Horror Movies Based On True Stories

เรื่องจริง  - สมาชิกลัทธิวิปริต "ครอบครัวแมนสัน" ก่อฆาตกรรมสุดโหดสังเวย 5 ชีวิต

หนัง  - Once Upon a Time in Hollywood


ผลงานการกำกับล่าสุดของQuentin Tarentino ยังเพิ่มเริ่มถ่ายทำก็จริง แต่ก็ได้สร้างเสียงฮือฮาจากรายชื่อนักแสดงระดับ A List  มาร่วมแสดงในหนังที่สร้างจากคดีสะเทือนขวัญแห่งยุค 60s "ครอบครัวแมนสันกับฆาตกรรมหมู่ชาวฮอลลีวู้ด"


Sharon Tate ภรรยาสาวงามของ Roman Polanski ผู้กำกับชื่อดัง กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยการกลับมาของสามีจากทริปยุโรป เธออาจจะเกิดความหงอยเหงาขึ้นมาบ้าง เพราะต้องห่างจากสามีในขณะที่ตั้งครรภ์แก่ถึง 8 เดือนแล้ว  แต่ก็คงรู้สึกอุ่นใจเพราะไม่ได้พักในบ้านเพียงลำพังแต่มีเพื่อนฝูงคนสนิทอยู่รอบข้าง  


เธอไม่คาดคิดสักนิดว่า กลุ่มหนุ่มสาวคลั่งลัทธิจะบุกเข้ามาในบ้านเพื่อสังหารทุกคนโดยไร้ความแค้นใดๆ ต่อกัน วัยรุ่นบ้าเลือดเหล่านั้นได้รับคำสั่งจาก Charles Manson  เจ้าลัทธิที่ก่อตั้ง "ครอบครัว Manson" ด้วยความสามารถในการพูดโน้มน้าวจิตใจหนุ่มสาวฮิปปี้ให้มารวมตัวกันเพื่อป้องกันตนจากสงครามแบ่งแยกเชื้อชาติระหว่างคนผิวขาวและคนผิวดำที่อาจจะทำให้ถึงวันสิ้นโลก

แม้ว่าจะกล่อมให้สมาชิก"ครอบครัว"หลายสิบคนหลงเชื่อได้อย่างงมงายถึงหายนะแห่งสงคราม เจ้าลัทธิก็ยังไม่ทอดทิ้งความฝันที่จะได้ทำอัลบั้มเพลงให้โด่งดังเหมือนกับศิลปินที่เขาโปรดปรานอย่าง The Beatles แต่เมื่อถูกโพรดิวเซอร์ดนตรีปฏิเสธ เขาจึงแสดงความวิปลาสออกมาด้วยการออกคำสั่งนองเลือดกับวัยรุ่นที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อหัวหน้าครอบครัว Manson ที่บูชา

ราวกับว่าโพรดิวเซอร์ดนตรีจะมีลางสังหรณ์ถึงเหตุการณ์ชั่วร้าย  เขาย้ายออกจากบ้านและปล่อยให้ผู้กำกับดังและภรรยาเช่าอาศัยต่อ  แต่ฆาตกรหาได้สนใจว่าเป้าหมายจะเป็นใคร  พวกเขาลงมืออย่างอุกอาจเลือดเย็นด้วยอาวุธครบมือ  ยิงเหยื่อคนแรกจนสิ้นใจตายอย่างไม่ลังเล แล้วตัดสายโทรศัพท์เพื่อไม่ให้เหยื่อคนอื่นๆ ในบ้านขอความช่วยเหลือ
ว่ากันว่านี่คือหนึ่งในภาพสุดท้ายของ Sharon เธอดูงดงามและเปล่งปลั่งด้วยความเป็นแม่ เพียงไม่นานต่อมา Sharon ถูกพบเป็นศพนอนจมกองเลือด ที่คอมีเชือกผูกคล้องต่อกับอีกศพซึ่งเป็นเพื่อนสาวที่ตายอย่างสยดสยองไม่แพ้กัน ร่างกายของเธอถูกแทงนับ 16 แผล อีกหนึ่งชีวิตในครรภ์ไม่มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลก

นี่คือการฆาตกรรม 4 ศพ ที่ต้องสูญเสียถึง 5 ชีวิต  เมื่อตำรวจรวบตัวฆาตกรได้  สังคมยิ่งต้องหวาดผวากับด้านมืดในจิตใจมนุษย์ พวกเค้าเหล่านั้นยิ้มร่าสู้กล้องราวกับว่าเป็นฮีโร่ที่ช่วยรักษาโลกไว้ได้...
การไต่สวนยิ่งเปิดเผยข้อมูลชวนผวา Sharon ร้องขอให้กลุ่มฆาตกรจับตัวเธอเป็นประกันแล้วไว้ชีวิตให้ถึงวันคลอด ขอเพียงทารกน้อยในท้องอยู่รอด แต่มันไม่เป็นผล ฆาตกรจ้วงแทงเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกในขณะที่เธอร้องเรียกหาแม่ก่อนจะขาดใจตาย หนึ่งในนั้นใช้เลือดของ Sharon เขียนคำว่า Pig ไว้ที่หน้าประตูราวกับกำลังภูมิใจในความเหี้ยมโหดไร้ความเป็นมนุษย์
Roman Polanski ที่นั่งหมดอาลัยตายอยากหลังจากสูญเสียภรรยาและลูกในท้อง  หน้าประตูยังมีคำว่า Pig ที่เขียนจากเลือด Sharon ปรากฏอยู่


ทั้งเจ้าลัทธิผู้สั่งฆ่าผู้บริสุทธิ์และสาวกที่ลงมือสังหารถูกตัดสินประหารชีวิต แต่จากการยกเลิกโทษประหารในแคลิฟอร์เนียทำให้พวกเขาต้องชดใช้กรรมด้วยใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดในเรือนจำ  ซึ่งที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้พยายามยื่นขอให้ทางการปล่อยตัวโดยอ้างความสำนึกผิดและความเจ็บป่วย แต่ความเด็ดขาดของผู้ใช้กฎหมายที่ไม่เห็นประโยชน์ของการปล่อยนักโทษที่มีพฤติกรรมเหี้ยมโหดกลับคืนสู่สังคม บางคนเจ็บป่วยเป็นมะเร็งสมองแต่ก็ไม่ได้รับการปล่อยตัวและต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เห็นโลกภายนอก รวมไปถึง Charles Manson ที่ตายจากโรคชราไปเมื่อปีก่อน



