'บาหลีเป็นเกาะชิคๆ' รีวิวทริปบาหลีแบบเที่ยวครบ จบใน 4 วัน

18 9

ฮัลโหลสาวๆ วันนี้เรามีรีวิวทริปท่องเที่ยวบาหลี เกาะชิคๆที่เราเชื่อว่าต้องเป็น Dream destination ของสาวๆหลายๆคนแน่ๆ หรือใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับเกาะนี้ ไม่รู้ว่ามีดีอะไรอ่านรีวิวเราจบต้องมีเสิร์จหาตั๋วแน่นอน! เราเลยคิดว่าข้อมูลของเราน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาวๆบ้านจีบันไม่มากก็น้อยแหละ ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด4 วันซึ่งแพลนของเราในทริปนี้คือ

Day 1 : เดินทางจากดอนเมือง-เดนปาซาร์ นั่งรถไปพักที่ Kuta เดินเล่นชิวๆ

Day 2 : ย้ายไปพักแถวๆ Canggu แหล่งรวมคาเฟ่ฮิปๆ เดินเล่น เรียนเซิร์ฟคูลๆ

Day 3 : เที่ยวทะเลระแวก South Kuta หาดลับ วัด Uluwatu ย้ายเข้าที่พักเมืองอูบุด

Day : 4 : เที่ยวเมืองอูบุด ภูเขาไฟคินตามณี นาขั้นบันได แช่น้ำพุร้อน

เราออกเดินทางจากดอนเมืองด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ราคาตั๋วตอนที่จองได้อยู่ที่ประมาณ 3000นิดๆ ไปกลับรวมแล้ว7000 ออกเดินทางประมาณ 6 โมงกว่าๆ ไปถึงประมาณ 11โมง และที่ไม่เม้าท์ไม่ได้เลยคือ Taxi ราคาโหดมากกกก และตามตื๊อมากกกก ตอนนั้นรำคาญสุดๆ แต่ด้วยอากาศที่ร้อนจนต้องถามตัวเองซ้ำๆ ว่านี่ชั้นมาเที่ยวบาหลีหรือทะเลทรายซาฮาร่าวะ จึงทำให้เราพับแพลนที่จะลากกระเป๋าออกไปรอโบกแท็กซี่ข้างนอกสนามบินไป และพ่ายแพ้ต่อความตื๊อของแท็กซี่สนามบิน จากสนามบินไปที่พักที่ Kuta ใกล้มากๆ แต่พี่แท็กซี่คิดราคา200,000 รูเปียะ (ราคานี้คือต่อแล้วนะ) คิดเป็นเงินไทยประมาณเกือบๆ600 บาท!!! น้ำตาจะไหลพอนั่งมาถึงคือแบบ แค่เนี้ยอ่ะนะ ใกล้แค่นี้เลย? เลยอยากจะแนะนำใครที่จะไปเที่ยวว่า อย่าขี้เดียดเลย ทนเดินเอาหน่อย โบกแท็กซี่ที่เปิดมิเตอร์จะถูกกว่ามากๆ แนะนำของ Blue bird จะราคาถูกกว่า Taksi

จะมาอวดที่พักว่าคืนแรกที่จองไว้คือที่ H-ostel Bali เป็นโฮสเทลสไตล์ Loft ที่ใหม่และเกร๋มากๆ เพราะมีเตียงคู่ให้นอนสองคนด้วย ราคาหารสองแล้วถูกกว่าแบบเตียงเดี่ยว ตกคนละ 200 นิดๆ รวมอาหารเช้า ใครไม่ซีเรียสเรื่องนอนโฮสเทลนี่เราแนะนำที่นี่มากๆ เพราะที่บาหลีหาโฮสเทลยากมาก และที่นี่คือดีจริง สะอาด ใหม่ คนที่พักไม่วุ่นวายเสียงดัง ที่สำคัญพนักงานน่ารัก ช่วยเหลือทุกเรื่อง ประทับใจเอาไปเต็ม10 10 10 ไปเลยจ่ะ

มีคอมให้ใช้แถมไวฟายโคตรแรง!

