เมื่อพูดถึงเทศกาลหนังเมืองคานส์ สาวๆ อย่างเรามักจะเกาะจอรอเมาท์ชุดสวยสุดฟรุ้งฟริ้งของเหล่าดาราที่จะมาเดินพรมแดงเพื่อโปรโมทหนัง โปรโมทแบรนด์ต่างๆ ในทุกปี

แต่ถ้าบอกว่าปีนี้ มีสาวๆ ชื่อดังในวงการหนังกว่า 82 คน มาประท้วงบนพรมแดงคานส์ล่ะ

โอ้ววว มีเรื่องอะไรกัน ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่าเนี่ยยย ? ~  

เมื่อ หญิง - ชาย ไม่เท่าเทียมกัน... ฉันขอประท้วง! 

เวลาเห็นดาราฮอลลีวู้ดจิกส้นสูงปรี๊ดเดินพรมแดงเข้างานคานส์กัน สาวๆ เคยสงสัยเหมือนเรามั้ยว่า พวกนางไม่เมื่อยกันบ้างรึยังไงนะ

คำตอบคือ เมื่อยจ้าาา แต่ กฎของงานคานส์ ผู้หญิงจะใส่รองเท้าส้นแบนเดินพรมแดงไม่ได้ !!!

เอ๊าาาา ทำไมอย่างงั้นล่ะ ทีผู้ชายไม่เห็นต้องใส่ส้นสูงเลย T^T  

ถ้ากฎพรมแดงไม่แฟร์แบบนี้ก็ต้องมีประท้วงกันนิดละจ้ะ

งานคานส์ 2018 ที่ผ่านมา คริสเท็น สจวร์ตก็มาเดินโปรโมทหนังเรื่อง Blackkklansman แน่นอนว่านางมาในลุคเท่ๆ ตามสไตล์ Boyish Kristen ใส่ชุดเดรสสั้นสีเงินปักเลื่อมกับรองเท้า Christian Louboutin สูงปรี๊ด

แล้วอยู่ๆ นางก็ถอดส้นสูงแล้วเดินขึ้นบันไดเท้าเปล่าไปเลยจ้า เอ้าาา งงตาแตกไปตามๆ กัน (ถ้าไม่อยากได้รองเท้า ส่งมาทางนี้เลยค่ะ นี่มันแบรนด์ในฝันของสาวๆ เลยนะ TwT)

แต่ที่เธอทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่เพราะอินดี้ เมื่อยเท้า หรืออยากจะสร้างข่าวเรียกกระแสให้ตัวเองนะ แต่เป็นการประท้วงกฎของงานคานส์ที่ห้ามไม่ให้นักแสดงหญิงใส่รองเท้าส้นแบนเดินพรมแดงต่างหาก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คริสเท็นถอดรองเท้าประท้วง เพราะเธอก็เคยทำแบบนี้มาแล้วในปี 2016 จ้า

ตอนนั้นคริสเท็นใส่สนีกเกอร์สีดำแล้วมาเปลี่ยนเป็นส้นสูงกลางงาน แถมชูนิ้วเบาๆ ให้ตากล้องที่รัวชัตเตอร์ใส่ แสดงให้เห็นไปเลยแบบเฟียร์สๆ ฉันไม่เห็นด้วยกับ 'FLATS BAN' ทำไมผู้หญิงจะใส่ส้นแบนเดินพรมแดงไม่ได้!  

มาลองคิดดู จริงๆ ก็ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะแฮปปี้กับการจิกส้นสูงไปไหนมาไหนตลอดเวลาใช่มั้ยล่ะ บางทีก็เมื่อย บางทีก็เจ็บ ไหนจะรองเท้ากัด เดินบนส้นสูงไม่เป็นก็เสียวเดินสะดุดหัวทิ่มไปอี๊กกกก วันไหนใส่ส้นสูงไปข้างนอก เวลากลับบ้านมานี่รีบถอดโยนทิ้งอย่างไวแล้วยกมือขอน้ำอุ่นมาแช่เท้าสักถัง มันปวดจนน้ำตาจิไหล แต่บางทีก็ต้องใส่เพราะมันจำเป็น (รู้นะว่าสาวๆ ก็เคยทำเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ :P)

ถึงการห้าม Flat shoes จะฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สำหรับใครหลายคน แต่ Kristen takes it seriously. จ้ะ เธอขอใช้พรมแดงครั้งนี้เรียกร้องต่อความไม่เท่าเทียมกันของหญิง-ชาย ในวงการภาพยนตร์

แต่การประท้วงของสาวๆ บนพรมแดงคานส์ ยังไม่หมดแค่นี้...