แต่ก็มีความพยายามเพื่ออนุมัติให้ปล่อยตัวนักโทษคดีนี้มาแล้วค่ะ นั่นคือ Leslie Van Houten ที่มีอายุเพียง19 เมื่อร่วมก่อคดีฆ่าคนในปี 1969 แต่เมื่อเรื่องไปถึงผู้ว่าการรัฐก็ถูกยับยั้ง  เมื่อมีท่าทีว่านักโทษพวกนี้จะได้รับการปล่อยตัวเมื่อใด ญาติผู้สูญเสียก็จะลุกมาประท้วงทันที ทั้งพฤติกรรมในรูปแบบฆาตกรต่อเนื่องก็ทำให้สังคมภายนอกต่อต้าน เพราะไม่ได้มีแต่เหยื่อที่บ้าน Sharon Tate เท่านั้น แต่ยังมีเหยื่อคนอื่นที่ต้องสังเวยชีวิตจากลัทธิครอบครัว Manson มาแล้ว 
ไม่กี่วันมานี้ก็ได้มีการเปิดเผยภาพของนางเอกผู้ที่คว้าบท Sharon Tate  นั่นคือ Margot Robbie สาวออสซี่ที่เพิ่งเข้าชิงออสการ์ไปเมื่อต้นปี ในตอนแรกที่มีการประกาศชื่อเธอออกมานั้นก็มีเสียงวิจารณ์อยู่ไม่น้อยว่า Margot ดูไม่คล้ายคลึงกับSharonเอาซะเลย แต่จากการ makeover ของฮอลลีวู้ดก็ทำให้เธอดูเข้าใกล้กับผู้เป็นต้นแบบขึ้นมา


เรื่องจริง  -  ปริศนาฆาตกรรมนักเรียนแลกเปลี่ยน Meredith Kercher  

หนัง       -  Amanda Knox: Murder on Trial in Italy




สาวอังกฤษ Meredith  Kercher เดินทางมาที่ Perugia นครที่งดงามในItaly ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน  ช่วงเวลาไม่กี่อาทิตย์ที่ต่างบ้านต่างเมืองช่างดูสนุกสนาน เธอแชร์บ้านสี่ห้องนอนกับนักศึกษาคนอื่นๆ และเข้ากันได้ดีกับ Amanda Knox รูมเมทสาวห้องข้างๆ ที่มาจาก America


จากปากคำของAmanda เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่กับแฟนหนุ่มชาว Italian ที่เพิ่งพบรักกันไม่ได้ไม่นาน  หลังจากที่ค้างคืนกับเขาในวันหยุดเธอก็ได้กลับมามาที่บ้านและพบกับสิ่งผิดปกติหลายอย่าง  ประตูหน้าบ้านที่ไม่ได้ล็อค  หยดเลือดที่อ่างน้ำ สิ่งปฏิกูลที่ชักโครกที่ไม่ได้กดน้ำทิ้ง ห้อง Meredith ถูกปิดล็อคไร้เสียงตอบกลับ เธอจึงย้อนกลับไปหาแฟนหนุ่มอีกครั้งและชวนกันมาที่บ้าน  คราวนี้พวกเค้าแน่ใจแล้วว่ามีใครบางคนบุกรุกเข้ามาในบ้าน จากเศษกระจกที่แตกกระจายและสัญญาณไม่น่าไว้ใจหลายอย่าง  ห้อง Meredith ยังล็อคและไร้เสียงขานกลับ Amanda และแฟนจึงได้เรียกคนรู้จักและเจ้าหน้าที่เพื่อพังประตูห้องของรูมเมทเข้าไป  ซีนนองเลือดก็ได้ปรากฏที่ตรงหน้า...
ร่างไร้ชีวิตของ Meredith ถูกปิดทับด้วยผ้านวมหนา มีเพียงเท้าที่โผล่ออกมา  เลือดสาดกระจายไปทั่วทั้งพื้นและผนัง เธอถูกแทงราวๆ 50ครั้งรวมถึงบาดแผลปาดคอ  มีรอยฟกช้ำทั่วร่าง ผลชันสูตรแสดงร่องรอยการถูกข่มขืนชัดเจน ตำรวจเข้าตรวจสอบและปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุทันที ส่วน Amanda และแฟนหนุ่มนั้นถูกกันให้รออยู่ด้านนอก แต่พวกเค้าไม่รู้เลยว่ากำลังถูกจ้องมองอย่างจับผิดอยู่  ทันทีที่คู่นี้เริ่มจูบกัน ตำรวจก็เริ่มสัมผัสถึงพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้ใจ นี่หรือคือปฏิกิริยาของคนที่เพิ่งได้เห็นศพเพื่อนที่ถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด พวกเค้าจึงถูกจัดให้เป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมตั้งแต่เริ่มต้น

สื่อแดนมักกะโรนีและเมืองผู้ดีไม่ได้สนใจเรื่องราวของเหยื่อที่ถูกปลิดชีวิตมากเท่ากับผู้ต้องสงสัยทั้งสองคน  โดยเฉพาะ Amanda ที่มีรูปลักษณ์งดงามสะดุดตา  เธอถูกเรียกว่าเทพแห่งความตายผู้มีใบหน้าของนางฟ้า ในขณะนั้นทั่วโลกดูจะปักใจเชื่อว่าเธอและแฟนหนุ่มคือผู้ลงมือฆ่าเพื่อนจากความจูงใจจากลัทธิดำมืดและความฝักใฝ่ใน sex หมู่ สื่อนำเสนอภาพของนางร้ายหน้าสวยชาว American ที่มีรสนิยมทางเพศสุดวิปริตจนเลยเถิดกลายเป็นเหตุฆาตกรรม  อัยการปักใจเชื่อว่า Amanda บงการแฟนหนุ่มให้ช่วยสังหารรูมเมทจากคำให้การที่วกวนฟังไม่น่าเชื่อถือและท่าทางที่มีพิรุธ 
ในระหว่างนั้นก็มีเบาะแสถึงเจ้าของ DNA ที่ร่างผู้ตายและปะปนที่คราบเลือดในห้อง มันไปตรงกับ Rudy Guede  พ่อค้ายาผู้ที่มีประวัติเรื่องบุกรุกเคหะสถานมาอย่างโชกโชน เขาหลบไปที่ Germany และเคยบอกกับเพื่อนว่าเคยเจอ Meredith มาแล้ว