ในห้องพักจะมีเตียงกับส่วนของล็อกเกอร์ที่ทนสมัยสะดวกสบายสุดๆ แต่ไมไ่ด้ถายมาเยอะเพราะตอนเราไปถึงยังมีแขกนอนหลับกันอยู่ เกรงใจ ห้องน้ำที่นี่ถือว่าสะอาดที่สุดที่เคยนอนโฮสเทลมาเลย แถมมีเยอะไม่ต้องแย่งกัน ที่สำคัญ ปลั๊กที่เตียงเป็นแบบที่เราใช้ได้ด้วย (พอย้ายไปที่อื่นต้องหาซื้อปลั๊กหัวกลมๆมาต่อแทน)

หลังจากเก็บของเข้าที่พักเสร็จเราก็ออกมาเดินเล่นสำรวจเมืองกัน จากความรู้สึกคือคิดว่า Kuta คล้ายๆพัทยา สมุย ภูเก็ตบ้านเรา แต่เกร๋กว่าตรงที่ซุ้มประตูต่างๆจะยังเป็นแบบวัฒนธรรมสมัยเก่า ดูแปลกตา

อะไรประมาณนี้

ใครที่เป็นสายชอบแนวเสื้อผ้าฟีลทะเล เซิร์ฟๆนี่มาทีมีหมดตัวอ่ะ หมดตัวแน่นอน เพราะShop Rip curl, Billabong, Quicksilver, Roxy ต่างๆเยอะมาก เดินไปทางไหนก็เจอ 

แต่ด้วยความงกของเราสองพี่น้อง จะให้ซื้อในชอปแถวนี้มันก็แพงเกินไป เงินหมดไม่ต้องเที่ยวกันพอดี เราเลยเลือกโบกแท็กซี่ไปชอปปิงกันที่เอ้าท์เล็ตแทน ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีเพราะถูกมากๆ นี่ได้เสื้อเชิ๊ตราคาถูกกว่าไทยมากกว่าครึ่งนึงมาด้วยล่ะ! ใครอยากไปโบกแท็กซี่หรือเรียกอูเบอร์ไป OSO เอ้าท์เล็ตเด้อ

 

 จบกับเรื่องชอปปิงเราก็มาต่อกันด้วยการเดินเล่นชมเมือง ใน Kuta นี่เดินได้เพลินๆเลยนะ ร้านคาเฟ่ เสื้อผ้า ตกแต่งสวยๆเยอะแยะไปหมด

 เกือบลืมไปเลยว่าคูต้านี่เป็นชายหาดนะ แต่ตอนเราไปน้ำกำลังลง ขยะเต็มหาดเชียว แต่คลื่นกำลังดี มีคนเล่นเซิร์ฟอยู่บ้างประปราย

 เดินไปเดินมารู้ตัวอีกทีก็มืดแล้ว ปิดท้ายวันแรกด้วยรีวิวคาเฟ่ชิคๆที่เราฝากท้องมื้อเย็นไว้ละกันเนาะ ร้าน CRUM and Coaster

บรรยากาศดีมากๆ นั่งกันไปยาวๆเพราะฟรีไวฟาย หาได้อร่อยเลิศแต่อย่างใดไม่55555 ล้อเล่น ก็พอกินได้แต่ไม่ถึงกับว้าว ไปเพื่อกินบรรยากาศเนาะDAY 2

