(CR) จ่ายเงินเองจ้า : รีวิวสกินแคร์ จากร้านขายยาที่ปารีส + ได้ของแถมมาเยอะเลย

บริษัทส่งไปทำงานที่ปารีสอีกแล้วครับ เนื่องจากคราวนี้ไม่มีแพลนอะไรหลังเลิกงาน เลยออกไปเดินเล่นที่ห้างใกล้ ๆ โรงแรมครับ

ห้าง Aeroville เพิ่งเปิดได้ไม่นานนะครับ ปีสองปีนี่แหล่ะ ห้างนี้ใกล้สนามบิน CDG มากที่สุดละครับ มีบริการรถรับส่งจากโรงแรมแถว ๆ นั้น ไปที่ห้าง รวมถึงสนามบินด้วย ห้างนี้จะไม่ใช่ hi-end ที่มีสินค้าพวก Hermes , Chanel อะไรแบบนี้นะครับ แต่จะมีพวก H&M , Sephora ร้านขายยา ซุปเปอร์ และอีกหลาย ๆ ร้าน รวมถึง ร้านอาหารด้วยครับ

**** ลิงค์ที่ใส่ไว้ เป็นข้อมูลจากเว๊ปไซต์ของแบรนด์นั้น ๆ โดยตรง มีข้อมูลของส่วนผสม และข้อมูลของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ถ้าเปิดด้วย Chrome จะดีมากเลยครับ เพราะเค้าจะแปลภาษาให้

1. Caudalie Fleur De Vigne Cleansing Mousse แปลเป็นภาษาอังกฤษก็ instant cleansing foam

ขนาด 150 มล

ราคา ขวดละ 9 ยูโร (ซื้อแพ็คคู่มาราคา 17.99 ยูโร)

ส่วนประกอบและรายละเอียดสินค้าดูได้ที่ https://fr.caudalie.com/soin-visage/produit/demaquillants/instant-foaming-cleanser.html 

ที่ผมสนใจโฟมล้างหน้าเพราะ ลองใช้โฟมล้างหน้าของ Cruel แล้วชอบมากครับ ล้างดีเลยล่ะ เลยอยากจะหาโฟมล้างหน้าของยี่ห้ออื่นดูบ้าง และก็มาเจอ Caudalie

Caudalie จะชูโรงเรื่องสารสกััดจากเมล็ดองุ่น เป็นสินค้าที่ราคาสูงกว่า Bioderma หน่อยครับ แต่ยังถือว่าเป็นสินค้า drug store คือราคายังไม่สูงมาก และหาได้ตามร้านขายยาทั่ว ๆ ไปที่ฝรั่งเศส

ประสบการณ์การใช้

ล้างออกง่ายมากครับ ส่วนผสมอ่อนโยน ไม่มีสารสบู่ ไม่มีส่วนผสมของสัตว์ แต่ถ้าเทียบกับ Cruel ส่วนตัวแล้วผมว่าตัวนี้ดีกว่าครับ ล้างโฟมออกจากหน้าได้ง่ายกว่า ล้างแล้วผิวไม่เอี๊ยด แต่รู้สึกผิวมีความสมดุล สมดุลมากกว่าใช้ Cruel อีก ตอนนี้ผมก็ใช้สลับ ๆ กันไปกับ Cruel คือชอบ Caudalie ด้วย และก็ยังชอบ Cruel อยู่

ผมจะใช้โฟมล้างหน้าควบคู่กับ แปรงล้างหน้า Foreo Luna mini ครับ อันนี้ซื้อมาปีกว่าล่ะ แรก ๆ ก็เห่อ แต่พอใช้ไปสักพักเริ่มไม่เห็นว่ามันจะได้ผลสำหรับผมเลย เลยตั้งทิ้งไว้เฉย ๆ ตอนนี้เอากลับมาใช้กับโฟม สรุปว่าชอบ รู้สึกว่าดีกว่าใช้มือล้างหน้าอีก

ส่วนถ้าเวลาไปต่างประเทศ จะใช้ Primavera balancing gel ล้างหน้า อันนี้ดีมากครับ เนื้อสัมผัสเหมือนกับน้ำอสุจิ ลื่น ๆ แต่ล้างออกง่ายมาก หน้าสะอาด แต่ไม่แห้ง และรู้สึกผิวมีความสมดุล

ส่วน Three balancing foam , Sulwhasoo , Algenist , Estee และอีกหลายยี่ห้อที่มีตอนนี้ไม่ค่อยได้ใช้เลย ช่วงนี้ชอบ Cruel , Caudalie และ Primavera