แม้ว่าเขาจะยืนยันว่าไม่ได้ลักลอบเข้าไปเพื่อฆ่าข่มขืนเหยื่อและไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน แต่ได้รับเชิญจาก Meredith ให้เข้าไปอยู่ในห้องสองต่อสอง  หลังจากเริ่มจูบกันก็เกิดปวดท้องจนต้องขอใช้ห้องน้ำ เขาอ้างว่าได้ยินเสียงกริ่งประตูและจดจำได้ว่าเป็นเสียงของ Amanda ที่เข้ามาในบ้านและโต้เถียงกัน และยังเห็นเงาชายคนหนึ่งที่หน้าประตู ส่วนรอยนิ้วมือของเขาที่ติดตามคราบเลือดก็มาจากความพยายามที่จะช่วยห้ามเลือดที่พุ่งออกมาจากคอ Meredith ที่ยังไม่สิ้นใจในทันที  สุดท้ายก็ต้องหลบหนีจากบ้านหลังนั้นไปเพราะเกิดความตกใจกลัว

แม้จะมีผล DNAและรอยเท้าที่อยู่ในจุดที่มีร่องรอยบุกรุกบ้านที่ชี้ชัดว่าRudy คือผู้ลงมือทำให้ถูกตัดสินโทษจำคุก 30 ปี (ลดเหลือ 16 ปีในภายหลัง) แต่ฝ่ายอัยการยังมั่นใจว่าคู่รักเพื่อนของผู้ตายนั้นร่วมมือในเหตุการณ์ฆาตกรรมด้วย

 แต่หลายคนยังไม่ได้ให้ความเชื่อถือกับระบบยุติธรรมใน Italy มากนัก ฝั่งทนายของ Amanda กล่าวหาเรื่องกระบวนการสืบสวนที่เร่งร้อนจะเอาความผิดผู้ต้องหาให้จนดูชุ่ยเกินกว่าจะยอมรับในหลักฐานที่เสนอมา 2 ปี หลังเกิดเหตุ Amanda และแฟนหนุ่มถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริงและต้องรับโทษจำคุกมากกว่า 20 ปี!  ในคืนที่มีประกาศผลการตัดสินโทษออกมา มีชาวเมืองออกมารวมตัวกันแสดงความยินดีและร้องด่าเธอว่าเป็นฆาตกรสาว American
หลังจากสู้คดีอยู่หลายปีศาล Italy ก็พิจารณาถึงความบกพร่องในการสืบสวนคดีที่ใช้หลักฐานที่ไร้น้ำหนักเพียงพอและกลับคำตัดสินในชั้นอุทธรณ์ (มีดของAmandaและแฟนที่มี DNA ผู้ตายติดอยู่ไม่ตรงกับมีดที่ใช้ฆ่าเธอ มีการโต้แย้งว่าอาจจะเกิดจากการปนเปื้อน) และตัดสินให้ทั้งคู่พ้นผิด  Amanda เดินทางกลับบ้านเกิดด้วยความโล่งอกและประกาศว่า หากจะมีการรื้อคดีขึ้นเพื่อตัดสินความผิดในชั้นศาลสูง เธอจะไม่ยอมกลับไปยัง Italy อีกเพราะหวาดกลัวกับการถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและละเมิดสิทธิมนุษยชน ในขณะที่สื่อ American หลายแห่งตำหนิติเตียนระบบยุติธรรมของ Italy ว่าช่างไร้ประสิทธิภาพ  หมกมุ่นเพียงแต่จะเอาผิดผู้ต้องหาหน้าสวยโดยไม่ยอมรับความผิดพลาด ทั้งสื่อและผู้คนเองก็ยังลืมเลือนไปว่านี่คือคดีฆาตกรรม Meredith แต่กลับเล่นข่าวสาวบ้า sex โหดอำมหิตจนหลงประเด็น ในขณะที่ชายผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร่วมลงมือฆ่าอีกสองคนกลับไม่มีใครกล่าวถึงมากนัก


แต่ทุกวันนี้ ความคลางแคลงใจในตัว Amanda ก็ยังไม่ห่างหายไป เธอบริสุทธิ์ 100% จริงหรือไม่ ตอนที่รูมเมทกำลังถูกเอาชีวิต  เธออยู่ในบ้านหลังนั้นด้วยรึเปล่า? หากเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ  เพราะอะไร เจ้าหน้าของ Italy จึงมั่นใจนักว่าเธอคือฆาตกรตัวจริง?
Hayden Panettiere รับบท Amanda ใน Amanda Knox: Murder on Trial in Italy



เรื่องจริง   -  Anneliese Michel  หญิงสาวที่ถูกปีศาจสิงสู่หรือเธอเป็นเหยื่อความรุนแรงของความเชื่อที่งมงาย ?

หนัง         -  The Exorcism of Emily Rose


Anneliese Michel คือเด็กสาวที่อาศัยกับครอบครัวผู้เคร่งครัดในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกใน Germany  เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาจนเข้าสู่วัยรุ่น อาการไม่ปกติต่างๆ ก็เริ่มมาเยือน เมื่อเข้ารักษาตัวด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลมชักชนิดหนึ่ง แต่แม้ว่าจะรักษาตัวด้วยยาขนานต่างๆ อาการเจ็บป่วยก็ยังไม่ทุเลาลงมากนัก 
การแพทย์ในยุค 70s  ไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการลมชัก  ซ้ำร้าย  เธอยังเริ่มมีอาการเห็นภาพหลอนเป็นใบหน้าของปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวหลายต่อหลายครั้ง แม้จะได้รับยารักษาอาการทางจิตตัวหนึ่ง แต่ก็อาการกลับยิ่งเลวร้ายลง เธอเห็นปีศาจตอนกำลังสวดภาวนาและได้ยินเสียงสาปแช่งว่าจะต้องเน่าตายในนรก หลังจากที่รับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมา 5 ปี ก็ได้หมดความอดทนและหันมาร้องขอให้ทางโบสถ์คริสต์เข้าช่วยเหลือไล่ผีปีศาจ

