ดราม่าทวีทเจ้าปัญหาของเซเลบ

25 5
Internet is forever. เราได้ยินประโยคนี้มาตั้งแต่ social media เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก  คุณโพสท์อะไรไปบนพื้นที่สาธารณะบนโลกออนไลน์แล้วก็ไม่สามารถจะเอากลับคืนได้    ชีวิตคุณอาจจะก้าวต่อไปหลังจากได้ระบายความคิดในจิตใจให้ชาวเน็ทได้รับรู้  แต่คำพูดเหล่านั้นอาจจะทำให้คุณต้องสูญเสียหน้าที่การงานดีืๆในอนาคต   เราลองมาชมบทเรียนของคนดังที่ถูกทวีททำพิษกันเลยค่ะ







Israel Broussard

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นเพื่อนๆ แชร์ความรู้สึกชื่นชมหลังจากได้ดูหนัง Netfix เรื่อง To All the Boys I’ve Loved Before กันพรึบไปหมด ผู้เขียนยังแอบแว้บไปดูบ้าง แหมหนังเค้าก็น่ารักใสๆ ดี  แต่ปล่อยตัวออกมาไม่นานเท่าไรก็มีเรื่องเสื่อมเสียมาฉุดกระแสซะแล้ว
อิสราเอล หนึ่งหนุ่มนักแสดงนำของหนังรักวัยมัธยมต้องตกเป็นข่าวเกรียวกราว หลังจากที่มีคนนำทวีทเมื่อหลายปีก่อนมาแฉแล้วกล่าวหาว่าเขาเป็นพวกเหยียดผิว!
"พวกหมามีสัมผัสพิเศษถึงแผ่นดินไหวได้  แต่น่าเสียดายที่พวกมันถูกกินไปหมดที่ญี่ปุ่น"

ถามว่าหนุ่มวัยรุ่นผิวขาวทวีทเหยียดเอเชียนว่าเป็นพวกกินหมากันหมดประเทศนั้นแปลกรึเปล่า? ไม่แปลกค่ะ ทุกวันนี้ชาวเอเชียนที่อาศัยในประเทศ "ผู้เจริญ" ในตะวันตกก็ยังถูก bullly เรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน

แต่ถ้าถามว่าเราควรจะก้มหน้าก้มตายอมรับโดยไม่ต้องโต้ตอบเพื่อความความถูกต้องเหรอ

ทุกวันนี้การอดทนมันไม่ใช่ option แล้วล่ะ



ไม่เพียงแต่โพสท์เหยียดหยามชาวญี่ปุ่นที่เพิ่งผ่านมหันตภัยทางธรรมชาติและเจ็บช้ำอย่างใหญ่หลวงว่าถึงคราวซวยเพราะกินหมาหมดเกลี้ยงประเทศ (คิดได้ไงจ๊ะ) อิสราเอลยังเคยทวีทเหน็บแนมการเคลื่อนไหว Blacklivesmatter ว่าเป็นการสร้างความแตกแยก เขาเคยกด like ให้กับคอมเมนท์เหยียดผิวและประกาศตัวเป็นผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ 
การแสดงความเห็นทางการเมืองอย่างอิสระเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล  แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน  หลายนโยบายที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องอัดอั้นตันใจและเชื่อว่าเป็นการกีดกันทางเชื้อชาติและเชิดชูให้คนขาวเหนือกว่า มีคนดังเพียงไม่กี่คนที่แสดงตัวออกมาอย่างโจ่งแจ้งว่าชื่นชมและเห็นด้วยกับนโยบายของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แม้ว่าหลายคนอาจจะสนับสนุนทรัมป์เต็มที่ แต่ก็ต้องสงวนท่าทีไว้เพื่อรักษาภาพลักษณ์และความนิยม แต่ชาวเน็ทสัมผัสได้ว่าทวีทของอิสราเอลไม่ได้ปิดบังแนวคิด white supremacy เลย 
หรือจะเป็นทวีทที่ส่อว่าเป็นพวกเหยียดเกย์

แน่นอนว่าเจ้าตัวจะส่งคำขอโทษตามมาค่ะ  
"ผมมีความเสียใจต่อการแสดงความเห็นและกดlike ให้กับคำพูดที่ไม่เหมาะสมขาดความยั้งคิด ผมขอรับผิดเต็มที่ต่อการกระทำและขอโทษอย่างจริงใจ เรื่องนี้ได้กลายเป็นบทเรียนในชีวิตให้กับผมแล้วครับ ผมตั้งใจจะเปลี่ยนเป็นคนที่หมั่นศึกษาเรียนรู้ให้ดีกว่านี้"