2. Bioderma Sebium H2O 

ขนาด 500 ml

ราคา 9 ยูโร (ซื้อแพ็คสองขวดมาครับ แพ็คละ 17.99 ยูโร)

สำหรับข้อมูลของสินค้า http://www.bioderma.fr/fr/nos-produits/sebium/h2o 

ผลการใช้

  

ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมากครับสำหรับที่ล้างหน้าแบบน้ำอันนี้ ใช้ดีมากครับ ติอย่างเดียวทีีมีน้ำหอม อันนี้เหมาะสำหรับคนเป็นสิว หรือผิวที่เป็นสิวง่าย แต่อย่างที่บอกมีน้ำหอม ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องน้ำหอม อันนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเลยครับ

3. ที่มาส์กหน้าแบบไม่ต้องล้างออก Bioderma Hydrabio Masque      

ขนาด 75 มล

ราคา 12.99 ยูโร

รายละเอียดสินค้า http://www.bioderma.fr/fr/nos-produits/hydrabio/masque  

ผลการใช้

อันนี้เป็นมาส์กที่ไม่ต้องล้างออก วิธีใช้ก็คือ ขั้นแรกทำความสะอาดผิวหน้า จากนั้นอยากลงโทนเนอร์อะไรก็ลงไป และก็ทาด้วยมาส์กอันนี้ ทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วเช็ดส่วนเกินออก จากนั้นถ้าอยากลงอะไรต่อก็ตามสบาย จริง ๆ อันนี้ก็เหมือนโลชั่นหรือครีมทาหน้านะแหล่ะ เพียงแต่มันเข้มข้นมากกว่า ใช้ครั้งแรกเค้าแนะนำให้ใช้ทุกวัน จากนั้นอาทิตย์ละครั้ง จะทำให้ผิวไม่ขาดน้ำ

4. Avene Cleanance Mask

ขนาด 50 ml

ราคา 7.99 ยูโร

รายละเอียดสินค้า http://www.eau-thermale-avene.fr/visage/soins-specifiques/cleanance-peaux-a-tendance-acneique/cleanance-mask-masque-gommage

ผลการใช้

อันนี้ยังไม่ได้ลองใช้เลยครับ แต่ดูทรงแล้วน่าจะดี คือผมกำลังหามาส์กระดับราคา 300 - 400 บาท และไอ้ตัว Cleanance มันเป็นไลน์สำหรับคนเป็นสิว

5. Avene Triacneal expert

ขนาด 30 มล

ราคา 10.49 ยูโร

รายละเอียดสินค้า http://www.eau-thermale-avene.fr/visage/soins-specifiques/cleanance-peaux-a-tendance-acneique/triacneal-expert

ผลการใช้

อันนี้เป็น emulsion สำหรับคนที่ผิวเป็นสิวง่าย ยังไม่ได้ลองใช้ ซื้อ Avene Triacneal expert มารอไว้ก่อน 2 หลอด กะว่าถ้า LRP effaclar Duo+ หมดเมื่อไหร่ จะใช้ Avene ต่อละ ตัวนี้มี retinol นะครับ ไม่เหมาะกับหญิงมีครรภ์

6. Laroche Posay Effaclar Duo+

ขนาด 40 มล

ราคา 10.49 ยูโร

ของแถม เจลล้างหน้า Effaclar 50 มล

รายละเอียดสินค้า http://www.laroche-posay.fr/produits-soins/effaclar/effaclar-duo-p9749.aspx

ผลการใช้

อันนี้ทาทั้งแทนหน้ามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ครับ มีส่วนผสมที่คุมสิว และลดรอยจากสิว คราวก่อนผมซื้อมา 2 หลอด ใช้หมดไปแล้ว 1 หลอดก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยอะไร คราวนี้เลยซื้อมาเพิ่ม 1 หลอด เพราะตั้งใจว่าจะให้เวลากับตัวเองและผลิตภัณฑ์ 3 เดือน (ใช้เดือนละหลอด) กะว่าถ้าหมด 3 หลอดแล้ว แม้ว่าจะเห็นผลหรือไม่เห็นผล ผมก็จะเปลี่ยนไปใช้ Triacneal แล้ว

7. ครีมกันแดด Bioderma Photoderm Max 50 Aquafluide

ขนาด 40 มล

ราคา 8.99 ยูโร

ของแถม ที่ล้างหน้าสูตรน้ำ Bioderma Crealine H2O ขวดเล็ก

รายละเอียดสินค้า http://www.bioderma.fr/fr/nos-produits/photoderm/max-aquafluide-spf-50ค

