Feminism And Entertainment Business
candy2033Discussion (33)
^
^
คนเขียนมองว่า เอมม่าอายุไม่เยอะ และทำงานในกองถ่ายมาตั้งแต่เด็กจนโต ทักษะเรื่องการสื่อสารเรื่องความคิดอาจจะไม่ชัดเจน บางครั้งเธออาจจะไม่ตั้งใจพูดให้มีน้ำเสียงชวนหมั่นไส้ แต่ฟังดูแล้วอาจจะตีความไปได้หลายแง่ เราจะยกตัวอย่างค่ะ
- "ชั้นไม่สนนะว่าตัวเองจะได้รางวัลออสการ์หรือไม่ ตราบใดที่หนังมันไม่มีสาระสำคัญที่ชั้นอยากสื่อไปถึงผู้ชม"
ประเด็นนี้มาจากคำถามจากสื่อในเรื่องข่าวลือที่บอกว่าเอมม่าทำตัวเป้นดิว่าจนถูกถอดออกจากบทนำใน La la land ที่ทำให้เอมม่ สโตนคว้าออสการ์ไป ซึ่งเธอเคลียร์ข่าวนะคะว่าคิวไม่ลงตัวกับหนังโฉมงามกับเจ้าชายอสูร แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ชมหลายคนได้มีความเห็นฟันธงว่า จากผลงานการแสดงที่ผ่านมาของเอมม่านั้น มันคงยากเย็นที่จะเข็นให้เธอเข้าชิงออสการ์ได้ ซึ่งมันไปสอดคล้องกับคำบอกเล่าของผู้กำกับ La la land ที่บอกว่า การ casting นั้นมีระยะเวลายาวนาน พอให้ทดสอบไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนตัวนักแสดงนั้นเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งสื่อพยายายามจะบิวท์นะคะว่าเอมม่า สโตนเป็นตัวเสียบแทน ซึ่งรูปการณ์จริงๆมันไม่ใช่ ลูกหินเป็นนางเอกที่เคยเข้าชิงออสการ์มาจาก Birdman และยังมีรางวัลใหญ่อื่นๆมาก่อนหน้่ามาแล้ว เธอยังเคยมีผลงานบรอดเวย์และพูดคุยกับผู้กำกัย La la land มานานก่อนที่จะเข็นออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จะกล่าวก็คือ ตัวผู้กำกับมีตัวเลือกอยู่ในใจ แต่ต้อง cast นางเอกที่เหมาะสมที่สุดในผลงานหนัง Musical นี้
^
คนเขียนมองว่า เอมม่าอายุไม่เยอะ และทำงานในกองถ่ายมาตั้งแต่เด็กจนโต ทักษะเรื่องการสื่อสารเรื่องความคิดอาจจะไม่ชัดเจน บางครั้งเธออาจจะไม่ตั้งใจพูดให้มีน้ำเสียงชวนหมั่นไส้ แต่ฟังดูแล้วอาจจะตีความไปได้หลายแง่ เราจะยกตัวอย่างค่ะ
- "ชั้นไม่สนนะว่าตัวเองจะได้รางวัลออสการ์หรือไม่ ตราบใดที่หนังมันไม่มีสาระสำคัญที่ชั้นอยากสื่อไปถึงผู้ชม"
ประเด็นนี้มาจากคำถามจากสื่อในเรื่องข่าวลือที่บอกว่าเอมม่าทำตัวเป้นดิว่าจนถูกถอดออกจากบทนำใน La la land ที่ทำให้เอมม่ สโตนคว้าออสการ์ไป ซึ่งเธอเคลียร์ข่าวนะคะว่าคิวไม่ลงตัวกับหนังโฉมงามกับเจ้าชายอสูร แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ชมหลายคนได้มีความเห็นฟันธงว่า จากผลงานการแสดงที่ผ่านมาของเอมม่านั้น มันคงยากเย็นที่จะเข็นให้เธอเข้าชิงออสการ์ได้ ซึ่งมันไปสอดคล้องกับคำบอกเล่าของผู้กำกับ La la land ที่บอกว่า การ casting นั้นมีระยะเวลายาวนาน