เมื่อนักแสดงชื่อดัง ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดจำนวน 82 คน  นำโดย Cate Blanchett เจ้าของรางวัลออสการ์ 2 สมัย จับมือกันเดินขึ้นบันไดแห่งเกียรติยศ เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์เพื่อต่อต้านความไม่เท่าเทียมทางเพศในวงการหนัง

(เมาท์อีกนิสสส งานคานส์ 2018 นี้คือคานส์ครั้งแรกนับตั้งแต่มีข่าวการล่วงละเมิดทางเพศของฮาร์วีย์ ไวน์สตีนที่คุกรุ่นสุดๆ ในวงการหนังฝั่งตะวันตกด้วยนะ อู๊ยยย เป็นเวลาดีที่จะเรียกร้องสิทธิ์ของผู้หญิงมั้ยล่ะ เหมาะแม่นอย่างกับจับวาง)

จำนวน 82 คน ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ 

ทำไมต้อง 82 คน? 82 คน คือจำนวนของผู้กำกับหญิงทั้งหมดที่ได้ ก้าวขึ้นบันไดแห่งเกียรติยศ เข้าชิงรางวัลในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ตลอด 71 ปีที่ผ่านมา หลายคนอาจจะบอกว่า... 71 ปี ผู้หญิงได้ 82 คน ก็เยอะนี่

แต่ถ้าเราบอกว่ามีผู้กำกับชายได้เข้าชิงมากถึง 1,688 คนล่ะ ... สาวๆ อาจจะตกใจว่ามีผู้กำกับหญิงเก่งๆ แค่นี้เองเหรอ? หรือเค้าลำเอียงอะไรรึเปล่าเนี่ย :O

นอกจากนี้ รางวัลปาล์มทองคำ (Palme d’Or) ที่ถือเป็นรางวัลสูงสุดงานคานส์ มีผู้กำกับชายได้รับไปแล้ว 71 ครั้ง ... แต่ฝั่งผู้หญิง ได้ไปแค่ 2 ครั้งเท่านั้นเองนะ

นี่ถ้าเราเป็นผู้กำกับหญิงก็คงแอบนอยด์ เพราะมันฟังดูเหมือนมีอะไรที่มากกว่าฝีมืออยู่เบื้องหลังการตัดสินรางวัลนี้จริงๆ ทุ่มเทพลังไป แต่สุดท้ายไม่ได้เข้าชิงแค่เพราะเป็นผู้หญิงเลยมีสิทธิ์น้อยกว่าผู้ชาย มันก็น่าปวดใจอยู่นะ

และนี่คือเหตุผลให้เคท บลันเชตต์ร่วมกับนักแสดงหญิง ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ทั้งหมด จำนวน 82 คน ออกมาเดินคล้องแขนขึ้นบันไดแห่งเกียรติยศบนพรมแดงคานส์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของ 'Stairs to success' หรือ บันไดสู่ความสำเร็จของคนทำหนัง เพื่อประกาศจุดยืนและเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงว่า

"ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ก็ควรมีสิทธิ์ก้าวสู่บันไดแห่งความสำเร็จนี้เหมือนกัน"

การเดินพรมแดงครั้งนี้ เป็น Social movement ง่ายๆ ที่ไม่ได้ใช้พลังมากมาย ทำตามสไตล์สาวๆ ดารา ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และคนในวงการหนัง

อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่า.... แล้วนี่มันเป็น Issue อะไรตรงไหนเหรอ กะอีแค่ผู้หญิงได้รางวัลคานส์น้อยกว่าผู้ชาย ทำไมต้องมาเดินประท้วงบนพรมแดงด้วย

ก็ลองนึกภาพว่าถ้าในออฟฟิศเรา ผู้ชาย มีสิทธิ์ได้เลื่อนขั้นหรือได้โบนัส ได้รางวัลพนักงานดีเด่นมากกว่าผู้หญิง ถึงแม้จะทำงานเท่ากัน สาวๆ ก็คงเริ่มรู้สึกแล้วว่ามันไม่แฟร์แล้วใช่มั้ยล่ะคะ?

แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ขึ้นมาล่ะ เราจะเรียกร้องความเท่าเทียมให้ตัวเองยังไง ?