Black Panther Makes History

WAKANDA FOREVER!   
สองคำนี้กลายเป็น trending ปลุกใจให้แฟน ๆ รู้สึกฮึกเหิมหลังจากได้ชม Black Panther  หนัง Superhero ที่มีการคาดหมายกันก่อนจะเข้าโรงว่าจะสร้างประวัติศาสตร์สำคัญให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์


และคงจะแย้งไม่ได้เลยว่า Black Panther  คือมิติใหม่ที่จะเป็นต้นแบบให้การสร้างสรรค์ศิลปะการบันเทิงให้ก้าวไกลไปมากกว่าเดิม  


มาติดตามกันค่ะว่า Black Panther  จะสร้างประวัติศาสตร์ได้อย่างไร

ตั้งแต่ที่หนังยังไม่ได้เข้าโรงกวาดรายได้   บางคนได้พุ่งประเด็นไปที่ความตื่นเต้นของผู้คนที่มีการสร้างหนังฮีโร่กอบกู้โลกที่มีนักแสดงเป็นคนเชื้อสายแอฟริกันผิวดำเกือบยกทีม  และอาจจะหลงประเด็นไปว่านี่คือหนังที่ทำมาเพื่อคนผิวดำ

จริงๆ แล้วมีการสร้างหนังฮีโร่ผิวดำมาก่อนแล้ว  ถ้าคุณนึกถึง วิล สมิธและเวสลีย์ สไนปส์ก็คงจะร้องอ๋อ

แต่ที่สร้างความฮือฮาตั้งแต่มีการประกาศ project นี้ออกมา ก็เพราะเป็นหนัง Marvel Superhero ที่ใครๆ ก็ทราบว่ามีฮีโร่ล้นจักรวาล แต่คาแรคเตอร์ที่ได้รับคัดเลือกให้นำมาทำเป็นหนังทุนสร้างสูงนั้นล้วนแต่เป็นฮีโร่ผิวขาว   Spider- Man    Iron Man   Thor     Captain America    Doctor Strange   Ant-Man  คุณอาจจะเห็นนักแสดงเชื้อชาติอื่นบ้างหากมีหนังที่นำเสนอทีมซูเปอร์ฮีโร่อย่าง X-Men หรือ Guardians of the Galaxy  แต่ก็ไม่ใช่ผู้ที่รับบทบาทผู้นำที่โดดเด่นที่สุด


แน่นอนว่าหนังที่มีฮีโร่ผู้เต็มไปด้วยพละกำลังและมันสมองเหนือธรรมชาตินั้นเป็นเพียงเรื่องของจินตนาการ  แฟนตาซีเหล่านั้นไม่ได้มีในโลกแห่งความเป็นจริง  แต่กระนั้นก็มีคำถามมากมายตามมา  ในโลกสมมุติที่ฉายให้เราชมบนจอนั้น  มีแต่ยอดมนุษย์ผิวขาวเท่านั้นหรือที่มีบทบาทปกป้องความยุติธรรมกำจัดเหล่าร้าย   โลกที่มีคนอาศัยอยู่ไม่รู้กี่ล้านนี้  เราจะไม่ได้ชมหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีเชื้อชาติอื่นเลยหรือไร ?

และแล้วเราก็ได้พบกับ Black Panther  แคแรคเตอร์ซูเปอร์ฮีโร่ผิวดำคนแรกจากคอมมิคส์สัญชาติอเมริกันถูกสร้างขึ้นมาก่อน Falcon    Luke Cage    และ Green Lantern
 แท้จริงแล้ว มีการวางแผนสร้างมาตั้งแต่ยุค   90s โดยวางตัวเวสลีย์ สไนป์ให้รับบทฝ่าบาทเสือดำ  แต่กลับไม่ได้พัฒนาให้กลายมาเป็นผลงานออกมาตีตลาด  สแตน ลี เจ้าพ่อ Marvel ได้อธิบายว่าเขาไม่เป็นปลื้มกับแผนงานและบทหนังนัก จึงพับproject นี้ไป  แม้ในปี 2005 จะมีประกาศจาก CEO ของ Marvel ออกมาว่าจะสร้าง Black Panther ขึ้นมาอีก ในเรื่องของพระเอกนั้นก็ยังมีข่าวว่าเป็นเวสลีย์ที่ยังหวังว่าหนังฮีโร่จากแอฟริกานี้จะได้รับการพัฒนาให้เป็นชิ้นเป็นอันสักที    แต่ก็เงียบหายไป

เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษกว่าที่ Marvel จะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า Black Panther จะกลายเป็นหนังเวอร์ชั่นคนแสดงจริงๆ   ในปี 2014  แชดวิค โบสแมนก็ถูกวางให้เป็นพระเอกที่จะสั่นสะเทือนวงการซูเปอร์ฮีโร่   และมีการเชื่อมโยงเรื่องราวของฮีโร่จากแอฟริกากับทีม Avengers  กว่าเราจะได้เห็น Black Panther  เรียกความตื่นเต้นบนจอจากการปูเนื้อเรื่องให้ผู้ชมได้ทำความรู้จักใน Captain America: Civil War ก็ปี 2016 เข้าไปแล้ว

แชควิค โบสแมนได้เปิดใจในเรื่องการตัดสินใจรับบทคิงทีชาล่าไว้ดังนี้ค่ะ
 ' จากที่ผมได้เข้าเรียนที่ Howard (มหาวิทยาลัยสำหรับนักษาผิวดำที่มีชื่อเสียงยาวนานของสหรัฐอเมริกา)และประสบการณ์ที่หลากหลายจากวัฒนธรรมของเรา  ผมรู้ทันทีว่านี่คือโอกาสที่จะได้ใช้สิ่งที่มีอยู่จริงแสดงวัฒนธรรมแอฟริกันที่แท้จริงในหนัง  ถ้ามีใครที่ไม่เชื่อว่าที่แอฟริกามีดินแดนที่เป็นปึกแผ่น ไม่เชื่อว่าจะมีสถาปัตยกรรม  ไม่เชื่อว่าจะมีศิลปะและวิทยาศาตร์  คุณจะได้เห็นจากหนังเรื่องนี้' 

แชดวิคได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ Marvel ด้วยการเดบิวท์ใน Civil War มาก่อนแล้ว CEO ของ Marvel ได้เปิดเผยแบบตรงไปตรงมาว่าไม่ได้ cast นักแสดงคนอื่นเลย  พอมั่นใจว่าจะสร้างหนังเรื่องนี้แน่ๆ ก็มีเพียงแต่ชื่อแชดวิคเท่านั้นที่ถูกยกมาพิจารณา จากความประทับใจในผลงานหนัง 42 และ Get On Up พวกเขาใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมงในการหารือตกลงใจเรื่องพระเอกและติดต่อเสนอบทนี้ไปที่แชดวิค แน่นอนว่าเขาตกลงอย่างรวดเร็ว

ใน Civil War นั้นอาจจะเห็นความเท่แบบแว้บไปมาเพราะมีฮีโร่อีกเป็นโหลร่วมต่อสู้ในหนัง แต่เมื่อได้เห็นผลงานโซโล่แล้วต้องยกนิ้วให้กับการแสดง เราได้เห็นทีชาล่าที่มีออร่าของคิงที่เปล่งประกาย โดดเด่นด้วยท่าทางงามสง่าของผู้ปกครองและแข็งแกร่งแบบนักรบ  แต่ก็มีมุมโก๊ะๆ เพราะเป็นคิงที่อ่อนโยนน่ารัก ถ้าเป็นแรงดึงดูดกับสาวๆ นั้นไม่ต้องห่วง  ซูมอัพพักตร์ของคิงทีไรต้องใจละลายกับขนตางอนเช้ง  ส่วนแฟนบอยนั้นก็คงประทับใจไม่แพ้กัน เพราะ Black Panther ไม่ได้หล่อโลกสวยไปวันๆ แต่เท่ถูกจริตต้องเก๊กเวิ่นเวอ  เข้าใจเลยว่าทำไมผู้สร้างถึงตกลงใจว่าต้องเป็นพระเอกคนนี้อย่างง่ายดายนัก

Hot Villain

เคยนึกขัดใจกันบ้างมั้ย ทำไมตัวร้ายที่มุ่งจะทำลายโลกต้องมีลุคน่าเกลียดน่ากลัวและในบางครั้งก็ดูโอเวอร์แอคติ้ง   แล้วถ้าเป็นตัวร้ายแบบหล่อโคตรๆขโมยซีนล่ะ