ผลการใช้

ผมเป็นพวกชอบซื้อครีมกันแดด เพราะยังหาครีมกันแดดที่ชอบสุด ๆ ไม่ได้เลย คือมีที่ชอบ แต่ยังไม่สุด แต่มีความหวังว่าอาจจะเจอสุด ๆ แล้วซื้อไปเรื่อย ๆ และอีกเหตุผลก็คือ มีความคิดว่าเฮ้ยเดือนหน้าอาจไม่ได้มาฝรั่งเศส อาจไม่ได้ไปเมกา อาจไม่ได้ไปญี่ปุ่น เพราะงั้นซื้อแมร่งไว้ก่อนเลยละครับ ผลลัพธ์ก็คือครีมกันแดดเต็มบ้านเลย ที่สำคัญยังไม่ได้แกะใช้เลย และไบโอเดอมาอันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในนั้น

จริง ๆ ผมอยากใช้ครีมกันแดดของ smith นะ แต่ไปลองเนื้อแล้วมันมีสี + ราคาแพงไปสำหรับผม ผมเลยไม่ได้ซื้อมา ถ้าเค้าทำผลิตภัณฑ์กันแดดไม่มีสี + ราคาสัก 300 บาท ผมก็อาจจะไปหามาลอง

หรือครีมกันแดด mizumi อันนี้อ่านตามที่เค้าโฆษณาไว้แล้วอยากใช้มากครับ ติดที่ราคาอย่างเดียว คือมันแพงไปสำหรับผม ถ้าเค้าลดราคาเหลือ 300 บาท ผมก็อาจจะไปหามาใช้บ้าง

8. สบู่ก้อน Le Petit Marseillais 

ขนาด 200 กรัม

ราคา 2.41 ยูโร

ผมเป็นคนใช้สบู่อะไรก็ได้ที่ขายตามท้องตลาดที่ส่วนผสมดี ไม่ว่าจะสบู่ก้อน หรือสบู่เหลว ไม่ว่าจะส่วนผสมดีอย่างสบู่เหลว กกเลี้ยง หรือสบู่ก้อนธรรมชาติสมุนไพรอะไรก็ตาม

แต่สบู่ที่เคยใช้มาทั้งหมดทั้งที่ซื้อจากไทย และจากต่างประเทศ ณ.ตอนนี้ผมชอบสบู่ le petit marseillais ตัวที่เป็น 72% extra pure อันนี้มากที่สุดแล้วครับ

คือชอบสุด ๆ แล้วครับ สบู่อันนี้ ราคาอาจจะแพงไปหน่อย ก้อนนึง 90- 100 บาทแน่ะ แต่ผมเคยใช้สบู่ก้อนละ 250 บาท อันนี้ซื้อที่ไทย เป็นของไทยเลย เป็นสบู่ธรรมชาติ ส่วนผสมดี แพ็คเก็จจิ้งดีมาก ดูทันสมัย คอนเซ็ปดี ธรรมชาติ ออแกนิคส์ อะไร ๆ เทือก ๆ นี้ ให้ความรู้สึกเหมือน ใช้แม็ค เข้าสตาร์บั๊ค ซื้อของซุปเปอร์ที่ wholefoods อะไรแบบนี้ และสบู่นี้ีส่งขายที่เมืองนอกด้วย และก็รู้สึกว่ากระแสตอบรับดีด้วยสิ ผมก็กัดฟันยอมซิ้อมาที่ราคา 250 บาท สรุปใช้แล้วก็เฉย ๆ คือดีกว่าสบู่โซดาไฟ + ไขมัน ทั่ว ๆ ไปน่ะแหล่ะ แต่ไม่ได้ว้าวอะไรขนาดนั้น หลังจากนั้นผมเลยเลิกซื้อสบู่แพง ๆ ใช้เลย แต่พอมาเจอสบู่ Marseillais อันนี้ ผมเลยซื้อมาตุนไว้อีก 2 ก้อนเลย คือชอบมาก ใช้ดีจริง ๆ

ผลการใช้

ฟองเยอะ + ล้างออกง่าย + หลังล้างรู้สึกถึงความสะอาด + หลังล้างผิวไม่แห้ง + แต่ผิวกลับมีความสมดุลแทน และที่สำคัญคือปกติผมเป็นคนคันง่ายมาก แต่พอใช้อันนี้แล้วผื่นคันไม่ค่อยมีเลย

9. L'occitane Almond shower oil

ขนาด 250 + 500 มล

ราคา 33.60 ยูโร

ของแถม sample 3 อัน ผมเลือก Divine เพราะดูแล้วแพงหน่อย และก็มีน้ำหอมกลิ่นใหม่หลอดเล็ก ๆ แถมมาอีกอันนึง

