'หนึ่งเดียวในดวงใจ' ฉบับนักศึกษาเริ่มดูแลผิว

9 2
สวัสดีสมาชิกชาวจีบันทุกคนนะคะ แนะนำตัวเองก่อน ชื่อ เตย เป็นนักศึกษาปี 6 ปีสุดท้ายแล้ว (แอบแก่ ฮ่าๆ) วันนี้จะมาแชร์ไอเทมสกินแคร์ 'หนึ่งเดียวในดวงใจ' ในหลายๆหมวดหมู่ ที่ได้ลองผิดลองถูกมาเป็นเวลานานแล้วนะคะ เกริ่นก่อนว่า จริงๆแล้วเริ่มสนใจดูแลผิวจริงๆจัง มาตั้งแต่สมัยขึ้นปี 1 แล้วค่ะ สภาพหน้าตอนนั้นคือ แพ้น้ำประปาที่หอมหาวิทยาลัยตจว. +ฮอร์โมนเพศชายในตัวที่เยอะมว้ากกก (มองขนหน้าแข้ง นี่นึกว่าผู้ชาย) ปัญหาหลักๆตอนนั้นเลยคือ สิวอักเสบขึ้นเต็มหน้า ไม่ต่างอะไรจากสิวสเตรียรอยด์เลยค่ะ ลองสกินแคร์มาเรื่อยๆ จนสกัดออกมาเปฺ็นสิ่งที่ดีที่สุดเหมาะกับคนสภาพผิวมัน มีปัญหาสิวและผิวแพ้ง่าย ในกระทู้นี้ค่ะ ซึ่งไอเทมส่วนใหญ่ที่แนะนำในกระทู้นี้ จะเป็นไซส์ทดลองหรือซองเทสเตอร์ซะส่วนใหญ่นะคะ เหตุผลหลักคือ ช่วงนี้เป็นช่วงฝึกงาน แต่ละผลัดฝึก 1 เดือนครึ่ง แล้วต้องย้ายหอพักบ่อย เพื่อให้ขนย้ายสะดวกก็เลยเลือกซื้อเป็นขนาดทดลอง และอีกเหตุผลคือช่วยเซฟเงินในกระเป๋าด้วยค่ะ ใครอยากรู้แล้ว ไปเริ่มอ่านกันเลยย
เริ่มแรกเลยที่ผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดผิวหน้า ขอข้ามขั้นตอนล้างเมคอัพไปนะคะ เพราะยังไม่เจอตัวไหนที่ดี โดนใจ
NU FORMULA Pore Deep Cleansing Foam เป็นฟองล้างหน้าที่ฟองนุ่ม ล้างเสร็จแล้วหน้ายังชุ่มชื้นอยู่ ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ เพราะโฟมล้างหน้าตัวนี้เป็นสูตร Oil Free, Paraben Free, SLS/SLES-Free แต่ถ้าใครแพ้น้ำหอมในเครื่องสำอางก็อาจจะลองเทสต์ที่หลังหู, ท้องแขนดููก่อนนะคะ เพราะโฟมนี้ยังคงมีน้ำหอมยังอยู่ค่ะ 
หลังจากล้างหน้าเสร็จ ซับหน้าให้แห้งแล้ว ไอเทมเด็ดดาว กากบาทดอกจันทร์ล้านดวง ให้กับไอเทมนี้ที่ทำให้ปัญหาสิวเราหายไปได้ คือ LA ROCHE-POSAY THERMAL SPRING WATER sensitive skin สเปรย์น้ำแร่ ใช้หมด ใช้ซ้ำมาเกิน 6 กระป๋องแล้ว สเปรย์น้ำแร่ตัวนี้ จะมีแร่ธาตุอยู่หลากหลาย เช่น Calcium, Zinc ฯ ซึ่งเจ้า Zinc นี้แหละที่ช่วยแก้ปัญหาสิว ไม่ว่าจะเดินทาง อยู่บ้าน อยู่หอ เราจะพกเจ้าสเปรย์ตัวนี้ติดตัวไปด้วยเสมอ ฉีดประจำหลังล้างหน้าทุกครั้ง เพราะด้วยความที่เรากลัวแพ้น้ำประปา ซึ่งความรู้สึกหลังใช้สเปรย์น้ำแร่นี้ ช่วยปลอบประโลมผิว ใช้ไประยะยาวรู้สึกผิวมันน้อยลง ผิวแข็งแรงขึ้น สิวขึ้นน้อยลง หัวสเปรย์เป็นฝอยละเอียดดี เคยลองใช้รุ่น Serozinc กระป๋องน้ำเงิน ก็ยังไม่ถูกใจเท่ารุ่นนี้เลย