Fantastic Four อาจจะแป้กมากถูกสับเละไม่เป็นชิ้นดี  แต่ถ้าเป็นฮีโร่แล้วไม่ work บทผู้ร้ายที่ร้อนแรงกลับดันให้ไมเคิล บี จอร์แดนดังเปรี้ยง และน่าจะเป็นประตูสู่บทบาทเจ๋งๆ ต่อไปในอนาคต 

 นี่ไม่ใช่ตัวร้ายที่หัวเราะฮ่ะๆๆ แล้วทำลายล้างทุกอย่างแบบไร้เหตุผลแต่หล่อร้ายแบบมีที่มาที่ไป และเรื่องนี้ก็เท่ขึ้นมากจนได้ใจแฟนๆ จนต้องขออภัยฝ่าบาทที่ปันใจไปให้คิลมองเกอร์

Badass Female Warrior

ถ้า Black Panther ขาดนายพลโอโคเยไป  ความมันก็คงหายไปเยอะ!

แน่นอนค่ะว่าเราเลิฟมิโชนแห่ง The Walking Dead  ฐานแฟนคลับเธอแข็งแกร่งอยู่แล้ว  เมื่อเธอก้าวออกจากซีรีย์ดังทางจอแก้วมาโลดแล่นเป็นผู้นำนักรบแห่ง Wakanda  มันทำให้เรามั่นใจแล้วว่านี่แหละสุดยอด casting

เราอาจจะคุ้นเคยกับมิโชนที่แกว่งไกวดาบฆ่าผีดิบใน The Walking Dead ใน Black Panther นั้น ดาไนสร้างความประทับใจด้วยบทบาทนายพลหญิงที่ภักดีต่อประเทศชาติ เธอเด็ดขาด มีความกล้าแกร่งพอจะคุ้มครองคิง เป็นประเภทหักไม่ยอมงอแต่ก็มีอารมณ์ขันแบบเจ็บๆ และบทแอคชั่นสวยมากกกกก พริ้วมากกกกกก  

The Gorgeous Spy  -  Black Panther's Sweetheart

สร้างความยิ่งใหญ่ทั้งที  บทนางเอกที่เป็นหวานใจฝ่าบาทก็ต้องระดับนางเอกออสการ์เลยจ้ะ

เราเป็นแฟนผลงานของลูปิต้าและรู้ว่าเธอเป็นนางเอกมากฝีมือที่เลือกบทมากกก   ความโดดเด่นจาก 12 Years a Slave นั้นทำให้เธอเนื้อหอมในหมู่ผู้สร้างหนังขึ้นมาทันที  แต่เรากลับได้เห็นผลงานเพียงไม่กี่ชิ้นจากลูปิต้า แถมยังเป็นงานพากย์ไปแล้วสองเรื่อง  เธอเลือกที่จะโชว์ฝีมือผ่านบรอดเวย์มากกว่าจะใช้โอกาสจากความเป็นนางเอก A List แบบน้ำขึ้นให้รีบตัก แตกต่างจากนักแสดงที่คว้าออสการ์แล้วก็จะมีผลงานเป็นหนังฟอร์มยักษ์ตามมาอีกหลายเรื่อง 

It is not a black movie.  It is a social movement.

นี่คือหนัง Superhero เรื่องแรกที่นักแสดงนำเป็นคนดำทั้งเรื่อง ผู้กำกับก็เป็นคนดำ รวมไปถึงทีมงานอีกหลายคนที่ต้องเข้าใจถึงรากของวัฒนธรรมแอฟริกันและสร้างหนังที่โดนใจผู้คนขึ้นมา  แต่ทีมนักแสดงต่างยืนยันว่าไม่ต้องการให้จำกัดคำนิยามของ Black Panther ให้เป็นหนังคนดำ เพราะถ้าได้ชมแล้วจะพบว่ามันเป็นการเปิดอีกโลกอีกด้านที่เป็นสากล ฉีกไปจาก Superhero ที่เคยได้พบมา  

เพราะอะไร Black Superhero จึงมีความหมายกับผู้คนจำนวนมากมายจนสร้างปรากฏการณ์?

