สงกรานต์เที่ยวกรุงเทพ ฯ กับเชียงใหม่ แต่ทำไมได้เครื่องสำอางเกาหลีมาเต็มบ้าน!

20 10

สวัสดีค่ะ ชาวจีบันทุกคนเราชื่อ "แย้มมณี" ค่ะ

นี่เป็นกระทู้แรกของเราในจีบัน   ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ^^

ที่มาของกระทู้นี้มีอยู่ว่า เมื่อช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา เราใช้เวลาอยู่ที่กรุงเทพ ฯ กับเชียงใหม่ค่ะ  แต่พอกลับบ้านมา  เราดันมีเครื่องสำอางกลับบ้านมาด้วยถึง 3 ถุงจาก 3 แบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีค่ะ   ลงทุนหอบหิ้วไปมาหนักขนาดนี้เลยคิดว่าควรแก่เวลาจะมาตั้งกระทู้เห่อได้แล้วแหละ

เครื่องสำอางเกาหลีทั้ง 3 แบรนด์นั้นจะมีอะไรบ้าง  ขอเชิญทุกคนมาเห่อร่วมกันได้เลยค่ะ

แบรนด์แรก banila Co.แบรนด์นี้ยังไม่มีผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการในไทย  เราได้เครื่องสำอางแบรนด์นี้มาด้วยความกรุณาของเพื่อนผู้น่ารักที่รับหิ้วมาให้จากเกาหลีค่ะ

ทำไมต้อง banila Co.?

จริง ๆ แบรนด์นี้เขามีเครื่องสำอางหลายไลน์ เน้นขายกลุ่มวัยรุ่นในเกาหลี  ตัวที่เห็นบ่อย ๆ น่าจะเป็น cleanser ตัวดังอย่าง Clean It Zero  แต่เหตุผลที่เราซื้อมานั้นเป็นเพราะความบ้า (หรือความติ่ง แล้วแต่จะเรียก) เพราะ แทยอน เกิร์ลส์เจนเนอเรชั่น สุดที่รักของเรามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์นี้ค่ะ

ซื้ออะไรจาก banila Co.?

รักพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ขนาดนี้  สิ่งที่เราสอยมาคงหนีไม่พ้น banila co. x taeyeon : Happy taeyeon Collection คอลเลกชั่นพิเศษที่แทยอนเป็นคนเลือกเครื่องสำอางมาไว้ในคอลเลกชั่นนี้เองค่ะ   ซึ่งแทยอนออกปากเองว่าในฐานะคนชอบเครื่องสำอาง การได้มีคอลเลกชั่นเครื่องสำอางเป็นของตัวเองถือเป็นความสำเร็จอย่างนึง   ออกปากขนาดนี้ แฟนคลับอย่างเราก็เปย์วนไปค่ะ

ถึงแม้ตอนแรกเราจะฝากเพื่อนหิ้ว banila co. Happy taeyeon Collection มาเพราะพรีเซนเตอร์  แต่พอแกะกล่องแล้วบอกเลยว่าสีอายแชโดว์น่ารักน่าใช้มากค่ะ  ขนาดเพื่อนเราที่ไม่ใช่แฟนคลับแทยอนยังออกปากว่าอายแชโดว์สีสวยจริง ๆ (ไว้แกะใช้เมื่อไหร่จะมารีวิวนะคะ)

ราคาขายชุดนี้ที่เกาหลี อยู่ที่ 58,000 วอน หรือคิดเป็นเงินไทยราว ๆ 1,800.- บาท ค่ะ  ถือว่าซื้อเป็นชุดก็คุ้มกว่าซื้อแต่ละชิ้นแยกกันค่ะ  ในชุดมีเครื่องสำอางอยู่ทั้งหมด 3 ชิ้น ตามนี้ค่ะ