แต่กระแสความไม่พอใจจากแฟนๆ ซีรีย์และหนังสือก็ส่งผลให้มีคนนับพันลงชื่อเรียกร้องให้ Netflix เปลี่ยนตัวนักแสดงหากจะสร้างภาคต่อของ To All The Boys แล้วค่ะ





James Gunn

เราพูดถึงพระเอกหนุ่มที่ปากพล่อยแขวะชาวบ้านกันไปแล้ว คราวนี้มาต่อที่ผู้กำกับหนุ่มใหญ่ที่ปล่อยโจ๊กที่ทั้งหยาบคายและสะเทือนความรู้สึกจนถูกปลดออกจากหนัง guardians of the galaxy
ลองจินตนาการถึงหนุ่มใหญ่วัย 40กว่าเจ้าของผลงานที่มีเด็กๆ ติดตามมากมายเล่นมุกตั้งคำถามว่า "ถ้าให้ตัวการ์ตูนดิสนีย์ข่มขืนเรา ตัวไหนที่ทำให้รู้สึกห่วยที่สุด" ดูก็แล้วกัน


หรือเปรียบเทียบเกมกีฬาล่าสัตว์กับ เกมข่มขืน?? ลองถามเหยื่อการข่มขืนกับครอบครัวที่ต้องเจ็บปวดกับเรื่องโหดร้ายนี้ดูสิว่าจะขำด้วยรึเปล่า

สั้นๆ คือ rape joke ไม่มีวันที่จะตลก!


ผู้ชายวัยสี่สิบที่เห็นว่าหัวข้อเพศสัมพันธ์กับเด็กชายตัวเล็กๆ เป็นเรื่องขำซะมากมาย
มีคนบอกกับเราว่า ไม่สามารถทนอ่านทวีทเจ้าปัญหาของผู้กำกับดังจนจบได้ เมื่อถึงทวีทนี้เราจึงเข้าใจ ในฐานะของแม่ที่มีลูกสาว ตอนได้เห็นผู้ชายวัยฉกรรจ์ที่มีชื่อเสียงลงลิงค์ "เด็กหญิงวัยเจริญพันธุ์ตอนกำลังช่วยตัวเอง" ลงในสังคมออนไลน์ ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ว่ามันเป็นลิงค์จริงหรือไม่  แต่นี่ไม่ใช่เป็นการชี้นำให้เกิดคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กหรอกเหรอ !! 
"การหัวเราะมันดีต่อสุขภาพ ผมก็เลยหัวเราะใส่ผู้ป่วยเอดส์ซะเลย"

"ผมแค่เล่นมุกเรื่องวางแผนจะข่มขืนเพื่อนทางประตูหลังตอนเธอนอนหลับน่ะ"
และมันดำเนินต่อมาอีกหลายปี  ผู้กำกับดังไม่ยอมเลิกราที่จะเอาความวิตถารกับเด็กไร้เดียงสามาเป็นเรื่องตลก
ขออภัยที่ไม่ได้เซนเซอร์ข้อความที่ต่ำตม


มันกลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์ใหญ่โต ในที่สุด ดิสนีย์ก็ได้ยุติการร่วมงานกับเจมส์ กัน และทำให้เกิดกระแสขัดแย้งแบ่งกันเป็นสองฝ่าย  มีทั้งคนที่เห็นว่าสิ่งที่เขาเคยแสดงออกมันไม่ส่งเสริมภาพของธุรกิจบันเทิงที่มีแฟนรุ่นเยาว์จากทั่วโลกจำนวนมากมายคอยติดตาม สมควรแล้วที่จะสูญเสียงานไป แต่ก็มีแฟนๆ ที่คิดว่ามันเป็นเพียงความผิดพลาดที่ไม่ร้ายแรงและควรจะให้อภัยกันได้ และเรียกร้องให้ดิสนีย์เรียกตัวเจมส์ กันกลับมากำกับหนังฮีโร่