ในขณะที่พวกเราอาศัยอยู่ในสังคมที่ประชากรชาวเอเชียนเป็น majority จึงอาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบกับปัญหาการแบ่งแยกเชื้อชาติ แต่อีกฟากของโลก ประชากรผู้เป็น minority ยังถูกเลือกปฏิบัติ ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดนั้นยังมีปัญหาขาดความหลากหลาย (diversity) มาอย่างต่อเนื่อง จวบจนปัจจุบัน ผู้คนต่างเริ่มตื่นตัวขึ้นมาและร้องขอให้เกิดความเปลี่ยนแปลง  เราจึงได้เห็นความเคลื่อนไหวดังเช่น Oscars So White  และการประท้วงจากศิลปินในวงการ  ช่วงเวลาหลายทศวรรษนี้ แม้จะน่ายินดีที่ฮอลลีวู้ดเริ่มเปลี่ยนแปลงขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันก็ยังดูน่าสะท้อนใจที่เราต้องรอถึงปี 2018 จึงได้มีซูเปอร์ฮีโร่คนดำ  

คุณรู้ไหมว่าในคอมมิคส์ของ Marvel มี Black Widow อีกคนที่เป็นสาวเอเชียนและ Ms. Marvel รุ่นหนึ่งก็เป็นสาวอเมริกันเชื้อสายปากีสถาน รวมไปถึงซูเปอร์ฮีโร่อีกหลายแคแรคเตอร์ที่เชื้อสายเอเชียนและชนเผ่าพื้นเมืองซึ่งยังไม่เคยถูกดันให้มากลายเป็นตัวละครมีชีวิตจริงๆโลดแล่นบนจอ  จากความสำเร็จของ Black Panther  ได้จุดประกายความหวังถึงประตูโอกาสที่กำลังจะเริ่มเปิดรับศิลปินเชื้อชาติอื่นที่อาศัยร่วมกันในสังคมโลก ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่ง เราอาจจะได้เห็นซูเปอร์ฮีโร่ชาวเอเชียนวาดลีลาแม่ไม้มวยไทยในหนังฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวู้ดก็เป็นได้

พวกเราทราบกันดีว่า การสร้างศิลปะภาพยนตร์ขึ้นมาก็ไม่ใช่เพียงแต่เพื่อความบันเทิงชั่วครั้งชั่วคราว   สิ่งนี้ยังได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่จะมีความฝันและไม่ยอมแพ้ที่จะทำให้ความฝันเป็นจริง   ในเมื่อพวกเขาทำได้  เราก็จะไม่หยุดยั้งแม้จะมีเรื่องกำแพงการแบ่งแยกเชื้อชาติมากีดขวาง  Black Panther มีความหมายต่อคนผิวดำเชื้อสายแอฟริกัน  และส่งสารถึงทุกเชื้อชาติให้เปิดในยอมรับในความแตกต่าง   Black Panther ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ของคนผิวดำเท่านั้น  แต่จะเป็นฮีโร่แบบ Universal ที่แฟนๆ ทั่วโลกปลาบปลื้มไม่แตกต่างจากฮีโร่คนอื่นๆ ที่ผ่านมา  พิสูจน์ได้จากรายได้เปิดตัวภายใน 5 วันแรกที่ $462.2 ล้าน ติดอันดับหนึ่งใน 5 ของหนังที่ทำรายได้เปิดตัวที่ดีที่สุด และมีแนวโน้มว่าอาจจะกลายเป็นหนังพันล้านเหมือนกับ Avengers หรือ  Captain America: Civil War ที่มีการรวมทีมของฮีโร่ระดับซุปตาร์ทำมาแล้ว

ภาพเด็กชายสองคนที่ชี้ให้กันดูว่าอยากจะเป็นใครใน Black Panther นั้นอาจจะไม่ต้องการคำบรรยายใดๆ มาก impact มันมีพลัง

เป็นหนังแอคชั่นสุดมันที่มีคนดูหลั่งน้ำตาในโรงหนัง พวกเค้าไม่ได้ออกอาการเกินจริงแต่อย่างใด  ลองจินตนาการถึงสังคมที่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำจากการแบ่งแยกสีผิว  แม้พวกเขาจะเคยมีประธานาธิบดีผิวดำมาแล้วแต่ความตึงเครียดจากความไม่เท่าเทียมนั้นก็ยังมีอยู่ และในวันนี้พวกเรามีฮีโร่ผิวดำสุดเท่  หนังได้ตอบโจทย์ในหลายสิ่งที่ผู้คนโหยหา ตัวเราเองดูแล้วขนลุกในหลายฉาก