หลังล้างหน้าเสร็จขั้นตอนที่สาวอาจจะละเลย (ซึ่งเราเองก็เคยเป็น 1 ในสาวๆกลุ่มนี้) นั้นคือ 'โทนเนอร์' นั่นเอง ซึ่งโทนเนอร์ที่ใช้แล้วชอบคือ Kiehl's Calendula Herbal-Extract Toner Alcohol-Free โทนเนอร์สกัดจากดอกดาวเรือง แต่กลิ่นเหมือนน้ำเก๊กฮวยๆ เป็นโทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ใช้คู่กับสำลี Silcot กล่องน้ำเงินดำ หรือบางครั้งก็เหยาะใส่ฝ่ามือ แปะๆลงใบหน้าเลย ชอบและแนะนำโทนเนอร์ตัวนี้ เพราะ ใช้แล้วรู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้น (สังเกตจากสิวผดที่เคยขึ้นเวลาโดนฝุ่นหรือควันรถ ขึ้นน้อยลง) หน้านุ่มและชุ่มชื้น 
หลังจากลงโทนเนอร์แล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการลงโลชั่น ซึ่งสภาพผิวของเตยเป็นผิวมัน ขาดน้ำ โลชั่นที่เลือกใช้จึงมองหาสรรพคุณที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น แล้วก็มาถูกใจกับ 2 ไอเทมนี้ >> 1. Hada Labo premium สูตรขวดสีทอง สำหรับโลชั่นของ hada labo ที่เคยลองผ่านมาก็มีสูตรขวดสีขาว, สูตรขวดสีขาวแถบเขียว (รุ่นเนื้อบางเบา-light), สูตรขวดสีน้ำเงิน และสูตรขวดสีแดง ก็มาถูกใจรุ่นขวดสีทองมากที่สุด เป็นโลชั่นที่เนื้อมีความหนืดเล็กน้อย ซึมเข้าสู่ผิวง่าย เหนอะหนะน้อยพอๆกับสูตรขวดสีขาว แต่ให้ความชุ่มชื้นมากกว่า พรีออเดอร์มาตั้งแต่ยังไม่นำมาขายในไทย จนตอนนี้มีขายในไทยแล้ว แถมมีขนาด 30 มล. ขายใน 7-11 อีก หาซื้อง่ายสะด๊วกกกก สะดวกไปอี๊กกกกก และที่ถูกใจอีกแบรนด์คือ Cerave moisturising lotion แค่อ่านคุณสมบัติก็ได้ใจไปครึ่งหนึ่งแล้วค่ะ 
  • Lightweight & Oil Free Non-comedogenic โลชั่นเบาบาง ไม่ผสมน้ำมัน ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน 
  • MVE® Delivery Technology เป็นเทคโนโลยีช่วยนำส่งสารบำรุงผิวให้คงอยู่ในผิวได้นานขึ้น
  • มี Ceramide ถึง 3 ชนิดด้วยกัน ซึ่ง Ceramide เป็นองค์ประกอบของชั้นผิว เมื่อเราทาครีม จึงเปรียบเสมือนเราเติมองค์ประกอบผิวเข้าไป ก็จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • fragrance-free ปราศจากน้ำหอม
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่นำมาขายในไทย เคยอ่านสรรพคุณและพรีออเดอร์มาบ้าง 2-3 ครั้ง แต่ตอนนี้แบรนด์ cerave มีขายในประเทศไทยแล้ววว ดีใจ หาซื้อง่ายขึ้น เราก็จะได้เจอกันบ่อยขึ้นนะตัวเอง ^^ ซึ่งขวดที่ใช้อยู่ตอนนี้ โชคดีได้ฟรีๆ จากเว็บจีบันนี้แหละค่ะ เนื้อโลชั่นบางเบา ซึมสู่ผิวได้รวดเร็ว ไม่เหนอะหนะผิวเลย หลังใช้แล้วรู้สึกได้ว่าผิวนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้น ราคาก็ไม่แพง ถ้าหมดก็จะซื้อต่อสลับใช้กับ hada labo ไปเรื่อยๆแหละค่าาาา