เข้าวันที่ 2 แล้ว เราเก็บของเช็คเอ้าท์ประมาณเที่ยงๆ เรียกอูเบอร์ไป Canggu  อยู่ประมาณตอนเหนือของคูต้า ไม่ไกลมาก ค่ารถประมาณร้อยกว่าบาท ซึ่งเราจะแอบบอกว่าอูเบอร์ทีนู่นไม่ใช่จะเรียกกันได้ง่ายๆนะคะ เพราะว่าเหมือนแบบเค้าจะมีมาเฟียแท็กซี่อยู่แล้วที่ไม่ให้อูเบอร์เข้ามารับคน ต้องทำเหมือนแอบเรียก ของเราคือเรียกจากแอปแล้วรบกวนพนักงานโฮสเทลทรหาคนขับให้หน่อย ว่าจะเจอกันได้ตรงไหน เพราะเราไม่ได้ซื้อซิมในทริปนี้ (แพงมาก 600กว่าบาท เสียดายเงิน) ทีนี้พนักงานโฮสเทลก็บอกเราว่าคนขับขอให้เราไปรอตรงหัวมุม แล้วถ้ามีแท็กซี่มาถามให้บอกไปว่าเราจ้างรถพร้อมคนขับไว้แล้ว อย่าบอกว่าอูเบอร์ เราก็โอเค ระหว่างรอรถมีคนเข้ามาถามเยอะมากๆว่าแบบไปไหน แท็กซี่มั้ย (ซึ่งแท็กซี่ที่นี่ตื๊อมากๆ น่ากลัวนิดๆด้วย ใครเป็นผู้หญิงไปเที่ยวกันเองต้องระวังมากๆเด้อ) ทีนี้พอคยขับอูเบอร์มาเราก็รีบเดินไปขึ้นรถ ตนกำลังจะปิดประตูได้ยินแท็กซี่กลุ่มนั้นตะโกนว่าอูเบอร์แล้วชี้นิ้วมา น่ากลัวมากๆ สรุปคือเรียกอูเบอร์ถูกกว่าแท็กซี่หลายเท่า แต่แอบๆเรียกหน่อย จบประเด็นอูเบอร์

มาต่อกันที่เรื่อง Canggu แหล่งที่เราสถาปนาเอาเองว่านี่มันแหล่งฮิปสเตอร์ เนื่องจากชายหาด Batu Balong เป็นหาดที่คลื่นแรง เหมาะกับการเล่นเซิร์ฟที่สุดเลยทำให้มีวัยรุ่นนักเซิร์ฟ (ส่วนใหญ่มากจากออสเตรีย เพราะใกล้มากๆ) มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือร้านเสื้อผ้าต่างๆในย่านนั้นจึงตกแต่งแข่งกันสุดริด

เดินๆไปนี่เพลินตลอดทาง ถ้าเป็นคนชอบพวกของตกแต่งมาที่นี่จะฟินสุดๆ

ร้านนี้คือคาเฟ่ออร์แกนิค เป็นอาหารมังสวิรัตที่ตกแต่งได้สวยงามตรงจริตเรามากจนต้องเลี้ยวเข้าทันทีที่เดินผ่าน (อีกแล้ว)

หน้าตาอาหารจะประมาณนี้ รูปนี้เป็นสเต็กเห็ด

ส่วนอันนี้เป็นสมูทตี้แก้วมังกร ใส่พวกกราโนล่ากับผลไม้สด

ส่วนอันนี้สามีในอนาคต 55555555 นอกจากร้านจะตรงจริตแล้วผู้ชายในร้านก็ยังตรงจริตเอามากๆอีกด้วย ที่สำคัญคืออารมณ์ประมาณนี้เต็มหาดจ้าจบจากคาเฟ่มาต่อกันที่ที่พีก ซึ่งที่พักที่ Canggu นี้เราภูมิใจนำเสนอมากๆ เพราะหลงรักตั้งแต่เห็นรูป (จองจาก Airbnb) ชื่อที่พักว่า Villa Salin คืนละประมาณ 1600 หารกันเหลือคนละ 800 แพงกว่าที่พักอื่นๆของทริปนี้ แต่เป็น800ที่ไม่เสียดายเลยซักนิด!

