Defamation and Celebrities - เซเลบที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี

ทุกวันนี้พวกเราได้เห็น platform ของชุมชนออนไลน์ที่ตัวเป็นผู้พิทักษ์คุณธรรมผุดขึ้นมาเป็นเรื่องธรรมดา  มีกลุ่มคนที่ตีแผ่ความมืดดำของสังคมและกระชากหน้ากากผู้ร้ายให้ได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสม


แต่ข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ตั้งอยู่บนความถูกต้องในทุกกรณีหรือไม่ ?


เรื่องราวของทาโบล  ศิลปินชื่อดังจากเกาหลีใต้น่าจะอธิบายเรื่องนี้ได้ดี

ทาโบล ศิลปินหนุ่มมากความสามารถที่มีชื่อจริงว่า อีซอนอุง หรือชื่อภาษาอังกฤษคือแดเนียล ลี นั้นเติบโตมาในครอบครัวที่ย้ายถิ่นฐานไปตามประเทศต่างๆ ตั้งแต่ยังเด็ก ครอบครัวมาตั้งรกรากที่แคนาดาและส่งทาโบลกลับมาเรียนโรงเรียนอินเตอร์ที่บ้านเกิดก่อนที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาที่อเมริกา เขาจบปริญญาตรีวรรณคดีอังกฤษและต่อโทการเขียนเชิงสร้างสรรค์จาก Stanford University ในช่วงที่โด่งดังจากผลงานกับวง Epik High สื่อยกยอให้ทาโบลเป็นแร็พเพอร์อัจฉริยะเพราะเรียนจบปริญญา 2 ใบ ภายในเวลาเพียง 3 ปีกว่า แถมยังมีผลการเรียนสูงติดอันดับ (พี่ๆ ของทาโบลต่างก็เรียนมหาวิทยาลัยระดับไอวี่ลีคของอเมริกา) แน่นอนว่าที่เกาหลีใต้ โพรไฟล์การศึกษาระดับนี้คือเครื่องหมายของความสำเร็จรวมไปถึงการเป็นแบบอย่างให้กับสังคม  เป็นทั้งศิลปินดัง เรียนเก่ง และเป็นหนุ่มหน้าตาดีอิมพอร์ตพูดภาษาอังกฤษไฟแลบ  สำหรับหลายคนก็อาจจะยกให้ทาโบลเป็น Mr.Perfect ก็คงไม่เกินไปนัก

แต่หลังจากที่มีเสียงสรรเสริญเยินยอถึงคุณสมบัตินี้ก็ได้มีกลุ่มคนที่จับตามองเรื่องราวของทาโบลด้วยความกังขา ความสงสัยต่อศิลปินดังมีมากขึ้นจนมีการรวมตัวเป็นกลุ่ม TaJinYo อันเป็นชื่อย่อมาจากประโยคเต็มๆ ว่า จงบอกความจริงมาซะ ทาโบล  พวกเขาออกความเห็นดุเดือดเผ็ดมันกับโพรไฟล์การศึกษาของทาโบลและเห็นพ้องต้องกันว่ามันเหลือเชื่อเกินไปที่แร็พเพอร์หนุ่มจะคว้าทั้งปริญญาตรีและปริญญาโทภายในเวลาเพียง 3 ปีครึ่ง การตั้งทฤษฎีสมคบคิดเริ่มกระจายกลายเป็นไวรัล  เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นจอมโกหกปลอมแปลงวุฒิการศึกษาเพื่อสร้างกระแสให้ตัวเอง จากตอนแรกที่ทาโบลไม่คิดจะตอบโต้ข่าวลือเพราะคิดว่ามันเหลวไหลเกินกว่าจะสนใจ แต่ปริมาณ user นับแสนที่ร่วมเกาะติดใน TaJinYo เพื่อบีบบังคับให้เขาสารภาพว่าได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาทำให้ทาโบลต้องออกมาโต้ตอบและแสดงหลักฐานว่ามีดีกรีมาจากมหาวิทยาลัยดังด้วย GPA สูงลิ่วและจบภายในเวลาเพียงไม่นานจริง ๆ


แต่การเปิดเผยหลักฐานของเจ้าตัวยิ่งทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลุกลามดุจน้ำผึ้งหยดเดียว 