เรามาดูปฏิกิริยาตอบรับของเท็ด ครู้ซ นักการเมืองดังกันค่ะ

"โว้ว  ทวีทของเจมส์ กันเลวร้ายมาก การข่มขืนเด็กไม่ใช่เรื่องขำขัน ในฐานะที่เป็นสว.เท็กซัส ผมต้องรับมือกับคดีล่วงละเมิดเด็กมามากมาย มันเป็นสิ่งเลวทรามต่ำช้า   ผมดีใจที่ดิสนีย์ไล่เขาออก และถ้าเรื่องที่เค้าทวีทเป็นความจริงก็ควรจับตัวรับตัดสินความผิดนะ"



และนี่คือคำขอโทษของเจมส์ กัน ค่ะ
"เรื่องที่ผมทวีทมันก็เกือบสิบปีก่อนแล้วนะครับ ตอนนั้นเป็นความพยายามแย่ๆ ที่จะแสดงออกแบบยั่วยุออกไป  ผมรู้สึกเสียใจกับคำพูดเหล่านั้นมาตลอดหลายปี ไม่ใช่ว่ามันเป็นคำพูดที่งี่เง่าเท่านั้นนะครับ  มันยังไม่มีความตลกเลยแม้แต่น้อย  ทั้งขาดวิจารณญาณและเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ออกมาเป็นแนวกวนๆ แบบที่ผมคาดไว้ ที่ผมเสียใจมากก็เพราะนั่นมันไม่ได้มาจากตัวตนของผมที่ได้เปลี่ยนแปลงมาพักใหญ่แล้ว  
แม้ว่ามันก็ผ่านมานานแล้ว ผมเข้าใจและขอยอมรับการตัดสินใจทางธุรกิจที่เกิดขึ้น ผมขอยอมรับผิดต่อพฤติกรรมของตัวเองในตอนนั้น สิ่งที่ผมทำได้นอกจากการแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง นั่นก็คือการเป็นคนดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยอมรับ เข้าใจและมุ่งมั่นเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียม ใคร่ครวญให้ดีก่อนที่จะแสดงความเห็นในที่สาธารณะ สำหรับทุกคนในวงการและในที่อื่นด้วย  ผมต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับ"


ผู้ที่ออกมาปกป้องเจมส์ กันอีกกลุ่มคือนักแสดง Guardians นั่นเอง พวกเขายืนยันว่าไม่ได้สนับสนุนทวีทโจ๊กการข่มขืนและการล่วงละเมิดเด็ก ผู้กำกับเป็นคนดีมาก และเชื่อใจว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วจริงๆ  โดยเฉพาะบาทิสทาที่ประกาศว่าหากผู้กำกับ Guadians ไม่ได้ชื่อ เจมส์ กัน เขาจะไม่กลับมาร่วมแสดงในภาค 3 อีก
ต่างคนก็อาจจะต่างมุมมอง  หลายคนอาจจะคิดว่านี่ก็แค่พฤติกรรมห่ามๆ ของชายวัยสี่สิบที่เรียกร้องความสนใจด้วยมุกขำขันไร้รสนิยม แต่ฝ่ายหนึ่งรับไม่ได้เมื่อต้องคิดว่า ลูกหลานของเราอาจจะไปข้องเกี่ยวกับคนที่เคยใช้เรื่อง "ข่มขืนเพื่อนสาวทางทวารหนัก" 
ต่างคนก็อาจจะต่างมุมมอง  หลายคนอาจจะคิดว่านี่ก็แค่พฤติกรรมห่ามๆ ของชายวัยสี่สิบที่เรียกร้องความสนใจด้วยมุกขำขันไร้รสนิยม    แต่ฝ่ายหนึ่งรับไม่ได้เมื่อต้องคิดว่า ลูกหลานของเราอาจจะไปข้องเกี่ยวกับคนที่เคยใช้เรื่อง "ข่มขืนเพื่อนสาวทางทวารหนัก" หรือการพูดมีเพศสัมพันธ์กับเด็กได้เหมือนกับพูดถึงการไปดินเนอร์  
ในปัจจุบัน จัสทิน บีเบอร์อาจจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยังเป็นผู้เยาว์ เจ้าตัวอาจไม่คาดคิดว่าจะมีหนุ่มใหญ่หน้าที่การงานโด่งดังในวงการหนังพูดเรื่องสำเร็จความใครด้วยการใช้เขาเป็นตัวกระตุ้นให้เป็นเรื่องตลกโปกฮา

คำพูดที่ไม่ยั้งคิดจะส่งผลกระทบได้อย่างไร ลองมาดูความเห็นของ user บนTwitter ผู้เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านการล่วงละเมิดเด็กอันนี้เพือจะให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น  

