My Favourite skincare 2018 รีวิวสกินแคร์ 20+items ที่ใช้แล้วโดนน!!
Yayah 30 5
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวจีบัน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่มารีวิวเกี่ยวกับสกินแคร์ 21 items ที่ใช้ดีโดนใจในปี 2018 นี้นะคะ
ขอเกริ่นเล็กน้อยว่า สภาพผิวหน้าเดิม เมื่อประมาณ 8 ปีก่อน เป็นคนผิวมันขาดน้ำ มันมากตรง T zone ส่วน U zone ก็มันสลับแห้งเป็นบางช่วง มีสิวฮอร์โมน ที่เกิดจากฮอร์โมนเพศไม่สมดุลมี ฮอร์โมนเพศชายในตัวค่อนข้างมาก ทำให้เป็นสิวง่ายเกือบทุกประเภท ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน พอสิวหายก็ทิ้งรอยดำ รอยแดงไว้นานปี
จนประมาณปี 2557 เมื่อ 4 ปีก่อน ได้เริ่มหันมาดูแลตัวเอง มีการกินยาปรับฮอร์โมน(ในรูปแบบยาคุมกำเนิด) เพื่อรักษาสิวไม่ให้งอกใหม่ ทำเลเซอร์ IPL ,Dermapoint , Fractional CO2 รักษาพวกหลุมสิว รูขุมขนกว้าง รอยดำ รอยแดง ไรขนบนใบหน้า แต่ค้นพบว่า ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ค่อยแตกต่าง แถมยังทำให้ผิวบางลง มีสะเก็ดแผลบนใบหน้า แผลหายช้า ติดเชื้อแทรกซ้อนกันไปใหญ่ เลยเริ่มหันมาเลือกใช้ Skincare ดูแลพวกรอยอารยธรรมหลังจากสิวหายมา ประมาณ 1 ปี
จากคนหน้ามัน ก็กลายเป็นหน้าเริ่มแห้ง เพราะมีช่วงที่บ้าเห่อผลัดเซลล์ผิว คือเจอของดีถูกจริงคือ Paula's choice 2%BHA ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะนำมารีวิวในกระทู้นี้ด้วย คือช่วงที่หน้าแห้ง เราผลัดผิวติดต่อกันแทบทุกวัน เพราะเห็นว่าหน้าใสหน้าสวยขึ้นจนคนทัก นานไปผิวเลยบาง
ปัจจุบันเลยกลายเป็นคนหน้าแห้ง เพิ่งมาเริ่มใกล้โหมดหน้าปกติปี 2018 นี้เอง หลังจากหันมาเน้น skincare เพิ่มความชุ่มชื้น สร้างปราการผิว เพิ่มภูมิคุ้มกันผิวให้แข็งแรง เน้นหลักเสริม Skin Barrier และ anti-aging เพราะเข้าวัย 31ปีแล้ว นอกเหนือจาก Skincare ก็พยายามควบคุมอาหาร ที่มีประโยชน์ คุม แคลอรี่ที่เข้าให้น้อยกว่า หรือพอดีกับที่เอาออก ออกกำลังกายด้วยการวิ่งอย่างสม่ำเสมอ 3-4 วัน/สัปดาห์ ครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง อาหารเสริมมีเพียงวิตามินซี ซึ่งโดยประมาณจะกินวันละ 1-2000มิลลิกรัม
สำหรับรีวิวนี้ จะเรียงตามประเภท Skincare เริ่มตั้งแต่ Make-up remover, Cleanser ลงไป จนถึง Sunscree ,Lip Balm,Body lotion โดยจะเลือกรีวิวเฉพาะตัวที่ชอบมากที่สุดในปีนี้ บางประเภทอาจมีมากกว่า 1 item เพราะคะแนนสูสีกินกันไม่ลง แต่โดยมากจะมีแค่ 1-2 items ต่อ ประเภท skincare นะคะ
1.Make up Remover
เป็นคนไม่ค่อยแต่งหน้า เน้นบำรุงมากกว่า นานๆทีจะลงรองพื้น จึงใช้ตัวล้างเครื่องสำอาง ที่ใช้แล้วชอบ หน้าสะอาดใน 1-2 สำลีแผ่น คือตัว Bioderma ขวดแดง ซื้อจาก Boots
ขอเกริ่นเล็กน้อยว่า สภาพผิวหน้าเดิม เมื่อประมาณ 8 ปีก่อน เป็นคนผิวมันขาดน้ำ มันมากตรง T zone ส่วน U zone ก็มันสลับแห้งเป็นบางช่วง มีสิวฮอร์โมน ที่เกิดจากฮอร์โมนเพศไม่สมดุลมี ฮอร์โมนเพศชายในตัวค่อนข้างมาก ทำให้เป็นสิวง่ายเกือบทุกประเภท ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน พอสิวหายก็ทิ้งรอยดำ รอยแดงไว้นานปี
จนประมาณปี 2557 เมื่อ 4 ปีก่อน ได้เริ่มหันมาดูแลตัวเอง มีการกินยาปรับฮอร์โมน(ในรูปแบบยาคุมกำเนิด) เพื่อรักษาสิวไม่ให้งอกใหม่ ทำเลเซอร์ IPL ,Dermapoint , Fractional CO2 รักษาพวกหลุมสิว รูขุมขนกว้าง รอยดำ รอยแดง ไรขนบนใบหน้า แต่ค้นพบว่า ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ค่อยแตกต่าง แถมยังทำให้ผิวบางลง มีสะเก็ดแผลบนใบหน้า แผลหายช้า ติดเชื้อแทรกซ้อนกันไปใหญ่ เลยเริ่มหันมาเลือกใช้ Skincare ดูแลพวกรอยอารยธรรมหลังจากสิวหายมา ประมาณ 1 ปี
จากคนหน้ามัน ก็กลายเป็นหน้าเริ่มแห้ง เพราะมีช่วงที่บ้าเห่อผลัดเซลล์ผิว คือเจอของดีถูกจริงคือ Paula's choice 2%BHA ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะนำมารีวิวในกระทู้นี้ด้วย คือช่วงที่หน้าแห้ง เราผลัดผิวติดต่อกันแทบทุกวัน เพราะเห็นว่าหน้าใสหน้าสวยขึ้นจนคนทัก นานไปผิวเลยบาง
ปัจจุบันเลยกลายเป็นคนหน้าแห้ง เพิ่งมาเริ่มใกล้โหมดหน้าปกติปี 2018 นี้เอง หลังจากหันมาเน้น skincare เพิ่มความชุ่มชื้น สร้างปราการผิว เพิ่มภูมิคุ้มกันผิวให้แข็งแรง เน้นหลักเสริม Skin Barrier และ anti-aging เพราะเข้าวัย 31ปีแล้ว นอกเหนือจาก Skincare ก็พยายามควบคุมอาหาร ที่มีประโยชน์ คุม แคลอรี่ที่เข้าให้น้อยกว่า หรือพอดีกับที่เอาออก ออกกำลังกายด้วยการวิ่งอย่างสม่ำเสมอ 3-4 วัน/สัปดาห์ ครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง อาหารเสริมมีเพียงวิตามินซี ซึ่งโดยประมาณจะกินวันละ 1-2000มิลลิกรัม
สำหรับรีวิวนี้ จะเรียงตามประเภท Skincare เริ่มตั้งแต่ Make-up remover, Cleanser ลงไป จนถึง Sunscree ,Lip Balm,Body lotion โดยจะเลือกรีวิวเฉพาะตัวที่ชอบมากที่สุดในปีนี้ บางประเภทอาจมีมากกว่า 1 item เพราะคะแนนสูสีกินกันไม่ลง แต่โดยมากจะมีแค่ 1-2 items ต่อ ประเภท skincare นะคะ
1.Make up Remover
เป็นคนไม่ค่อยแต่งหน้า เน้นบำรุงมากกว่า นานๆทีจะลงรองพื้น จึงใช้ตัวล้างเครื่องสำอาง ที่ใช้แล้วชอบ หน้าสะอาดใน 1-2 สำลีแผ่น คือตัว Bioderma ขวดแดง ซื้อจาก Boots
2.Cleanser
ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะลงครีมกันแดด+แป้งฝุ่น หรือหลังปล่อยหน้าสดไปทำงานมาทั้งวัน
เดิมทีมีตัวที่ประทับใจใช้นานแค่ตัวเดียว คือ Acne Aid Gentle Cleanser ขวดฟ้า หาซื้อได้ง่ายที่ 7-11 ทั่วไป ใช้ตัวนี้มาตลอด 3 ปี หน้าสะอาด และไม่แห้งตึง ยังคงความชุ่มชื้นของผิวไว้ได้
ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะลงครีมกันแดด+แป้งฝุ่น หรือหลังปล่อยหน้าสดไปทำงานมาทั้งวัน
เดิมทีมีตัวที่ประทับใจใช้นานแค่ตัวเดียว คือ Acne Aid Gentle Cleanser ขวดฟ้า หาซื้อได้ง่ายที่ 7-11 ทั่วไป ใช้ตัวนี้มาตลอด 3 ปี หน้าสะอาด และไม่แห้งตึง ยังคงความชุ่มชื้นของผิวไว้ได้