Whatbecomes  คือนามแฝงของผู้นำ TaJinYo ที่สร้างความเชื่อถือด้วยการอ้างข้อมูลหลักฐานแบบคนวงใน เขาจะคอยสุมไฟให้ผู้ติดตามข่าวยิ่งกระหายใคร่รู้   หลายคนสลัดหน้าที่การงานในโลกความจริงออกไปและสวมวิญญาณนักสืบออนไลน์เพื่อจะหาหลักฐานเด็ดมามัดตัวทาโบลให้ได้  ทฤษฏีสมคบคิดเริ่มแตกแขนงออกไปอีก  บ้างก็ว่าทาโบลขโมยตัวตนของบัณฑิตอัจฉริยะนามแดเนียล ลีแห่งสแตนฟอร์ด  บ้างก็ว่าเขาทุ่มเงินปลอมแปลงเอกสารอย่างแนบเนียนมาหลอกคนทั้งชาติ  เพราะกลุ่ม TaJinYo มีผู้นำเป็นชาวเกาหลีที่อาศัยที่อเมริกา ทำให้หลายคนเกิดความไขว้เขวเพราะคิดว่าเขามีหลักฐานเด็ดจากความได้เปรียบที่อยู่ภูมิภาคใกล้เคียง นายทะเบียนของ Stanford ต้องพบกับกองจดหมายนับร้อยที่เร่งเร้าเอาความจริงว่าตกลงแล้วทาโบลจบการศึกษาจากที่นั่นจริงๆ หรือไม่

 ไม่ว่าทาโบลจะชี้แจงด้วยเหตุผลและหลักฐานที่ชัดเจนสักเพียงใด บรรดา TaJinYo ก็ไม่ได้รับฟังสักนิดว่าเขาเรียนใน program ที่สามารถคว้าปริญตรี - โทโดยไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์แต่เป็นรายงานในรูปแบบอื่นแทน แม้ว่าจะมีโพรเฟสเซอร์จาก Stanford ยืนยันรับรองถึงการเข้าศึกษาของแดเนียล ลีที่เป็นคนเดียวกับทาโบล ทอม แบล็ค นายทะเบียน Stanford ยืนยันว่าทรานสคริปท์นั้นเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีทางที่โพรเฟสเซอร์จะช่วยทาโบลหลอกลวง  " ถ้าผมปลอมแปลงเอกสารนี้จริงก็จะถูกจับเข้าคุกได้เลย  ผมขอเรียกคนพวกนั้นว่าพวกโง่เง่าเต่าตุ่นที่คอยพ่นพิษใส่คนอื่นโดยไร้เหตุผลอย่างสินเชิง"

แม้ว่าเขาจะเดินทางคืนสถานศึกษาต้นเหตุของเรื่องราวเพื่อพิสูจน์ตัวเองและมีการตามไปบันทึกเทปอย่างละเอียดละออ Stanford เองยังออกโรงช่วยเหลือด้วยการเขียนข่าวการกลับคืนถิ่นสถานการศึกษาของทาโบลลงเว็บข่าวมหาวิทยาลัยด้วยการเน้นย้ำชัดเจนว่าเขามีดีกรีถูกต้องทุกอย่าง

แต่นั้นก็ไร้ประโยชน์สำหรับพวกบัวใต้น้ำ  พวกเขาไม่ขอรับรู้ข้อเท็จจริงใดๆ  จะเพราะต้องการเอาชนะหรือความอับอายที่ฝ่ายตนกำลังถูกลากไส้ออกมาเองว่าเป็นพวกขี้อิจฉาเห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้  พวกเขาจึงตัดตัวเองจากโลกที่ดำเนินไปด้วยครรลองของเหตุผลและสิ่งที่พิสูจน์ได้แล้วดำดิ่งไปสู่ที่ต่ำกว่าเดิมด้วยคำยุยงส่งเสริมว่าทาโบลใช้อำนาจเงินและอิทธิพลบีบให้สื่อช่วยปกปิดความจริง