1. banila co. it Radiant CC Cover Cushion SPF50+ PA+++ สี BP15  

ตลับคุชชั่นน่ารักมาก ทำเป็นเหมือนรูปเครื่องเล่นแผ่นเสียง  สีคุชชั่นที่ได้มาในชุดจะเป็นการสุ่มมาให้  เราเลือกสีคุชชั่นเองไม่ได้ค่ะ

สีคุชชั่นที่เราได้มาคือ BP15 สีที่แทยอนใช้   ซึ่งเรายังไม่แน่ใจว่าเราจะใช้ได้รึเปล่า เพราะผิวแทยอนนั้นขาวมาก ๆ ค่ะ   เลยตั้งใจไว้ว่าถ้าใช้แล้วไม่รอดกับสีผิวเรา คงได้ใช้ลงเป็นไฮไลต์แทน   ตลับนี้ถ้าซื้อแยก จะมีสีให้เลือก 3 สี คือ BE10/ BP15/ BE20   ราคาอยู่ที่ 35,000 วอน หรือราวๆ 1,100 บาทค่ะ

2. banila co. Happy taeyeon Colour Kit

เป็นพาเลตต์ที่ทำเลียนแบบกล่อง CD เพลงค่ะ  ในพาเลตต์ประกอบด้วยบลัชและอายแชโดว์สีที่แทยอนเลือกเอง ตามนี้ค่ะ

- บลัชออนสี Spring Pink เป็นบลัชสีออกชมพูอมส้มนม ๆ หน่อย  เนื้อเนียนดี  น่าจะปัดง่ายโดยไม่ต้องกลัวสีแก้มจะหนักไปค่ะ

- อายแชโดว์ 3 สี คือ Sunshine Peach  อายแชโดว์เนื้อชิมเมอร์สีทอง พร้อมกลิตเตอร์เป็นประกายสุดพลัง

Happy Pink อายแชโดว์เนื้อชิมเมอร์สีชมพูอมแดง มีกลิตเตอร์สีทอง

Soft Brown สีนี้เรากรี๊ดเลยเพราะสีสวยมาก  เป็นอายแชโดว์เนื้อชิมเมอร์สีน้ำตาลเหลือบทองแดง ไม่มีกลิตเตอร์

ตลับนี้ถ้าซื้อแยก  ราคาจะอยู่ที่ 25,000 วอน หรือราว 800 บาทค่ะ

(ในรูปอาจเห็นสีที่แขนไม่ค่อยชัดนะคะ  ขออภัยในความกล้องกากมา ณ ที่นี้ด้วย)

3. banila co. The Kissest Satin Lipstick สี SPK501 Relent Pink

ลิปสติกเนื้อซาตินสีชมพูแดง  ที่เขาบอกว่าเป็นสีที่เหมาะกับฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน  (เข้าทางเมืองไทยที่เป็นฤดูร้อนทั้งปี)  แท่งนี้ถ้าซื้อเดี่ยว ๆ ราคาเต็มอยู่ที่ 14,000 วอน หรือ 450 บาทค่ะ

แบรนด์ที่สองNature Republicถึงแม้แบรนด์นี้จะมีร้านในเมืองไทยแล้ว  แต่ราคาขายที่เมืองไทยก็สูงกว่าที่เกาหลีมากเอาเรื่อง  เราเลยฝากเพื่อนหิ้วมาให้จากเกาหลี (อีกแล้วค่ะ)

ทำไมต้อง Nature Republic

ก่อนหน้านี้ แทยอน (อีกแล้ว!) เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ Nature Republic ก่อนหมดสัญญาไปเมื่อปลายปี 2016 ค่ะ  ช่วงที่แทยอนเป็นพรีเซ็นเตอร์ แม่เราไปเที่ยวเกาหลีพอดี เราเลยฝากแม่ซื้อเครื่องสำอางจากแบรนด์นี้ให้  ซึ่งครั้งนั้นก็ได้เครื่องสำอางขนาดทดลองมาใช้มากมาย และกลายเป็นว่าเราถูกใจสกินแคร์แบรนด์นี้มากกว่าเมคอัพ  เลยเป็นลูกค้าสกินแคร์แบรนด์นี้ต่อแม้แทยอนจะไม่เป็นพรีเซ็นเตอร์แล้วค่ะ

