เปรียบเทียบ: แป้งฝุ่นศศิ Vs แป้งพัฟศศิ

13 1
สวัสดีค่ะสาวๆจีบันทุกคน กระทู้นี้หนิงจะมารีวิวระหว่างแป้งฝุ่น กับแป้งพัฟของศศิค่ะว่าอันไหนดีกว่ากัน แล้วมันต่างกันยังไง? โดยกระทู้นี้หนิงจะมารีวิวแป้งทั้ง 2ชนิด ของศศิ ซึ่งเป็นแบรนด์น้องสาวของศรีจันทร์ ซึ่งหนิงได้ลองใช้มาซักพักแล้ว ให้เพื่อนๆมาลองเปรียบเทียบดูกันค่ะ
โดยไอเทมที่หนิงได้เลือกมารีวิวได้แก่
1. SASI Magic Matte Foundation Powder เบอร์W1
2. SASI Oil Control Powder
พร้อมแล้วเรามาเริ่มการรีวิวกันเลยค่าาาา

โดยก่อนอื่นหนิงจะขออธิบายจุดเด่นของแต่ละชนิดก่อนนะคะ
SASI Magic Matte Foundation Powder
เป็นแป้งพัฟอัดแข็งผสมรองพื้นสูตรควบคุมความมัน โดยรุ่นนี้จะมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ W1 (ผิวขาว), W2 (ผิวขาวเหลือง) และ W3 (ผิวสีน้ำผึ้ง) สีที่หนิงใช้จะเป็น W1 สำหรับผิวขาวนะคะ เนื้อสัมผัสตัวแป้ง ค่อนข้างเนียน และกลมกลืนเข้ากับสีผิวเรา ช่วยปกปิดได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้การปกปิดปานกลางถึงมาก
SASI Oil Control Powder
ตัวนี้เป็นแป้งฝุ่นคุมมัน ที่ไม่ผสมรองพื้นคะ เนื้อสัมผัสตัวแป้งเป็นสีขาว เนื้อเนียนละเอียด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สามารถนำมาเติมระหว่างวันได้ และเค้ามีส่วนผสมของ zinc oxide คอยดูดซับความมันบนใบหน้า ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว และผดผื่นคันด้วยคะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้เน้นเรื่องการปดปิด แต่อยากให้ผิวดูสว่างและผ่องขึ้น

เนื้อแป้ง
Matte Foundation Powder (แป้งพัฟ): จะสังเกตเห็นได้เลยว่า ตัวเนื้อแป้งเป็นสีเนื้อค่อนข้างกลืนไปกับผิวเลย ผิวดูสว่าง เนียนขึ้น ไม่ลอย โดยส่วนตัวคิดว่า เค้าคงออกแบบให้สีเนื้อแป้งเหมาะกับผิวคนเอเชีย
Oil Control Powder (แป้งฝุ่น): ตัวเนื้อแป้งเป็นสีขาว เนื้อเนียนละเอียดดี มีกลิ่นอ่อนๆคล้ายแป้งเด็ก ทาแล้ว ผิวดูสว่าง เรียบเนียนขึ้น แต่อาจจะต้องระวังการทาซ้ำๆหลายที เพราะด้วยเนื้อแป้งที่เป็นสีขาวค่ะ

ทดสอบด้านกันน้ำ 
หนิงจะทดสอบโดยการฉีดน้ำแร่ลงที่แขนให้ชุ่ม และใช้กระดาษซับน้ำออกนะคะ
Matte Foundation Powder (แป้งพัฟ): แป้งยังอยู่ครบ ค่อนข้างกันน้ำได้ดี ใครที่เหงื่อออกง่ายตัวนี้หมดห่วง
Oil Control Powder (แป้งฝุ่น): แป้งจางหายไปเล็กน้อย แต่ไม่เป็นคราบ สามารถพกไปเติมระหว่างวันได้