"คำขู่ฆ่า"  ถ้าคุณรับรู้เรื่องราวด้านมืดของ K Pop ก็น่าจะทราบว่านี่คือปัญหาที่แยกกันไม่ออกจากอุตสาหกรรมบันเทิงประเทศนี้  ทาโบลเข้ามาสู่จุดวิกฤติของชีวิตหลังจากที่พยายามเคลียร์ตัวเองจากข้อกล่าวหาทุกอย่างเท่าที่ทำได้แต่ครอบครัวของเขาก็ยังได้รับโทรศัพท์ขู่ฆ่า  พี่ชายถูกใส่ร้ายว่าโกหกเรื่องปริญญาตรีจาก Columbia  จากเว็บเพจที่ลงข้อมูลของเขาผิดพลาด (เขาเรียนที่มหาลัยไอวี่ลีคจริงแต่ดรอปออกมากลางคัน) และทำให้ถูกไล่ออกจากสถานีโทรทัศน์ที่ทำงานอยู่ หนำซ้ำยังมีคนบอกว่าจะแทงเขาให้ตายซะ  แม่ของเขาถูกตราหน้าว่าให้กำเนิดอาชญากรตัวร้ายและได้รับโทรศัพท์น่าสะพรึงหลายสาย  ภรรยาคนสวยของเขาให้กำเนิดลูกสาวในช่วงที่มีกระแสกดดันรุนแรง แม้เขาจะตื่นเต้นดีใจเพียงใด แต่ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง เขาวางใจไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแพทย์ที่ลงมือฉีดยาให้กับทารกน้อยนั้นคือหนึ่งในแอนตี้แฟนหรือไม่ 

ทาโบลอดทนใช้ชีวิตอยู่กับความกดดันท่ามกลางสายตาที่เย็นชาจากคนรอบข้างมานาน จากศิลปินที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพ เขาต้องอกสั่นขวัญแขวนกับความอาฆาตที่หลั่งไหลเข้ามาจากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ   สำหรับเราแล้ว  ถึงเขาจะเป็นพวกปั้นน้ำเป็นตัวสร้างโพรไฟล์เลิศหรูมาหลอกคนเกาหลีใต้จริง ๆ  ก็ไม่มีใครสมควรจะมาเจอกับสิ่งร้ายกาจแบบนี้ วันใดวันหนึ่งถ้ามีแอนตีแฟนที่บ้าเลือดบุกมาทำร้ายเขาและครอบครัวจริง ๆ มันก็จะสายเกินแก้  ทาโบลจึงลุกขึ้นมาเรียกความยุติธรรมให้กับตัวเอง  เขารวบรวมหลักฐานส่งให้กับตำรวจและฟ้องแอนตี้แฟนตัวตั้งตัวตีใน TaJinYo ข้อหาหมิ่นประมาทจนทำให้เสื่อมเสียชื่อ  การกู้ชื่อเสียงดีงามให้กลับมาเต็มตัวนั้นเป็นรูปธรรมเมื่อตำรวจยืนยันวุฒิการศึกษาของทาโบลและดำเนินคดี TaJinYo  หลายคน   แต่มีเพียง 2 คนที่ได้รับโทษจำคุก 10 เดือน  ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้รับการลดหย่อนเหลือเพียงรอลงอาญา

แม้ว่าแอนตี้แฟนใจหยาบช้ายังไม่ยุติการโจมตียังหาโอกาสแว้งกัดเขาทั้งๆ ที่มีคนต้องชดใช้ความผิดทางกฎหมายไปแล้ว แต่ทาโบลก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง  ประสบการณ์เลวร้ายที่ผ่านมารวมถึงบทบาทความเป็นพ่อทำให้เขาสร้างความเข้มแข็งขึ้นมา  การตกเป็นเหยื่อ cyberbully ของคนดังที่มีชีวิตสมบูรณ์เพียบพร้อมนี้เป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นชัดเจนว่าเรื่องทำนองนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้   หากอยู่ในสังคมที่ซ่อนเร้นความบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยฝูงชนที่พร้อมจะ "ตามน้ำ" ซ้ำเติมคนที่ถูกกล่าวหาโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ

เมื่อไม่กี่ปีก่อนแฟนๆ หนังจีนน่าจะได้ยินข่าวลือครึกโครมว่าด้วยอาชีพพิเศษของนางเอกคนงามที่โด่งดังระดับนานาชาติ   ข่าวนี้ถูกกระพือออกไปหลายประเทศจนสร้างความกังขาให้กับผู้ชม  จริงหรือที่จางจื่ออี้ขายตัวให้กับมหาเศรษฐีและนักการเมืองจนมีเงินทองมากมายเป็นพันล้าน  ?   