ซื้ออะไรจาก Nature Republic

ของที่เราได้จาก Nature Republic มี 2 กลุ่มค่ะ

กลุ่มแรกคือเครื่องสำอางที่น่าสนใจ แต่ทำใจซื้อจากช็อปไทยมาลองใช้ไม่ไหวจริง ๆ   เป็นสกินแคร์ในไลน์ White Vita Floral ซึ่งนอกจากจะเน้นเรื่องปรับสีผิวให้ขาว (ตามชื่อไลน์) ลดเลือนริ้วรอยแล้วยังมีคุณสมบัติทำให้การผลิตน้ำมันของผิวเป็นปกติด้วย  อ่านแล้วสาวผิวผสมค่อนข้างมันอย่างเราตาลุกวาวอยากลอง  เลยฝากเพื่อนหิ้วมาให้เกือบครบทั้งไลน์เลยค่ะ

1. Nature Republic White Vita Floral Moisture Cream ขนาด 50 มิลลิลิตร

ราคา 23,900 วอน คิดเป็นเงินไทย ~ 750 บาท

ราคาช็อปไทย 1,290 บาท

2. Nature Republic White Vita Floral Emulsion ขนาด 150 มิลลิลิตร

ราคา 20,900 วอน คิดเป็นเงินไทย ~ 650 บาท

ราคาช็อปไทย 1,190 บาท

3. Nature Republic White Vita Floral Capsule Essence Special Kit

ชุดนี้เป็นชุดพิเศษที่เอาตัว Capsule Essence ขนาด 40 มิลลิลิตรซึ่งเป็นไซต์เต็ม มาจัดชุดรวมกับโทนเนอร์และอิมัลชั่นขนาดทดลอง (31 มิลลิลิตร) พร้อมแถมสำลีให้อีก 7 แผ่น ประมาณว่าเป็นชุดทดลองสำหรับใช้ 1 สัปดาห์ค่ะ

Capsule Essence นี้เป็นเจลเนื้อใส ๆ มีเม็ดบีดส์เล็ก ๆ ผสมอยู่ค่ะ (เขาว่าเป็นเม็ดบีดส์น้ำมันกับเม็ดบีดส์ moisturiser) ซึ่งพอเรากดปั๊มออกมา เม็ดบีดส์นี้ก็จะแตกตัวผสมกับเนื้อเจล  Capsule Essence นี้ใช้ทาบนใบหน้าหลังขั้นตอนการใช้อิมัลชั่นค่ะ

จริง ๆ เจ้า Capsule Essence นี้มีขายแยกเฉพาะตัวไซต์เต็มในราคา 23,900 วอน  แต่พอเอามาจัดชุดแบบนี้แล้วเขาก็ขายราคาเท่ากันคือ 23,900 วอนหรือราว 750 บาท แถมถ้าสั่งออนไลน์จะได้ราคาลด 30% เหลือ 16,730 วอนหรือราว ๆ 510 บาทเท่านั้น!  คุ้มสุด ๆ   ชุดนี้ราคาช็อปไทยขายอยู่ที่ 1,290 บาทค่ะ

สกินแคร์ในไลน์นี้มีอีก 3 ตัวที่เราไม่ได้ฝากหิ้วมานะคะ คือ

- Toner ขนาด 150 มิลลิลิตร  ราคา 20,900 วอน (~650 บาท) ราคาช็อปไทยขายอยู่ที่ 1,190 บาท

- First Essence ขนาด 150 มิลลิลิตร  ราคา 23,900 วอน (~750 บาท)  ตัวนี้เราไม่ทราบราคาช็อปไทยเพราะไม่เห็นในเพจลงไว้ค่ะ

- Eye Brigthner ขนาด 30 มิลลิลิตร  ราคา 23,900 วอน (~750 บาท)  ราคาขายช็อปไทย 1,290 บาท

