ว่าจะไม่...แต่ก็โดนจนได้ รองพื้น ysl allhours

     สวัสดีค่า วันนี้เราขอมาพูดถึงรองพื้นตัวใหม่ ysl allhours ที่ออกมาซักพักแล้ว และก็เรียกเสียงกรี๊ดของสาวๆได้ไม่เบาเลยทีเดียว เพราะความวอแวไปวนเวียนที่เคาน์เตอร์ของเรา...เสร็จค่ะ! สัมผัสแรกที่พบกันคือบางเบา กลิ่นหอมเหมือนดอกไม้อะไรซักอย่าง ที่สำคัญคือสีไม่เปลี่ยน ได้ลองที่ท้องแขนและไปเดินช็อปต่ออีกหลายชั่วโมงก้ยังเป็นสีเดิม จนสุดท้ายก็ต้องกลับมาตำจนได้ 

หลักๆที่เห็นฮือฮากันคือเรื่องติดทน ควบคุมความมัน และเบลอรูขุมขนใช่ไหมเอ่ย ไปดูกันเลยค่ะ

มาเริ่มที่เนื้อครีมก่อนเป็นอย่างแรกนะคะ

     เนื้อครีมมีความบาง แต่เม็ดสีแน่น ทำให้ลงแค่ปั๊มครึ่งก็กริบทั่วหน้าแล้ว เราลงด้วยฟองน้ำ รองพื้นก็ไม่หายไปกับฟองน้ำด้วย เกลี่ยแล้วกดย้ำๆตรงที่มีปัญหาได้สบาย โดยไม่ต้องปั๊มเพิ่ม แต่ลงด้วยมือจะเกลี่ยยากนะคะ เพราะเนื้อไม่ได้ยืดหยุ่นเท่าไหร่

นี่คือภาพพลีชีพก่อน-หลังใช้

     เรามีปัญหาใต้ตาคล้ำ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้างบริเวณขมับและทีโซน แต่ที่หนักคือหน้าแก้ม

หลังจากแต่งหน้าเสร็จในทันที

     พบว่ารองพื้นเซทตัวเร็วและดีมาก เนียนสวย แมทสนิท ในเรื่องการปิกปิด ถือว่าเป็น full coverage ที่ดีจริงค่ะ เก็บรอยแดงมิด ส่วนรอยดำยังต้องใช้คอนซิลเลอร์ช่วยบ้าง เราใช้เบอร์ขาวสุดคือ b10 ซึ่งค่อนข้างขาวกว่าผิวจริงไปนิดนึง แต่พอเวลาผ่านไปเริ่มมีความมันออกมา ปกติหน้าจะเริ่มคล้ำ แต่นี่ไม่ กลับพอดีและกระจ่างใสอยู่เลย

ภาพนี้ถ่ายตอน 11:00 และ 22:00 น.

     ภาพกลางวันแสงเข้าหน้าพอดี เห็นได้ว่าตรงจุดที่ไม่มีปัญหาจะนวลเนียนมาก แต่ตรงจมูกและหน้าแก้มจะเห็นรูขุมขนอยู่บ้าง  ส่วนภาพกลางคืน หน้ามันแล้วค่ะ แต่ยังถ่ายรูปสวยได้อยู่ วาวๆ นัวๆ เราว่ารองพื้นตัวนี้เป็นอีกตัวที่เข้ากล้องแล้วผิวสวยละมุนมาก 

     หลังจากผ่านไปราว 11 ชม. เทียบให้เห็นกันชัดๆนะคะว่า รองพื้นรวมๆยังอยู่ดี จะมีหลุดบ้างตรงใต้ตาและข้างจมูก แต่ไม่มาก! รวมๆคือ ไม่ได้แมทสนิททั้งวัน T-zone นี่เริ่มมันก่อนเลยตั้งแต่ 4 ชม.แรกค่ะ ในขณะที่แก้มแห้งสนิทเช้าจรดค่ำไปเลย

    ส่วนเรื่องการเบลอรูขุมขน รองพื้นตัวนี้ไม่ได้ทำให้รูขุมขนหายไป แต่ช่วยทำให้ผิวหน้าโดยรวมดูนัวๆ เรียบเนียน พอผ่านไป 4-5 ชม.รองพื้นก็จะตกไปอยู่ในรูขุมขนที่เรามีปัญหาอยู่ แต่พอเอาพัฟกดๆ เอ้า! มันก็ดูเบลอไปได้อีก ส่วนบริเวณอื่นยังดูโอเคค่ะ

    สุดท้ายถ้าถามว่า "ควรมีไหม?" ก็ตอบว่า "ควร" ถ้าถามว่า "จำเป็นไหม?" มันก็อาจจะ "ไม่" ค่ะ แต่ถ้าซื้อเราก็ว่ามันคุ้มค่ากับการลงทุนเพราะถ้าเทียบเรื่องราคากับปริมาณ มันคือรองพื้นขนาดจิ๋วแต่แจ๋วค่ะ เพราะใช้แค่นิดเดียวแต่คุณภาพเนื้อและเม็ดสีถือว่ากริบ