แม้จางจื่ออี้จะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามยาวนานและเป็นที่รู้จักไปถึงในวงการฮอลลีวู้ด  แต่ความคลางแคลงใจในตัวเธอก็พุ่งทะยานขึ้นมาเพราะเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับบรรดา "บิ๊ก" ที่เมืองจีนที่ใช้อิทธิพลและเงินฟาดหัวสตรี high profile เพื่อร่วมประเวณี ทำให้หลายคนพร้อมจะเชื่อว่าเธอเป็นโสเภณีชั้นสูง เว็บข่าวในตะวันตกก็พร้อมใจตีข่าวให้กระฉ่อนขึ้นไปอีก  เรียกว่าถึงคราวซวยของเธอก็ว่าได้
( นางเอกระดับท็อปอย่างฟ่านปิงปิงก็เคยถูกข่าวลือทำนองเดียวกันเล่นงาน   )

แน่นอนว่าจางจื่ออี้ประกาศปฏิเสธเรื่องค้าประเวณีอย่างเด็ดขาด  เธอเดินหน้าหาทนายผู้เก่วฉกาจเพื่อฟ้องร้อง Boxun เว็บข่าวจีนที่จดทะเบียนในอเมริกาและ Apple Daily สื่อฮ่องกงที่ปลุกปั่นให้มีข่าวลือเสื่อมเสียขึ้นมา 

จางจื่ออี้เป็นดารา A List จีนที่มีภาพลักษณ์สวยงามมายาวนาน  เธอได้เป็นแอมบาสเดอร์ขององค์กรการกุศล  รวมไปถึงมหกรรมกีฬา special olympics ที่จีนเลือกเธอมาเป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศ ในระดับฮอลลีวู้ดนั้น ผู้คนก็คุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดีจากความสำเร็จของหนัง House of Flying Daggers และ Memoirs of a Geisha    เมื่อมีเว็บไซท์ข่าวภาษาจีนในอเมริกาอ้างแหล่งข่าววงในที่ให้รายละเอียดแบบฉาวโฉ่ว่าค่าตัวของเธอจากการมี sex กับคนใหญ่คนโตที่จีนนั้นมีมูลค่าเป็นล้าน ๆ ประเด็นที่ทำให้ขาเม้าตาโตคือคำกล่าวอ้างว่าเธอเข้าไปพัวพันกับสวีหมิง  ประธานสโมสรฟุตบอล Dalian Shide F.C ที่มีความแน่นแฟ้นกับนักการเมืองหลายคน   สื่อออนไลน์ระบุว่าเธอนอนกับสวีหมิงไปแค่ครั้งเดียวก็ได้เงินหลายล้านหยวน  และพอเป็นลูกค้าประจำ เขาก็โปรยปรายภูเขาเงินใส่เธอรวมๆ แล้วเฉียดๆ พันล้านบาทเลยทีเดียว

สวีหมิงมีความใกล้ชิดกับป๋อชีไหล นักการเมืองสุดฉาวที่สั่นสะเทือนวงการการเมืองจีนจากข้อหารับสินบน, ยักยอกเงิน ,ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ รวมไปถึงคดีล่วงละเมิดทางเพศและฆาตกรรมดำมืดและถูกตัดสินให้มีความผิดจริงทุกข้อกล่าวหาจนต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต  ช่วงคาบเกี่ยวกับข่าวคอรัปชั่นระดับชาตินี้  ชื่อของจางจื่ออี้ก็ถูกลากเข้าไปในวังวนความฉาวโฉ่นี้ด้วย   สวีหมิงยอมรับว่าติดสินบนป๋อชีไหลและต้องรับโทษจำคุก 4 ปี (ไม่กี่ปีต่อมาเขาเสียชีวิตจากโรคหัวใจคาที่จองจำ)  แต่ Boxun ได้กล่าวหาว่าก่อนหน้าที่จะกอดคอกันตกอับ  สวีหมิงได้ชักนำให้นางเอกคู่ขาให้มาเปิดบริการตัณหาให้กับป๋อชีไหลด้วย   เขายังช่วยเปิดโอกาสให้เธอเจอบ่อเงินบ่อทองอื่นๆจนสามารถรวบรวมเงินทองได้หลายพันล้าน(บาท)

บางคนนำเรื่องเรื่องราวอดีตรักของจางจื่ออี้มาเชื่อมโยงกับข่าวลือสุดฉาวในครั้งนี้  เมื่อหลายปีก่อนเธอเคยหมั้นหมายกับมหาเศรษฐีเชื้อสายอิสราเอล Aviv Nevo  จึงมีกระแสโจมตีว่าเธอเป็นพวกผู้หญิงหิวเงินที่เลือกมีความสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาลเท่านั้น