บาทหลวงระบุว่า Anneliese ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาในสถานศาสนา เธอรู้สึกเหมือนกับพื้นดินร้อนดั่งไฟจนไม่สามารถยืนนิ่งกับที่ เธอหวาดกลัวเสียงสวดภาวนา และไม่ยอมมองภาพของพระเยซูและบรรดาเทพเทวดาและบอกว่าภาพเหล่านั้นส่งแสงเจิดจ้าจนไม่สามารถทนมองได้


ทั้ง Anneliese และครอบครัวต่างปักใจเต็มที่ว่าเธอต้องทุกข์ทรมานจากอาการผีเข้า จึงพยายามหาคำปรึกษาและขอร้องให้บาทหลวงหลายคนให้ช่วยมาขับไล่ผี แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธและแนะนำให้เธอรักษาอาการด้วยยาแผนปัจจุบันต่อไป  แต่พวกเค้าก็ได้พบกับนักบวชที่อาสาไล่ผีให้ และยังได้รับอารอนุญาตจากบิชอปโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องดำเนินพิธีอย่างลับๆ เท่านั้น 
ในช่วงแรกนั้น ครอบครัวของเธอเลือกที่จะทำพิธีไล่ผีและยังใช้ยาจากหมอร่วมไปด้วย แต่หลังจากอาการย่ำแย่ลงถึงขั้นปฏิเสธการกินอาหาร พ่อแม่ของเธอจึงยอมฟังคำขอร้องของ Anneliese ด้วยการตัดการรักษาด้วยยาตามสั่งของแพทย์อย่างสิ้นเชิง  พวกเค้าเชื่อว่ามีปีศาจหลายตนที่มีชื่อตามไบเบิลสิงสู่ร่างของเธอและรวมถึงวิญญาณร้ายของผู้นำนาซีอย่าง Hitler ด้วย  

ระหว่างพิธีไล่ผี Anneliese  ทำท่า genuflection เป็นร้อยๆ ครั้ง (คุกเข่าแล้วลุกเพื่อแสดงความความเคารพพระผู้เป็นเจ้า) ว่ากันว่า เมื่ออ่อนแอจนไม่สามารถลุกขึ้นได้เอง พ่อแม่จะต้องเป็นคนพยุงให้เธอทำท่านี้ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าการอดอาหารเป็นเวลายาวนานจะทำให้พลังชีวิตของเธอถดถอยลงไปทุกวัน  พฤติกรรมที่น่าหวาดผวาเริ่มปรากฏยิ่งไปกว่าเดิม  เธอฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเอง ขับถ่ายลงพื้นและเลียดื่มปัสสาวะ เธอไม่ยอมกินอาหารแต่กลับกินแมลงและเศษถ่าน เคยหลบอยู่ใต้โต๊ะในครัวแล้วเห่าหอนราวกับสุนัขยาวติดต่อกันถึง 2 วัน เสียงกรีดร้องไม่เป็นภาษามนุษย์กลายเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของครอบครัว



จากความเชื่อว่าหากกินอาหารแล้วจะยิ่งทำให้เหล่าซาตานมีอำนาจเหนือตัวเธอและพิธีไล่ผีที่สร้างความเหนื่อยล้าถึง 67 ครั้งในระยะเวลา 10 เดือน ในที่สุด  Annelise ก็สิ้นใจ  ผลชันสูตรศพชี้ว่าเธอมีอาการปอดติดเชื้อ ขาดน้ำและอาหารอย่างรุนแรง น้ำหนักตัวตอนที่เสียชีวิตวัดได้ไม่ถึง 31 กิโลกรัม เข่าหักจากการคุกเข่าในพิธีไล่ปีศาจหลายร้อยครั้ง  ที่ลำตัวและเบ้าตามีรอยฟกช้ำที่น่าจะมาจากการตรึงตัวเธอไว้เมื่ออาการคลุ้มคลั่ง


 
จากการสืบสวน  เจ้าหน้าที่อัยการได้ประกาศว่า หาก Anneliese ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญ เธอก็ไม่น่าจะเสียชีวิต และแจ้งข้อหากับพ่อแม่และนักบวชที่ร่วมกันทำพิธีไล่ผีในข้อหาปล่อยปละละเลยจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย   อัยการได้นำแพทย์มาขึ้นให้การสนับสนุนว่า ผู้ตายหาได้ถูกซาตานสิงสู่แต่มีอาการเจ็บป่วยทางจิตอันมีต้นเหตุมาจากการเลี้ยงดูด้วยความเชื่อที่เค่งครัดทางศาสนาอย่างสุดโต่งรวมกับอาการโรคลมชัก ส่วนฝั่งจำเลยได้นำเทปภาพระหว่างพิธีไล่ผีมาพิสูจน์ต่อศาลว่ามีปีศาจสิงสู่ในตัว Anneliese จริงๆ   แต่มันกลายมาเป็นหลักฐานที่ทำให้ศาลพิจารณาว่าผู้ตายมีอาการเจ็บป่วยที่ต้องอยู่ในสภาวะไม่เหมาะสมจากการปฏิบัติของพ่อแม่และนักบวชผู้ไล่ผี จำเลยถูกตัดสินให้จำคุก 6 เดือน แต่มีการระงับโทษนั้นไป




หลายสิบปีผ่านไป แม่ของ Anneliese เคยเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกสาวว่า  "ชั้นรู้ว่าพวกเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วค่ะ  ชั้นมองเห็นสัญญาณจากพระคริสต์จากมือของลูก เธอมีรอยแผลศักดิ์สิทธิ์อันเป็นสัญญาณจากพระเจ้าที่บอกกับเราว่าต้องขับไล่ปีศาจออกไป เธอตายเพื่อช่วยเหลือผู้หลงทางคนอื่นๆ เธอต้องชดใช้บาปแทนคนเหล่านั้น