ถัดมาเป็นการบำรุงเน้นเฉพาะ *จุด* สงสัยกันหล่ะซิ จุดไหน?? จุดที่ว่านั้นก็คือ รอบดวงตา นั่นเอง สำหรับอายครีมที่โดนใจ ครองแชมป์เรามาตลอด 2 ปี คือ Innisfree green tea seed eye cream เป็นอายครีมที่หอมกลิ่นใชชาเขียวอ่อนๆ แนะนำสาวๆที่เริ่มมีร่องเล็กๆรอบดวงตา จากการนอนดึก ดื่มน้ำน้อย ขยี้ตาบ้าง (สิ่งเหล่านี้คือที่ทำมาทั้งหมด) อายครีมตัวนี้จะช่วยเติมร่องเล็กให้ตื้นขึ้นได้ และให้ความรู้สึกว่ารอบดวงตาเราฟูขึ้น ประหนึ่งเจ้าหญิงนิทรา ที่นอนเพียงพอมาอย่างยาวนาน สำหรับรอยคล้ำ เราว่ามันช่วยได้บ้าง แต่เรื่องช่วยลดรอยคล้ำ อาจจะเพราะเรามีปัญหานี้ประมาณหนึ่ง จึงอาจจะไม่เห็นผลชัดเจน ถึงกับ ว้าววว!! ใต้ตาคล้ำฉัน หายแล้ว แต่เริ่มผิวรอบดวงตาฟู ร่องเล็กๆถูกเติมเต็มขึ้น ความรู้สึกเราให้ ว้าววว!! นะ
ยังไม่จบกับครีมบำรุงเฉพาะ *จุด* จุดปัญหาถัดมาคือ รูขุมขน** ด้วยความที่เราเป็นคนผิวมันมากกก ปัญหารูขุมขนกว้างจึงเป็นปัญหาที่แน่นอก หนักใจอยู่ไม่ใช่น้อย แต่งหน้าทีไร ถ้าไม่ทาไพรเมอร์ก่อนคือ เห็นรูขุมขนชัดมาก สำหรับไอเทมที่ช่วยให้ปัญหารูขุมขนกว้างของสาวหน้ามัน เล็กลงได้คือ The History of Whoo Self-Generating Anti-Aging Essence จำได้ว่ารู้จักไอเทมนี้ตอนดูพี่ขวัญ khwankhong รีวิวว่าช่วยกระชับรูขุมขน แล้วก็ลองซื้อเทสเตอร์มาใช้ตั้งแต่บัดนั้น จนถึงบัดนี้ สำหรับความรู้สึกหลังได้ใช้ คือมันช่วยให้รูขุมขนกระชับ เล็กลงนะ แล้วก็ผิวบริเวณที่ทาอิ่มฟูขึ้น (เราทาเฉพาะบริเวณที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง) สรุปสั้นๆ ง่ายสำหรับไอเทมนี้ คือจะใช้วนต่อไป จนกว่าปัญหารูขุมขนกว้างจะถูกกำจัดหมดไปจนเราพอใจ ฮ่าาๆๆ
ถัดมาเป็นเซรั่มช่วยให้หน้ากระจ่างใส ดูไม่โทรม ที่ชอบคือ Garnier Light complete white speed super essence ชอบเซรั่มวิตามินซีของการ์นิเย่มาตั้งแต่รุ่นที่เป็นหลอดอลูมิเนียม ฝาสีเหลืองแล้ว (รุ่น Dark Spot corrector) รุ่นที่แนะนำนี้เป็นรุ่นที่พัฒนามา ใส่ส่วนผสมวิตามินซีที่มีความเสถียร คงตัวมากขึ้น เราชอบเซรั่มนี้ตรงที่ เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมไว ใช้แล้วไม่แสบคันหน้า ช่วยลดรอยดำจากสิว จุดด่างดำ เห็นผล และก็ราคาไม่แพง 200 กว่าบาท 