อีก 1 item ที่เพิ่งโดนใจใหม่ๆ สดๆร้อน คือตัวที่ได้แถมมาจากการไปซื้อ Sulwhaoo first care + Overnight vitalizing mask นั่นก็คือ Sulwhasoo Extra Creamy Cleansing foam บีเอ เซ็นทรัลพระราม 9 ใจดีแถมมาพร้อมกับแปรงทำความสะอาด ซึ่งลองใช้แค่วันเดียวก็เลิก(หมายถึงแปรง) เพราะรู้สึกระคายเคืองหน้า และใช้ไม่ค่อยถนัด แต่ตัวโฟมนั้นดีงามมากกก โดยเฉพาะกลิ่นน อโรมาทอราพีสุดดด กลิ่นแบบโสมสดชื่นกึ่ง Citrus ใช้แล้วผ่อนคลายอารมณ์สุดๆ ถ้าหมดแล้วจะซื้อไซล์จริงแน่นอน
3.Pre-Serum
ตัวนี้ไว้ใช้เปิดผิว ก่อนลง Whitenning หรือ Serum เพื่อความชุ่มชื้นหรือผิวแข็งแรง anti-aging อื่นๆ ที่ชอบที่สุดในปีนี้ 2018 มี 1 เดียว คือ Sulwhasoo First care activating serum ex ขนาด 90ml ราคา 3750 บาท ซื้อจาก เซ็นทรัลพระราม 9 กลิ่นโสมจรุงจิตชัดกว่าตัวโฟมไปอีก หมดแล้วซฺื้อซ้ำแน่นอน ใช้ต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไปจะรู้สึกผิวกระชับขึ้น หน้าไม่ค่อยมีผดผื่นขึ้นเมื่อโดนสิ่งกระตุ้นเหมือนเมื่อก่อน และรู้สึกว่าผิวพร้อมรับการบำรุงขั้นต่อไปจริงๆ
เพิ่มเติมคือตัวนี้เอามาบำรุงปาก เพิ่มเลือดไหลเวียนใต้ผิวปาก ทำให้ดูปากระเรื่อ ลงก่อนทาลิปบาล์ม หรือลิปสี ลิปจะติดดี ติดทน สีเกลี่ยง่ายไม่เป็นคราบค่ะ ต้องลองแล้วจะรู้ว่ามันเริดจริง
ตัวนี้ไว้ใช้เปิดผิว ก่อนลง Whitenning หรือ Serum เพื่อความชุ่มชื้นหรือผิวแข็งแรง anti-aging อื่นๆ ที่ชอบที่สุดในปีนี้ 2018 มี 1 เดียว คือ Sulwhasoo First care activating serum ex ขนาด 90ml ราคา 3750 บาท ซื้อจาก เซ็นทรัลพระราม 9 กลิ่นโสมจรุงจิตชัดกว่าตัวโฟมไปอีก หมดแล้วซฺื้อซ้ำแน่นอน ใช้ต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไปจะรู้สึกผิวกระชับขึ้น หน้าไม่ค่อยมีผดผื่นขึ้นเมื่อโดนสิ่งกระตุ้นเหมือนเมื่อก่อน และรู้สึกว่าผิวพร้อมรับการบำรุงขั้นต่อไปจริงๆ
เพิ่มเติมคือตัวนี้เอามาบำรุงปาก เพิ่มเลือดไหลเวียนใต้ผิวปาก ทำให้ดูปากระเรื่อ ลงก่อนทาลิปบาล์ม หรือลิปสี ลิปจะติดดี ติดทน สีเกลี่ยง่ายไม่เป็นคราบค่ะ ต้องลองแล้วจะรู้ว่ามันเริดจริง
4.Exfoliants
กลุ่มผลัดเซลล์ผิว ที่ค้นพบแล้วว่าควรใช้แต่พอดี สำหรับตัวเองคือ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือถ้าไม่ได้รู้สึกว่าหน้าหมองมีสิวอุดตันอะไรมากก็อาจจะ 2 สัปดาหืต่อครั้ง
กลุ่มนี้มีตัวดั้งเดิมที่ ปลื้มใจไม่เปลี่ยนแปลงมา 4 ปี คือ 2%BHA Liquid ของ Paula's choice ซื้อที่บู้ธ Paula's choice สาขา ห้างเซ็นจูรี่ (อนุสาวรีย์ชัยฯ)ชั้น 2 ใกล้ทางลงบันไดเลื่อน
กลุ่มผลัดเซลล์ผิว ที่ค้นพบแล้วว่าควรใช้แต่พอดี สำหรับตัวเองคือ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือถ้าไม่ได้รู้สึกว่าหน้าหมองมีสิวอุดตันอะไรมากก็อาจจะ 2 สัปดาหืต่อครั้ง
กลุ่มนี้มีตัวดั้งเดิมที่ ปลื้มใจไม่เปลี่ยนแปลงมา 4 ปี คือ 2%BHA Liquid ของ Paula's choice ซื้อที่บู้ธ Paula's choice สาขา ห้างเซ็นจูรี่ (อนุสาวรีย์ชัยฯ)ชั้น 2 ใกล้ทางลงบันไดเลื่อน
ตัวถัดไป เพ่่งได้ลองใช้ในช่วงปลายปี 2017 ถึงกลางปี 2018 จะว่าเป็นตัวตายตัวแทนก็ไม่เชิง แค่อยากลองของใหม่ สำหรับตัว Micropeel ของ Kiehl's Dermatologist ชื่อยาวเหยี่ยด คือตัวนี้จะผลัดเซลล์ผิวแบบละมุนละม่อม อ่อนโยน รู้สึกว่าไม่ยิบๆที่หน้ามากเท่า Paula's choice แต่ก็ต้องใจเย็นกับผลลัพธ์นิดนึง ประมาณ 2-3วัน หลังโปะหน้าตอนกลางคืน จึงจะเห็นผิวใหม่ที่ค่อยๆกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
5.Whitenning/Brightening
จะเน้นเรื่องความกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ ตัวที่ประทับใจสุดๆในปี 2018 คือ 10%Niacinamide booster ของ Paula's choice
ตัวนี้ประโยชน์รอบด้าน คือป้องกันสิว กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยกระชับรูขุมขน หน้าขาวใสขึ้น จุดด่างดำจางลง สีผิวดูสม่ำเสมอ และริ้วรอยจางๆที่เกิดจากการแสดงสีหน้า หรือขาดน้ำดีขึ้น ราคาแพงพอควรเมื่อเทียบกับปริมาณ แต่สามารถผสมกับเซรั่มหรือครีมที่เบสเป็นน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประหยัดตัว niacinamide ขวดนี้ไปด้วย ใข้แค่ 2-3หยดเมื่อผสมลงในผลิตภัณฑ์อื่น ที่ไม่ได้มีส่วนผสมของ niacinamide อยู่เดิมไม่งั้นจะแรงไป ระคายผิว
จะเน้นเรื่องความกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ ตัวที่ประทับใจสุดๆในปี 2018 คือ 10%Niacinamide booster ของ Paula's choice
ตัวนี้ประโยชน์รอบด้าน คือป้องกันสิว กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยกระชับรูขุมขน หน้าขาวใสขึ้น จุดด่างดำจางลง สีผิวดูสม่ำเสมอ และริ้วรอยจางๆที่เกิดจากการแสดงสีหน้า หรือขาดน้ำดีขึ้น ราคาแพงพอควรเมื่อเทียบกับปริมาณ แต่สามารถผสมกับเซรั่มหรือครีมที่เบสเป็นน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประหยัดตัว niacinamide ขวดนี้ไปด้วย ใข้แค่ 2-3หยดเมื่อผสมลงในผลิตภัณฑ์อื่น ที่ไม่ได้มีส่วนผสมของ niacinamide อยู่เดิมไม่งั้นจะแรงไป ระคายผิว
6. Essence/น้ำตบ/โทนเนอร์
แล้วแต่จะเรียก ตัวที่นำมารีวิวน่าจะเรียกได้ว่าเป็นน้ำตบ เพิ่มความชุ่มชื้นพร้อมเตรียมผิวหลังตัว Pre-Serum ปี 2018 นี้ ตัวที่ประทับใจชนะเลิศ มอบมงให้เลยคือ..
LaMer The Treatment Lotion
กลิ่นหอมอ่อนๆฉบับลาแมร์ น้ำเขียวอ่อนเกือบใส แต่เนื้อสัมผัสมีความหนึบและหนืด เหยาะลงฝ่ามือ 5-6 หยด ถูๆ มือเข้าด้วยกัน แล้วประคบ แปะลงให้ทั่วหน้า รู้สึกฟินเหมือนปะพรมไปด้วยละอองน้ำ เป็นน้ำตบที่ชุ่มชื้นที่สุดเท่าที่เคยใช้มา จะใช้เดี่ยวๆ ก็ได้ ในวันที่ขี้เกียจและต้องการแค่หน้าสดชื่น ชุ่มฉ่ำ หรือจะใช้จะเต็มในขั้นตอนถัดจาก Pre-serum ส่วนตัวหน้าแห้ง ใช้ได้ทั้งกลางวัน และก่อนนอน ปริมาณที่ได้ต่อขวดคุ้มค่ามากก หมดแล้วซื้อต่อแน่นอน
แล้วแต่จะเรียก ตัวที่นำมารีวิวน่าจะเรียกได้ว่าเป็นน้ำตบ เพิ่มความชุ่มชื้นพร้อมเตรียมผิวหลังตัว Pre-Serum ปี 2018 นี้ ตัวที่ประทับใจชนะเลิศ มอบมงให้เลยคือ..