บอกเลยอันนี้เป็นที่อาบน้ำที่แพงที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา ตอนซื้อนี่ผมคิดแล้วคิดอีก เดินย้อนไปย้อนมา ซื้อดีไม่ซื้อดี แต่สุดท้ายก็ทนกิเลสไม่ไหว ซื้อมาลอง คิดว่า เอาว๊ะ อย่างน้อยก็ลองใช้สักครั้งในชีวิต

ผลการใช้

ทำความสะอาดผิวได้ดี หลังอาบน้ำแล้วผิวนุ่มมากครับ กลิ่นหอมติดผิวเลย ปกติผมไม่ชอบอะไรที่กลิ่นเยอะ ๆ แต่อันนี้เรียกว่าข้อยกเว้นก็ได้มั๊ง อันนี้ไม่ต้องทาครีมหลังอาบน้ำ ผิวก็ยังชุ่มชื่น ผมลองเอาลิ้นเลียผิวดู รสชาติก็ขม ๆ เหมือนกัน

เสียดายอย่างเดียวที่ใส่ parfume มา

ถามว่าชอบไหม บอกเลยว่าชอบครับ แต่คงไม่ซื้อต่อเพราะแพงครับ อันนี้ซื้อเพื่อสนองกิเลสเฉย ๆ ซื้อเพื่อให้รู้ว่าเออเคยใช้แล้วนะ ดีด้วย ชอบด้วย แต่คงไม่ซื้อต่อ ผมไปใช้ Marseillais ก็ได้ครับ หรือกกเลี้ยง หรือสบุ่ โซดาไฟ + น้ำมัน ยี่ห้ออื่น

  

และนี่ก็คือของแถมที่ได้มา

ปิดท้ายกระทู้นี้ด้วยเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ

ผมซื้อ LRP , bioderma , Eucerin อะไรพวกนี้ที่ร้านขายยาในฝรั่งเศส (ร้านค้าปลีกด้วยนะเออ ไม่ใช่ร้านขายส่ง) ได้ในราคาประมาณ 300 กว่าบาท ซึ่งบางอย่างอาจราคาสูงกว่านี้ แต่โดยเฉลี่ย ๆ ก็ราคาประมาณ 300 กว่าบาท

ในความคิดของผมนะ สินค้ายี่ห้อที่ขายตามร้านขายยาพวกนี้ก็น่าจะเป็นสินค้าดีมีคุณภาพ ถ้าเป็นครีมกันแดด ค่า SPF ก็คงไม่ต่างจากที่ติดระบุไว้ที่ฉลาก และที่สำคัญการแจ้งส่วนประกอบของสินค้าที่ฝรั่งเศส ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดต้องแจ้ง 100% นะจ๊ะ ส่วนที่เมกาถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ทางผลิตภัณฑ์สามารถแจ้งแค่ 99% ได้ (ถ้าผมเข้าใจผิดต้องขอโทษไว้ ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ และขอบคุณผู้รู้ไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ ถ้าจะมาชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง) เพราะฉะนั้นผมเลยมองว่า ทั้ง ๆ ที่ค่าครองชีพเค้าสูงกว่าบ้านเรา ภาษีเค้าก็สูง ไหนจะค่าเช่าที่ ไหนจะค่าพนักงาน ไหนจะกำไรที่ต้องบวกเข้าไป เค้ายังขายราคานี้ได้

เพราะฉะนั้นสินค้าคุณภาพของบ้านเราที่วางขายในบ้านเราก็ไม่น่าจะตั้งราคาสูงไปกว่าสินค้าฝรั่งเศสที่ขายในฝรั่งเศส (แต่สินค้าฝรั่งเศสที่ขายในไทยผมเข้าใจนะที่ราคาสูง เพราะมันมีเรื่องภาษี เรื่องขนส่ง เรื่องกำไรที่ต้องบวกเข้ามาอีก)

ถ้าใครพอรู้ว่าทำไมสินค้าไทยที่ขายในไทย ถึงมีราคาสูงกว่า สินค้าฝรั่งเศสที่ขายในฝรั่งเศส รบกวนบอกผมหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากรู้เพื่อจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ขอบคุณล่วงหน้านะครับ

Discussion (13)

@nchnch Caudalie ใช้ดีนะครับ โฟมล้างหน้าใช้ดีเลย

@Cindie เป็นไปได้ครับ :)

@Simplysara ครับ คราวหน้าจะระวังเพิ่มขึ้นครับเรื่องใช้คำ น้อง ๆ ผู้หญิงเยอะจริง ๆ ด้วย ส่วนเรื่องพิมพ์ผิดผมพิมพ์ผิดจริง ๆ ด้วย มันต้อง Curel ขอบคุณนะครับ

