The Stalkers!

"ผมจะมาเจอคุณอีกครั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
"คราวนี้หวังว่าบอดี้การ์ดของคุณจะไม่มาเป็นก้างขวางคอผมที่จะเข้าหาคุณนะ"

หนุ่มญี่ปุ่นผู้ประกาศความรักต่อเจ้าหญิงเพลงพ็อพตั้งแต่ปี 2002  พฤติกรรมของคนๆ นี้อาจไม่ได้แตกต่างจากแฟนผู้หมกมุ่นในตัวซุปตาร์จนเกินเลย  เขาส่งอีเมลจำนวนมากมายถึงบริท และยังแนบภาพของตัวเองกับ sex toy ไปด้วย  เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าถึงตัวเธอให้ได้  หลังจากสืบหาที่อยู่ของบริทและพ่อแม่ก็เคยไปดักรอสร้างความหวาดกลัวให้กับนักร้องสาวและครอบครัว  เหตุการณ์เริ่มบานปลายจากจดหมายที่ระบุว่าเขากำลังตามล่าเธออยู่ บริทขอคำสั่งไม่ให้เข้าใกล้ในรัศมี 1000 ยาร์ดจากศาล  แต่เขาก็ยังไม่หยุดไปที่บ้านของเธอ

 stalker คนนี้กู่ไม่กลับขนาดที่หาทนายมาฟ้องร้องว่า ท่าทางคุกคามของบอดี้การ์ดบริทนีย์ทำให้เขาเกิดความวิตกกังวลและตึงเครียดอย่างรุนแรง และฟ้องตำรวจว่าดูหมินศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หลังจากที่บุกค้นห้องในโรงแรมของเขา  แต่ก็ถูกศาลยกฟ้องไป มี TV show หนึ่งรายงานว่า Masahiko Shizawa มีอาชีพเป็นprogramer ที่เก่งกาจรายได้สูง  ทนายของเขาพยายามแก้ต่างว่า ลูกความหาได้สร้างอันตรายใดๆ และมันเป็นเพียงความเข้าใจผิดที่เกิดจากความแตกต่างทางวัฒนธรรม  แต่ในที่สุดเมื่อวีซ่าหมดอายุก็ถูกบีบให้กลับประเทศ  แต่ก็เคยทวีทถึงบริทนีย์ให้ตกอกตกใจเมื่อหลายปีก่อน

เขายังใช้ Twitter พร่ำเพ้อถึงบริทนีย์ราวกับไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความจริง และยังประกาศว่าได้ไปร่วมชมคอนเสิร์ทของบริทที่ต่างประเทศมาแล้ว

คำสั่งห้ามเข้าใกล้ก็คงใช้ได้แต่อยู่ในอเมริกา หวังว่าบอดี้การ์ดของบริทจะทำหน้าที่ดูแลเธออย่างดีที่สุดนะ!

พอได้ยินเรื่องราวของStalker ฝั่งเกาหลีใต้เมื่อไรก็หนาวสันหลังเกินระดับฮอลลีวู้ดไปอีก!! 

หนุ่มจากวงไอดอลดังได้เล่าความหลังว่า แฟนผู้คลั่งไคล้จนล้ำเส้นเคยหาวิธีแกะรอยรหัสเข้าที่พักของ Super Junior พวกเค้าเข้ามาในห้องของเรา ขโมยกางเกงในของเราไปแล้วก็แขวนชั้นในของตัวเองแทนที่ไว้ เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นบ่อยมาก ผมต้องเปลี่ยนเบอร์โทร แล้วก็มีข้อความส่งมาว่า ถึงจะเปลี่ยนเบอร์ยังไงพวกเราก็รู้อยู่ดี "

"ในตอนนั้น ห้องพักของพวกเราอยู่ที่ชั้น 8 ครับ พวกเรากำลังพักผ่อนอย่างสบายใจ ใส่แต่เสื้อยืดกับกางเกงใน แล้วเราก็ได้ข้อความทางโทรศัพท์ว่า กางเกงในลายเทดดี้แบร์ของดงแฮน่ารักจัง! จนพวกเราต้องรีบติดผ้าม่านในวันต่อมา"