นี่เป็นความเห็นที่ตอบโต้คนที่ปกป้องเจมส์ กัน ด้วยเหตุผลว่าเป็นสิทธิในการแสดงความเห็นอย่างเสรี
"คุณว่ามันจะโอเคจริงเหรอ ถ้าคนที่โพสท์ทวีทพวกนี้เป็นครูใหญ่ของลูกๆ คุณ  หรืออาจจะเป็นผู้อำนวยการแคมป์หน้าร้อน? ทำไมผู้ปกครองของเด็กๆ ที่ทำงานในกองถ่ายจะต้องไว้ใจว่าจะมีความปลอดภัยในการทำงานร่วมกับเจมส์ กันด้วยล่ะ ?



และภาพparty ที่หลุดออกมาก็ไม่ได้ช่วยเหลือสถานการณ์ให้ดีขึ้นแต่อย่างใด จากการแต่งกายส่อให้เห็นว่าเป็น theme พวกรักเด็ก โดยมีสาวแต่งตัวแอ๊บเป็นเด็กไร้เดียงสา กับเจมส์ กันที่แต่งตัวเป็นนักบวช ดังที่ทราบกันว่านักบวชจำนวนหนึ่งมีข่าวเสียหายเรื่องล่วงละเมิดทางเพศเด็กชาย มีทั้งกรณีที่ถูกเปิดโปงและยังปกปิดเรื่องราวไม่ให้สังคมรับรู้มีการเปิดเผยในภายหลังว่า theme ก็คือ  To Catch a Predator (จับพวกชอบข่มขืนเด็กให้ได้)



Laura Lee

หากคุณชอบติดตาม youtuber สาย beauty ก็อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอคนนี้  ลอร่า ลี  สาวอเมริกันที่ครีเอทคอนเทนท์ผ่านyoutubeจนได้รับความนิยมด้วยจำนวนผู้ติดตามกว่า 4 ล้านคนและสัญญากับแบรนด์ดัง


ลอร่าคือสาวอลาบามาตาหวานที่มีบุคลิกน่ารัก คอนเทนท์ของเธอสวยสบายตา ฝีมือการแต่งหน้าก็ไม่แพ้ vlogger ชื่อดังคนอื่นๆ  เราจึงไม่กังขาในความนิยมของเธอ  อนาคตในวงการ Beauty Vlogger จึงดูสดใสปิ๊งๆ


จนกระทั่งมีคนนำทวีทเมื่อ 6 ปีก่อนมาแฉ... 
"คุณจะปิดตาคนจีนยังไงน่ะเหรอ   ลองเอาไหมขัดฟันมาพันรอบตาเค้าสิ"
แล้วต่อด้วยคำว่า ไอโง่gook  

FYI  Gook เป็น slur เหยียดผิวที่ใช้เรียกคนเอเชียน  สำหรับพวกเรา ไม่มีคำว่าไทย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ  เราเป็นเพียงไอ้โง่ gook สำหรับคนเหยียดผิวค่ะ  คนที่อาศัยที่ต่างประเทศอาจจะมีประสบการณ์ถูกเหยียดทำนองนี้มาแล้ว
คิดเหรอคะว่าคนที่เหยียดคนเอเชียนจะไม่เหยียดคนดำด้วย  


" ไอ้มืดในแพรีส!! อะไรอะ ชั้นนึกว่าพวกเค้าจนเกินไปที่ออกจากคอมทันซะอีก LOL"

"คำแนะนำสำหรับคนดำทุกคนนะจ๊ะ  ลองดึงกางเกงขึ้นมาบ้างสิ ตอนที่วิ่งหนีตำรวจจะช่วยให้หนีเร็วขึ้น    ไม่เป็นไรไม่ต้องขอบคุณหรอกนะ"


พอเรื่องมันโป๊ะแตกออกมา Yosef Martin   ผู้บริหารของ Boxycharm ก็ประกาศตัดขาดลอร่า ลี ทันที

" พวกเราไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าเพราะอะไรคนเราจึงทวีทแบบนี้ได้   นี่คือทวีทที่ร้ายกา่จมาก  พวกเราต่อต้านเรื่องแบบนี้ครับ   พวกเราได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เปิดตัวเครื่องสำอางรุ่นลอร่า ลี ลอสแองเจลีส  บริษัทของเราให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและความรวมเป็นหนึ่งเดียวเป็นอย่างยิ่ง"