เนื่องจากผิวเรามีปัญหาสิวเป็นปัญหาหลัก ไม่ว่าจะดื่มน้ำน้อย กินช็อกโกแลตเยอะไป กินขนม ของทอด ประจำเดือน แพ้บลาๆ สิวก็จะขึ้นมาอยู่เรื่อย เราเลยต้องมีไอเทมลดรอยแดงของสิว เรียกได้ว่าเป็น สกินแคร์สามัญประจำตัวเลยก็่ว่าได้ ซึ่ง 2 ไอเทมที่จะมาแนะนำในวันนี้ บอกเลยว่าเด็ดมากก นอกจากจะให้รอยสิวหายไวแล้ว เมื่อช่วงวันแม่ที่ผ่านมา อีสุกอีใส บุกจ้าา ด้วยความที่กินยาไม่ทัน ตุ่มขึ้นเต็มหน้า ประหนึ่งอึ่งอ่างเลยจ้าา ซึ่งหลังจากสะเก็ดแห้ง หลุดลอกแล้ว ก็ทิ้งรอยแดงไว้ให้ช้ำใจ เราก็อาศัยใจนิ่งๆ+หน้ากากอนามัย และประโคม 2 ไอเทมนี้ทุกวันเช้า-เย็น จนปัจจุบันรอยอีสุกอีใสหายไปกว่า 95% แล้วว เย่ เดี๋ยวมีภาพให้ดู อาจจะตกใจได้นะ เตือนไว้ก่อน 2 ไอเทมที่ว่านี้คือ ครีมบัวบก ของรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร และ Burnova gel สูตร Snow Algea Extract สำหรับครีมบัวบก จะเป็นครีมสีขาว เนื้อหนัก เข้มข้น ราคาถูกมาก หลอดละ 30-40 ไม่เกินนี้ ส่วนเจลว่านหางจระเข้ burnova เราลองมาตั้งแต่สูตรสีเขียวต้นตำรับ ติดใจจนไปเหมากับร้านขายยายกโหลมาแล้ว สูตรสีฟ้าสารสกัดจากแพลงตอนก็ลองแล้ว แต่ติดใจสุดคือสูตรสารสกัดจากสาหร่าย snow algea ช่วยเรื่องลดรอยแดง รอยสิว รอยๆต่างได้ดี เห็นผลกว่าสูตรสีฟ้าและสีเขียว
และขั้นตอนสุดท้าย ท้ายสุดของสกินแคร์แล้วนั้นก็คือ การมาส์กนั้นเอง ซึ่งไอเทมที่เราใช้มาส์กทุกวันก่อนนอน นั่นก็คือ Laneige water sleeping mask เคยลองใช้ทั้งสูตรสีฟ้า original กับสูตรสีม่วง กลิ่นลาเวนเดอร์ สำหรับเรา รู้สึกว่าสูตรกลิ่น lavender ให้ความชุ่มชื้นได้ไม่เท่าสูตรสีฟ้า original ทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนนอน ตื่นมาหน้านุ่ม เงาแบบผิวหน้ายังคงความชุ่มชื้น หน้านุ่ม น่าหยิกแก้มมากกก 
หลังจากที่ไอเทมบำรุงผิวหน้าจบไปแล้ว ก็จะขอแนะนำไอเทมบำรุงริมฝีปากกันบ้าง ซึ่งไอเทมในดวงใจที่ชอบคือ DHC lip cream ชอบตรงที่ให้ความชุ่มชื้นยาวนาน เคยเป็นกันไหมที่พอทาลิปบาล์ม แล้วสักพักความชุ่มชื้นของลิปบาล์มมันหายไป เราต้องเลียริมฝึปาก พอทา DHC lip cream ตัวนี้ เราสังเกตว่าตัวเองเลียริมฝีปากน้อยลง คนปากแห้ง เราแนะนำ DHC lip cream ตัวนี้เลยค่ะ
ขอปิดกระทู้ 'หนึ่งเดียวในดวงใจ' ฉบับนักศึกษาเริ่มดูแลผิวไว้แต่เพียงเท่านี้นะคะ ใครมีไอเทมเด็ดอะไร สามารถแชร์ได้ หรือคอมเม้นต์แนะนำติชม ยินดีรับฟังและจะนำไปพัฒนาต่อในการรีวิวครั้งต่อไปค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่าน สวัสดีค่ะ