"มีอยู่หลายครั้งที่จู่ๆ ก็มีแฟนๆ วิ่งเข้ามาในห้องน้ำตอนที่ผมกำลังปัสสาวะที่โถปัสสาวะ ผมจึงต้องเปลี่ยนมาใช้ห้องน้ำที่มีประตูปิดมิดชิดแทน แต่กระนั้น ตอนทำธุระส่วนตัวก็ต้องเอนตัวไปข้างหน้ามากๆ เหมือนกับท่าเต้นของไมเคิล แจ็กสัน เพราะยังมีคนปีนจากห้องข้างๆ มาถ่ายรูปอีก"

ฮีชอลปฏิเสธจะเรียกคนเหล่านี้ว่าแฟน แต่คิดว่าเป็น stalker ที่คลุ้มคลั่งมากกว่า

(ฟังแล้วเพลียจริงๆ)

ที่ร้ายแรงกว่านั้น ฮีชอลเล่าว่าเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะต้องการหลบหลีกจากการไล่ล่าของแฟนๆ ที่ติดตามอย่างบ้าระห่ำที่สิงคโปร์ หนึ่งในประสบการณ์เฉียดตายครั้งนี้ยิ่งฟังเลวร้ายไปกว่าเดิมเพราะตัวเขาเองเคยผ่านประสบการณ์อุบัติเหตุที่ร้ายแรงบนท้องถนนมาก่อนหน้านี้มาแล้ว  

ผลจากอุบัติเหตุเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็ทำให้เขาไม่สามารถเต้นเหมือนเดิมได้อีกเลย เมื่อมาเกิดอุบัติเหตุซ้ำอีกความทรงจำก็ตามมาหลอกหลอน จนต้องขอร้องแฟนๆ ให้เคารพความเป็นส่วนตัวและเลิกติดตามเขาไปที่บ้านหรือออฟฟิศเพราะไม่อยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงอีกแล้ว

เขาคือไอดอลที่สร้างความคลั่งไคล้ยาวนานต่อเนื่องหลายปี บางประเทศที่ได้ไปเยือนถึงกับเกิดจลาจลในหมู่แฟนๆ ที่ต้องการจะเข้าใกล้ซุปตาร์ชาวแคเนเดี้ยน พฤติกรรมหลุดโลกของแฟนคลับนั้นมีหลายรูปแบบ เคยมีสาววัยสีสิบพยายามบุกรุกบ้านเขาถึงสามครั้งสามหนจนต้องแจ้งจับและถูกจำคุกมาแล้ว และมันก็ไม่ได้เกิดแค่หนนั้น จัสทินต้องผจญกับแฟนที่ล่วงละเมิดสิทธิของตัวเองในระดับน่าขนหัวลุกอยู่หลายครั้ง


แต่ไม่มีครั้งไหนที่ฟังแล้วสยองเท่ากับการวางแผนฆ่า!!

จากความหลงไหลในตัวไอดอลวัยใส  นักโทษคดีฆ่าข่มขืนเริ่มสะสมโทสะรุนแรงหลังจากจัสทินไม่ยอมตอบรับไมตรีที่เขาส่งผ่านจดหมายจากในคุก  เขาเริ่มวางแผนกับเพื่อนผู้ถูกคุมขังที่กำลังได้รับการปล่อยตัว และหยิบยื่นข้อเสนอให้ฆ่านักร้องที่เคยเป็นขวัญใจเพื่อแลกกับเงินที่เขาเก็บซ่อนไว้

แผนการก็คือลักพาตัวจัสทินจากคอนเสิร์ทมา "ตัดอวัยวะเพศ" และฆ่าให้ตาย แต่แผนการนั้นถูกหยุดยั้งก่อน เพราะชายสองคนเลือกใช้เส้นทางผิดจนไปเจอกับตำรวจที่ตรวจจับข้อหาละเมิดทัณฑ์บน และเมื่อค้นรถก็พบอุปกรณ์ที่เตรียมนำไปใช้ฆ่าซุปตาร์ หลังจากนั้นก็ตรวจสอบไปยังเทปโทรศัพท์ที่นักฆ่าใช้ติดต่อกับ Dana ในคุกแล้วพบว่ามีข้อความเรื่องสั่งฆ่าจริงๆ

