5 items #ของมันต้องมี ใช้แล้วผิวสดใส ถ่ายรูปเวลาไปเที่ยว ปังสุด!

VICHY เป็นแบรนด์เวชสำอางจากฝรั่งเศส ตัวนี้ทางแบรนด์บอกว่ามีค่า ph ที่ใกล้เคียงกับผิว ใช้กับผิวรอบดวงตาได้ และ Pro-Vitamin B5 ช่วยทำให้ไม่ระคายเคือง ตอนเราใช้ครั้งแรกรู้สึกว่าเย็นๆ เล็กน้อย แต่ลองใช้เช็ดเครื่องสำอางตรงตาแล้วรู้สึกแสบๆ เช็ดอายแชโดว์ออกแต่เช็ดมาสคาร่ากันน้ำและอายไลเนอร์กันน้ำไม่ออก ต้องซ้ำหลายรอบค่ะ หลังจากเช็ดรู้สึกว่าหน้าโอเคเลย สะอาด ไม่เป็นสิวเพิ่ม 

คะแนน : 7/10 หักตรงแสบตาและเช็ดเครื่องสำอางกันน้ำไม่ค่อยออกจ้ะ

มาถึงตัวที่ 2 อยู่ในหมวดทำความสะอาดผิวหน้า แบรนด์ที่หลายๆ คนชอบอย่าง Aesop ตัวนี้เป็นเจลล้างหน้าที่เพิ่งได้มาไม่นาน ลองใช้ไปแล้วประมาณอาทิตย์กว่า ชอบมาก ใช้ไม่ต้องเยอะ เทใส่ฝ่ามือและผสมน้ำเอา จริงๆ ตัวนี้มีหัวปั๊มแยกมาให้ด้วยน้า แต่เราชอบแบบนี้มากกว่า มันปิดฝาได้อ่ะ กลัวทำหก แฮ่ ไม่ค่อยมีฟอง มีส่วนผสมของ Salicylic Acidช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดสิ่งอุดตันในรูขุมขน อู้ว ความรู้สึกตอนใช้ครั้งแรก เฮ้ยยยยดีย์ กลิ่นจะออกแนวพันธุ์ไม้หรือพันธุ์พืชหน่อยๆ อ่ะ กลิ่นออแกนิค แต่ไม่รู้สึกแสบหน้า แสบตา และไม่ตึงผิวจนเกินไป เป็นเจลที่ไม่เหนียวเหนอะและล้างออกง่ายค่ะ หลังล้างเสร็จก็รู้สึกว่าผิวหน้าสะอาดขึ้น ตั้งแต่ลองใช้มาสิวอุดตันน้อยลง ขนาดตอนเป็นประจำเดือนนะ คนถ่ายรูปบอกว่าหน้าใสขึ้นด้วย ไม่ต้องแต่งรูปเยอะ ประหยัดเวลา 555555555 ตัวนี้เป็นคอลฯ สำหรับผิวผสมโดยเฉพาะเลยค่ะ ถ้าอยากให้ได้ผลสูงสุด แนะนำให้ทิ้งไว้ 1 นาที ให้ Salicylic ทำงาน ระหว่างนั้นจะแปรงฟันหรือทำอย่างอื่นด้วยก็ได้ค่ะ 

คะแนน 10/10 ตัวนี้ดีงาม ใช้ต่อแน่นอน ถึงราคาสูงหน่อยแต่ปริมาณเยอะและใช้ผสมน้ำ

มาดูแลรอบดวงตากันสักนิด ด้วยเวชสำอางค์(อีกแล้ว) จาก USA ค่ะ ตัวนี้จิ๋วแต่แจ๋วค่ะ หลายคนอาจยังไม่คุ้นชื่อเท่าไหร่นัก แต่บอกได้เลยว่า ใช้แล้วไม่แสบตา ที่สำคัญนอกจากจะช่วยลดรอยคล้ำแล้ว ยังลดริ้วรอยด้วยนะ เราก็ยี่สิบกว่าแล้วอ่ะเนอะ ต้องเริ่มดูแลอย่างจริงจังล้าว ตัวนี้เพื่อนเราก็ใช้อยู่ ตาแห้งเป็นขลุ่ยๆ ใช้ตัวนี้แล้วหายจ้า อ๋อ ลืมบอกไปว่าตัวนี้มีสารเปปไทน์ตัวใหม่ และ Eyeliss กับ Haloxyl อย่างละ 5% จ้า