LaMer The Treatment Lotion
กลิ่นหอมอ่อนๆฉบับลาแมร์ น้ำเขียวอ่อนเกือบใส แต่เนื้อสัมผัสมีความหนึบและหนืด เหยาะลงฝ่ามือ 5-6 หยด ถูๆ มือเข้าด้วยกัน แล้วประคบ แปะลงให้ทั่วหน้า รู้สึกฟินเหมือนปะพรมไปด้วยละอองน้ำ เป็นน้ำตบที่ชุ่มชื้นที่สุดเท่าที่เคยใช้มา จะใช้เดี่ยวๆ ก็ได้ ในวันที่ขี้เกียจและต้องการแค่หน้าสดชื่น ชุ่มฉ่ำ หรือจะใช้จะเต็มในขั้นตอนถัดจาก Pre-serum ส่วนตัวหน้าแห้ง ใช้ได้ทั้งกลางวัน และก่อนนอน ปริมาณที่ได้ต่อขวดคุ้มค่ามากก หมดแล้วซื้อต่อแน่นอน
7.Serum
ปีนี้ มีของเล่นใหม่ที่เพิ่งไปถอยมาแบบไม่ตั้งใจ ที่เซ็นทรัลพระราม 9 คือตอนแรกตั้งใจไปซื้อ Sulwhasoo Timetreasure serum แต่อยากได้ไลน์ Ginseng ติดไม้ติดมือไปหน่อย เผื่อได้ของแถมคุ้ม ก็เหลือบไปเห็นเซรั่มตัวใหม่ ซึ่ง BA ภูมิใจเสนอมากว่าเพิ่งวางจำหน่ายเมื่อ ต้นกันยา 2018 เค้าเพิ่งปรับสูตรใหม่ ไฉไลกว่าเดิม คือเดิมชื่อ Sulwhasoo Ginseng Fortifying capsulated serum ประมาณนี้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น Sulwhasoo Concentrated Ginseng Renewing Serum กลิ่นหอมกว่าเดิม เนื้อบางซึมไวกว่าเดิม และยังคงเก็บสารออกฤทธิ์ไว้ในแคปซูลเม็ดเล็กๆ ในเนื้อเจลใสๆของผลิตภัณฑ์เหมือนเดิม
คือเราก็ไม่เคยใช้สูตรเก่า แต่เพื่อความคุ้มของแถม จึงสอยตัวนี้กลับบ้านมาด้วย ปรากฎว่าชอบมากก แม้ราคาจะเจ็บปวด 6500บาท/50ml แต่คุณภาพคุ้มราคา เนื้อสัมผัสดีงาม กลิ่นกุหลาบ+โสมสดชื่นถูกใจ ใช้แล้วรู้สึกหน้าชุ่มในทันที นวดๆวนๆทั่วหน้ายิ่งฟิน น่าจะเหมาะกับการนวด ใช้ต่อเนื่องกัน 1 สัปดาห์ขึ้นไปก็รู้สึกว่าผิวแข็งแรง อิ่มน้ำ มันเลิศอะ เป็นความเลิศที่ไม่ได้คาดหวังต้้งใจใดๆ
ปีนี้ มีของเล่นใหม่ที่เพิ่งไปถอยมาแบบไม่ตั้งใจ ที่เซ็นทรัลพระราม 9 คือตอนแรกตั้งใจไปซื้อ Sulwhasoo Timetreasure serum แต่อยากได้ไลน์ Ginseng ติดไม้ติดมือไปหน่อย เผื่อได้ของแถมคุ้ม ก็เหลือบไปเห็นเซรั่มตัวใหม่ ซึ่ง BA ภูมิใจเสนอมากว่าเพิ่งวางจำหน่ายเมื่อ ต้นกันยา 2018 เค้าเพิ่งปรับสูตรใหม่ ไฉไลกว่าเดิม คือเดิมชื่อ Sulwhasoo Ginseng Fortifying capsulated serum ประมาณนี้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น Sulwhasoo Concentrated Ginseng Renewing Serum กลิ่นหอมกว่าเดิม เนื้อบางซึมไวกว่าเดิม และยังคงเก็บสารออกฤทธิ์ไว้ในแคปซูลเม็ดเล็กๆ ในเนื้อเจลใสๆของผลิตภัณฑ์เหมือนเดิม
คือเราก็ไม่เคยใช้สูตรเก่า แต่เพื่อความคุ้มของแถม จึงสอยตัวนี้กลับบ้านมาด้วย ปรากฎว่าชอบมากก แม้ราคาจะเจ็บปวด 6500บาท/50ml แต่คุณภาพคุ้มราคา เนื้อสัมผัสดีงาม กลิ่นกุหลาบ+โสมสดชื่นถูกใจ ใช้แล้วรู้สึกหน้าชุ่มในทันที นวดๆวนๆทั่วหน้ายิ่งฟิน น่าจะเหมาะกับการนวด ใช้ต่อเนื่องกัน 1 สัปดาห์ขึ้นไปก็รู้สึกว่าผิวแข็งแรง อิ่มน้ำ มันเลิศอะ เป็นความเลิศที่ไม่ได้คาดหวังต้้งใจใดๆ
อีกตัวที่เป็นเบอร์สอง กินกันไม่ลงกับ Sulwhasoo แพ้แค่คอนเซป anti-aging คือ
LaMer the revitalizing hydrating serum
คือใครกำลังมองหาครีมน้ำแตก ในรูปแบบเซรั่มน้ำแตก ที่เน้นแค่ความชุ่มชื้นแบบจัดเต็ม ตัวนี้จะตอบโจทย์ดีหาใดเทียบ ตั้งแต่เนื้อสัมผัสสีขาวขุ่นแต่ไม่ข้น นวดลงบนผิวหน้าแล้วรู้สึกเย็นสดชื่น แม้กลิ่นจะไม่หอมเท่าไหร่ เป็นกลิ่นแนวๆกลีเซอรีน ออกพลาสติกเล็กๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำร้ายจมูก ใช้ไปสักพักก็เริ่มชิน คือฟีลมันเหมือนครีมน้ำแตกที่เนื้อบางเบากว่า ซึมซาบไวกว่า ถ้าหน้าแห้งแตกลอกใช้แค่ 1-2วันคือรู้เรื่อง หน้าอิ่มใสแบบฉ่ำน้ำ และทำให้รูขุมขนดูฟูขึ้นด้วย
พ่ายแพ้ Sulwhasoo ไปนิดนึงตรง ไม่ค่อย anti-aging เท่าไหร่ ก็ยังคงเน้นสาหร่าง ซีเคลป์ miracle broth ชูโรง และมีสารที่กักเก็บความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าราคาไม่แรง 8600บาท /30ml ก็คงจะปลื้มปริ่มกว่านี้
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าอากาศเย็น หน้าหนาว จะต้องซื้อมาตุนเก็บแน่นอน
LaMer the revitalizing hydrating serum
คือใครกำลังมองหาครีมน้ำแตก ในรูปแบบเซรั่มน้ำแตก ที่เน้นแค่ความชุ่มชื้นแบบจัดเต็ม ตัวนี้จะตอบโจทย์ดีหาใดเทียบ ตั้งแต่เนื้อสัมผัสสีขาวขุ่นแต่ไม่ข้น นวดลงบนผิวหน้าแล้วรู้สึกเย็นสดชื่น แม้กลิ่นจะไม่หอมเท่าไหร่ เป็นกลิ่นแนวๆกลีเซอรีน ออกพลาสติกเล็กๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำร้ายจมูก ใช้ไปสักพักก็เริ่มชิน คือฟีลมันเหมือนครีมน้ำแตกที่เนื้อบางเบากว่า ซึมซาบไวกว่า ถ้าหน้าแห้งแตกลอกใช้แค่ 1-2วันคือรู้เรื่อง หน้าอิ่มใสแบบฉ่ำน้ำ และทำให้รูขุมขนดูฟูขึ้นด้วย
พ่ายแพ้ Sulwhasoo ไปนิดนึงตรง ไม่ค่อย anti-aging เท่าไหร่ ก็ยังคงเน้นสาหร่าง ซีเคลป์ miracle broth ชูโรง และมีสารที่กักเก็บความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าราคาไม่แรง 8600บาท /30ml ก็คงจะปลื้มปริ่มกว่านี้
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าอากาศเย็น หน้าหนาว จะต้องซื้อมาตุนเก็บแน่นอน
8.Moisturizer/cream
items หมวดนี้มีหลายตัวเลย อันดับ 1 ยกให้แก๊ง Sulwhasoo ด้วยคอนเซป anti-aging จัดเต็ม และให้ผลลัพธ์ครอบคลุมรอบด้าน นั่นคือ
Sulwhasoo Timetreasure renovating Serum ex
ตัวนี้ชื่อท้ายบอกเป็นเซรั่ม แต่ที่จัดอยู่หมวดนี้ เพราะเนื้อสัมผัสครีมมี่ มีความมันหนึบ แต่ซึมซาบไวและ(น่าจะ)ล้ำลึก ซื้อจากเซ็นทรัลพระราม 9 ด้วยราคาอันแสนเจ็บปวด 10500บาท/50ml ยอมทุ่มทุนเพราะอ่านรีวิวคุณปูเป้แล้วคลิกเลย