Detail เป็นสื่อที่ได้สัมภาษณ์ Dana เพื่อนำสารจากปากผู้มุ่งร้ายที่ชวนสะพรึงมาเผยแพร่
" คุณอยากจะฟังอะไรจากผมล่ะ อยากให้ผมบอกว่าปลื้มจัสทิน บีเบอร์และคิดว่าเขาหล่อมั้ยน่ะเหรอ? เขาเป็นเด็กหน้าตาดีอยู่แล้ว ผมอยากจะนอนกับเค้ารึเปล่า? ก็ใช่  เขาโตพอจะมี sex ได้ตามกฎหมายแล้ว  ผมคงไม่ปฏิเสธ"


"ผมไม่ได้วางแผนนี้เพื่อที่จะสร้างความดังให้คนอื่นมาสนใจหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าเขาเปลี่ยนไปต่างหาก นั่นมันทำให้ผมยัวะสุดๆ "

" คุณคิดเหรอว่าผมจะหยุดแค่นี้  ผมบอกทุกคนเลยว่าผมจะไม่หยุด  ถ้าคุณเป็นจัสทินแล้วจะไม่พยายามทำอะไรสักอย่างที่จะหยุดผมหรอกรึ? "

แม้ผู้จัดการของจัสทินจะยืนยันว่าให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักร้องหนุ่มมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่มันจะชวนให้เสียวสันหลังวาบอยู่ดี นี่คือสิ่งที่นักร้องระดับโลกต้องแลกกับชื่อเสียงเงินทองอย่างนั้นหรือ ? 

 stalker ที่สร้างความพรั่นพรึงให้กับราชินีเพลงพ็อพจนไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยอีกต่อไป เขาขู่จะลงมือฆ่าเธอหลายครั้ง

ย้อนไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน หลังจากที่ส่งคำขู่ให้มาดอนน่าเลือกระหว่างแต่งงานกับเขาหรือจะถูกฆ่า Robert พยายามเข้าถึงตัวเธอแต่ถูกบอดี้การ์ดยิงที่ไหล่ตอนที่กำลังกระโดดจากกำแพงบ้านจนบาดเจ็บ จากเหตุการณ์นี้ มาดอนน่าต้องขึ้นให้การที่ศาลเพื่อเรียกร้องให้ผู้ใช้กฎหมายกัน stalker ออกไปจากชีวิตของเธอเสียที เมื่อถูกถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ต้องเผชิญหน้ากับ Robert ที่ศาล คำตอบของมาดอนน่าคือ

"รู้สึกปั่นป่วนราวกับจะอาเจียน  ชั้นรู้สึกหวาดกลัวที่ได้เห็นชายที่ขู่จะเอาชีวิตชั้นมาหลายครั้งนั่งอยู่ตรงข้ามกันในที่แห่งนี้ ชั้นกลัวเหลือเกินว่าเรากำลังปล่อยให้จินตนาการในหัวของเขากลายมาเป็นความจริง"

Robert ได้รับโทษจำคุก เมื่อถูกปล่อยตัวก็ทำผิดซ้ำจนต้องชดใช้โทษหลังลูกกรงอีก แต่ก็ถูกย้ายตัวไปที่โรงพยาบาลจิตเวชหลังจากถูกวินิจฉัยว่ามีอาการป่วยทางจิต สังคมเกือบจะลืมเลือนเขาไปแล้ว  แต่ก็มีเรื่องฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาล!  ตำรวจประกาศว่า หากไม่ได้รับยาแล้ว  ชายคนนี้จะมีอารมณ์รุนแรงและมีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายต่อผู้อื่น

เมื่อตำรวจไล่ตามจับกุมตัว Robert เพื่อส่งกลับโรงพยาบาลได้แล้วก็มีการเผยแพร่สิ่งภาพของในล็อกเกอร์ที่เขาได้เก็บซ่อนไว้ ดังเช่น รูปรอยสักมาดอนน่าที่อยู่บนร่างกายของเขา รวมไปถึงรูปเปลือยอกของพ็อพสตาร์ชื่อก้องโลก และที่ชวนขนหัวลุกกว่านั้นคือมีทั้งมีดขนาดต่างๆ และตุ๊กตาหัวขาด  !