แค่ทางเข้าก็เกร๋แล้ว

มีมุมครัวให้ซื้อของมาทำเองด้วยน้า

ที่พักนี้เพิ่งสร้างใหม่ เป็นบังกะโลติดกันเล็กๆ 4 ห้อง สวย สะอาด ส่วนตัวมากกกกก

มุมให้นั่งชิวส่วนตัวหน้าห้อง

ไปดูข้างในกัน

ของตกแต่งเล็กๆน้อยๆ มีไม่เยอะแต่อิมแพคเรามาก

ห้องน้ำกว้างมากกกกกก

นั่งๆนอนๆอยู่ในโรงแรมแปปเดียว จากแดดออกแรงๆฝนก็ตกเฉย เอาแน่เอานอนกับที่นี่ไม่ได้จริงๆ

หลังจากฝนหยุดเราก็จะไปเล่นเซิร์ฟบอร์ดกัน ! ที่หาด Batu Balong เป็นจุดที่มีให้เช่าเซิร์ฟบอร์ดพร้อมครูสอนหลายเจ้ามากๆ แถมคลื่นยังแรงกำลังดี เหมาะกับทั้งโปรเซิร์ฟและมือใหม่หัดเล่น (ถึงหลายคนจะบอกว่าหัดใหม่ไปคูต้าปลอดภัยสุดแต่เราว่าคูต้าสกปรกวุ่นวายเกินไปหน่อย)

หาดนี้จะคล้ายๆคูต้า ไม่ได้สวยอะไรมากแต่มาเพื่อเล่นเซิร์ฟไม่ผิดหวังแน่นอน

ใครที่อยากลองเรียนเซิร์ฟเดินเข้าไปถามตามซุ้มแบบนี้ได้เลย ร้านแรกที่เราไปถามบอกว่าเรียนไม่ได้ เพราะคลื่นน่ากลัวเกินไปสำหรับ beginner ตอนนั้นเสียใจมากๆ จะร้องไห้ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกลจะไม่ได้เล่นเซิร์ฟเพราะฝนดันตกเนี่ยนะ TT ดีที่เราตัดสินใจเดินไปถามตรงอื่นดู ร้านที่สองถามว่าทำไมจะเรียนไม่ได้ จ่ายไปคนละ325,000 รูเปียะ เล่นได้แน่นอนสิ แพงเชียว55555 ราคานี้คือครูจะสอนเราเต็มๆ 2 ชั่วโมง แล้วหลังจากนั้นเราจะเล่นต่อก็ได้ ถ้ายังเล่นไหวอ่ะนะ

พร้อมแล้วก็ไปกันเล้ย

น่าเสียดายที่เราไม่ได้ถ่ายรูปตอนเล่น หรืออัดวิดีโอไว้เลย เพราะตลอด 2 ชั่วโมงครูแกคงอยากให้เราคุ้มค่าเรียนโดยการไม่ปล่อยให้ฟักเลยจ้า บางทีเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำ น้ำยังไหลออกจมูกไม่หยุด ครูถามแล้วว่า Ready มั้ย มีคลื่นมาใหม่ นี่อยากจะแบบ ฮัลโหล ดูสภาพก่อน55555 ซึ่งขอรีวิวการเล่นเซิร์ฟครั้งแรกเลยว่าเป็นอะไรที่สนุกมากกกกก รู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักการเซิร์ฟไปแล้ว สนุกมาก เหนื่อยมาก แต่ชอบมาก สนุกกว่าไถเสก็ตบอร์ดเยอะเลยอ่ะ ท้าทายกว่ามากๆ ต้องมีสมาธิกับคลื่นตลอดเวลา ช่วงที่มีความสุขที่สุดของเราคือครั้งแรกที่ยืนบนบอร์ดได้ (หลังจากฝึกแล้วร่วงไปหลายรอบ) วินาธีนั้นคือเข้าใจเลยว่าทำไมหลายๆคนถึงชอบเล่นเซิร์ฟ มันเป็นความสุขที่อธิบายไม่ได้อ่ะ ตอนได้ยินเสียงครูฝึกตะโกนมาไกลๆว่าแบบ แกทำได้แล้วเห็นมั๊ย เก่งมากเลย กับเห็นสีหน้าของเขาที่ดูดีใจมากๆที่ในที่สุดเราก็ทำได้ เชื่อว่าเราคงไม่มีวันลืมโมเมนต์นั้นแน่นอน