ส่วนผสมเด่นเรื่องเปลือกสนแดงแถบเกาหลี มีสาร Pygnogenol ซึ่งสารนี้เป็น anti-aging ตัวแรง เก่งเรื่องลดจุดด่างดำ ยับยั้งขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งของเมลานิน ช่วยเรื่องความกระจ่างใส และมีส่วนผสมของโสมตามสไตล์ของแบรนด์
เนื้อออกขาวอมน้ำตาลตุ่นๆ ชอบแพ็คเกจจิ้งที่เป็นหัวปั๊ม วอร์มที่ฝ่ามือจนเนื้อบางๆใสๆแล้วค่อยประคบทั่วหน้า..ไม่อยากเชื่อว่าแค่วันเดียว!! ย้ำว่าวันเดียว ตื่นมาหน้าตึงกระชับ แถมมีเลือดฝาดที่แก้ม มีความอมชมพูสุขภาพดี กระจ่างใจแบบเท่าที่พื้นผิวเราจะทำได้ ไม่ใช่ขาวกระดาษ ใช้ต่อไปอีกสัก 2-3วัน รูขุมขนก็ดูตื้นขึ้น หน้าโกลว ฉ่ำวาว สุขภาพดีแบบอิ่มน้ำ คือราคาเจ็บปวดแต่คุ้มค่ามาก ถ้าหมดก็จิยอมทุ่มทุนซื้อต่อด้วยน้ำตาร่วงพรู
items หมวดนี้มีหลายตัวเลย อันดับ 1 ยกให้แก๊ง Sulwhasoo ด้วยคอนเซป anti-aging จัดเต็ม และให้ผลลัพธ์ครอบคลุมรอบด้าน นั่นคือ
Sulwhasoo Timetreasure renovating Serum ex
ตัวนี้ชื่อท้ายบอกเป็นเซรั่ม แต่ที่จัดอยู่หมวดนี้ เพราะเนื้อสัมผัสครีมมี่ มีความมันหนึบ แต่ซึมซาบไวและ(น่าจะ)ล้ำลึก ซื้อจากเซ็นทรัลพระราม 9 ด้วยราคาอันแสนเจ็บปวด 10500บาท/50ml ยอมทุ่มทุนเพราะอ่านรีวิวคุณปูเป้แล้วคลิกเลย
ส่วนผสมเด่นเรื่องเปลือกสนแดงแถบเกาหลี มีสาร Pygnogenol ซึ่งสารนี้เป็น anti-aging ตัวแรง เก่งเรื่องลดจุดด่างดำ ยับยั้งขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งของเมลานิน ช่วยเรื่องความกระจ่างใส และมีส่วนผสมของโสมตามสไตล์ของแบรนด์
เนื้อออกขาวอมน้ำตาลตุ่นๆ ชอบแพ็คเกจจิ้งที่เป็นหัวปั๊ม วอร์มที่ฝ่ามือจนเนื้อบางๆใสๆแล้วค่อยประคบทั่วหน้า..ไม่อยากเชื่อว่าแค่วันเดียว!! ย้ำว่าวันเดียว ตื่นมาหน้าตึงกระชับ แถมมีเลือดฝาดที่แก้ม มีความอมชมพูสุขภาพดี กระจ่างใจแบบเท่าที่พื้นผิวเราจะทำได้ ไม่ใช่ขาวกระดาษ ใช้ต่อไปอีกสัก 2-3วัน รูขุมขนก็ดูตื้นขึ้น หน้าโกลว ฉ่ำวาว สุขภาพดีแบบอิ่มน้ำ คือราคาเจ็บปวดแต่คุ้มค่ามาก ถ้าหมดก็จิยอมทุ่มทุนซื้อต่อด้วยน้ำตาร่วงพรู
อันดับ 2 ยกให้ Sulwhasoo Timetreasure Renovating Cream ex
คือเนื้อครีมและชื่อครีมที่แท้ทรู ตัวนี้ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งลองตัวแถมที่ BA เซ็นทรัลพระราม 9 ให้มาในชุด Timetreasure kit ซึ่งมีทั้งหมด 5 ผลิตภัณฑ์ เรียกได้ว่า ซื้อตัวเซรั่มได้แถมมาคุ้มมาก ไหนจะได้แถมไลน์ Ginseng kit อีก 5 จากที่ซื้อ Ginseng serum ติดมือกลับมาอีก คุ้มจนไม่รู้จิคุ้มยังไง ต้องขอบพระคุณ BA Sulwhasoo มา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ
และทำให้อิชั้นเกิดกิเลส ตัวแถมแบบครีมที่ให้มานี่ไซส์ 8ml มั้งถ้าจำไม่ผิด คือใช้ดีมากก ถ้าหมดแล้วต้องยอมกัดฟันซื้อต่อในราคา 14000บาท/60ml แพงจริงไรจริง ตัวนี้ถ้าได้เป็นไซส์จริงมาใช้ต่อเนื่อง คงเขี่ยตัวเซรั่มด้านบนตกกระป๋องมาเป็นอันดับ 2 แทน
เพราะเนื้อครีมนุ่ม เบาบางกว่าเซรั่มอีก ควักมา 1 ข้อนิ้วกันเลยทีเดียว แล้วเอามาวอร์มตรงฝ่ามือให้เป็นใสๆ ประคบลงบนใบหน้า ฟีลแรกที่ได้คือ หน้ามันกระชับขึ้นมาทันทีที่เนื้อครีมกระทบผิวอะ ฟังดูเหมือนเว่อ แต่ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ ตื่นมาก็หน้าแน่นเบอร์แรง ซึ่งไม่รู้ว่ามันไปเสริมฤทธิ์กับตัวเซรั่มด้วยรึเปล่า เลยทำให้จบปัญหาผิวรอบด้าน ผิวสุขภาพดีแบบมีเลือดฝาด สีก็คล้ายๆเซรั่ม กลิ่นละมุนกว่าหน่อยนึง ลืมบอกว่าทั้งเซรั่มทั้งครีม กลิ่นเป็นแนวๆเปลือกไม้ผสมโสมเจืออัลมอนด์ มันจะขนมๆนิดนึง ไม่อโรม่าเท่าตัว first care แต่ก็ฟินพอตัวฮ่ะขอบอก
คือเนื้อครีมและชื่อครีมที่แท้ทรู ตัวนี้ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งลองตัวแถมที่ BA เซ็นทรัลพระราม 9 ให้มาในชุด Timetreasure kit ซึ่งมีทั้งหมด 5 ผลิตภัณฑ์ เรียกได้ว่า ซื้อตัวเซรั่มได้แถมมาคุ้มมาก ไหนจะได้แถมไลน์ Ginseng kit อีก 5 จากที่ซื้อ Ginseng serum ติดมือกลับมาอีก คุ้มจนไม่รู้จิคุ้มยังไง ต้องขอบพระคุณ BA Sulwhasoo มา ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ
และทำให้อิชั้นเกิดกิเลส ตัวแถมแบบครีมที่ให้มานี่ไซส์ 8ml มั้งถ้าจำไม่ผิด คือใช้ดีมากก ถ้าหมดแล้วต้องยอมกัดฟันซื้อต่อในราคา 14000บาท/60ml แพงจริงไรจริง ตัวนี้ถ้าได้เป็นไซส์จริงมาใช้ต่อเนื่อง คงเขี่ยตัวเซรั่มด้านบนตกกระป๋องมาเป็นอันดับ 2 แทน
เพราะเนื้อครีมนุ่ม เบาบางกว่าเซรั่มอีก ควักมา 1 ข้อนิ้วกันเลยทีเดียว แล้วเอามาวอร์มตรงฝ่ามือให้เป็นใสๆ ประคบลงบนใบหน้า ฟีลแรกที่ได้คือ หน้ามันกระชับขึ้นมาทันทีที่เนื้อครีมกระทบผิวอะ ฟังดูเหมือนเว่อ แต่ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ ตื่นมาก็หน้าแน่นเบอร์แรง ซึ่งไม่รู้ว่ามันไปเสริมฤทธิ์กับตัวเซรั่มด้วยรึเปล่า เลยทำให้จบปัญหาผิวรอบด้าน ผิวสุขภาพดีแบบมีเลือดฝาด สีก็คล้ายๆเซรั่ม กลิ่นละมุนกว่าหน่อยนึง ลืมบอกว่าทั้งเซรั่มทั้งครีม กลิ่นเป็นแนวๆเปลือกไม้ผสมโสมเจืออัลมอนด์ มันจะขนมๆนิดนึง ไม่อโรม่าเท่าตัว first care แต่ก็ฟินพอตัวฮ่ะขอบอก
อันดับ 3 Creme de LaMer