​

คะแนน 9/10 ใจง่ายให้คะแนนไปเลย เพราะดี แต่หักเพราะราคาแอบแรง

หูย มาที่แบรนด์จากฝั่งเกาหลีกันบ้าง ปกติถ้าไปเกาหลีของ Laneige เราจะซื้อพวกคุชชั่น กับลิปสติกกลับมา ถ้ามีเวลาก็เลยเดินดูเรื่อยๆ และเจอกับสกินแคร์ตัวนี้เข้า มาในรูปแบบ Emulsion เนื้อครีมแต่มีน้ำผสมอยู่พอสมควร อ่ะลอง ความรู้สึกแรกที่ใช้คือซึมเร็ว และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เบาผิวนะคะ แต่เราว่าเราไม่ค่อยถูกกับตัวนี้เท่าไหร่ อาจเพราะผิวเราดีไม่เท่าผิวคนเกาหลีอ่ะ แต่ถ้าใครผิวละเอียดๆ แข็งแรงๆ หน่อยก็จัดได้เลยจ้า เพื่อนเราใช้แล้วชอบ

คะแนน 7.5/10 หักเพราะไม่ค่อยเข้ากับผิวคนไทยที่รูขุมขนกว้างเท่าไหร่

สวัสดีจ้า Aesop อีกตัว ซื้อมาพร้อมกันกับขวดข้างบน คอลฯ นี้เป็นคอลสำหรับคนผิวผสมเหมาะกับเราเลยตำมา 2 ตัว แอบเสียดายโทนเนอร์อยู่เหมือนกันแต่งบไม่พอ ฮ่าๆ ตัวนี้มี Copaifera Officinalis (Balsam Copaiba) Resin ช่วยต้านแบคทีเรีย ยีสต์ ลดการเกิดสิวและทำให้ผิวสะอาดมาก เนื้อเป็นแบบเจลโลชั่น หลังใช้ครั้งแรก เฮ้ยยย ซึมไว และหน้านุ่มรู้สึกได้เลย เย็นหน่อยๆ เนื้อเบานะ ถึงเป็นเจลโลชั่นแต่ก็ไม่เหนอะหนะ และเพราะเป็นเจลโลชั่นหรือเปล่า เรารู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นกว่าตอนใช้เซรั่ม แต่ไม่หนักเหมือนตอนใช้โลชั่น ตั้งแต่ใช้มารู้สึกว่านี่แหละสกินแคร์เพื่อผิวผสมแบบเราอ่ะ ปกติเวลาใช้แบรนด์ไหนแล้วทำให้หน้าแห้ง ก็จะแห้งไปหมดทุกส่วน หรือให้ความชุ่มชื้น ส่วนที่มันทีโซนก็จะมันขึ้นไปอีก แต่ Aesop คอลฯ นี้โอเคเด้อ หลังๆ มาใช้คุชชั่นแทนรองพื้นแต่งหน้าเบาๆ ก็ไม่รู้สึกว่าหน้าวาวเกินเหตุด้วย

คะแนน 9.5/10 หักตรงแพงไปนิดสำหรับคนงบจำกัด แต่ดีจริง ลดสิวอุดตันให้ด้วยอ่ะ ชอบตรงนี้ 

โชว์ผิวกันหน่อย อันนี้เราไปชุมชนกุฎีจีนมาค่ะ นั่งเรือมันก็จะธรรมชาติหน่อยๆ

หมดแล้วสำหรับสกินแคร์ที่ใช้ช่วงนี้ นอกนั้นก็มียิบย่อย ใช้มาหลายแบรนด์ เพราะอยากจะเจอแบรนด์ที่เหมาะสุดอ่ะ แต่ก็อย่างที่บอกว่าถ้าอยากลองว่าตัวไหน โอเคและไม่แพ้ เราจะใช้เฉพาะแบรนด์นั้นๆ และหยุดแบรนด์อื่นไว้ก่อน ถ้าให้เลือกทั้งหมดจาก 5 ตัวที่รักสุดตอนนี้ คะแนนเราก็บอกอยู่แล้วคือตัว Aesop In Two Minds Facial Cleanser

จย้าาา ของขวัญวันเกิดปีนี้อยากได้ตัวนี้อ่ะ#แท็กคนคุย 5555555555