น่าจดจำมากๆ เป็นกีฬาที่ทำให้คนไม่ชอบเล่นกีฬาอย่างเราหลงรักได้นี่คือ
สุดจริงๆนะ

อันนี้ครูฝึกเรา ชื่ออับดุล ตัวเล็กแต่แข็งแรงมากๆ หลังจากเล่นเซิร์ฟเสร็จเราก็เข้าที่พัก ต้มมาม่าที่พกจากไทยไปกินแล้วนอนตายกันเลยจ้าDAY 3

เริ่มต้นวันที่ 3 ด้วยการเช่ารถพร้อมคนขับ ของเราใช้บริการของ Teddy ที่นิยมที่สุดแล้วในหมู่คนไทย เนื่องจากว่า เราไม่อยากไปซื้อทัวร์ตามร้านทัวร์ ที่จะจัดสถานที่มาเป็นเซ็ตๆ ส่วนใหญ่จะพาไปวัด ซึ่งไม่ใช่ทางของเราอย่างรุนแรง เลยเลือกจัดโปรแกรมเองแล้วส่งโปรแกรมไปให้ทาง Teddy team ตีราคาให้ตั้งแต่ตอนอยู่ไทย ซึ่งโปรแกรมของเราเนี่ยเชื่อว่าลูกค้าของ Teddy ต้องไม่มีใครเคยเลือกไปมาก่อนแน่ๆ เพราะคนขับเจอเราปุปถามทันทีเลยว่า พวกยูชอบทะเลใช่มั้ย เลือกไปทะเลทั้งวันเลย555555 คือเราอ่านรีวิวมาเยอะมากๆ ส่วนใหญ่จะไปกันแต่ที่เดิมๆ แล้วบวกกับที่เราชอบอ่านรีวิวของต่างประเทศ จะเห็นภาพหาดสวยๆเยอะมาก เลยจำชื่อสถานที่มาเวิร์จดูในแผนที่ว่าที่ไหนที่ใกล้ๆกันบ้าง สามารถเที่ยวในวันเดียวกันได้ จนลิสต์รายชื่อหาดมาได้ดังนี้

หาดแรกที่ไปคือ Dream land beach เป็นหาดที่ทางเข้าจะเป็นเหมือนพื้นที่ของโรงแรมใหญ่ๆ กำลังก่อสร้าง หาดสวยมากกกกก น้ำใสเห็นเป็นสีฟ้า คลื่นแรงมากๆ พัดมาทีนี่เราที่ใส่รองเท้าผ้าใบยืนถ่ายรูปอยู่ต้องวิ่งหนีอ่ะ บางลูกนี่นึกว่าพรีสึนามิ55555

 

นอกจากหาดจะสวยมากแล้ว เวลาที่เราไปถึงแดดยังแรงมากเช่นกัน เราเลยไม่ได้ลงเล่นน้ำ ถ้าใครไปเย็นๆนี่ฟินแน่นอน น้ำน่าเล่นระดับ10 อยู่ที่หาดนี้ประมาณ 20 นาที เราก็เดินทางต่อไปยังที่ต่อไปคือ Bingin beach

Bingin beach นี่เราอาจจะเป็นคนไทยแรกๆที่ไปเลยก็ได้ เพราะขนาดครขับรถยังไม่เคยไปเลย55555 ต้องคอยจอดถามทาง แต่ในที่สุดก็พาเราไปถึงจนได้ ต้องจอดรถไปช้างบนแล้วเดินต่อเข้าไปเองซึ่งไกลมากกกก