Anneliese ได้รับการถ่ายทอดความเชื่อเรื่องการไถ่บาปแทนผู้อื่นมาตั้งแต่ยังเด็ก  เริ่มต้นจากผู้เป็นแม่ที่เคยคลอดลูกสาวนอกสมรสก่อนที่เธอจะลืมตาดูโลก  มันคือความเสื่อมเสียถึงขนาดที่แม่จะต้องใส่ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีดำในวันแต่งงานเพื่อแสดงถึงบาปแสนอัปยศ เมื่อ Anneliese เติบโตขึ้น แม่จึงได้ขอให้เธอรับเป็นผู้ไถ่บาปนี้ ด้วยการปลูกฝังให้แสดงความศรัทธาอย่างแรงกล้า ในช่วง 10 เดือนก่อนจะเสียชีวิต เธอมักพูดถึงการสละชีวิตเพื่อไถ่บาปให้กับคนรุ่นใหม่ที่ดื้อรั้นและพวกนักบวชที่ไม่ใส่ใจศรัทธา

และแม้ว่าเธอจะจากโลกนี้ไปอย่างทุกข์ทรมาน เมื่อ 4 ทศวรรษก่อน ก็ยังมีความเชื่อว่าเธอจำเป็นต้องสละชีวิตเพื่อผู้คนที่เต็มไปด้วยบาปอยู่ดี
ในหนัง The Exorcism of Emily Rose    Jennifer Carpenter รับบทเป็น Emily Rose ตัวละครที่มีต้นแบบมาจาก Anneliese ซึ่งในหนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นแต่บรรยากาศความหลอนแบบหนัง horror ตุ้งแช่เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญในการตัดสินคดีเอาผิดนักบวชผู้ทำหน้าที่ขับไล่ปีศาจอีกด้วยค่ะ



เรื่องจริง -  การสังหารหมู่ครอบครัว DeFeo และวิญญาณที่ตามหลอกหลอน

หนัง        -  The Amityville Horror

 

คดีสังหารโหดแห่งยุค 70s ที่นำไปสู่เรื่องราวเหนือธรรมชาติชวนขนหัวลุก!
นี่คือเรื่องราวของครอบครัว Defeo ที่อาศัยในบ้านหลังงามในเมือง Amityville     Ronald Jr ที่รู้จักกันในชื่อว่า Butch ได้เข้าไปที่บาร์แห่งหนึ่งและบอกชาวเมืองว่าพ่อแม่ของเขาถูกยิงที่บ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุก็ได้พบกับร่างไร้วิญญาณของพ่อแม่และน้องๆ ในสภาพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตบนเตียงทั้ง  6 คน อาวุธสังหารคือปืนไรเฟิลอานุภาพสูง มีเพียงแต่ Bucth เท่านั้นที่รอดมาจากการสังหารหมู่ที่เหี้ยมโหดนี้ได้

Butch ลูกชายคนโตของครอบครัววัย 23 ได้ยืนยันกับตำรวจว่ามือปืนที่บุกเข้ามาฆ่ายกครัวคือ Louis Falini แต่ชายผู้นั้นมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ในประเทศในช่วงเวลานั้น เขาให้การวกวนเปลี่ยนเรื่องราวไปมา ในที่สุดจึงยอมรับว่าได้ลงมือฆ่าพ่อแม่และน้องๆ ด้วยมือตัวเอง
เมื่อเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ทนายของ Bucth ได้อ้างว่าลูกความมีอาการทางจิตและได้ยินเสียงจากในหัวสั่งให้ฆ่าครอบครัว แม้จะมีประวัติเสพเฮโรอีนและ LSD รวมไปถึงอาการบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม  แต่ก็ถูกตัดสินจำคุกข้อหาฆาตกรรมยาวนาน 25 ปี หลังจากถูกจองจำก็ยังเคยเปลี่ยนเรื่องราวใหม่ว่า  เหตุการณ์ในคืนนั้นเริ่มต้นที่น้องสาวลงมือฆ่าพ่อก่อน ทำให้แม่ช็อคจนลงมือยิงลูกๆ ให้ตายตามไป แล้วสุดท้ายเขาก็ได้ฆ่าแม่ จากนั้นไม่กี่ปีก็ได้เล่าแบบหนังคนละม้วนว่าน้องสาวและใครบางคนได้เข้ามาในบ้านแล้วก็ลงมือฆ่าทุกคน  ตัวเขาเองเป็นคนทำให้น้องสาวตายโดยไม่ได้ตั้งใจจากการแย่งปืนกันจนปืนลั่นใส่


ตำนานความสยองไม่ได้หยุดที่ตรงนั้น  ปีถัดมาครอบครัว Lutz ได้ซื้อบ้านที่มีประวัตินองเลือดหลังนี้  เพียงไม่นาน  ครอบครัวนี้ก็ได้บอกเล่าประสบการณ์สยองออกสื่อ  และก็ถูกตั้งคำถามจากสังคมว่าพวกเค้านี้คือเหยื่อของบ้านผีสิงหรือแค่กุเรื่องเพื่อสร้างกระแสและรายได้จากความสนใจของผู้คน
George ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเล่าว่า  เขาสะดุ้งตกใจตื่นในเวลาตีสามสิบห้านาทีทุกคืน  ซึ่งเวลานั้นตรงกับช่วงที่ Butch ลงมือฆาตกรรมครอบครัวตัวเอง  ส่วนสมาชิกครบครัวคนอื่นๆ ก็เจอเหตุการณ์แปลกประหลาดถ้วนหน้า  ไม่ว่าจะเป็นความหนาวเย็นผิดปกติของบางจุดในตัวบ้าน  แมลงวันจำนวนมากมาย   ฝันร้ายเกี่ยวกับการฆาตกรรมซ้ำ ๆ กัน กลิ่นเน่าเหม็นไร้ที่มา

