รีวิวผลการตรวจตับจากกินยารักษาสิว

6 5

          สวัสดีเพื่อนๆ ที่มีปัญหาเรื่องสิวที่กำลังหาข้อมูลการรักษาสิวอยู่วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์เป็นสิวรุนแรงไม่หายสักทีเป็นมาประมาณ 10 ปี รักษากับหมอมาเป็นสิบๆที่แต่ก็ดีขึ้นเฉพาะตอนกินยาแรงๆ(ยากรดวิตามินเอหรือ Isotretinoin, ชื่อ Roaccutane, Acnotin) พอเลิกกินยาสิวก็กลับมาปะทุเหมือนเดิมหมดเงินค่าหมดค่ายาไปเยอะมากวิ่งเข้าๆออกๆคลินิกจนเพื่อด่าว่า "หมดเงินเป็นแสนแล้วได้แค่นี้เหรอ" คือสิวมันไม่หายอ่ะ ทั้งๆที่ ทายา หาหมอ กดสิว ฉีดสิว ทำทรีตเมนต์หน้า ฉีดเมโสสิว ทำเลเซอร์ อย่างเคร่งครัด แต่ไม่ดีขึ้นอ่ะ(ถ้าไม่กินยา)เลยตัดสินใจกินยาเพราะเป็นมานานและอยากหายมาก ตอนนั้นสิวขึ้นเต็มหน้า และปวดตุบๆเพราะมันอักเสบใหญ่มาก เวลาคุยกะใครก็จะจ้องตรงสิวไม่ยอมมองหน้ารู้สึกไม่มั่นใจเลย จนทำให้ตับแย่เพราะกินยาสิว

           

          ที่จะเล่าต่อไปเริ่มกินยารักษาสิวกลุ่มกรดวิตามินเอ(แอคโนติน,โรแอคคูเทน)  ร่วมกับการทายารักษาสิวตามคลินิกเริ่มจากวันละ 20 mg เนื่องจาก ปากแห้ง และลอกมาก จึงลดลงเป็นวันละ 10 mg ครั้งแรกกินติดต่อกัน 6 เดือน ช่วงที่กินยานั้นสิวไม่กล้าขึ้นที่หน้าเลย ไม่มีการอักเสบ แต่ด้วยความกลัวอันตรายจึงไปตรวจตับตามคำแนะนำของแพทย์  เจอค่าเอนไซม์ตับสูงเกินอายุ 21 ปี  (SGOT = 30, SGPT =25) คือถ้าสูงกว่า 40 ก็ถึงขั้นตับอักเสบแล้ว  จึงเริ่มกลัวตายมากกว่ากลัวสิวไม่หายจึงเลิกกินยาตัวนี้ไป เน้นทายาอย่างเดียว หลังเลิกยาสิว  ยาจะถูกขับออกหมด  ทำให้สิวเห่อมาเหมือนเดิม ท้อใจมากผ่านไปปีกว่าตรวจค่าตับเริ่มลดลง(อายุ 22 ปี) พอค่าตับดีขึ้นก็อยากหน้าดีกับเขาบ้าง  จึงตัดสินใจกินยาครั้งที่ 2 และ 3 กินครั้งละประมาณ 3 เดือน  ก็เหมือนเดิมคือช่วงกินยาสิวก็ไม่ขึ้นพอหยุดยาทุกครั้งก็เริ่มเห่ออีกแต่เนื่องจากกินแค่ 3 เดือน ทำให้ยายังสะสมในเนื้อเยื่อได้ไม่เต็มที่ ค่าตับจึงไม่ได้สูงมาก  สิวก็จะกลับขึ้นมาเร็วกว่ากินยา 6 เดือน ตามทฤษฎีบอกว่าค่าตับจะกลับมาเป็นปกติได้ภายใน 2 เดือนหลังหยุดกินยา(แอคโนติน,โรแอคคูเทน)  สรุปคือตอนกินยาแล้วดีขึ้นพอยาหมดฤทธิ์สิวก็กลับมาเยอะเหมือนเดิมจนกลายเป็นวงจรสิวที่ไม่หายขาด(บางคนเรียกวงจรสิวอุบาทว์)

          สำหรับใครที่กำลังกินยาสิวยากรดวิตามินเอหรือ isotretinoin ชื่อการค้า Roaccutane, Acnotin แนะนำให้ไปตรวจตับบ้างถ้ากินมานาน จากข้อมูลที่สืบค้นเพิ่มเติมยาทานแก้สิวเหมาะกับสิวที่อักเสบรุนแรงเหมาะกับคนที่ใช้ปฏิชีวนะแบบกินและแบบทาแล้วสิวไม่ตอบสนอง(ไม่ดีขึ้น) ปริมาณยาแอคโนตินที่แนะนำวันละ 0.5-2 mg/kg (ตามทฤษฏี) เช่นน้ำหนัก 60 kg ก็ควรทานRoaccutane, Acnotin อย่างน้อยวันละ 30 mg เป็นเวลา 4-6 เดือนเพื่อให้ครบโดส(ตามทฤษฏี)  หน้าที่ของยาคือลดการทำงานของต่อมไขมันในร่างกาย  แต่ผลเสีย  ทำให้ทารกในครรภ์พิการ ทำให้ผิวแห้ง ปากแห้ง ตาแห้ง เพิ่มค่าเอนไซม์ตับในบางคน (SGOT,SGPT ; ค่าที่ตรวจการทำงานของตับ)  เพิ่มค่าไตรกลีเซอไรด์เพิ่มค่าLDL(ไขมันไม่ดี) แต่ลดค่าHDL(ไขมันดี) ค่าLDLที่เพิ่มและค่าHDLที่ลดลงจากการกินยากลุ่มกรดวิตามินเอ ในงานวิจัยแนะนำให้เฝ้าระวังการใช้ยาในผู้มีความเสี่ยงโรคหัวใจในระหว่างที่กินยาสิวผู้วิจัยแนะนำให้งดการดื่มแอลกอฮอล์และเลี่ยงอาหารที่มีไขมันเพื่อป้องกันความเสี่ยงของโรคตับอีกด้วย

          ในเมื่อหมอช่วยอะไรเราไม่สมกับที่เราคาดหวังพอเรียนจบโทเริ่มมีเวลาทีนี้เราเริ่มช่วยตัวเองโดยหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตงานวิจัยของไทย ห้องสนทนาของต่างประเทศบ้าง เกี่ยวกับเรื่องสิวเริ่มแรกลองซื้อยามาทาเองตามที่มีผู้มารีวิวในอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่ Benzac2.5-10%, Erythromycin 4%, Clindamycin 1%, Differin gel, Skinoren cream, teatree oil,BHA 2% (Paula’s choice), Mederma, Scar gel, อาหารเสริมรักษาสิว คือใครว่าอะไรดีเราลองด้วยตัวเองเกือบทุกอย่าง จนได้หลักในการรักษาสิวโดยไม่ต้องกินยาและการใช้ยาและสกินแคร์ที่เหมาะกับคนเป็นสิวเรื้อรังมากที่สุด แบบว่าไม่ต้องไปลองผิดลองถูกอีกแล้ว เดี๋ยวมาแนะนำแบบละเอียดในหัวข้อหน้า


krebs_laboratory

krebs_laboratory

เป็นสิวมานานมากๆๆๆ หาหมอแล้วไม่ดีขึ้น จนมาศึกษาอย่างจริงจังกับตัวเองและคนเป็นสิวรอบๆตัว คนที่ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดดีขึ้นแน่นอน ถ้าคุณเป็นเหมือนเราคือลองทาทุกยี่ห้อหาหมอมาทุกคลีนิคแล้วไม่หาย ลองมาคุยกะเราได้ ถ้าสนใจที่จะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดทักมาคุยกะเราได้เลย

FULL PROFILE