แน่นอนว่าลอร่าจะส่งคำขอโทษแบบหน้าสดร้องห่มร้องไห้   แต่กลายเป็นว่าชาวเน็ทไม่เชื่อถือเอามาล้อกันเป็นเรื่องฮาซะงั้น!    บางงคนว่างขนาดนั่งจับผิดได้ว่าตลอด4 นาทีกว่า ๆ ที่สะอึกสะอื้นนั้น มีน้ำตาจริงๆไหลออกมา 1 หยดพอดิบพอดีในตอนท้ายๆ
บางคนถึงกับหยอดน้ำตาเทียมมาล้อ
ยอดผู้ติดตามของลอร่า ลี ลดลงหลายแสน  สปอนเซอร์รายใหญ่หลายเจ้าโบกมือลา   หลายคนไม่เชื่อมั่นในคำขอโทษแต่อย่างใด เมื่อตอนที่ทวีทออกไปเช่นนั้น เจ้าตัวอายุ 23 เข้าไปแล้ว ไม่ใช่เด็กผิวขาวจอม bully ประจำโรงเรียน   มันจึงไม่ง่ายที่จะเชื่อว่าเธอจะได้เปลี่ยนความคิดที่มีต่อคนต่างเชื้อชาติ     บางคนได้วิจารณ์ว่า ไม่ตกใจเลยที่เห็นลอร่า ลี ทวีทข้อความเหยียดผิวแบบไม่เกรงว่าจะเสียภาพพจน์ (หลายคนเหยียด แต่เก็บไว้ข้างใน ไม่โฉ่งฉ่างขนาดนี้)  จากพื้นเพของเธอทีมาจากภาคใต้ของอเมริกาอันเป็นพื้นที่ที่ถูกกกล่าวขวัญเรื่องปัญหาเหยียดชาติพันธุ์มาช้านาน  ครอบครัวคนขาวจำนวนหนึ่งขาดการอบรมให้เด็ก ๆ เข้าใจในความสำคัญของความเท่าเทียมในฐานะมนุษย์  มีรายการ TV มากมายที่เข้าไปถ่ายทำรายการเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่ชักนำให้เด็ก ๆ เติบโตขึ้นมาเป็นพวกเหยียดผิว  เมื่อเห็นคนเอเชียนก็พูดชิงชองใส่แล้วไล่ให้กลับประเทศ หากอยู่ใกล้กับคนดำก็โทรเรียกตำรวจอย่างไร้เหตุผล เรื่องเหล่านี้เราเห็นได้webloid ได้ทุก ๆ วัน    แต่ก็เริ่มมีทิศทางความเปลี่ยนแปลง คนที่มีพฤติกรรมเหยียดผิวแล้วถูกจัยได้โดยมีหลักฐานนั้นอาจจะสูญเสียหน้าที่การงานไม่ต่างกับเซเลบหรือinfluencer บนโลกออนไลน์

Roseanne Barr



เรื่องนี้ฮือฮายาวนานติดต่อกันหลายเดือนเชียวล่ะ  มันน่าตกตะลึงเมื่อดาราอาวุโสที่มีผลงานเรตติ้งสูงทวีทเหยียดผิวอย่างรุนแรง  แม้จะแค่ครั้งเดียว แต่ชีวิตการแสดงก็ดูจะริบหรี่ลงไป
โรแซนน์คือนักแสดงตลกที่คร่ำหวอดในวงการมาหลายสิบปี  เธอสนใจในเรื่องการเมืองอย่างลึกล้ำถึงขนาดเคยสมัครเข้าชิงเป็นประธานาธิบดีในนามของพรรคอิสระด้วยซ้ำ   และตาบถึงปัจจุบัน โนแซนน์เป็นหนึ่งในคนดังเพียงไม่กี่คนที่ประกาศว่าสนับสนุนประธานาธิยดีทรัมป์  อุดมการณ์ทางการเมืองของเธอไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความนิยมแต่อย่างใด ซีรีย์ Roseanne ได้รับความนิยมยาวนานติดต่อกันหลายปี  เธอคว้าทั้งรางวัลลูกโลกทองคำและ Emmy มาครองจากบทนำของซิทคอมสุดฮา  เมื่อนำกลับมาสร้างใหม่ เรตติ้งก็ดีมากจนทรัมป์โทรมาแสดงความยินดีด้วย