ใครที่อยากใช้ไลน์นี้แบบเต็มไลน์ก็ใช้เรียงลำดับตามนี้เลยนะคะ

First Essence -> Toner -> Emulsion -> Capsule Essence -> Cream -> Eye Brightner

กลุ่มที่สองที่เราได้จาก Nature Republic คือกลุ่มใช้ซ้ำค่ะ

กลุ่มนี้เป็นของที่เราใช้แล้วชอบจนต้องซื้อซ้ำ  มีอยู่ 2 รายการค่ะ

1. Nature Republic Argan Essential Derp Care Shampoo ขนาด 1,000 มิลลิลิตร

ราคา 25,900 วอน หรือ ~ 800.- บาท

แชมพูนี้ที่ช็อปไทยมีขายเฉพาะขนาด 300 มิลลิลิตรในราคา 495.- บาท  ขนาดเดียวกันที่เกาหลีขาย 9,900 วอนหรือราว ๆ 300.- บาทค่ะ  ซื้อขวดลิตรคุ้มกว่ามาก ๆ (สำหรับคนที่มีน้ำหนักกระเป๋าเหลือเฟือสำหรับขนกลับนะคะ   อยากกราบเพื่อนสักครั้งที่หิ้วกลับมาให้เลยค่ะ)

2. Nature Republic Argan 20° Real Squeeze Ampoule ขนาด 25 มิลลิลิตร

ราคา 25,000 วอน หรือ ~800.- บาท

ราคาช็อปไทย 1,190.- บาทค่ะ

ตัวนี้เราได้ลองใช้ขนาดทดลองที่แม่ได้มาจากการซื้อเจลว่านหางจระเข้และเครื่องสำอางกลับมาฝากจากเกาหลีค่ะ ตอนแรกไม่คิดว่าคนผิวผสมค่อนข้างมันจะใช้ได้  แต่กลายเป็นว่าเราใช้แล้วผิวดีขึ้นค่ะ

นอกจากจะมีส่วนที่ฝากเพื่อนหิ้วมาจากเกาหลีแล้ว  ยังมีส่วนที่เราซื้อจากช็อปไทยด้วยค่ะ   มี Nature Republic Hand & Nature Wildberry Hand Cream กลิ่นกุหลาบ ที่ตั้งใจซื้อไปฝากพี่ที่ทำงานเป็นของขวัญวันสงกรานต์เพราะพี่ ๆ เขาเห็นเราใช้แล้วชอบ  ราคาหลอดละ 300.- บาท มีโปร 1 แถม 1 ก็เหลือหลอดละ 150.- บาท  ที่เกาหลีขายแบบ 1 แถม 1 เหมือนกันในราคา 6,600 วอนหรือราว ๆ หลอดละ 100 บาทค่ะ

อีกอันที่เราซื้อจากช็อปไทยคือ Nature Republic Color & Nature Nail Colour #48 Rose Gold Dress ราคา 99.- บาท  เป็นสีทาเล็บแบบชิมเมอร์สีโรสโกลด์  สีสวยดีค่ะ  เราชอบสีทาเล็บของ Nature Republic เพราะมีสีให้เลือกเยอะและทาง่าย  ใช้แล้วเล็บไม่ค่อยเหลืองด้วยค่ะ  ที่เกาหลีมีโปร 1 แถม 1 ในราคา 3,500 วอนหรือราว ๆ 110.- บาท ตกขวดละ 55.- บาทค่ะ

สิริรวมค่าเสียหายที่ Nature Republic ช็อปไทยไป 399.- บาท ได้สินค้าขนาดทดลองมา 2 ชิ้น คือแฮนด์ครีมกลิ่นชาเขียวซึ่งมีคนบอกว่าหอมมาก  กับของแถมยอดฮิตที่เราได้แทบทุกรอบอย่าง Snail Solution Foam Cleanser ซึ่งสำหรับเรา เราว่าใช้แล้วทำให้หน้าเราแห้งเกินไปค่ะ  ขนาดว่าเราเป็นคนผิวผสมค่อนข้างมันนะคะ  ถ้าใช้ตอนฤดูหนาวมีแสบแก้มกันเลยทีเดียว

