นามิ CC Cream กับ BB Cream ต่างกันยังไง?

14 5
อันยอง~ พบกันอีกแล้วทุกคน วันนี้เราไม่ได้มารีวิวแต่อย่างได้ เอ๊ะหรือจะเป็นการรีวิว? มันก็ไม่เชิงอ่ะ ทางเราขอเรียกว่าเปรียบเทียบละกันเนอะ 55555
เรื่องของเรื่องคือว่าเราใช้รองพื้นแบบซองของแบรนด์นี้มากสักพักแล้ว และนางก็มีหลายสูตรทำให้ทางเรารู้สึกสองจิตสองใจมากเวอร์ว่าสูตรไหนมันจะเข้ากับผิวเรามากกว่ากัน รู้ๆกันอยู่ว่ากว่าจะหารองพื้นให้เข้ากับผิวได้นั้นมันยากมากเวอร์เบอร์ห้า เลยทีเดียว
ทางเราขอแนะนำวิธิลงรองพื้นแบบฉบับของเราให้ทุกคนอ่าน ก็คือว่าเราจะใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ แล้วจากนั้นก็ป้ายรองพื้นที่หน้าทีละจุด เริ่มจากข้างแก้มแล้วใช้ฟองน้ำกดๆไปเรื่อยๆจนรองพื้นกลืนไปกับผิวแล้วก็ทาบริเวณต่อไปจนทั่วหน้า (ย้ำว่าเบาๆมือ กดจนรองพื้นเนียนกลืนไปกับผิว) พอรอบที่2เราก็แต้มรองพื้นบางๆบริเวณที่เราต้องการปกปิดเป็นพิเศษ แล้วใช้นิ้วกดๆให้รองพื้นกลืนเสมอกันกับที่เราลงไปตอนแรก แต่นี้แหละ ก็จะได้งานผิวที่สวยกรุบไม่ต้องโบกหนาทั้งหน้าเลยยย
เอาละเราจะมาทำการเปรียบเทียบและทดสอบประสิทธิภาพของ2สูตรนี้กันว่า สูตรไหนมันจะเวิร์คกว่า ก่อนอื่นขอบอกสรรพคุณของเจ้า2ตัวนี้ก่อน ก็คือว่าทั้งสองตัวนี้มีส่วนผสมของกันแดด SPF 35 PA++ ทั้งคู่ หน้าซองเคลมมาว่ากันเหงื่อกันน้ำทั้งคู่ หน้าไม่เทาไม่ลอยติดทนงี้ เดี๋ยวเรามาดูกันดีกว่ามามีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง จะปังจะพังยังไงมาดูกัน
นี่คือเนื้อครีมของทั้งสองตัวที่ทางเราสวอชลงแขน จะสังเกตได้ว่าเจ้าตัว
  • cc cushion จะมีความขาวและข้นกว่า
  • bb wet to powder ซึ่งจะออกไปทางเหลวๆนิดนึงและสีเข้มกว่า
พอเกลี่ยแล้วก็จะได้ประมาณนี้ ก็คือว่าเจ้าตัว
  • cc cushion จะให้ความสว่างกว่าและก็มีความอมเหลืองมากกว่าซึงทางเราคือชอบมาก 
  • ส่วนตัว bb wet to powder คือจะออกไปในทางเหลืองๆติ่งชมพูและแมทสนิทหลังทา พอทาแล้วให้ความรู้สึกบางเบากว่า
ตัวนี้คือ nami makeup pro bb wet to powder
จุดเด่นอยู่ที่ เค้าบอกว่าล็อคผิวเป๊ะตลอดวัน เนื้อครีมเปลี่ยนเป็นเนื้อแมทหลังทา ควบคุมความมัน กันน้ำ กันเหงื่อ หน้าไม่ดรอป
คหสต. นางมีความเก๋ตรงที่เนื้อBBเปลี่ยนเป็นแป้งหลังเกลี่ยซึ่งมันง่ายมากเวอร์และไม่ยุ่งยาก วันไหนรีบๆคือตัวนี้ตอบโจทย์ได้เลยเด้ออ ทางเราว่าตัวนี้นางให้ลุคแมทได้ดีนะ วันไหนต้องการหน้าแน่นแนะนำตัวนี้เลยไม่ผิดหวังแน่ แต่ใครที่คิดว่ายังแน่นไม่พอก็สามารถใช้แป้งทาทับได้เลย คุมมันกันน้ำได้โอเคเลยแหละ
พอทาครึ่งหน้าแล้วจะเห็นได้ว่าตัวนี้ให้ความแน่นแล้วก็แมทสนิทเนื้อเหมือนทาแป้งเลย
ปกปิดได้ดี รอยสิวรอยต่างๆจางลง 
ตัวนี้คือ nami makeup pro cc ready cushion
จุดเด่นอยู่ที่ หน้าเนียนใส ไม่ง้อพัฟ ปรับเฉดผิวให้เนียนขึ้น หน้าไม่เทา ไม่ลอย คุมมันกันน้ำ ไม่เหนียวเป็นคราบ
คหสต. ตัวนี้คือจะมีความผิวมากกว่าตัวBB เมื่อกี้ คือแบบงานผิวจริงๆอ่ะ ก็ตามสไตล์คูชั่นเลยบางเบา แต่ปกปิด คุมมันก็ว่าใช้ได้นะ
พอทาเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นได้ว่าตัวนี้จะและสว่างกว่าผิวและทำให้ผิวเนียนขึ้นอีกด้วย กลบรอยสิวได้ดี
รอยดำรอยแดงดูจางลง
อ้ออ.. แล้วจะบอกว่าเค้าทำมาเป็นซองแบบนี้ใช้ง่ายเว่อร์ พกพาสะดวกสบายไม่ต้องพกรองพื้นหรือคูชั่นเป็นขวดใหญ่ๆให้กินพื้นที่กระเป๋า สันไหนลืมพกมาก็แค่เข้าร้านสะดวกซื้อง่ายนิดเดียว
เอาละมาเริ่มเปรียบเทียบกันเลย
  • ขอเริ่มจากเนื้อครีมกันเลยละกัน
Nami BB wet to powder : คุมมันได้ดีมากเวอร์ไม่เกาะเป็นคราบ ไม่ไหลเยิ้ม อาจเปป็นเพราะด้วยความที่เจ้าตัวบีบเปลี่ยนเป็นเนื้อแมตหลังทาเลยทำให้ผิวดูแมทติดทนด้วยอ่ะแหละ
Nami CC ready cushion : คุมมันปานกลาง ระหว่างวันอาจต้องซับนิดนึง ตัวนี้ก็อาจจะเป็นเพราะเนื้อครีมมาความแมตน้อยกว่าเลยทำให้แพ้คะแนนเจ้าตัวบีบีครีมไป อิอิ