คะแนนกินกันแทบไม่ลงกับสองตัวบน แต่อันนี้อาจแพ้ในแง่ anti-aging เน้นความชุ่มชื่นเป็นหลัก ซื้อที่ งาน The Mystery of Lamer เซ็นทรัลลาดพร้าว แต่โชคชะตาก็พาให้ BA จากเซ็นทรัลพระราม 9 มาขายของในงานนี้ด้วย เราก็เลยมาป๊ะกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ตัวนี้ซื้อมาไซส์ 15ml ราคา 3700บาท แถมตัว cleansing foam มาให้อีก 30 ml ซึ่งใช้ดีมากนุ่มลื่น เขียวสาหร่าย หน้าสะอาด ไม่แห้งตึง แต่ไม่ติดโผลูกรักปีนี้ เพราะกลิ่นไม่ค่อยจรุงจิตแอบเหมือนยาสีฟันเบาๆ
วิธีใช้ก็จะยุ่งหน่อยๆ เค้ามีไม้พายมาให้ในกล่อง เราก็ตักติดปลายไม้พายมานิดนึง หรือประมาณเม็ดไข่มุก ป้ายลงบนนิ้วมือ ใช้นิ้วชี้ กลาง นาง วอร์มเนื้อครีม ถูๆวนๆให้เกิดความร้อน และแตกเป็นน้ำใสๆ เนื้อสัมผัสเป็นสีขาวขุ่นข้นคลั่กและฟูมาก ต้องวอร์มให้จากขาวเป็นใสเลย แล้วค่อยปะคบลงบนใบหน้า ก็จะได้อารมณ์ครีมน้ำแตกที่แท้ทรู ฟินิชลุคก็ประมาณตาข่ายละอองน้ำปกคลุมทั่วหนังหน้า เวลาหลับมันก็จะค่อยๆแทรกซึมลงไป ตื่นมาไม่มีครีมหรือความเหนียวใดๆกองบนหนังหน้าเลย
ผลลัพธ์ก็เร็วทันใจไม่แพ้กัน แต่วันเดียว ล้างหน้าตอนเช้าผิวมันจะละเอียดๆผิดหูผิดตา เหมือนแก้มเด็ก ถ้ามีรอยสิว ผดผื่นแดง ประคบตัวนี้ก็จะบรรเทาลงในตอนเช้า ลดการอักเสบ แต่ไม่ได้แนะนำให้เป็นตัวหลักในการรักษาสิว ส่วนผสมก็น้องสาหร่าย ซีเคลป์ miracle broth ตามที่บล๊อกเกอร์หลายท่านได้รีวิวกันไปมากมายแล้ว
เรื่องความกระจ่างใสอาจต้องรอหลายสัปดาห์อยู่ แต่จะไม่ชัดมากเท่าความชุ่มฉ่ำ จะเป็นฉ่ำวาวแบบสดใส ไม่ถึงกับมีเลือดฝาด ลงครีมกันแดด หรือรองพื้น แล้วตบท้ายด้วยแป้งฝุ่นจะไม่เป็นคราบ เครื่องสำอางติดหน้าดี เพราะหน้าชุ่มเต็มพิกัด
กำลังชั่งใจอยู่ระหว่างตัวนี้กับ Sulwhasoo แต่ก็ตัดใจไม่ลง เลยจัดตัวนี้มาใช้ตอนเช้าก่อนลงครีมกันแดด ก็จะได้ลุคสบายๆลงตัว ไม่หนักหน้า Sulwhasoo หนึบหน่อยก็เอาไว้ใช้ก่อนนอน
คะแนนกินกันแทบไม่ลงกับสองตัวบน แต่อันนี้อาจแพ้ในแง่ anti-aging เน้นความชุ่มชื่นเป็นหลัก ซื้อที่ งาน The Mystery of Lamer เซ็นทรัลลาดพร้าว แต่โชคชะตาก็พาให้ BA จากเซ็นทรัลพระราม 9 มาขายของในงานนี้ด้วย เราก็เลยมาป๊ะกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ตัวนี้ซื้อมาไซส์ 15ml ราคา 3700บาท แถมตัว cleansing foam มาให้อีก 30 ml ซึ่งใช้ดีมากนุ่มลื่น เขียวสาหร่าย หน้าสะอาด ไม่แห้งตึง แต่ไม่ติดโผลูกรักปีนี้ เพราะกลิ่นไม่ค่อยจรุงจิตแอบเหมือนยาสีฟันเบาๆ
วิธีใช้ก็จะยุ่งหน่อยๆ เค้ามีไม้พายมาให้ในกล่อง เราก็ตักติดปลายไม้พายมานิดนึง หรือประมาณเม็ดไข่มุก ป้ายลงบนนิ้วมือ ใช้นิ้วชี้ กลาง นาง วอร์มเนื้อครีม ถูๆวนๆให้เกิดความร้อน และแตกเป็นน้ำใสๆ เนื้อสัมผัสเป็นสีขาวขุ่นข้นคลั่กและฟูมาก ต้องวอร์มให้จากขาวเป็นใสเลย แล้วค่อยปะคบลงบนใบหน้า ก็จะได้อารมณ์ครีมน้ำแตกที่แท้ทรู ฟินิชลุคก็ประมาณตาข่ายละอองน้ำปกคลุมทั่วหนังหน้า เวลาหลับมันก็จะค่อยๆแทรกซึมลงไป ตื่นมาไม่มีครีมหรือความเหนียวใดๆกองบนหนังหน้าเลย
ผลลัพธ์ก็เร็วทันใจไม่แพ้กัน แต่วันเดียว ล้างหน้าตอนเช้าผิวมันจะละเอียดๆผิดหูผิดตา เหมือนแก้มเด็ก ถ้ามีรอยสิว ผดผื่นแดง ประคบตัวนี้ก็จะบรรเทาลงในตอนเช้า ลดการอักเสบ แต่ไม่ได้แนะนำให้เป็นตัวหลักในการรักษาสิว ส่วนผสมก็น้องสาหร่าย ซีเคลป์ miracle broth ตามที่บล๊อกเกอร์หลายท่านได้รีวิวกันไปมากมายแล้ว
เรื่องความกระจ่างใสอาจต้องรอหลายสัปดาห์อยู่ แต่จะไม่ชัดมากเท่าความชุ่มฉ่ำ จะเป็นฉ่ำวาวแบบสดใส ไม่ถึงกับมีเลือดฝาด ลงครีมกันแดด หรือรองพื้น แล้วตบท้ายด้วยแป้งฝุ่นจะไม่เป็นคราบ เครื่องสำอางติดหน้าดี เพราะหน้าชุ่มเต็มพิกัด
กำลังชั่งใจอยู่ระหว่างตัวนี้กับ Sulwhasoo แต่ก็ตัดใจไม่ลง เลยจัดตัวนี้มาใช้ตอนเช้าก่อนลงครีมกันแดด ก็จะได้ลุคสบายๆลงตัว ไม่หนักหน้า Sulwhasoo หนึบหน่อยก็เอาไว้ใช้ก่อนนอน
9.Facial Oil
หมวดนี้ มีหนึ่งเดียวในดวงใจที่ฟินมาก ทั้งตอนที่ใช้ลงเดี่ยวๆ หรือตอนผสมลงในครีมอื่นเพื่อความประหยัด นั่นคือ..
LaMer The Renewal OIl
ซื้อจากงาน The mystery of lamer พร้อมกับครีมตัวบน ตัวนี้เนี่ย ตายยเพราะกลิ่นเลยทีเดียว มันเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆผ่อนคลายความตึงเครียดอย่างบอกไม่ถูก แนวๆน้ำมันหอมผสมดอกไม้กลิ่นใสๆละมุนละไม บวกกับความเป็นออย แต่กลับซึมซาบเร็วเวอร์ แทบไม่ทิ้วความมันไว้บนผิวเลย อาจต้องนวดๆฟินไปกับกลิ่นสักพัก แล้วมันจะค่อยๆซึมลงไปหมด
ซื้อมาราคา 5050บาท/15ml ไซส์ใหญ่ 30mlค่อนข้างเจ็บปวดคือ 10100บาท และคิดว่าออยใช้ทีละนิด และไม่ต้องทุกวันคงใช้ได้นาน
ตัวนี้เอามาทาๆนวดๆริมฝีปาก ให้ปากเอิบอิ่ม ชุ่มชื้นได้ด้วย แต่ไม่ค่อยอยากใช้เพราะเปลือง และมีลิปบาล์มตัวเด็ดที่ทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว
ปกติจะใช้ผสมลงไปใน creme de lamer ประมาณ 3-4 หยดก่อนวอร์ม จะช่วยให้วอร์มได้ง่ายและเร็วขึ้น ไม่เปลืองครีม ไม่เปลืองออย หรือวันไหนอยากฟินกับกลิ่น ก็จะนวดวนๆหลังลงครีมแล้ว
ผลลัพธ์ก็แค่วันเดียวอีกเช่นกัน ตื่นมาตอนเช้า หรือถ้าทาตอนเช้าก่อนลงครีมกันแดดแป้งฝุ่น หน้าจะโกลวสวย ดิวอี้ ผ่องสุดๆ มันเป็นการรักษาสมดุลน้ำกับน้ำมันบนผิวหน้าเรา เป็นออยที่ดีที่สุดเท่าที่เคยใช้มา พูดเลยย!!
ปล.เวลาใช้ให้กดดรอปเปอร์ดันออยเก่าที่ค้างอยู่ทิ้งไปในขวดก่อน จากนั้นเขย่าให้ตะกอนมันเข้ากัน ค่อยดูดขึ้นมาในหลอดใหม่ ใช้ผสมกับรองพื้นที่เนื้อฝืดๆ ก็จะช่วยให้เกลี่ยง่าย ฟินิชลุคสวยเป๊ะมากขึ้นไปอีก
หมวดนี้ มีหนึ่งเดียวในดวงใจที่ฟินมาก ทั้งตอนที่ใช้ลงเดี่ยวๆ หรือตอนผสมลงในครีมอื่นเพื่อความประหยัด นั่นคือ..
