความซึมเศร้าและพยายามฆ่าตัวตายมาก่อนหน้านี้แล้ว "ถ้ารู้มาก่อนเราคงพยายามทำอะไรสักอย่าง" พี่สาวของเขาเปิดเผย
อาจจะมีคนมากมายที่มองว่า McQueen มีทุกสิ่งที่ใครๆต่างใฝ่ฝัน  ความสามารถที่สามารถเปลี่ยนแปลงวงการfashion ชื่อเสียง เงินทอง connection แต่จะมีสักกี่คนที่ได้เปิดเผยถึงกด้านมืดของตัวเองให้ภายนอกได้รับรู้   หลายปีหลังจากการเสียชีวิต  Janet พี่สาวของ McQueen ก็สร้างความตกตะลึงด้วยการเผยว่า ตอนที่น้องชายยังเป็นเพียงเด็กวัย 9 ขวบได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วยน้ำมือสามีเก่าของเธอ   และชายคนเดียวกันยังทุบตีเธออย่างทารุณจนแท้งลูกถึง 2 ครั้ง แต่กว่าจะรู้ว่า McQueen ต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายนี้ก็ผ่านล่วงไปจนเข้าวัยกลางคนแล้ว และมันทำให้เธอรู้สึกผิดมาถึงทุกนี้


Gary หลานชายที่สนิทสนมกันยืนยันว่า ดีไซน์ที่มีแรงบันดาลใจจากความรุนแรงและมืดหม่นนั้นเป็นสิ่งที่น้าของเขาสร้างมาเพื่อเป็นเกราะปกป้องผู้หญิง "มันเป็นหนทางที่เขาใช้ขับไล่ปีศาจในใจออกไป เป็นวิธีที่ใช้ปกป้องผู้หญิงและตัวเขาเอง เขาสร้างลุคที่ทำให้ผู้หญิงดูแข็งแกร่งและมีเกราะกำบัง "


ครอบครัว McQueen ทั้งช็อกและโศกสลดต่อการจากไปอย่างกะทันหัน เขาจบชีวิตตัวเองเพียง 1 วันก่อนงานศพของแม่ "มันเหมือนกับตลกร้าย เขาดูมีกำลังใจดีและดูเหมือนว่าทำใจได้มากขึ้นแล้ว ผมคิดว่าเขาจะไม่เป็นอะไร แต่คุณไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณก็ได้แต่ตั้งคำถามตัวเอง" หลานชายสรุป



bad boy  หรือ sweetheart ?


จากหนุ่มแก้มอิ่มที่มีรอยยิ้มสดใส  McQueen เริ่มเป็นที่กล่าวขวัญในภาพของ bad boy  ที่รักการ party กับเพื่อนคนดัง   เขาผอมลงและทำฟันใหม่ รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงยังทำคนรักเก่าต้องประหลาดใจ    แต่ก็มีเสียงยืนยันว่า   ภาพลักษณ์เสเพลที่คนอื่นได้เห็นคือตัวตนที่เขาสร้างขึ้นมาเท่านั้น  George Forsyth  อดีตสามีของดีไซน์เนอร์ผู้ล่วงลับได้เล่าว่า " เขาอาจจะมีค่ำคืนสุดมันกับKate Moss และ Naomi  เล่นโคเคนแบบไม่หยุดหย่อนและparty 24 ชั่วโมงรวด  แต่ไม่มีใครเป็นเพื่อนแท้ของLee ยกเว้นแม่ของเขา"

"วงการ fashionเป็นสถานที่ๆโดดเดี่ยวที่สุดในโลก   เมื่อ fashion show และ party จบลง   มีเพียงไม่กี่ครที่คุณสามารถเรียกได้เต็มปกาเต็มคำว่าเพื่อน  "

"ผมไม่คาดคิดว่า Lee จะฆ่าตัวตาย  แต่หลังจากเสียแม่ของเขาไป  มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่สามารถทำใจรับได้ไหว   มันคือโศกนาฏกรรม ไม่เพียงแต่วงการ fashion เท่านั้น แต่ยังเป็นการสูญเสียที่หนักหนาสาหัสต่อคนที่รู้จัก Leeอย่างแท้จริง เหมือนกับที่ผมที่รู้ว่าเขาช่างเป็นคนที่จิตใจงดงาม"


"เขามีสองตัวตน นั่นคือLee ที่บ้านกับ Alexander McQueen  ที่แสดงท่าทีบ้าระห่ำท่ามกลางสายตาผู้คน  เขาก็แสดงไปแบบนั้นเอง  มันเป็นเรื่องขำที่เขาหัวเราะในเบื้องหลัง "

"ทุกคนกล่าวขวัญในเรื่องความตากของดีไซน์เนอร์อัจฉริยะ ALexander McQueen  แต่ผมอยากให้พวกเขาได้รู้ว่าเราได้สูญเสีย Lee McQueen ผู้ที่เป็นบุคคลที่พิเศษเหลือล้นไม่แพ้กัน"



Discussion (8)

ชอบงาน McQueen และติดตามข่าวตอนเค้าตายใหม่ๆ glossy magazine อังกฤษแรงกันมากๆ เราว่าเค้าน่าสงสารและแกร่งมากที่ผ่านเรื่องในวัยเด็กแบบนั้นมาได้ ได้แต่เสียดายอัจฉริยะภาพแทนโลกแฟชั่น  สังคมยุคนี้ อยู่ยากจริงค่ะ เราไม่มีวันรู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างๆเราคิดอะไร 
ชอบมากเลยค่ะ หาข้อมูลมาดีมาก รอติดตามอยู่นะคะ
บีบหัวใจมาก มีโอกาสได้ไปดูหนังเรื่องนี้รอบสื่อกับจีบัน ออกจากโรงมาเริ่มอินแฟชั่นตามแล้ววว แต่ยอมรับเลยว่ามันบีบหัวใจเหลือเกินเจ้าค่ะ 
อยากดูจังเลยค่ะ ที่นี่ไม่เข้า 
รอค่ะ ไปดูหนังมาอ่านไม่ค่อยทัน ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แล้วแต่พอได้อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้นเยอะเลยค่ะ