  • มาต่อกันในเรื่องของสี
Nami BB wet to powder : สีอมเหลือง สีจะออกไปแนวเข้มๆให้ลุคงานผิวแน่นแมท เค้าใช้แล้วผิวมันนวลละมุนตุ้นมาก เหมาะกับการแต่งหน้าออกงานต่างๆที่ต้องการความเนียนกริบ ความแป๊ะปัง
Nami CC ready cushion : สีอมชมพูค่อนข้างสว่างกว่าผิวนิดนึงแต่ไม่ถึงกับลอย ให้ลุคเกาหลีๆ มาตัวนี้ไปเดินเล่นสยามเบาๆใสๆแบบสาวเกาหลีได้เลย อิอิ นางให้ลุคอมชมพูสว่างๆดีนะ (แต่ส่วนตัวแล้วทางเราไม่แฮปปี้เท่าไหร่ มันรู้สึกขาวไปหน่อยนึง)
**ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละบุคคลว่าชอบแบบไหน

  • ในส่วนของการปกปิดนั้น
Nami BB wet to powder : ปกปิดตาหลุดมากเวอร์ รูขุมขนเล็กๆดูเนียนขึ้น รองสงรอยสิวจากไปเลยอ่ะ 
Nami CC ready cushion : ปกปิดตาหลุดเหมือนกันเด้ออ ตัวนี้ก็ปกปิดดีหน้าเนียนกรุบ

  • และการควบคุมความมัน + ติดทน
Nami BB wet to powder : คุมมันได้ดีมากคือลองลาสติ้งเวอร์ๆเลยอ่ะ ระหว่างวันเราซับหน้าแค่ไม่กี่ครั้งเอง แต่งหน้า8โมง หน้ามันประมาณบ่าย2กว่าๆเลยแหละ
Nami CC ready cushion : ตัวนี้ทำได้ดีเหมือนกัน ปกปิดดีม้ากกกก หระหว่าวันไม่ไหลเยิ้ม คุมมันถือว่าโอเคแต่ถ้าเทียบกับตัวBBแล้วยังถือว่าไม่ค่อยตาหลุดเท่าไหร่
เรื่องราคานั้นไม่เป็นปัญหาเลยเพราะสามารถหาซื้อได้ที่เซเว่นหรือร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศเลย ราคาแค่ 39.- เอง ซองนึงใช้ได้นานมากเวอร์

ขอสรุปง่ายๆว่าทั้งสองตัวนี้มีความต่างกันที่
-สี
-การคุมความมัน

เอาล่ะสำหรับบล็อกนี้ต้องขอจบการนำเสนอเพียงเท่านี้ เจอกันใหม่บล็อคหน้า สวัสดีครับ


torasstory

torasstory

สวัสดีครับทุกคน น้องต่อเองนะฮะ
สีผิว NC20 ผิวมัน แพ้ง่ายเป็นสิวง่าย
รีวิวสกินแคร์ / เมคอัพ / ครื่องสำอาง

FULL PROFILE