เดินมาจนถึงไม่เจอชายหาด เพราะเลือกเดินลงผิดทาง และเป็นเวลาน้ำขึ้น เราเลยแวะกินข้าวกันแทน วิวร้านนี้ดีมากกกก

ระหว่างรออาหารออนนีนางก็มีความแอ๊บอ่านหนังสือชิคๆถ่ายรูปไปอะไรไปเนาะ

Bingin beach เป็นอีกหาดที่เหมาะกับการเซิร์ฟเพราะคลื่นดีมาก แต่ส่วนใหญ่จะมีแต่พวกโปรที่มาเพราะโหดเกินไปสำหรับบิกินเนอร์อย่างเรา กิจกรรมของเราที่หาดนี้เลยมีแค่กินข้าว ชมวิว แล้วแบกร่างตัวเองเดินขึ้นเขากลับไปทางเดิม TT

ที่ต่อไปเป็นวัดหนึ่งเดียวของทริปนี้ จริงๆอยากจะตัดวัดออกทั้งหมดเลยแต่ที่ีนี่เหมือนแลนด์มาร์คของบาหลีก็ว่าได้ ใครมาต้องมีรูปที่นี่กลับบ้านไปแน่นอน นั่นก็คือวัด Uluwatu นั่นเอง (สาวๆต้องนั่งผ้าถุงหรือผ้าคลุมยาวถึงตาตุ่มนะคะ ใครไม่มีที่วัดมีให้เช่าเด้อ)

วิวโหดมากกกกกกกก เป็นหน้าผายื่นออกไป คลื่นแรงๆกับน้ำทะเลสีน้ำเงิน ดีมากจริงๆ

โปรดมองข้ามแฟชั่นที่ไม่เข้ากันของเราไปในวัดนี้ เจอต้องใส่ผ้าสะโร่งเข้าไป พัง พังมาก ออนนีนางมีความลุคส์เหมือนป้าขายกล้วยแขกข้างบ้านสุด5555555

เราอยู่ที่วัดนี้กันได้ไม่นานนัก เพราะแดดตอนเที่ยงๆ บ่ายๆอ่ะ โหดมาก ผิวนี่ไหม้ในไหม้ในไหม้ ถ่ายรูปเสร็จนี่รีบขึ้นรถอย่างไว

ต่อกันที่สุดท้ายของวันนี้ คือเรารีเควสไปว่าอยากนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ Blue point bar แต่ไปถึงก่อนเวลาพระอาทิตย์ตกเยอะ เลยเดินลงไปตามทางเรื่อยๆเพื่อเล่นน้ำ

อันนี้ระหว่างทางเดินลง แวะถ่ายรูปได้อะไรได้

มองลงไปเจอคนเล่นเซิร์ฟเหมือนลอดออกมาจากถ้ำ เพื่อไปเล่นที่กลางทะเล คูลมากๆ

เด็กตัวแค่นี้ก็เล่นกันอย่างโปร เท่มาก

ถึงล้าววววว เป็นถ้ำ สวยแปลกตามาก มีคนลงมาเล่นน้ำและเล่นเซิร์ฟอยู่พอสมควร

น้ำที่ีนี่แรงมากกกกกก ขนาดเราอ้วนยังจะโดนน้ำพัดร่วงไปหลายรอบอ่ะ

พวกคนผอมอย่างแกน่t อย่าหวังจะไปได้ไกลเลย เหอะ!