@nuntaporn @Keetar_Prowis @Bella603 @raveeploy.a @Violenze_DeZeM @sawhapam @Sandsand Sandy @RinnyN @น้องฟริ้ง ขอบคุณที่แวะมาอ่านครับ


มาอัพเดทเพิ่มครับ Mask หน้าของ Bioderma ไม่ถูกกับผมอย่างแรง สิวขึ้นตรึมเลย ตอนนี้เลยเอามาทาตัวเป็นโลชั่นแทน ไม่อยากทิ้ง เสียดายเงิน ส่วน mask ของ Avene ใช้แล้วสิวขึ้นเหมือนกัน เอ.. หรือว่าเป็นสิวที่มีอยู่แล้ว (แต่จับ ๆ หน้าก่อนใช้มาส์ก หน้ามันก็เรียบนะ ไม่มีสะดุด) พอใช้มาส์กอันนี้มันเลยกระตุ้นขึ้นมา

ตอนนี้ Cosrx acne pimple patch หมดด้วย อันนี้ใช้ดีมากครับ

ถ้าใครเป็นสิว ผมแนะนำ Cosrx เลยนะ ใช้ส่วนประกอบที่ง่าย ๆ แต่ได้ผล เป็นแบรนด์เกาหลีที่มาแรงมากครับ ข้อเสียคือต้องซื้อจาก Aland บางสาขา หรือ Olive and young บางสาขาที่เกาหลี หรือไม่ก็ต้องสั่งจาก Wishtrend อะไรเนี่ยแหล่ะ ผมก็ไม่เคยสั่งน๊ะ แต่ Cosrx เป็นสินค้าที่ราคาถูกมาก ราคาหลักร้อย เทียบกับคุณภาพแล้ว เอาไปสามกะโหลกเลย

ส่วนอีกยี่ห้อ อยากลองมาก ยี่ห้อ Klairs ที่เป็นของเกาหลีนะครับ อย่าไปสับสนกับอะไรที่คล้าย ๆ กันนะครับ ตัว Klairs supple preparation facial toner แต่ราคาแอบแพง 180มล ราคา 22 USD ได้มั๊ง

อีกอันก็ Whamisa organic flowers deep rich essense toner 120มล ที่ Costco ขาย 30 ดอลล์

ใครเคยใช้ Klairs หรือ Whamisa บ้างครับ ขอสอบถามความคิดเห็นหน่อยครับ
 

คือพวกที่พี่ซื้ออ่ะ Bioderma, L'Occitane, Eau Thermale Avenue หรืออื่นๆ คือเป็นสินค้าของทางฝั่งยุโรปอยู่แล้วอ่ะค่ะ เพราะฉะนั้นเค้าถึงขายถูกกว่าบ้านเรา แล้วที่ทำไมที่ไทยบ้านเราถึงแพงกว่าก็เพราะว่า สินค้านำเข้ามาไงคะ ยกตัวอย่างง่ายๆนะคะ ทำไมคนถึงชอบไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมพวก chanel, prada ที่ฝั่งทางยุโรป ถ้าเมื่อไหร่ที่เค้าได้ไป ก็เพราะว่าที่ไทยแพงกว่าถูกมั้ยคะ? เพราะเป็นสินค้าทางบ้านเค้า ก็เหมือนกันค่ะ สำหรับสินค้าหรืออาหารไทยถ้าไปขายต่างประเทศก็แพงกว่าเหมือนกันค่ะ

เพิ่มเติมนะคะ เคยไป เยอรมัน, ออสเตรีย, เชค, สโลวาเกีย, และฮังการีมาเมื่อสิงหาปีที่แล้วเองค่ะ ก็ไปโกยมาหมดเลยจากร้านขายยา 555 La roche-posay duo+ ซื้อมา 2 ชิ้น Effaclar k+ ก็ซื้อมา 2 ชิ้น Bioderma cleansing water ซื้อมา 3 ขวดใหญ่เลย 500ml ซื้อ Effaclar H และก็ effaclar mat มาอีก 1 คือร้านขายยาดีงามมาก เมื่อเทียบกับราคาที่ไทยและสิงคโปร์แล้ว ไม่ไหวๆ แพงเกิ๊น นี่ก็เรียนที่สิงคโปร์มา 7 ปีแล้ว bioderma ขวดนึงก็ตกอยู่ที่ประมาณ $49.90 ประมาณ 1,248 บาท ที่ไทยเท่าไหร่ไม่แน่ใจนะคะ