เมื่อเรื่องราวบ้านผีสิงเผยแพร่ออกไปก็ทำให้ครอบครัวLutz โด่งดังชั่วข้ามคืน เรื่องของผลประโยชน์หลั่งไหลเข้ามาจนทำให้มีคนตั้งข้อกังหาว่า หรือนี่จะเป็นการแหกตาอเมริกาครั้งใหญ่    เพราะก่อนหน้าที่พวกเค้าจะแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุกต่อสังคม  ฐานะการเงินของผู้นำครอบครัวเข้าขั้นย่ำแย่  แต่เมื่อเชื่อมโยงเรื่องของการสังหารหมู่ครอบครัว Defeo กับความสยองขวัญของผีอาฆาตก็ได้สร้างกระแสความสนใจไปทั้งประเทศ  สื่อตีข่าวกันอย่างเกรียวกราว  ทั้งคนทรงและนักล่าวิญญาณเดินทางเข้ามาพิสูจน์ผีหลายครั้ง มีผู้ที่อ้างว่าตั้งกล้องถ่ายภาพวิญญาณของลูกชายบ้าน Defeo ที่ถูกพี่ชายยิงตายได้อีกด้วย!
แต่ก็มีผู้ที่จับผิดภาพวิญญาณก็ได้แย้งว่า  ผีเด็กชายตาเรืองแสงนั้นน่าจะเป็นการจัดฉากของหนึ่งในนักล่าวิญญาณที่เข้าไปตั้งกล้องในบ้าน (ภาพซ้าย) ที่ใส่เสื้อลายคล้ายคลึงกัน ส่วนลูกชายบ้าน Defeo ที่เชื่อกันว่าโผล่มาปรากฏตัวคือคนที่เด็กที่สุดในภาพ และชายคนขวาสุดคือ Ronald หรือ Butch ผู้เป็นฆาตกรนั่นเองค่ะ
สามีภรรยา Lutz ประกาศท้าข้อหาลวงโลกด้วยการเข้าเครื่องจับเท็จแล้วผ่าน สร้างความฮือฮาให้กับตำนานบ้านผีสิงมากขึ้นไปอีก หนังสือ The Amityville Horror ที่อ้างว่าเขียนขึ้นจากการสัมภาษณ์ครอบครัว Lutz ขายได้ถึงสิบล้านเล่ม! แต่ภายหลังมีปมขัดแย้งผลประโยชน์จนต้องฟ้องร้องกันวุ่นวาย หลังจากทนายของ Ronald Jr. Defeo ผู้เป็นฆาตกรได้ออกมาแฉกับสื่อยักษ์ใหญ่ว่า เขาและสามีภรรยา Lutz เคยสุมหัวกันดื่มไวน์แล้วครีเอทเรื่องราวสยองขวัญเพื่อเรียกความสนใจจากผู้คน แต่ George Lutz ยืนยันว่าเรื่องราวในหนังสือนั้นเป็นความจริง "เกือบ"ทั้งหมด ความพยายามแฉเรื่องผีหลอกระดับชาติยังซับซ้อนไปถึงบันทึกการแจ้งความจากตำรวจที่ยืนยันว่าครอบครัวนี้ไม่เคยโทรขอความช่วยเหลือใดๆ แต่ในหนังสือกลับระบุว่าเจอปีศาจหลอกหลอนจนต้องโทรหาตำรวจ และยังมีอีกหลายประเด็นที่ถูกตามจับผิดว่าขัดแย้งกับความจริง


ตำนานบ้านผีสิงแห่ง Amityville นั้นโด่งดังมากจนถูกนำมาสร้างหนังมาแล้ว 15 ครั้ง!
แต่เราเคยได้ดูเวอร์ชั่นปี 2005 ที่ Ryan Reynolds แสดงนำเท่านั้น หลอนพอสมควรเชียวล่ะ

Chloe Moretz ยังเป็นเด็กน้อยตัวจิ๋วอยู่เลย





เรื่องจริง  -  ครอบครัวนรกร่วมทรมานเด็กวัยทีนจนตาย

หนัง       -  An American Crime




Sylvia Likens เด็กสาวสวยวัย 16 เติบโตมาอย่างยากลำบากในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่ของเธอต้องเร่ไปพร้อมกับคณะสวนสนุกเคลื่อนที่ เธอ และ Jenny ผู้เป็นน้องสาว ต้องย้ายไปอาศัยกับญาติอยู่เรื่อยมา เมื่อเห็นว่าหญิงเพื่อนบ้านยินดีที่จะดูแลลูกๆ ให้แลกกับเงิน 20 เหรียญต่อสัปดาห์  ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินใจฝากฝังให้แม่ลูก 7 ที่ภายนอกดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเป็นคนดูแลลูกสาวในขณะที่เขาต้องเดินทางไปทำงาน  


แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าได้ส่งลูกสาวให้ไปตกนรกทั้งเป็น!

นี่คือภาพของครอบครัว Baniszewski รวมถึงแฟนหนุ่มของลูกสาวคนรองที่ร่วมกันทารุณ Sylvia ด้วยความรุนแรงน่าขยะแขยง มือของเราสั่นไปหมดตอนที่รู้ว่า แม้แต่เด็กวัยเพียง 10-12 ขวบ ก็ยังร่วมทำร้ายเด็กสาวผู้น่าสงสารราวกับว่าพวกเค้าไร้หัวใจที่เป็นมนุษย์!


คำว่า "นรกส่งมาเกิด" อาจจะฟังดูเบาไปหากจะบรรยายถึงสิ่งที่ครอบครัวนี้ทำกับ Sylvia    
 
Gertruce หรือที่ถูกขนานนามว่า "นางแม่ปีศาจ" เริ่มด่าทอและกล่าวหาว่า Sylvia มีพฤติกรรมเหมือนกับโสเภณี  ส่วนลูกสาวที่เธอเคยคิดว่าเป็นเพื่อนก็ใส่ร้ายว่าเธอตั้งท้อง  พวกเค้าเริ่มทำร้ายร่างกายเธอรุนแรงขึ้น  ทั้งเฆี่ยนตีและเตะต่อยที่อวัยวะเพศ Sylvia ถูกห้ามไม่ให้ไปโรงเรียนและกลายมาเป็นกระสอบทรายระบายอารมณ์ให้กับครอบครัว  Baniszewski   การทารุณหนักหนาขึ้นไปอีกขั้น  เธอแทบไม่ได้กินอาหารและน้ำ  แม้แต่น้ำตายังไม่มีจะไหลเพราะร่างกายขนาดน้ำอย่างรุนแรง พวกเค้าใช้ไฟเผาตามร่างกายของเธอแล้วใช้เกลือถูไปที่แผลให้เจ็บหนักไปกว่าเดิม  
 
Sylvia ถูกจับไปขังที่ห้องใต้ดิน  เธอถูกกระทำจนร่างกายย่ำแย่ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้   ต้องนอนเปลือยจมสิ่งปฏิกูล  แต่ก็ยังไม่สาแก่ใจ  ปีศาจ Baniszewski ยังบังคับให้เธอกินอุจจาระและปัสสาวะตัวเองและก็ตามด้วยอุจจาระจากผ้าอ้อมของลูกคนเล็กที่ยังเป็นเด็กวัยหัดเดิน  !!!