แต่ทุกอย่างกลับสะดุดลงไป หลังจากทวีทนี้ค่ะ
"ถ้ากลุ่มภราดรมุสลิมกับมนุษย์ลิงมีลูกด้วยกันก็จะได้เป็น VJ "   VJ ที่ว่าก็คือ;าเลรี จาร์เรทท์ ที่ปรึกษาของอดีตประธาธิบดีโอบาม่า  ทวีทอันนี้สร้างความตกตะลึงให้กับสังคมที่นักแสดงที่ประสบความสำเร็จจนได้รับความนับถือจะใช้คำพูดเหยียดผิวอันร้ายกาจ  การเปรียบเทียบคนเชื้อสายแอฟริกันว่าเหมือนกับลิงนั้นว่าย่ำแย่แล้ว  ยังลากความเป็นมุสลิมมาดูถูกอีก


* พ่อและแม่ของวาเลรี่เป็นลูกครึ่งแอฟริกันผิวดำและอเมริิกันผิวขาว  เธอไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามแต่เกิดที่อิหร่าน หลายคนก็เดากันไปต่างๆนานาว่าเพราะอะไร โรแซนน์จึงนำเรื่องภราดรมุสลิมมาผูกกับวาเลรี่  บ้างก็ว่าเป็นเพราะนโยบายของโอบาม่าหรือเชื่อว่าวาเลรี่มีความเกี่ยวข้องกับการเจรจาทางการเมืองกับประเทศทางตะวันออกกลางเพราะเธอเคยอยู่ที่นันตอนเด็ก ๆ (?)
ปลด ปลด และ ปลด!  ขนาด H&M ให้นายแบบเด็กชายผิวดำใส่เสื้อ "ลิงสุดเจ๋งในป่าใหญ่"  ยังถูกด่ากระเจิง นี่คือดาราใหญ่ที่เปรียบเทียบผู้หญิงเชื้อสายแอฟริกันว่าเป็นลูกลิงกับคนมุสลิม   ผู้บริหารช่อง ABC จึงประกาศยุติการร่วมงานกับโรแซนน์  เอเจนซี่ของเธอถอนตัว  งานที่เคยแน่นตอนนี้หดหายไปหมด  และสิ่งที่เจ้าตัวอธิบายนั้นก็เหมือนเป็นคำแก้ตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า 
โรแซนน์อ้างว่าเธอล้ำเส้นออกไปเพราะเป็นผลข้างเคียงของยานอนหลับ และขอร้องให้แฟนอย่าเสียใจและเลิกปกป้องเธอเพราะได้ทำผิดอย่างรุนแรง

แล้วต่อมาเธอก็มีข้อโต้แย้งใหม่นั่นคือ เธอไม่รู้ว่าวาเลรี่นั้นมีเชื้อสายผิวดำ!
"ชั้นขอร้องเบน เชอร์วู้ดแห่ง ABC เพื่อจะให้โอกาสได้ขอโทษและชดใช้ความผิด  ชั้นขอให้พวกเค้าไม่ยกเลิกโชว์ ชั้นบอกไปหมดว่ายอมทำทุกอย่าง จะขอความช่วยเหลือจากที่อื่น ๆ เพื่อให้สถานการณ์มันกลับมาดี  ชั้นยอมจะวิ่งประชาสัมพันธ์ให้พวกเค้าฟรีๆ เป็นอาทิตย์  ชั้นแทบจะกราบกรานพวกเค้าเพื่อให้มีงานทำ   เค้าถามกลับว่า  ชั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทวีทแบบนั้น   ก็ชั้นนึกว่าเธอเป็นคนขาวน่ะสิ  เธอเหมือนญาติชั้นเลย  เค้ากลับตอบง่า  สิ่งที่เธฮทำมันร้ายแรงและไม่สมควรต่อการยกโทษ    นี่ชั้นขอร้องเพื่อให้เพื่อนร่วมงานยังได้ทำงานต่อนะ   พระเจ้า  ชั้นจะหายจากความเจ็บปวดนี้ได้อย่างไร"



แต่กลายเป็นว่า ABC ไม่ยอมแพ้กับซีรีย์เรื่องนี้  แม้พวกเค้าจะตัดโรแซนน์ออกไป แต่ก็ยังดำเนินการถ่ายทำต่อด้วยการตั้งชื่อซีรีย์ซะใหม่ว่า The Conners โดยมีนักแสดงชุดเดิม ทางช่องประกาศว่าแม้จะไม่มีโรแซนน์แล้ว แต่ซีรีย์ยังจะเด็ดดวงเหมือนเดิม


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE