HOW TO+ MINI REVEIW : แต่งหน้าเบาๆ หลักพันยันหลักหมื่น | PRICEY VS AFFORDABLE MAKEUP

สวัสดีค่ะ สาวๆ วันนี้ป้าอบกลับมาอีกแล้วนะคะกับลุคเบาๆ ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และยังสุภาพ เรียบร้อย เหมาะกับช่วงนี้นะคะที่พิเศษกว่านั้น คือ อบจะแต่งให้ดูครึ่งหน้า โดยครึ่งหนึ่งเป็นเครื่องสำอางที่มีราคาสูงนิดหนึ่งส่วนอีกครึ่งเป็นเครื่องสำอางราคา (กระเป๋าตัง) รับได้ 555

ที่เห็นจั๋วหัวไว้ว่าเครื่องสำอางหลักหมื่น หลักพัน จริงๆ ต่อชิ้นราคามันก็ไม่ถึงหรอกแต่พอบวกรวมๆ กันแล้วราคามันถึงจริงๆ นะเออ T_T

จุดประสงค์หลักๆ ที่อบทำ how-to นี้ขึ้นมาก็เพราะว่า จริงๆ แล้วเราไม่ว่าเครื่องสำอางราคาถูก หรือแพง เราก็สามารถแต่งหน้าออกมาให้ดีได้ถ้าเราเลือกดีๆ เครื่องสำอางราคาถูกหลายตัวคุณภาพก็ไม่ได้ด้วยไปกว่าเครื่องสำอางราคาแพงๆ เลยนะคะ :)

เอาเป็นว่าสาวๆ คนไหนชื่นชอบการแต่งหน้าเบาๆ เร็วๆ ก็ลองติดตามอ่านต่อนะคะ อบมีรีวิวเล็กๆ ของแต่ละตัวด้วย :)

เริ่มจากลง primer ให้ทั่วหน้านะคะ

ซ้าย : Benefit The PORE fessional (1300 บาท)

ขวา : L'oreal Base Magique Transforming Smoothing Primer (ประมาณ 300)

ทั้งสองตัวเป็นไพรเมอร์ที่ช่วงพรางรูขุมขน และทำให้ makeup ติดทนบนหน้าเรานะคะ โดย benefit จะมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ถ้าคนที่ไม่ได้ผิวมันมาก หรือวันธรรมาดาๆ สบายๆ หรืออยู่แต่ใน office แค่ L'oreal ก็อยู่ยันเย็นแล้วค่ะ สำหรับวันสำคัญ ออกแดด เหงื่อไหลเป็นน้ำ ตำ Benefit โล้ด แถมมีขนาดทดลองให้ซื้อใช้ใน Sephora ด้วยจ้า

ต่อมาลงรองพื้น อบก็จะลงรองพื้นให้ทั่วหน้า โดยฝั่งขวาจะลงโดยใช้มือ (เอาไว สะดวกด้วย) ส่วนฝั่งขวาจะลงด้วยแปรงของ Real techniques expert face brush จ้า

ซ้าย : Mac studio fix fluid foundation : NC 35 (1600 บาท)

ขวา : Nami BB wet to powder (49 บาท)

         L'oreal Lucent Magique Light-Infusing Foundation : G7 (ประมาณ 400 บาท)

เมื่อไม่นานมานี้อบได้รับ sample ตัว fix fluid มากจาก MAC Thailand นะคะ อบก็เลยลองนำมาใช้ดู แล้วปรากฎว่าชอบเลย เป็นรองพื้นที่เกลี่ยง่าย ปกปิดดี ติดทนพอสมควร ลองใช้ทั้งวันยันเย็นผิวก็ยังสวยอยู่ อาจจะมันบ้างแต่ซับๆ ความมันออกผิวก็ยังดีเหมือนเดิม หรือถ้าใครต้องการความเนี๊ยบสุด แนะนำ Estee Lauder Double Wear Stay-in-Place ฮ่ะ แต่ตัวนั้นจะเกลี่ยยากหน่อย สำหรับอบเอาไปผสมกับรองพื้น L'oreal Lucent Magique คือดีเลย

ส่วนฝั่งขวา ใช้ BB ครีม Nami หาซื้อได้ใน 7 เลยฮ่ะ ตัวนี้คุมมันดี+ปกปิดได้ ให้สีโทนเหลืองด้วย ถ้าใครผิวกลางๆ ไปทางขาวน่าจะชอบ แต่สำหรับอบบีบีอันนี้ยังขาวไป อบเลยผสมกับ L'oreal ที่สีเข้มซะเลย ขอบอกว่าเคยใช้สูตรนี้แล้วลงว่ายน้ำ ขึ้นมาผิวยังเป๊ะ! เอาไปลองที่ต่างประเทศตอนที่อากาศเย็นประมาณ 10-23 c ใช้สลับ กับ NARS Sheer Glow ได้เลยฮับ

อ้อ! รองพื้น L'oreal Lucent Magique อันนี้ใช้เดี๋ยวๆ ในวันสบายๆ หรือใน office ก็รอดนะคะ นี่ขวดที่ 2 แล้ววววว :D

มาต่อด้วยคอนซีเลอร์กัน ใบหน้าหลักๆ ของอบเลยจะเป็นใต้ตาค่ะ เพราะเป็นคนนอนดึก เพราะฉะนั้นคอนซีเลอร์ที่เลือกมาต้องปกปิดได้ดี และไม่เป็นคราบถึงจะเวิอร์กสำหรับอบ

ซ้าย : Mac pro longwear concealer : NC 35 (1000 บาท)

ขวา : NYX hd studio photogenic concealer  (ประมาณ 350 บาท)

ปลื้มคอนซีเลอร์ทั้งสองตัว NYX นี่หมดไปหลายแท่งแล้งเพราะใช้ดี เกลี่ยง่าย เป็นคราบบ้างแต่ไม่เยอะ ขึ้นอยู่กับตอนที่เรา set คอนซีเลอร์ด้วย ติดทนโอเคและไม่แพง ส่วน MAC นี่คงไม่ต้องบรรยาย เพราะเริ่ดมาก ไม่เป็นคราบเลยสำหรับอบนะคะ ปิดได้เช้ายันเย็น ซื้อมาแล้ว panda happy (ฮ่า)

ต่อมาลงแป้งฝุ่น set รองพื้นกันนะคะ

ซ้าย : Laura mercier translucent loose setting powder (1,590 บาท)

ขวา : แป้งศรีจันทร์ Translucent Powder (ซื้อใน 7-11 ประมาณ 150 บาท)

ทั้งสองตัวเป็นแป้ง translucent ก็คือไม่เปลี่ยนสีรองพื้นของเรานั่นเองนะคะ อบไม่มีอะไรต้องบรรยายให้กับความเริ่ดของแป้งป้าลอร่าอันเลื่องชื่อ 55+ ตอนแรกได้ขนาดทดลองมาใช้ ใช้แล้วติดใจจนต้องไปถอยตลับใหญ่ (ทรัพย์จาง) แต่คุ้มราคามากๆ เพราะเค้า set รองพื้นอบได้ดีมากจริงๆ ออกงาน รับปริญญา งานเป๊ะ งานปังต้องตัวนี้ ส่วนศรีจันทร์ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับวันเบาๆ ใน office ไม่ได้ทำ heavy duties เหงือไหลเป็นน้ำเหมือนพี่ๆ จราจรตอนบ่าย 3 โมงนะฮะ

เริ่มแต่งตา โดยเราจะลง eyeshadow สีทองให้ทั้วเปลือกตา eye shadow โทนทอง-น้ำตาลเป็น eyeshadow กันตายที่ทุกคนควรจะมีติดไว้นะคะ

ซ้าย : Urban decay naked 2 (2,350 บาท)

ขวา :  e.l.f long lasting lustrous eyeshadow ( 3 USD ประมาณ 100 บาท)

Urban decay eyeshadow palette อันนี้สีดีเลยนะคะ pigment แจ่ม สีสุภาพทั้งหมด แม้แต่สีทองก็เป็นสีทองที่ละมุน ทำให้เราใช้ได้ในชีวิตประจำวันไม่ยากเลย ติดทนยาวเช้ายันเย็นยันดึกจ้า ส่วนของ e.l.f เป็นสีทองที่ใกล้เคียงกัน แต่ติดที่เค้าจะเป็นกลิตเตอร์ แต่ถ้ามองไกลๆ ก็ดูไม่ออกนะว่าเนื้อสองตัวนี้คนละแบบกัน  ความติดทนอาจจะไม่เท่า Urban decay แต่วันเบาๆ ที่เราแต่งหน้าเช้าเย็นลบออก อบว่าตัวนี้ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหา

คัดเบ้ากันนิดหนึ่ง เลือกใช้สีน้ำตาลลงตรงเบ้าตา แล้วเบลนให้ฟุ้งจ้า

ซ้าย : Urban decay naked 2 (2,350 บาท)

ขวา :  essense all about NUDES ( 225 บาท)

ด้านซ้ายอบใช้วิธีการผสมสีเผื่อให้ได้สีที่ไม่ออกเทาเกินไปนะคะ ส่วนด้านขวาใช้ palettes ของ essense พาเลตอันนี้ดีเลยสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มแต่งหน้านะอบว่า มีสีครบ แต่งกลางวัน-กลางคืนได้ เกลี่ยไม่ยาก สีอาจจะไม่ได้แน่นมาก แต่บิ้วได้ ติดทนพอควร แถมราคาสบายกระเป๋าอีก ใช้ได้ทุกสีผิว ควรไปลอง!

ต่อมา เขียน eyeliner นะคะ

ซ้าย : ettusais liquid eyeliner wp  (600 บาท)

ขวา :  lifeford paris eyeliner hi-precise eye pen (199 บาท)

eyeliner อบไม่มีเทคนิคอะไรมาบอกกล่าว (ฮ่า) ส่วนใหญ่อบชอบแบบเป็นเท่งๆ เมจิกแบบนี้ เพราะอบว่าเขียนง่ายดี ของ lifeford อบใช้มาหลาย 10 แท่งละ ไม่เลอะ ไม่แพนด้า ไม่ไหล เคยกรีดไปว่ายน้ำ ขึ้นมาก็ยังอยู่ มีเลือนไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เปื้อน ส่วนของ ettusais ถึงจะเป็นสีน้ำตาล แต่บิ้วให้ดำได้ สีเข้มจริงจัง เขียนง่ายด้วย กันน้ำกันเหงื่อ แจ่ม!

ต่อมามาสคาร่า อันนี้ก็ไม่มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษ มีทริกเล็กๆ ตอนปัดขนตาล่าง ถ้าหัวแปรงใหญ่ แล้วขนตาเราน้อย ให้ตั้งแปรงฮะ ช่วยได้เยอะเลย

ซ้าย : Too faced Better Than Sex Mascara  (1,150 บาท)

ขวา :  Maybelline Volum' Express The Colossal Cat Eyes Washable Mascara  (299 บาท)

มาสคาร่าของเมเบอลีนอันนี้น่าจะหมดไป 3 แท่งได้ ชอบที่หัวแปรงเล็ก ไม่เลอะเทอะ งอนดีไม่ไม่ตก เช้ายันค่ำ ไม่ค่อยยาวหรือหนามากเพราะฉะนั้นเหมาะกับคนที่ขนตาอยู่แล้ว ส่วนของ too faced ให้ความยาวและความแผ่ที่สวยมากจริงๆ แต่แอบมีขนตาตก และหัวแปรงเค้าใหญ่ไปหน่อย แบบมีร่วงใต้ตาบ้างถ้าใช้กับขนตาล่าง เพราะนั้นเวลาใช้จริง อบจะใช้ too faced ก่อนให้ขนตา ยาวและแผ่ จากนั้นใช้เมเบอลีนตามเพื่อเพิ่มความหนาและล็อคให้เค้าอยู่ทั้งวัน ;)

ต่อมาเขียนคิ้ว คิ้วเป็นส่วนที่ยากที่สุดในการแต่งหน้าของอบละ ตั้งแต่เริ่มหัดแต่ง จนตอนนี้ก็ยังเขียนสองข้างไม่เท่ากัน 555+ เริ่มจากการใช้ดินสอเขียนคิ้ว วาดเป็นโครงคิ้ว จากนั้นก็ใช้ eyeshadow หรือ เขียนคิ้วแบบฝุ่นเติมลงไปนะคะ

ซ้าย :  Ettusais Cream eyeliner WP  (600 บาท)

ขวา :  Etude Drawing Eye Brow  (ประมาณ 100 บาท)

เนื่องจากอบไม่มีเขียนคิ้วของ high-end เลย วันนี้อบเลยใช้ eyeliner เนื้อครีมของ Ettusais แทนนะคะ แต่เพราะสีเค้าออกน้ำตาลมากไปหน่อย อบเลยใช้ eyeshadow สีเข้มนิดหนึ่งมาเบรกสี จะได้ดูเป็นธรรมชาติขึ้น ส่วนของ etude นี้ใช้หมดเป็นสิบๆ แท่ง ไม่รู้จะบรรยายความชอบยังไง แถมมีสีให้เลือกเยอะดีน้า สาวๆ ทำสีผมก็น่าจะเลือกสีสำหรับตัวเองได้

ต่อมาคอนทัวร์-ไฮไลท์

ซ้าย :  Tarte Glow Girls Bronze & Highlight Duo (sephora 610 บาท)

ขวา :  Sleek MakeUP Face Contour Kit  (sephora 468 บาท ซื้อที่ uk ประมาณ 300)

sleek อันนี้อบชอบมาก ถูก ใช้ดี highlight ก็พุ่ง น่าจะมี 4 set ให้เลือกตามสีผิว  ใช้มานานแล้วก็ยังไม่หมดซักที 55+ ส่วนของ tarte ก็โอเคเลย เบลนง่าย สีชัด ไฮไลท์ก็พุ่งมากเหมือนกันและติดทนดี สีบรอนเซอร์เนื้อดี สีออกส้มไปนิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ สำหรับสีผิวแบบอบยังใช้ได้อยู่ ถ้าขาวกว่าอบอาจจะเอาคอนทัวร์ไม่ได้ ทั้งคู่ติดทนทานดีฮับ

บรัชออน เหมือนเดิมอบปัดหน้าแก้ม แล้วแอบเบลนๆ มาบริเวณจมูกด้วย เพื่อให้สีนัวเข้าหากัน

ซ้าย :  NARS Orgasm The Multiple (1,700 บาท)

ขวา :  Sleek blush on : rose gold  (ประมาณ 300 บาท)

บรัชออนสีชมพู เหลือบทอง ที่ใช้ได้ในหลายๆ โอกาศ  sleek เค้าจะแอบมี glitter ที่ใหญ่กว่า NARS เพราะฉะนั้นถ้าใครรูขมขนกว้างอาจจะไม่ชอบ แต่เนื่องจากอบทั้งกลบ ทั้งเบลอ รูขุมขนมาแล้ว และอบก็ชอบสีด้วย ทริคเล็กๆ คือปัดให้สูงและออกไปด้านข้างหน่อย อย่าให้ลงที่หน้าแก้มเยอะ เพราะหน้าแก้มเราเต็มไปด้วยรูขุมขน NARS ก็เหมือนกันนะฮะ ถึง glitter จะเม็ดไม่ใหญ่เท่า sleek แต่สาวคนไหนมีปัญหารูขุมขนชัด เบาๆ มือตรงหน้าแก้มหน่อยก็ดี :)

สุดท้ายแล้ว lipstick วันนี้เลือกมาเป็น lipstick สีสุภาพ ทาได้หลายโอกาส เรียกว่าแท่งเดียวได้ทุกวัน ยันออกงาน

ซ้าย :  Estee lauder Pure Color Envy Sculpting Lipstick : 320 Surreal sun ( 1,300 บาท)

           RMK Irresistible Glow Lips : 30 Coral Beige (1,230 บาท)

ขวา :  Wet n Wild : bare it all  (139 บาท)

bare it all เป็นสีนู๊ดสุภาพที่แต่งไปได้ทุกที่จริงๆ สีชัด กลมสีปากได้ดีมาก ติดทนพอควร แห้งบ้างตามประสาลิปแมท คิดอะไรไม่ออกก็หยิบมาทาได้ เข้าได้หมด ส่วนฝั่งซ้ายเนื่องจากอบไม่มีลิปสติก high-end สีนู๊ดเลย อบเลยหยิบสีชมพูกับสีนู๊ดอมส้มมาผสมๆ กัน ก็ได้สีออกมาเกือบๆ เป็นสีเดียวกันกับ bare it all เลยค่ะ ลิปสติกทั้งสองตัวกลบสีริมฝีปากไม่มิดนะคะ ต้องเติมระหว่างวันจ้า

มาถึงตรงนี้ถ้าคนชอบลิปแมท ก็ลงแป้งฝุ่นบางๆ ฝั่งซ้าย แต่ถ้าชอบความ gloss หน่อย ก็ลงกลอสใสทับ bare it all ไปเลยค่ะ เท่านี้การแต่งหน้าของเราก็เสร็จสิ้นลงแล้ววว :)

สุดท้ายท้ายสุ เรามาบวกราคาทุกสิ่งอย่างที่ใช้ไปกันนะคะ

ซ้าย : 16,150 บาท (กรี๊ดดดดดดดดดดดดด)

ขวา : 3,953 บาท

เอาเป็นว่าสาวๆ ก็เลือกซื้อเลือกใช้กันตามความพอใจ ถ้าใช้ของแพงแล้วไม่เดือดร้อน ก็ไม่ผิดอะไร ของบางอย่างที่อาจจะมีสิ่งที่ย่อมเยากว่า ใช้แทนกันได้ แต่อาจจะให้ความรู้สึก/ประสบการณ์การใช้ที่ไม่เหมือนกันก็ได้ :) วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค้าา :))

Discussion (10)

งูยยยยยย ฟินิชลุคสวยมากๆ ค่ะ
แต่งออกมาแล้วได้ผลลัพธ์เหมือนกันเลย
มีความเหมือนกันจริงงงง 
เอา มือ ทาบ อก !!!
@ladyfrist 

@thitthamm : อบก็ว่าเนื้อโอเคเลย ชอบตรงถูกนี่แหละ เหมาะกับผู้มีเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างเราแท้ๆ  555+