เล่ามาถึงตรงนี้  คุณอาจจะคิดว่าไม่มีอะไรจะเลวร้ายลงไปได้อีกแล้ว   แต่มันยังนรกมากกว่าเก่า หลังจากที่ Sylvia ถูกปล่อยให้มานอนอยู่บนบ้านด้วยเงื่อนไขว่าจะต้องควบคุมการขับถ่ายไม่ให้ปัสสาวะราดเลอะเทอะ  แต่เมื่อเธอทำไม่ได้ก็ถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าแล้วนำ"ขวดโค้ก"สอดใส่เข้าไปในช่องคลอดเพื่อให้สมาชิกครอบครัวชมการช่วยตัวเอง  เลวทรามไปกว่านั้น พวดเค้าใช้เข็มลนไฟสลักประโยคว่า "ฉันเป็นโสเภณีและภูมิใจด้วย" ลงไปที่หน้าท้องของเธอ
Richard Hobbs เด็กชายวัย 15 ที่อยู่ละแวกนั้นเป็นอีกคนได้ร่วมทรมานเด็กสาว  เขาช่วยยายแม่ปีศาจสลักคำประจานที่หน้าท้องของเธอ  มันช่างน่าสะอิดสะเอียนเมื่อได้รู้ว่า Richard ได้บอกให้ Shirley ลูกสาวบ้าน  Baniszewski ที่มีอายุเพียง 10 ขวบช่วยเขาตราประทับอักษร S ลงไปบนหน้าอกของ Sylvia ด้วย!

ยามที่ Baniszewski ไม่พอใจ Sylvia จะถูกบังคับให้แช่อ่างที่มีน้ำร้อนจัดลวกผิวหนังจนพุพอง พวกเค้ายัดอาหารใส่ลำคอของเธอ เอาบุหรี่จี้ตามร่างกายมากกว่าร้อยครั้ง ทั่วร่างกายเธอมีบาดแผลกรีดลึกและรอยฟกช้ำ  เมื่อเธอมีท่าทางว่าคงไม่รอดแล้ว นางแม่ปีศาจก็ได้วางแผนให้เธอเขียนจดหมายแสร้งว่าถูกผู้ชายกลุ่มหนึ่งทำร้ายและนำเธอไปทิ้งในป่ารอวันตาย แต่ เมื่อ Sylvia ได้ยินแผนนั้น ก็พยายามรวบรวมกำลังหนีเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ถูกจับได้ เธอถูกโยนลงห้องใต้ดินและถูกตีซ้ำจนสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ถูกเตะเข้าที่หัวอย่างแรง
ในที่สุดเด็กสาวก็สิ้นสุดความทรมาน  เธอไม่ตื่นขึ้นมาพบกับความเจ็บปวดอีก Sylvia วัย 16 สิ้นใจจากอาการสมองบวม ช็อคจากพิษบาดแผลและภาวะขาดอาหาร เรื่องราวโหดร้ายนี้มี Jenny ผู้เป็นน้องสาวรู้เห็นทุกอย่าง เธออาจจะรอดพ้นจากความรุนแรงที่พี่สาวต้องเจอ  แต่ Jenny ก็ถูกทุบตีและขู่เข็ญอย่างหนักจนหวาดกลัวไม่กล้าบอกความจริงกับคนอื่น ร่ำลือกันว่าสาเหตุที่พี่สาวถูกครอบครัวนรกรุมทำร้าย แต่น้องสาวกลับถูกละเว้นไว้เพราะความพิการจากโปลิโอนั่นเอง  

เมื่อ Sylvia ขาดใจตายไปแล้ว นางแม่ปีศาจคิดว่าแผนการจดหมายหลอกลวงจะช่วยให้ตัวเองพ้นผิดไปได้ นางใช้ให้สมุนอย่าง Richard Hobbs โทรแจ้งตำรวจให้เข้ามายังที่เกิดเหตุแล้วยื่นจดหมายที่ Sylvia ถูกบังคับเขียนให้กับเจ้าหน้าที่ แต่น้องสาวพิการได้รวบรวมความกล้า พุ่งเข้าหาพวกเค้าแล้วละล่ำละลักบอกว่า "โปรดช่วยหนูออกไปจากตรงนี้ด้วย หนูจะบอกความจริงทุกอย่าง!" บาดแผลมากกว่า 150 แห่งของผู้ตายรวมถึงสภาพที่เกิดเหตุที่บ่งบอกถึงการสมรู้ร่วมคิดฆาตกรรม  ตำรวจจึงจับกุมผู้ต้องสงสัย 5 คนในเวลาต่อมา


เมื่อฆาตกรใจหยาบช้าต้องเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย  จากนางแม่ปีศาจก็กลายเป็นสตรีผอมบางที่อ่อนแอขอความเห็นใจต่อศาล Gertruce ไม่เคยยอมรับว่าจงใจทรมาน Sylvia และจำเหตุการณ์ไม่ได้เป็นผลมาจากการใช้ยาระงับประสาทและยาอื่นๆ จิตแพทย์ได้วินิจฉัยว่านางไม่ได้ป่วยทางจิตแต่อย่างใด  

ลองมาดูโทษของกลุ่มคนใจหยาบช้าที่ร่วมทรมานผู้บริสุทธิ์อย่างอำมหิตกันค่ะว่าจะได้รับโทษสาสมสักเพียงใด

Gertruce ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตและลดลงมาเป็น 20 ปี (ตอนได้รับการลดโทษผู้คนหลายหมื่นในรัฐ Indiana ร่วมลงชื่อต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการปล่อยตัวได้ ไม่นานจากนั้น นางแม่ปีศาจก็ตายจากโรคมะเร็ง )

Paula  ลูกสาวคนโตวัย 17 ที่ต้องคลอดลูกระหว่างต้องโทษ เธอเป็นผู้ลงมือทำร้าย Sylvia อย่างรุนแรง แม้จะพยายามแหกคุกแต่ก็ถูกจองจำเพียง 7 ปีก่อนจะได้ถูกปล่อยตัวออกมา

John Jr.  ลูกชายวัย 12 กลายเป็นนักโทษที่อายุน้อยที่สุดของรัฐด้วยโทษจำคุกสองปี    
เด็กผู้ชายข้างบ้านอีก 2 คนถูกจำคุกไปคนละ 2 ปี  