ท่ามกลางเสียงติฉินนินทานั้น ก็ยังมีแฟนๆ ที่คอยปกป้องจางจื่ออี้ด้วยความเชื่อมั่น  เธอเป็นนางเอกซุปตาร์ของจีนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคนหนึ่งในโลกฮอลลีวู้ด  (คิดว่าจะรองก็แต่มิเชล โหยว นางเอกมาเลย์เชื่อสายจีนที่มีผลงานอินเตอร์ชุกจริงๆ)  ค่าตัวของจางจื่ออี้นั้นติดอันดับtop 3 นางเอกค่าตัวสูงสุดของจีน รับเล่นหนังทีได้เงินเป็นร้อยล้าน มันช่างยากนักที่จะจินตนาการเธอในภาพของโสเภณีชั้นสูงที่พลีร่างกายให้กับชายทรงอำนาจเพื่อแลกกับเงิน

ตอนที่ถูกข่าวฉาวโหมกระหน่ำ จางจื่ออี้ได้เริ่มคบหากับหวัง เฟ็ง หนุ่มใหญ่ร็อกเกอร์แบบเงียบๆ แต่สื่อก็รู้ระแคะระคายและเสนอข่าวใหญ่โต ในตอนนั้นมีคนวิพากษ์วิจารณ์ความสัมพันธ์ของพวกเค้าด้วยซ้ำว่าฝ่ายหญิงมีรายได้มากกว่าคนรัก 20 เท่า ดูแล้วไม่คู่ควรกันเลย (ดูยากๆ ยังไงไม่รู้ รักกับมหาเศรษฐีที่มีเงินมากกว่าก็ถูกตราหน้าว่าเห็นแก่เงิน พอคบหาคนที่มีฐานะทางการเงินด้อยกว่าก็ถูกมองว่าไม่ฉลาด)

จางจื่ออี้ได้รับชัยชนะจากการฟ้องร้องสื่อทั้ง Boxun จากอเมริกาและเจ้าของเว็บชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียน  รวมถึงสื่อฮ่องกง Apple daily กับ weekly Next ที่เป็นเครือเดียวกัน  ในขณะสู้คดีความกันในศาลอเมริกา  เจ้าของเว็บ Boxun ได้อ้างว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาตรงตามการคุ้มครองจากบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาในเรื่องการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ   เขายังชี้ว่า หากเปิดเผยแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลเรื่องของจางจื่ออี้แล้ว คนผู้นั้นอาจจะต้องถูกรัฐบาลจีนจับตัวไปทรมาน    
อย่างไรก็ตาม  เมื่อไม่สามารถแสดงข้อมูลใดๆ สื่อทั้งหมดต้องลบข่าวออกจากหน้าเว็บไซท์ของตนและประกาศขอโทษพร้อมกับคำชี้แจงว่ารายงานข่าวโจมตีจางจื่ออี้นั้นเป็นเรื่องไร้มูลความจริงหาซึ่งหลักฐานมายืนยันไม่ได้  และไม่ควรที่จะรายงานเรื่องนี้ตั้งแต่แรก

ตัวเลขค่ายอมความจากการฟ้องร้องสื่อนั้นอาจจะไม่สูงเท่ากับที่เธอเรียกร้องในเอกสารทางกฎหมาย  แม้จะไม่มีการเปิดเผยว่าเธอได้รับการชดเชยไปเท่าใด แต่เชื่อว่าไม่ใช่ตัวเลขที่ขี้ริ้วขี้เหร่อย่างแน่นอน   สองปีหลังจากที่จางจื่ออี้ได้กู้ชื่อเสียงกลับมา เธอก็เข้าพิธีวิวาห์กับหวัง เฟ็งและมีพยานรักเป็นลูกสาวตัวน้อยด้วยกัน ปัจจุบันก็ดูรักกันหวานชื่น ลูกสาวของเธออายุได้ 2 ขวบแล้วค่ะ

ทั้งทาโบลและจางจื่ออี้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง ทางด้านความนิยมชมชอบนั้นก็พุ่งกลับมาในฐานะของคนดังที่เป็น "survivor" จากมรสุมการใส่ร้ายป้ายสี   แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนดังทุกคนต่อสู้กับเรื่องนี้แล้วมีการการต้อนรับอย่างอบอุ่น 

เราเคยได้คุยกับชาวเกาหลีใต้รุ่นน้องที่มาทำงานในไทยใน topic ที่สนใจมาโดยตลอด อย่างเรื่อง anti-fan ที่ร้ายกาจนักหนาและเรื่องความคาดหวังของสังคมต่อตัวคนดัง  ตัวน้องคนนั้นได้อธิบายคร่าวๆ ว่า  ปัจจัยจากเรื่อง anti-fan สุดโหดที่สามารถตามรังควานคนที่ไม่ชอบใจจนอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้นั้นก็มีหลายสิ่ง แต่สาเหตุชัดเจนคือสภาพสังคมที่ตึงเครียดที่ก่อให้เกิดความกดดัน    
ความกดดันนั้นมาจากแนวคิดของ perfectionist ที่ว่าคนเราจะประสบความสำเร็จก็ต้องมีดีตั้งแต่รูปร่างหน้าตา โพรไฟล์การศึกษาหน้าที่การงาน  ทักษะโดดเด่นเป็นพิเศษ นิสัยใจคอก็ต้องนอบน้อมสำรวมตามค่านิยมการนับถือลำดับอาวุโสที่ต้องให้ความเคารพผู้ที่อายุมากกว่าอย่างเคร่งครัด  ยิ่งเป็นคนดังแล้วจะถูกคาดหวังให้มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อม จะผิดพลาดแม้แต่น้อยก็จะมีกระแสต่อต้านจากหลั่งไหลมาทันที บวกกับต้นสังกัดที่พยายามเชิดชู platform ที่เลิศเลอเหนือมนุษย์ เข้าถึงยาก  การดำเนินชีวิตสวยหรูไปหมดทุกอย่างแบบไร้ข้อด้อย   เมื่อคนทั่วไปกินกับภาพที่ถูกป้อนให้ก็เริ่มจะแยกสิ่งที่มโนไปเองกับข้อเท็จจริงไม่ได้   หลายคนไม่ได้มองคนดังเหมือนกับมนุษย์ปุถุชนที่มีรักโลภโกรธหลง แต่ยกให้เป็นเทวดานางฟ้าที่ไม่สามารถแตะต้องได้    ท่ามกลางความชื่นชมนั้นก็จะมีคนที่มองอย่างอิจฉาริษยาปะปนอยู่
"นูนาเคยดูซีรีย์เกาหลีที่มีฉากคนปวดท้องไหม  ในภาษาเกาหลีมันจะมีคำพูดว่าพอเห็นคนอื่นได้ดีแล้วจะรู้สึกปวดท้องขึ้นมาทันที "  หนุ่มเกาหลีใต้คนนั้นเล่าให้เราฟังว่า ยิ่งมีคนชื่นชอบมากเท่าไร ก็จะมี hater ที่แฝงกายอยู่หน้าจอพร้อมที่จะกระหน่ำซ้ำเติมเวลามีเรื่อง scandal โดยที่ไม่ได้สนใจว่า จะถูกใส่ร้ายหรือเป็นเรื่องเข้าใจผิด

กรณีของพัค ยูชอนไอดอลและพระเอกที่กำลังรุ่งโรจน์กับงานแสดงนั้นน่าจะสะท้อนถึงความคาดหวังความสมบูรณ์แบบจากสังคมเกาหลีได้ดี  ยูชอนถูกกล่าวหาว่าข่มขืนผู้หญิงในห้องน้ำสถานเที่ยวเตร่ยามวิกาล  เขาต่อสู้คดีและเคลียร์ตัวเองจากข้อกล่าวหาได้หมดสิ้น ฝ่ายคู่คดีนั้นกลับต้องถูกจำคุกและชดใช้เงินจำนวนมากให้กับเขาในความผิดแจ้งความเท็จและขู่กรรโชกทรัพย์หลังจากตำรวจพบหลักฐานยืนยันว่ามีการร่วมขบวนการแบล็กเมลนักร้อง-นักแสดงชื่อดัง

ยูชอนกำลังอยู่ในช่วงการฝึกทหารในกองทัพ มันจึงเป็นช่วงที่เขาสามารถหลีกหนีการตามล่าหาตัวจากสื่อได้อย่างเหมาะเจาะ หลังจากศาลมีคำพิพากษาออกมาว่าเขาไม่ได้ข่มขืนผู้หญิงในบาร์ตามที่กล่าวหา  แฟนๆ ต่างก็โล่งใจและรอคอยการกลับมาของยูชอนหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ชาติ

แต่ถ้าพูดถึงคนที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับเหนียวแน่นล่ะ ?