LaMer The Renewal OIl
ซื้อจากงาน The mystery of lamer พร้อมกับครีมตัวบน ตัวนี้เนี่ย ตายยเพราะกลิ่นเลยทีเดียว มันเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆผ่อนคลายความตึงเครียดอย่างบอกไม่ถูก แนวๆน้ำมันหอมผสมดอกไม้กลิ่นใสๆละมุนละไม บวกกับความเป็นออย แต่กลับซึมซาบเร็วเวอร์ แทบไม่ทิ้วความมันไว้บนผิวเลย อาจต้องนวดๆฟินไปกับกลิ่นสักพัก แล้วมันจะค่อยๆซึมลงไปหมด
ซื้อมาราคา 5050บาท/15ml ไซส์ใหญ่ 30mlค่อนข้างเจ็บปวดคือ 10100บาท และคิดว่าออยใช้ทีละนิด และไม่ต้องทุกวันคงใช้ได้นาน
ตัวนี้เอามาทาๆนวดๆริมฝีปาก ให้ปากเอิบอิ่ม ชุ่มชื้นได้ด้วย แต่ไม่ค่อยอยากใช้เพราะเปลือง และมีลิปบาล์มตัวเด็ดที่ทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว
ปกติจะใช้ผสมลงไปใน creme de lamer ประมาณ 3-4 หยดก่อนวอร์ม จะช่วยให้วอร์มได้ง่ายและเร็วขึ้น ไม่เปลืองครีม ไม่เปลืองออย หรือวันไหนอยากฟินกับกลิ่น ก็จะนวดวนๆหลังลงครีมแล้ว
ผลลัพธ์ก็แค่วันเดียวอีกเช่นกัน ตื่นมาตอนเช้า หรือถ้าทาตอนเช้าก่อนลงครีมกันแดดแป้งฝุ่น หน้าจะโกลวสวย ดิวอี้ ผ่องสุดๆ มันเป็นการรักษาสมดุลน้ำกับน้ำมันบนผิวหน้าเรา เป็นออยที่ดีที่สุดเท่าที่เคยใช้มา พูดเลยย!!
ปล.เวลาใช้ให้กดดรอปเปอร์ดันออยเก่าที่ค้างอยู่ทิ้งไปในขวดก่อน จากนั้นเขย่าให้ตะกอนมันเข้ากัน ค่อยดูดขึ้นมาในหลอดใหม่ ใช้ผสมกับรองพื้นที่เนื้อฝืดๆ ก็จะช่วยให้เกลี่ยง่าย ฟินิชลุคสวยเป๊ะมากขึ้นไปอีก
10.Sleeping Mask
หนึ่งเดียวในดวงใจปีนี้ยกให้ Sulwhasoo Overnight Vitalizing Mask
กลิ่นบำบัดขั้นสุด เป็นโสมฟินขั้นกว่าของตัว first care ตัวนี้จะกลิ่นโสมเข้มขึ้นมา ทาๆนวดแล้วมีความสุขก่อนหลับ ขณะหลับ จนกระทั่งตื่นนอน ใช้แบบไม่แช่ตู้เย็นกลิ่นจะสดใหม่และเนื้อฉ่ำกว่า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
เนื้อออกน้ำตาลเหลืองอ่อนๆ นุ่มมากก ปริมาณเยอะ จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่หลอดใหญ่เว่อวัง ในราคา 1600บาท ใช้ได้นานมาก เพราะไม่ได้ใช้ทุกวัน ใช้แค่ช่วงที่รู้สึกหน้าอิ่มน้ำไม่พอ แต่ถ้าลงสกินแคร์ครบ 6-7-8 step จบด้วย moisturizer ตัวนี้ก็ออกจะเป็นส่วนเกินหน่อยๆ เราว่าไม่ค่อยจำเป็นมาก เพราะเราดูแลตัวเองสม่ำเสมอทุกวัน เลยไม่มีวันไหนที่ผิวขาดน้ำแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่อยากทาอะไรหลายขั้นตอน หรือชั่วโมงเร่งด่วน งานหนักนอนน้อย ตัวนี้คือตอบโจทย์
เคยลองใช้สองคืนติดกัน ส่วนตัวพบกว่าอุดตัน ถ้าใช้วันเดียวแล้วเว้นไปอย่างน้อย 3 วัน ผิวกำลังโอโคเลย ต้องลองปรับใช้ไปตามแต่สภาพผิวแต่ละคนด้วย
เรื่องเนื้อสัมผัส กลิ่น ผลลัพธ์ ให้ 3 ผ่าน!!! ตื่นมาหน้าฉ่ำแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ขาววอกขาวลอยแบบมาส์กผสมสารเสตียรอยด์ตัวอื่นๆ
เราว่าใครชอบนวดหน้า เลือกตัวนี้เข้าไปเป็นหนึ่งในขั้นตอนนวดหน้าจะผ่อนคลายแบบฟินเวอร์
หนึ่งเดียวในดวงใจปีนี้ยกให้ Sulwhasoo Overnight Vitalizing Mask
กลิ่นบำบัดขั้นสุด เป็นโสมฟินขั้นกว่าของตัว first care ตัวนี้จะกลิ่นโสมเข้มขึ้นมา ทาๆนวดแล้วมีความสุขก่อนหลับ ขณะหลับ จนกระทั่งตื่นนอน ใช้แบบไม่แช่ตู้เย็นกลิ่นจะสดใหม่และเนื้อฉ่ำกว่า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
เนื้อออกน้ำตาลเหลืองอ่อนๆ นุ่มมากก ปริมาณเยอะ จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่หลอดใหญ่เว่อวัง ในราคา 1600บาท ใช้ได้นานมาก เพราะไม่ได้ใช้ทุกวัน ใช้แค่ช่วงที่รู้สึกหน้าอิ่มน้ำไม่พอ แต่ถ้าลงสกินแคร์ครบ 6-7-8 step จบด้วย moisturizer ตัวนี้ก็ออกจะเป็นส่วนเกินหน่อยๆ เราว่าไม่ค่อยจำเป็นมาก เพราะเราดูแลตัวเองสม่ำเสมอทุกวัน เลยไม่มีวันไหนที่ผิวขาดน้ำแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่อยากทาอะไรหลายขั้นตอน หรือชั่วโมงเร่งด่วน งานหนักนอนน้อย ตัวนี้คือตอบโจทย์
เคยลองใช้สองคืนติดกัน ส่วนตัวพบกว่าอุดตัน ถ้าใช้วันเดียวแล้วเว้นไปอย่างน้อย 3 วัน ผิวกำลังโอโคเลย ต้องลองปรับใช้ไปตามแต่สภาพผิวแต่ละคนด้วย
เรื่องเนื้อสัมผัส กลิ่น ผลลัพธ์ ให้ 3 ผ่าน!!! ตื่นมาหน้าฉ่ำแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ขาววอกขาวลอยแบบมาส์กผสมสารเสตียรอยด์ตัวอื่นๆ
เราว่าใครชอบนวดหน้า เลือกตัวนี้เข้าไปเป็นหนึ่งในขั้นตอนนวดหน้าจะผ่อนคลายแบบฟินเวอร์
11.Eye Cream/serum
ลองใช้หลายตัวอยู่นะปีนี้ แต่ไม่มีตัวไหนว้าว และเห็นผลชัดเท่า..
Sulwhasoo Timetreasure Renovating Eye Serum
เนื้อเป็นแบบเซรั่ม แต่ไม่ใสกิ๊ง มีความเป็นซิลิโคนสีน้ำตาลตุ่นๆอ่อนๆ แต่ซึมซาบไวกว่าเนื้อครีม ตัวนี้ได้แถมมาจาก เซ็นทรัลพระราม 9 ตอนซื้อตัว Timetreasure serum
คือฟีลกู้ดตั้งแต่ทาครั้งแรก มันซึมไว ลงผิวปุ๊บกระชับปั๊บ ฟีลคล้ายๆ eye cream ของ estee แต่ก็บอกอะไรไม่ได้มาก เพราะตอนนั้นก็ได้ลองแค่ตัวแถมไม่กี่วันของ estee
แต่ตัวนี้คือลดริ้วรอยเล็กๆที่เกิดจากผิวใต้หาแห้งได้ ลดความหมองคล้ำ เห็นผลประมาณ 1 สัปดาห์หลังใช้ คือทารอบดวงตา แล้วโดยรวมมันดูสดใสมีชีวิตชีวามากขึ้น
ไซล์จริงมีไม้นวดเคลือบทองมาให้ด้วย ก็กะว่าถ้าหมดตัวแถมคงต้องกัดฟันซื้อตัวจริงราคาเจ็บปวดอีกแล้วว 8500บาท/15-20mlไม่แน่ใจในปริมาณ แต่ราคานี้
ลองใช้หลายตัวอยู่นะปีนี้ แต่ไม่มีตัวไหนว้าว และเห็นผลชัดเท่า..