ส่วนเด็กๆ ที่มีอายุ 8-11 ปี  ไม่ได้รับโทษจากคำให้การที่เป็นประโยชน์ช่วยเอาผิดจำเลยได้ 


An American Crime  หนังที่บอกเล่าเรื่องราวสะเทือนขวัญจากเหตุการณ์จริง โดยมี Ellen Page รับบทเป็น Sylvia

หนังเรื่องนี้ไม่ได้ focus เรื่อวฉากรุนแรง แต่บอกเล่าเรื่องราวที่เป็น drama และฉากการไต่สวนในศาลอิงจากข้อมูลจริง  ภาพในหนังชวนสะเทือนใจแต่ก็ยังดูโหดร้ายไม่เท่ากับสิ่งที่ Sylvia ต้องเผชิญ  ส่วนหนังอีกเรื่อง คือ The Girl Next Door นั้นคือหนังโหดที่ใช้เรื่องราวจริงมาแต่งเติมขึ้นใหม่ค่ะ



เรื่องจริง  - การตายอย่างลึกลับของEstafania Gutierrez Lazaro

หนัง        - Veronica

เราเคยได้ดูหนังสยองขวัญเกี่ยวกับการเล่นผีถ้วยแก้วมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ไม่เคยคิดต่อว่า ในชีวิตจริง จะมีใครต้องสังเวยชีวิตให้กับสิ่งลี้ลับหลังจากเข้าพิธีกรรมนี้หรือไม่


Estafania Gutierrez Lazar เป็นเด็กสาวที่อาศัยในเมืองมาดริด  เธอสนใจเรื่องลี้ลับตามประสาวัยรุ่น เมื่อแฟนหนุ่มของเพื่อนได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์  กลุ่มเพื่อนจึงตกลงกันว่าจะพยายามติดต่อวิญญาณของเขาคนนั้นผ่านกระดานวีจี  (ผีถ้วยแก้วของฝรั่ง) แต่ก็ไม่ได้ไปในสถานที่เปลี่ยวกลางค่ำคืนแต่อย่างใด พวกเค้านำกระดานวีจีมาที่โรงเรียนและเริ่มพิธีเชิญวิญญาณตอนกลางวันแสกๆ แต่นระหว่างนั้น คุณตรูก็เข้ามาขวาง และห้ามไม่ให้เล่นแผลงๆ ที่โรงเรียน เพื่อนๆ ของ Estafania เล่าว่า จู่ๆ กระดานวีจีก็หักและมีกลุ่มควันประหลาดลอยออกมาถูกที่หน้า Estafania เต็มๆ 
จากนั้นเป็นต้นมา Estefania ก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เธอเริ่มเห็นภาพหลอนเงาปีศาจตัวดำมืดคอยไล่ตาม  มีอาการชักเกร็งจนตาเหลือกเห็นแต่ตาขาว น้ำลายฟูมปาก และครั้งหนึ่งเคยคลุ้มคลั่งทำร้ายคนในครอบครัว เมื่อได้สติขึ้นมากลับจำเรื่องราวที่ทำลงไปไม่ได้

พ่อแม่ได้พา Estefania เข้าออกโรงพยาบาลเพื่อวินิจฉัยอาการผิดปกติทั้งร่างกายและทางจิต แต่กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ และไม่สามารถอธิบายถึงที่มาของอาการลมชัก

Estefania บอกเล่ากับพ่อแม่ถึงความหวาดกลัวต่อปีศาจที่ตามหลอกหลอนเธอ และอาการชักก็ดูแย่ลงไปเรื่อยๆ เพียงไม่กี่เดือนต่อมา เธอก็จากโลกนี้ไปโดยที่การแพทย์ก็ไม่สามารถระบุถึงสาเหตุการตายได้

พ่อแม่ยืนยันว่า หลังจากที่ลูกสาวเสียชีวิต  ครอบครัวก็ได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด  ประตูที่เปิดปิดเอง ไฟฟ้าดับ และที่น่าขนลุกก็คือ รูปภาพของ Estefania ที่อยู่ๆ ก็ติดไฟขึ้นมา พวกเค้ารู้สึกถึงการคุกคามจากสิ่งลี้ลับที่เชื่อว่าได้เอาชีวิตลูกสาวไป และต้องผจญกับความหวาดกลัวจากสิ่งที่มองไม่เห็นจนต้องแจ้งตำรวจให้มาช่วยเหลือ  

เมื่อตำรวจเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ก็ได้พบกับเรื่องที่ยังเป็นปริศนา ครอบครัวที่แจ้งความนั้นหวาดกลัวจนไม่กล้ากลับเข้าไปที่บ้านของตัวเอง พวกเค้าได้ยินเสียงดังมาจากระเบียง แต่เมื่อไปตรวจดูกลับไม่พบอะไร ประตูเปิดเอง จู่ๆ อุณหภูมิในห้องก็เย็นยะเยือกกว่าภายนอก เมื่อเข้าไปยังห้องนอนของ Estefania ก็ได้ยินเสียงกระแทกอย่างไร้ที่มาที่ไป แม้แต่ตำรวจที่เข้าไปตรวจสอบก็ยังรู้สึกกลัวจนแทบอยากจะออกจากที่นั่นเร็วๆ


ครอบครัวของ Estefania ไม่สามารถทำใจอาศัยในบ้านเดิมอีกต่อไปได้ รีบย้ายออกในเวลาต่อมา


ได้มารู้ที่มาของ Veronica ทาง Nexflix แล้ว ก็คงต้องยอมรับตรงๆ ว่า ยังไงก็คง "ไม่กล้าดู" (คนเดียว) แค่ภาพตัวอย่างก็หลอนมากๆ  ถ้ามีเพื่อนนั่งดูด้วยก็อาจจะพอไหวนะ!


ขอจบไว้เพียงเท่านี้ค่ะ

Discussion (13)

อ่านมันส์ติดปีกมากเลยค่ะพี่เเคนดี้ อิอิ
หลอนมากๆ แต่สงสารซิลเวียที่สุด โหดร้ายมาก ควรโดนประหารชีวิตมากกว่า
สงสารเหยื่อมาก
อ่านเรื่องน้องซิลเวียแล้วหดหู่มากเลยค่ะ