มีเรื่องนอกเรื่องจะเล่า คือเราก็อยากได้รูปสวยๆเนาะ ก็มีความไปนั่งบนโขดหิน ระหว่างที่กำลังให้ออนนีนางถ่ายรูปให้อยู่นั้น คลื่นลูกใหญ่ก็พัดมาแรงมากๆ แรงขนาดที่ว่าเราตกจากโขดหิน ก้นกระแทกกับหินอีกก้อน เจ็บมากกกกกกกก จบกลับมาไทยก็ยังไม่หายเจ็บ ใครจะไปก็ระวังๆเนาะ ถ่ายรูปก็เอาง่ายๆพอ เดี๋ยวจะเป็นแบบเรา555555

หลังจากเล่นน้ำกันจนพอใจ เราก็แบกร่างหนักๆของตัวเอง กับก้นที่บอบช้ำ ไปนั่งพักใจที่ Blue point bar จุดที่ทุกคนที่มาบาหลีไม่ควรพลาด เพราะนอกจากร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงามแล้ว ผู้ชายที่นี่ยังดีงามมากอีกด้วยจ้าาาาา

เรียงกันมาเป็นแผง นกเลือกไม่ถูกเลยค่ะพี่ตา

กลับมาที่สาระนะ คือร้านมันดีจริงๆ วิวดี บรรยากาศดี เหมาะจะมานั่งพักหลังจากเล่นน้ำมาเหนื่อยๆ ดูพระอาทิตย์ตกจะแจ่มมาก

อันนี้เราเอง

อันนี้นักเซิร์ฟ แฟนใหม่เรา (อีกแล้ว) 55555555555

หลังจากนั่งกินบรรยากาศกับส่องผู้ชายกันจนอื่ม เราก็ออกเดินทางไปพักที่เมืองอูบุดDAY 4

วันที่ 4 เราใช้เวลาเพื่อเที่ยวพื้นที่สีเขียวของเกาะบาหลี ซึ่งขอบอกเลยว่าประทับใจมาก เที่ยวทะเล ต่อด้วยภูเขาโดยใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นเกาะที่เกร๋มากจริงๆ สำหรับที่อูบุดทั้ง2 คือเรานอนที่ Ngurah hostel เป็นโฮสเทลที่ฝรั่งเยอะมาก แต่พื้นที่เล็กมาก55555

บรรยากาศชิคๆ ถ้าไม่ติดเรื่องพื้นที่คับแคบไปหน่อยใครจะตามรอยก็ได้น้า เพราะโฮสเทลก็ค่อนข้างมีน้อยในอูบุด อันนี้เราจองจาก Airbnb ราคาคืนละ 400 กว่าบาท เป็นโฮสเทลแต่เราจองห้องส่วนตัวสำหรับสองคน

เนื่องจากเราไม่ได้เที่ยวในตัวเมืองอูบุดมากนัก เลยได้ภาพบรรยากาศในเมืองมาไม่มาก คือจะมีความเป็นวัฒนธรรมบาหลีชัดกว่าแถวแถบทะเล ประตู้ รั้วต่างๆจะมีลักษณะประมาณนี้เลยจ้า

สถานที่แรกของวันนี้ืคือนาขั้นบันได Tegalalang Rice Terrace สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของอูบุด เราใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับเหมือนเดิมนะคะ ไปถึงคนเยอะพอสมควรแถมฝยังตกลงมาอีก เลยได้อยู่แค่แปปเดียว ได้รูปมานิดหน่อย

บรรยากาศเขียวๆ ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากกกกกก

หลังจากถ่ายรูปตากฝนกันพอใจ เราก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อไปกินข้าวกลางวันที่ภูเขาไฟคินตามณี ซึ่งเป็นอีกจุดที่ห้ามพลาดเลยเมื่อมาเที่ยวอูบุด

เพราะวิวสวยระดับนี้ !