Sulwhasoo Timetreasure Renovating Eye Serum
เนื้อเป็นแบบเซรั่ม แต่ไม่ใสกิ๊ง มีความเป็นซิลิโคนสีน้ำตาลตุ่นๆอ่อนๆ แต่ซึมซาบไวกว่าเนื้อครีม ตัวนี้ได้แถมมาจาก เซ็นทรัลพระราม 9 ตอนซื้อตัว Timetreasure serum
คือฟีลกู้ดตั้งแต่ทาครั้งแรก มันซึมไว ลงผิวปุ๊บกระชับปั๊บ ฟีลคล้ายๆ eye cream ของ estee แต่ก็บอกอะไรไม่ได้มาก เพราะตอนนั้นก็ได้ลองแค่ตัวแถมไม่กี่วันของ estee
แต่ตัวนี้คือลดริ้วรอยเล็กๆที่เกิดจากผิวใต้หาแห้งได้ ลดความหมองคล้ำ เห็นผลประมาณ 1 สัปดาห์หลังใช้ คือทารอบดวงตา แล้วโดยรวมมันดูสดใสมีชีวิตชีวามากขึ้น
ไซล์จริงมีไม้นวดเคลือบทองมาให้ด้วย ก็กะว่าถ้าหมดตัวแถมคงต้องกัดฟันซื้อตัวจริงราคาเจ็บปวดอีกแล้วว 8500บาท/15-20mlไม่แน่ใจในปริมาณ แต่ราคานี้
12.Sunscreen
ตัวเดียวที่รักที่สุดในปี 2018 และจากที่เคยปลาบปลื้ม Biore ถูกและดีมานานหลายปี บัดนี้ ได้ตัวที่ราคาเจ็บปวดกว่า แต่ก็ประทับใจกว่าไปอีก นั่นคือ
Shiseido UV Protector SPF 50+ PA++++ wetforce
หลายปีก่อนเคยชอบ Biore เนื้อมูสกะเนื้อน้ำ แต่ใช้ไปนานๆสัมผัสได้ถึงแอลกอฮอล์และความแห้งกร้าน หน้าเริ่มแห้งแดงลอก เลยต้องเสาะหาตัวใหม่
จนปีนี้ ได้อ่านรีวิวจากหลายๆท่าน อ่านไปอ่านมาสรุปจบที่ Shiseido ขวดฟ้า
ไปลองที่เคาน์เตอร์ เซ็นทรัลพระราม 9 เนื้อน้ำกึ่งน้ำมัน คือมันไม่ใช่น้ำที่ซึมหายวึบไปใต้ผิว แต่มีความฉ่ำๆมันๆที่ไม่เหนอะ มีความพอดีที่ยังคงความชุ่มชื่นได้ ไม่มีกลิ่นน้ำหอม และกลิ่นเคมีก็ไม่แรงมาก
ซึมซาบดี ไม่เหนอะหนะ แต่อาจต้องรอประมาณ 5 นาที แล้วพอใช้แป้งฝุ่นเซ็ตปิดท้าย หน้าก็จะชุ่มกำลังพอดี ดูสดใส ไม่เปลี่ยนสีรองพื้น ไม่ทำให้แป้งเป็นคราบ หน้าไม่วอก คือได้ผิวธรรมชาติเราที่ดูสดใสขึ้นมาอีกนิดนึง ใช้แล้วติดใจ กันแดดดี กลับบ้านมาหน้าไม่หมอง แต่ส่วนใหญ่เราทำงานในร่ม นานๆทีไปชายทะเล หน้าก็ไม่หมองอีกเช่นกัน แม้จะราคา 1500บาท/50ml ก็จิชื้อใช้ต่อถ้าหมดขวดนี้
ตัวนี้ก่อนใช้ต้องเขย่าให้เนื้อมันเข้ากันสักหน่อยนะคะ แล้วค่อยเทใช้
ตัวเดียวที่รักที่สุดในปี 2018 และจากที่เคยปลาบปลื้ม Biore ถูกและดีมานานหลายปี บัดนี้ ได้ตัวที่ราคาเจ็บปวดกว่า แต่ก็ประทับใจกว่าไปอีก นั่นคือ
Shiseido UV Protector SPF 50+ PA++++ wetforce
หลายปีก่อนเคยชอบ Biore เนื้อมูสกะเนื้อน้ำ แต่ใช้ไปนานๆสัมผัสได้ถึงแอลกอฮอล์และความแห้งกร้าน หน้าเริ่มแห้งแดงลอก เลยต้องเสาะหาตัวใหม่
จนปีนี้ ได้อ่านรีวิวจากหลายๆท่าน อ่านไปอ่านมาสรุปจบที่ Shiseido ขวดฟ้า
ไปลองที่เคาน์เตอร์ เซ็นทรัลพระราม 9 เนื้อน้ำกึ่งน้ำมัน คือมันไม่ใช่น้ำที่ซึมหายวึบไปใต้ผิว แต่มีความฉ่ำๆมันๆที่ไม่เหนอะ มีความพอดีที่ยังคงความชุ่มชื่นได้ ไม่มีกลิ่นน้ำหอม และกลิ่นเคมีก็ไม่แรงมาก
ซึมซาบดี ไม่เหนอะหนะ แต่อาจต้องรอประมาณ 5 นาที แล้วพอใช้แป้งฝุ่นเซ็ตปิดท้าย หน้าก็จะชุ่มกำลังพอดี ดูสดใส ไม่เปลี่ยนสีรองพื้น ไม่ทำให้แป้งเป็นคราบ หน้าไม่วอก คือได้ผิวธรรมชาติเราที่ดูสดใสขึ้นมาอีกนิดนึง ใช้แล้วติดใจ กันแดดดี กลับบ้านมาหน้าไม่หมอง แต่ส่วนใหญ่เราทำงานในร่ม นานๆทีไปชายทะเล หน้าก็ไม่หมองอีกเช่นกัน แม้จะราคา 1500บาท/50ml ก็จิชื้อใช้ต่อถ้าหมดขวดนี้
ตัวนี้ก่อนใช้ต้องเขย่าให้เนื้อมันเข้ากันสักหน่อยนะคะ แล้วค่อยเทใช้
13.Lip Care
มี Lip Balm ที่ประทับใจแบบสูสีอยู่ 2 ตัว จนถึงตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าถ้าหมดแล้ว จะซื้อตัวไหนต่อ เพราะดีกันคนละแบบ
Bobbi Brown Lip Balm SPF15
เป็นลิปบาล์มที่กลิ่นหอมน้ำมันอ่อนๆละมุนๆ สีและเนื้อสัมผัสน่ากินมาก ตอนเปิดมาใช้แรกๆก็จะแข็งหน่อยๆ แต่พอพร่องไปสักพัก เนื้อจะนุ่มมาก เป็นสีชมพูกุหลาบอ่อนๆ แต่ทาบนปากแล้วไม่มีสี เนื้อมันเล็กน้อย แต่พอทาลงบนปากจะชุ่มกำลังดี ไม่วาวเหมือนไปกินไก่ทอด แก้ปัญหาปากแห้งแตกลอกได้หมดจด ลงก่อนทาลิปสีช่วยให้สีเกลี่ยง่ายโดยเฉพาะลิปTint แต่อาจต้องเติมระหว่างวันบ่อยหน่อย ทุก 3-4 ชั่วโมง เพราะความชุ่มจะค่อยๆเหือดหายไปตามกาลเวลา
ราคาก็แรงในระดับนึง 1000บาท ขนาดไม่แน่ใจเท่าไหร่
มี Lip Balm ที่ประทับใจแบบสูสีอยู่ 2 ตัว จนถึงตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าถ้าหมดแล้ว จะซื้อตัวไหนต่อ เพราะดีกันคนละแบบ
Bobbi Brown Lip Balm SPF15
เป็นลิปบาล์มที่กลิ่นหอมน้ำมันอ่อนๆละมุนๆ สีและเนื้อสัมผัสน่ากินมาก ตอนเปิดมาใช้แรกๆก็จะแข็งหน่อยๆ แต่พอพร่องไปสักพัก เนื้อจะนุ่มมาก เป็นสีชมพูกุหลาบอ่อนๆ แต่ทาบนปากแล้วไม่มีสี เนื้อมันเล็กน้อย แต่พอทาลงบนปากจะชุ่มกำลังดี ไม่วาวเหมือนไปกินไก่ทอด แก้ปัญหาปากแห้งแตกลอกได้หมดจด ลงก่อนทาลิปสีช่วยให้สีเกลี่ยง่ายโดยเฉพาะลิปTint แต่อาจต้องเติมระหว่างวันบ่อยหน่อย ทุก 3-4 ชั่วโมง เพราะความชุ่มจะค่อยๆเหือดหายไปตามกาลเวลา
ราคาก็แรงในระดับนึง 1000บาท ขนาดไม่แน่ใจเท่าไหร่
ตัวต่อมาคือ LaMer The Lip Balm
ตัวนี้กลิ่นหอมมินท์ รสชาดก็มินท์ อารมณ์ประมาณคลอเรทสีเขียว ทาไปตอนแรกก็จะเย็นๆซ่าๆที่ปาก รสหวานอร่อย สักพักก็จะเซ็ตตัว ให้ฟินิชลุคแบบแมท แมทแต่ไม่แห้งนะ คือเคลือบกักเก็บไม่ให้ความชุ่มชื้นใต้ผิวปากระเหยออกไป แต่ไม่ทิ้งความมันวาว ยกเว้นจะทาเยอะมาก อยู่ทน อยู่นาน ประมาณ 6 ชั่วโมงถึงต้องเติมซ้ำระหว่างวัน
ลงเหมือนเป็น primer ก่อนทาลิปสี ทั้งลิป tint ,Matt ,Satin, Creamy ใดๆ ทำให้ลิปสีติดทน และกระจายสีดีไม่เป็นคราบเป็นกระจุก ทาทับระหว่างวันก็ไม่รบกวนสีมากนัก
แต่บางทีก็อยากให้ปากมันๆวาวๆเล็กน้อย แล้วแต่อารมณ์ เลยยังตัดสินใจไม่ได้ว่าหมดแล้วจะซื้อตัวไหนต่อ
ราคาค่อนข้างเจ็บปวดหนัก 2750บาท/9g
ตัวนี้กลิ่นหอมมินท์ รสชาดก็มินท์ อารมณ์ประมาณคลอเรทสีเขียว ทาไปตอนแรกก็จะเย็นๆซ่าๆที่ปาก รสหวานอร่อย สักพักก็จะเซ็ตตัว ให้ฟินิชลุคแบบแมท แมทแต่ไม่แห้งนะ คือเคลือบกักเก็บไม่ให้ความชุ่มชื้นใต้ผิวปากระเหยออกไป แต่ไม่ทิ้งความมันวาว ยกเว้นจะทาเยอะมาก อยู่ทน อยู่นาน ประมาณ 6 ชั่วโมงถึงต้องเติมซ้ำระหว่างวัน
ลงเหมือนเป็น primer ก่อนทาลิปสี ทั้งลิป tint ,Matt ,Satin, Creamy ใดๆ ทำให้ลิปสีติดทน และกระจายสีดีไม่เป็นคราบเป็นกระจุก ทาทับระหว่างวันก็ไม่รบกวนสีมากนัก
แต่บางทีก็อยากให้ปากมันๆวาวๆเล็กน้อย แล้วแต่อารมณ์ เลยยังตัดสินใจไม่ได้ว่าหมดแล้วจะซื้อตัวไหนต่อ
ราคาค่อนข้างเจ็บปวดหนัก 2750บาท/9g
14.Body Care
หมวดนี้มีอยู่ 2 ตัว เน้นเรื่องความชุ่มชื่นเป็นหลัก ส่วนครีมกันแดดทาตัวไม่ค่อยชอบ นอกจากจะไปต่างจังหวัด มีกิจกรรมกลางแจ้งจัดเต็ม ซึ่ง ปีละครั้ง หรือหลายปีครั้ง ส่วนใหญ่ทำงานในร่ม จึงเน้นใส่เสื้อผ้ามิดชิด กางร่ม หลบแดดซะมากกว่า เป็นความไม่ชอบส่วนตัวที่ทาครีมกันแดดแล้วมันจะหนืดๆเหนอะๆไม่สบายตัว
ตัวแรก Jergens Soothing Aloe
ตัวนี้ใช้หน้าหนาว หรือช่วงที่ผิวแห้งแตกลอก คันเพราะผิวบางหรือเกาจนเป็นขุย คือตอบโจทย์มาก กลิ่นน้ำหอมแอบฉุนไปนิด แต่ให้อภัยในความชุ่ม ขวดนึงใช้ได้นาน ราคาก็ย่อมเยา หมดแล้วซื้อต่อแน่นอน
เวลาทามันก็จะรู้สึกชุ่มๆเหนอะๆสักพัก ก็ค่อยๆซึมลงผิว แต่ไม่ถึงกับซึมหมดนะ มีความกองความเคลือบอยู่บนผิวชั้นนอกพอควร ส่วนมากจะทากลางคืน
ซื้อที่ Boots ราคาประมาณ 150บาท/250ml
หมวดนี้มีอยู่ 2 ตัว เน้นเรื่องความชุ่มชื่นเป็นหลัก ส่วนครีมกันแดดทาตัวไม่ค่อยชอบ นอกจากจะไปต่างจังหวัด มีกิจกรรมกลางแจ้งจัดเต็ม ซึ่ง ปีละครั้ง หรือหลายปีครั้ง ส่วนใหญ่ทำงานในร่ม จึงเน้นใส่เสื้อผ้ามิดชิด กางร่ม หลบแดดซะมากกว่า เป็นความไม่ชอบส่วนตัวที่ทาครีมกันแดดแล้วมันจะหนืดๆเหนอะๆไม่สบายตัว
ตัวแรก Jergens Soothing Aloe
ตัวนี้ใช้หน้าหนาว หรือช่วงที่ผิวแห้งแตกลอก คันเพราะผิวบางหรือเกาจนเป็นขุย คือตอบโจทย์มาก กลิ่นน้ำหอมแอบฉุนไปนิด แต่ให้อภัยในความชุ่ม ขวดนึงใช้ได้นาน ราคาก็ย่อมเยา หมดแล้วซื้อต่อแน่นอน
เวลาทามันก็จะรู้สึกชุ่มๆเหนอะๆสักพัก ก็ค่อยๆซึมลงผิว แต่ไม่ถึงกับซึมหมดนะ มีความกองความเคลือบอยู่บนผิวชั้นนอกพอควร ส่วนมากจะทากลางคืน
ซื้อที่ Boots ราคาประมาณ 150บาท/250ml
ตัวสุดท้าย คือ White & Smooth Body Serum ของแบรนด์ de leaf Thanaka
เพิ่งเคยเห็นแบรนด์นี้เหมือนกัน ไปเจอที่ร้านขายของชำใน ชุมชนปฐมอโศก จังหวัดนครปฐม เห็นหลอดใหญ่ ราคาย่อมเยาดี แถมพลิกอ่อนส่วนประกอบ ก็พบว่าใส่ niacinamide มาในลำดับต้นๆ แถม ทานาคา น่าจะหวังผลเรื่องความกระจ่างใส ผิวเนียนกระชับ ชุ่มชื้นได้พอควร
พอได้มาลองก็ไม่ผิดหวัง แต่ไม่ถึงขั้นว้าว
ชอบเนื้อสัมผัสและกลิ่น เป็นสีขาวปนน้ำตาลขุ่น ซึมซาบไวสมคำว่าเซรั่ม กลิ่นหอมดอกไม้ผสมแนวซิตรัสสดชื่น แต่ทาเยอะกลิ่นก็จะฉุนไปนิด ไม่แพ้ไม่ระคายเคือง
ใช้ประมาณ 1 สัปดาห์ก็รู้สึกผิวแน่นกระชับขึ้น กระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย ผิวดูมีเลือดฝาดหลังทา ชอบที่ซึมไวใช้ง่าย ใช้ได้ทั้งเช้าและก่อนนอน ถ้าชุ่มไม่พอก็ค่อยลงตัว Jergens ทับลงไป เนื้อblend กันดี ไม่เป็นขุย
เพิ่งเคยเห็นแบรนด์นี้เหมือนกัน ไปเจอที่ร้านขายของชำใน ชุมชนปฐมอโศก จังหวัดนครปฐม เห็นหลอดใหญ่ ราคาย่อมเยาดี แถมพลิกอ่อนส่วนประกอบ ก็พบว่าใส่ niacinamide มาในลำดับต้นๆ แถม ทานาคา น่าจะหวังผลเรื่องความกระจ่างใส ผิวเนียนกระชับ ชุ่มชื้นได้พอควร
พอได้มาลองก็ไม่ผิดหวัง แต่ไม่ถึงขั้นว้าว
ชอบเนื้อสัมผัสและกลิ่น เป็นสีขาวปนน้ำตาลขุ่น ซึมซาบไวสมคำว่าเซรั่ม กลิ่นหอมดอกไม้ผสมแนวซิตรัสสดชื่น แต่ทาเยอะกลิ่นก็จะฉุนไปนิด ไม่แพ้ไม่ระคายเคือง
ใช้ประมาณ 1 สัปดาห์ก็รู้สึกผิวแน่นกระชับขึ้น กระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย ผิวดูมีเลือดฝาดหลังทา ชอบที่ซึมไวใช้ง่าย ใช้ได้ทั้งเช้าและก่อนนอน ถ้าชุ่มไม่พอก็ค่อยลงตัว Jergens ทับลงไป เนื้อblend กันดี ไม่เป็นขุย
และนี่คือสกินแคร์ประจำปี 2018 ที่ใช้แล้วโดนน!!! ทั้งหมด 21 items
ลงรีวิว Jeban ครั้งแรก ผิดพลาดอย่างใดก็ขออภัยด้วยนะคะ
แล้วเพื่อนๆมีสกินแคร์ในดวงใจกันหรือยังคะ ใครมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกันได้ ใน comment ด้านล่างเลยค่า
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ
ขอรับคำขอบคุณ
YaYah
16 กันยายน 2018
16.46น.
ลงรีวิว Jeban ครั้งแรก ผิดพลาดอย่างใดก็ขออภัยด้วยนะคะ
แล้วเพื่อนๆมีสกินแคร์ในดวงใจกันหรือยังคะ ใครมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกันได้ ใน comment ด้านล่างเลยค่า
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ
ขอรับคำขอบคุณ
YaYah
16 กันยายน 2018
16.46น.
Comment
เขียนความเห็นได้เลยจ้า..
Recent comments ความคิดเห็นล่าสุด