การปกปิด 
ก่อนอื่น หนิงจะให้ดูหน้าสดกันก่อนนะคะ(เขิน) โดยหนิงจะมีปัญหา ขอบตาคล้ำ และรอยสิวข้างๆแก้ม

1. Matte Foundation Powder (แป้งพัฟ): โดยหนิงลองทาให้ดูครึ่งหน้า เพื่อเปรียบเทียบให้ดูกัน จะเห็นเลยว่า ปกปิดได้ค่อนข้างดี กลบรอยสิว และใต้ตาเริ่ดมาก ไม่ต้องพึ่งคอนซิลเลอร์เลย
หลังจากทาทั่วหน้า ก็จะได้ผิวแมท เรียบเนียน เป็นการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการแต่งหน้าในขั้นต่อๆไป

2. Oil Control Powder (แป้งฝุ่น):โดยหนิงลองทาให้ดูครึ่งหน้า เพื่อเปรียบเทียบให้ดูกัน ตัวแป้งเราสามารถใช้มือทา หรือแปรงทาก็ได้นะคะ ทาแล้วรู้สึกผิวหน้าดูสว่าง สดใสขึ้น และปกปิดดีระดับนึง กลบรอยสิวได้แต่กลบใต้ตาไม่รอด อาจจะต้องพึ่งคอนซิลเลอร์บ้าง 
หลังจากทาทั่วหน้า ก็จะได้ผิวเนียนๆสดใสๆเป็นธรรมชาติ เบาสบายไม่หนักหน้า เหมาะกับวันสบายๆ

การคุมมัน
หลังล้างหน้า ประมาณ 40นาที หนิงจะใช้กระดาษซับหน้ามันซับหน้า เพื่อให้ดูความมันบริเวณใบหน้า ก่อนที่จะใช้แป้งกันค่ะ

หนิงเป็นคนผิวผสมค่ะ จะสังเกตได้ว่า ใบหน้าเริ่มมีความมันโดยเฉพาะบริเวณ T-zone

1. Matte Foundation Powder (แป้งพัฟ):หลังจากลองทาแป้งพัฟลงบนหน้า ประมาณ40นาที และทดสอบด้วยกระดาษซับมัน ส่วนตัวรู้สึกว่า ค่อนข้างคุมความมันได้ดีคะ แทบจะไม่มีน้ำมันติดมากับกระดาษซับมันเลย

2. Oil Control Powder (แป้งฝุ่น): หลังจากลองทาแป้งฝุ่นลงบนหน้า ประมาณ40นาที และทดสอบด้วยกระดาษซับมัน ส่วนตัวรู้สึกว่า ค่อนข้างคุมความมันได้ดี แทบจะไม่มีน้ำมันติดมากับกระดาษซับมันเลยเช่นกันค่ะ
เมื่อนำมาเปรียบเทียบ จะสังเกตได้ว่า ทั้ง2ตัว ประสิทธิภาพการควบคุมมันได้ดีพอกันทั้งคู่เลย

สรุป
Matte Foundation Powder (แป้งพัฟ): ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา รอยสิวได้ดีเยี่ยม ให้ลุคผิวแมท เหมาะกับการเตรียมผิวเพื่อไปแต่งหน้าในขั้นต่อๆไป
Oil Control Powder (แป้งฝุ่น): ทาแล้วเบาสบายไม่หนักหน้า ให้ลุคผิวผ่องสดใส สามารถพกไปเติมระหว่างวันได้ ไม่เป็นคราบ


จบแล้วค่า สำหรับการเปรียบเทียบแป้งทั้ง 2ตัวนี้ หวังว่ากระทู้นี้จะพอเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆเลือกซื้อ แป้งที่เหมาะกับตัวเองนะคะ แล้วเจอกันใหม่คราวหน้า ฝากติดตามกันด้วยน้า ^^


ningning17

ningning17

มือใหม่หัดรีวิวสินค้า ฝากติดตามกันด้วยนะคะ^^

FULL PROFILE