เกิดมาเพิ่งเคยกินข้าวไป ดูวิวภูเขาไฟก็วันนี้แหละ พีคมากกกก

มองไปเห็นทะเลสาบ ดำๆในรูปนั้นคือลาวาที่เคยปะทุแล้วเข็งตัวแล้ว

รสชาติพอใช้ได้ หัวละประมาณ 200 กว่าบาทไทย เทียบกับวิวที่ได้แล้วคุ้มสุดๆ

หลังจากกินเสร็จเราก็เดินทางไปที่สุดท้ายของโปรแกรมวันนี้ นั่นคือไปแช่น้ำร้อนธรรมชาติจากภูเขาไฟคินตามณี

เป็นการแช่น้ำร้อนที่เห็นวิวทะเลสาบสวยๆแบบนี้เลย วิวดีอีกแล้ว เป็นวันที่รู้สึกชีวิตดีสุดๆ 55555

น่าเสียดายที่เราไม่สามารถแช่น้ำร้อนได้นานมากนัก เพราะเรามีแพลนว่าจะกลับไปชอปปิงให้ทันก่อนที่ตลาดที่อูบุดจะปิด (ปิดประมาณ 5 โมงเย็น) พอขึ้นจากน้ำร้อนมา ขากลับเข้าเมืองอูบุดเราผ่านทุ่งที่เต็มไปด้วยซากของลาวาที่เคยปะทุ เลยขอให้คนขับจอดให้เราหน่อย คิดดู เกิดมาจะมีกี่ครั้งได้เห็นลาวาภูเขาไฟ

โฉมหน้าคนขับรถของเรา Mr. Wayun ใจดีมากๆ ใครจะไปเที่ยวแล้วอยากหารถพร้อมคนขับเลือกบริษัทนี้เราว่าง่ายสุดละ ราคาโอเคมาก ของเราค่าเช่ารถเที่ยว 2 วัน วันละ 450,000 รูเปียะค่ารถมารับวันกลับจากอุบุด ไปสนามบิน ที่ระยะทางค่อนข้างไกล และเรากลับไฟลท์เช้าสุด คนขับต้องมารับตี 4 ราคา 300,000 รูเปียะถูกกว่าไปถามแท็กซี่เอาที่นู่นหลายเท่า

จบทริปละโว้ยยยยยย เป็นทริปที่สนุกมาก ทำเอาเราสองคนตกหลุมรักบาหลีไปเลย เป็นเกาะที่โคตรมีสเน่ห์ ใครยังไม่เคยไปนี่บอกเลยว่าไปเถอะ ไม่เสียดายเงินแน่นอน ตั๋วโปรแอร์เอเชียบางที 2,000 นิดๆเอง ถูกมากๆ แถมค่าใช้จ่ายพวกอาหาร โรงแรมก็ราคาย่อมเยาว์ คือดีอ่ะ ต้องไป! ค่าใช้จ่ายเราหมดไปคนละประมาณ 18,000 บาท เนื่องจากได้ตั๋วราคาปกติ และกินกันเยอะมากๆ ไหนจะชอปปิงอีก ใครอยากไปบาหลีแบบคุมงบประมาณเราว่า 15,000 ก็สามารถไปได้เด้อ จบล้าวววว ยาวมาก รูปแน่นมาก หวังว่าจะมีคนอ่านจนถึงตรงนี้นะ555555 ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าเด้อ บัยยยย

และสำหรับใครที่ทนอ่านไม่ไหว ยาวเกิน ดูคลิปวิดีโอแทนได้เด้อ


carahalloween

carahalloween

เราเป็นชะนีน้อย (แต่ตัวใหญ่ ขัดแย้งแมะ) ที่ชอบเที่ยว ชอบทะเล รักภูเขา รักน้ำ รักปลา รักซากุระ (ไม่ใช่ละ5555) เราเที่ยวบ่อย เที่ยวจนไม่มีเงินเก็บ เที่ยวจนเรื่องราวมันล้น จนต้องเอามาเล่าให้คนอื่นฟัง ลองมาอ่านเรื่องราวของสถานที่ต่างๆผ่านมุมมองของเรากันนะ และนอกจากชอบเที่ยวแล้ว เรายังรักแฟชั่นและการแต่งหน้า (บ้าๆบอๆ) เอามากๆ ใครที่ชอบสไตล์เดียวกับเราคือยินดีด้วยเด้อ เธอมีเพื่อนแล้วจ้า มาบ้าไปด้วยกันนะ <3

FULL PROFILE