แบรนด์ที่สาม Etude Houseมาถึงแบรนด์สุดท้ายที่จะชวนทุกคนมาเห่อกันแล้วค่ะ นั่นก็คือแบรนด์ Etude House ขวัญใจสาวมุ้งมิ้งทั้งหลายนั่นเองค่ะ

หลังจากที่หายไปจากเมืองไทยพักหนึ่ง  Etude House ก็กลับมากับผู้จัดจำหน่ายรายใหม่ที่เราว่าไฉไลกว่าเจ้าเดิม  เพราะของที่นำเข้ามาจำหน่ายเยอะกว่าเมื่อก่อน  เรียกว่าเอาเข้ามาครบและทันกับที่เกาหลีเลยค่ะ   จากที่เมื่อก่อนบางตัวไม่มีวางขายในช็อปไทย  อยากได้ต้องฝากหิ้วจากเกาหลี

ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เราไปช็อปจริงจังที่ช็อป Etude House  ที่สาขาสยามค่ะ (จริงจังแค่ไหน  ขนาดที่แทบแลกส่วนลดจากยอดซื้อแค่บิลเดียวอ่าค่ะ )

ทำไมต้อง Etude House

เหตุผลเดียวเท่านั้นคือ ขุ่นแม่ Pony บิวตี้บล็อกเกอร์ชาวเกาหลีค่ะ  เราฝึกแต่งหน้าโดยการแต่งตามหนังสือของ Pony เลยรู้สึกชื่นชมเขาเป็นพิเศษ  เห็นเขาใช้อะไรก็อดไปดูไม่ได้ค่ะ

ซื้ออะไรจาก Etude House

Etude House สาขาสยามคือแหล่งฆ่าเวลาชั้นดีเวลารอเพื่อน เพราะมีของให้ลองเยอะมาก  มี remover ให้ลบเครื่องสำอางที่เรา swatch ไว้เต็มแขนอีกต่างหาก   ด้วยความครบขนาดนี้  Etude House เลยเป็นแหล่งดูดทรัพย์ชั้นดีเวลาไปช็อปด้วยเช่นกันค่ะ

ของที่เราได้จาก Etude House เที่ยวนี้  มีแต่งานปากเป็นส่วนใหญ่แถมงานเล็บอีกนิดหน่อยค่ะ

1. Etude House Kissful Lip Care Essence (190.- บาท)

ที่เกาหลีขาย 4,500 วอน (~140.- บาท)

ลิปเอสเซนส์เนื้อบาล์ม  แพคเกจน่ารัก  ตอนลองให้ความชุ่มชื่นกับปากดี  ทาก่อนลงลิปทินท์หรือลิปสติกช่วยให้ปากไม่แห้งเกินไป  เหมาะกับคนปากแห้งมาก ๆ แบบเรา

2. Etude House Dear Darling Water Tint PK002 Plum Red (200.- บาท)

ที่เกาหลีขาย 4,000 วอน (~125.- บาท)

คงไม่ต้องบรรยายอะไรกันมากกับลิปทินท์ในตำนานของ Etude House   ตอนลองที่แขนติดทนมากขนาดที่เอา Remover เช็ดยังเหลือสีติดอยู่ชัด  ต้องอาบน้ำเอาสบู่ฟอกถึงออกหมด   สี Plum Red ที่เราเลือกมาเป็นสีชมพูเจือม่วงค่ะ  เห็นคอลเลกชั่นสีทินท์ที่เกาหลีแล้วละลานตามาก  อยากได้~  โดยเฉพาะ 4 สี Winter MLBB ที่เป็นโทนแดงก่ำแบบสีไวน์เบอร์กันดี  สีชมพูอมม่วงเข้ม ๆ  สวยมากจนอยากได้ทุกสีทั้งที่มีปากเดียวนี่แหละค่ะ

3. Etude House Dear My Enamel Lips-talk RD306 I'm Strawberry (480.-)

ที่เกาหลีขาย 10,500 วอน (~320.- บาท)

ลิปเนื้อครีมสีแดงอมส้ม  สีแดงที่ทาออกมาไม่ใช่แดงสด  ดูอุ่น ๆ เหมาะกับการแต่งหน้า warm tone มาก ๆ ค่ะ

4. Etude House Play 101 Blending Pencil #17 PK004 (330.-)

ที่เกาหลีขาย 7,500 วอน (~220.- บาท)

ดินสอของขุ่นแม่ Pony~  เห็น Pony ใช้ดินสอนี้แต่งหน้าแบบง่ายมากแล้วออกมาดูสวย   เรายังไม่มั่นใจในทักษะตัวเองเลยเลือกมาแต่สีที่ใช้ทาปากได้ค่ะ  สีแรกเป็นดินสอเนื้อเยลลี่ (ถ้าจำไม่ผิด) สีชมพูอมส้ม ออก Coral หน่อย ๆ  ทาเป็น everyday look ได้ค่ะ

5. Etude House Play 101 Blending Pencil #23 RD304 (330.-)

ที่เกาหลีขาย 7,500 วอน (~220.- บาท)

อีกสีที่เราหยิบมาเพราะอยากจับคู่ทา ombre กับสีข้างบน คือเบอร์ 23 เป็นสีชมพูบานเย็นสด ๆ   เราลองทาคู่กันแล้วมันดูเข้ากันดีค่ะ   เป็นดินสอที่ให้สีสดชัดมาก ๆ กลบสีปากมิดและเกลี่ยง่ายค่ะ

6. Etude House Play Nail #33 Backstroke of Stars (130.-)

ที่เกาหลีขาย 3,000 วอน (~95.- บาท)

สุดท้ายนี้เป็นงานเล็บค่ะ   สีทาเล็บคอลเลกชั่นใหม่ของ Etude House  เป็นสีน้ำเงินเข้มผสมกลิตเตอร์สีเทาเงินด้าน ๆ  เป็นสีทาเล็บผสมกลิตเตอร์ที่ไม่แวววาว  ทาแล้วชวนนึกถึงเนื้อสัมผัสของก้อนหินค่ะ   สีนี้ทาแค่ 2 รอบก็กลบสีเล็บได้หมดแล้วค่ะ   ข้อเสียของสีทาเล็บนี้คือตรงขอบ ๆ หลุดง่ายมาก

รวมแล้ว เราเสียทรัพย์ไปกับ Etude House 1,660.- บาทค่ะ

พร้อมกับได้ของแถมมาอีกกระบุงโกย  ซึ่งคงได้ลองใช้แล้วมารีวิวในโอกาสต่อไปค่ะ

นั่นคือเครื่องสำอาง 3 แบรนด์เกาหลีที่เราไปกวาดต้อนมาช่วงสงกรานต์นะคะ

ขอบคุณจีบันสำหรับพื้นที่เห่อหนักมากกกกกกกด้วยค่ะ ^^


ViVid_MiA

ViVid_MiA

ยมณ ย่อมาจาก "แย้มมณี" ^^
ชอบแต่งหน้าแต่ไม่กล้าถ่ายรูป
คนรอบตัวบอกว่า แต่งหน้าขึ้นแต่ถ่ายรูปไม่ขึ้น (ฮ่วย!)
ผิวหน้าถูกกับสกินแคร์เกาหลี (เป็นส่วนใหญ่)
ใช้เวลาทาสกินแคร์ครั้งละ 13 นาที (!!!)
ใช้เครื่องสำอางตามดรักสโตร์ & แบรนด์ไทยราคาน่าคบ
แต่งหน้าพอไหวเพราะฝึกแต่งตามหนังสือของ Pony จ้า

FULL PROFILE