พอให้ทดสอบไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนตัวนักแสดงนั้นเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งสื่อพยายายามจะบิวท์นะคะว่าเอมม่า สโตนเป็นตัวเสียบแทน ซึ่งรูปการณ์จริงๆมันไม่ใช่ ลูกหินเป็นนางเอกที่เคยเข้าชิงออสการ์มาจาก Birdman และยังมีรางวัลใหญ่อื่นๆมาก่อนหน้่ามาแล้ว เธอยังเคยมีผลงานบรอดเวย์และพูดคุยกับผู้กำกัย La la land มานานก่อนที่จะเข็นออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จะกล่าวก็คือ ตัวผู้กำกับมีตัวเลือกอยู่ในใจ แต่ต้อง cast นางเอกที่เหมาะสมที่สุดในผลงานหนัง Musical นี้
ส่วนเอมม่า วัตสันนั้น เธอยังมีปัญหาเรื่องคำวิจารณ์ในการแสดงมาโดยตลอด เธอยังไม่มีหนังประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้างหลังจาก Harry Potter จนมาถึงโฉมงาม ที่ก็ยังได้รับรีวิวในการแสดงเป็นเบลล์ที่ไม่ดีนัก พอเธอบอกว่า ชั้นไม่แคร์ออสการ์หรอก ถ้าหนังมันไม่ได้มีเนื้อหาที่มีประโยชน์ คนฟังอาจจะตั้งแง่ขึ้นมาค่ะว่า อ้าว นี่ เอมม่ากำลังเสียดสีนักแสดงรางวัลออสการ์คนอื่นๆว่าไม่มีจุดยืนรึเปล่า ? หรือบางคนก็อาจจะเยาะเย้ยว่า คำพูดของเอมม่านี่ตลกชะมัด เพราะเธอช่างห่างไกลจากคำว่านักแสดงหญิงเจ้าบทบาท มี acting ระดับท่อนไม้ทุกเรื่องๆ ถ้าคุณได้ลองอ่านคอมเมนท์จากผู้อ่านเดลี่เมล (ที่เป็นศูนย์รวม user ปากจัด) จะพบกับคอมเมนท์แรงๆโจมตีเอมม่าแบบไม่มีชิ้นดี โดยเฉพาะข้อหาว่าเป็นสาวหลงตัวเอง
หนังโฉมงามกับเจ้าชายอสูรนั้น เป็น Live action ที่หลายคนต่างรอคอย บางคนใฝ่ฝันอยากจะเห็นเวอร์ชั่นคนมาเป็นสิบปี ซึ่่งตามหน้าFacebook ของผู้เขียนนั้นจะเห็นกระแสความตื่นเต้นในการที่จะได้ชมหนังเรื่องนี้มาก ตั้งแต่มีการวางตัวเอมม่าให้ได้รับบทเบลล์ที่ทำให้หลายคนเห็นตรงกันว่าเธอเหมาะกับบทนี้มากจากภาพลักษณ์ภายนอกรวมไปถึงคุณสมบัติของหนอนหนังสือแสนสวยที่เป็นนักสิทธิสตรีที่แตกต่างจากเจ้าหญิงในเทพนิยายคนอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกัน บทนี้จะต้องอาศัยฝีมือการแสดงของนักแสดงนำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อในความไม่เป็นเหตุเป็นผลของพล็อท เคมีของพระนางที่ชวนซาบซึ้งกับความรักที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ไหนจะการขับร้องและแสดงให้เข้ากับอารมณ์ของหนัง
อันที่จริงแล้ว เราไม่ได้คาดหวังกับ live action เรื่องนี้สูงเหมือนซินเดอเรลล่า (ซึ่งมี cast อย่าง เคท แบลงเชทท์ จะไม่ให้คาดหวังได้ยังไง!) แต่ดิสนีย์และแทบทุกสื่อโพรโมทเอมม่าที่เป็นสัญญาณของเจ้าหญิงยุคใหม่ที่ไม่วิ่งตามธรรมเนียมเดิมของเจ้าหญิงแสนสวยบนหอคอยงาช้างที่เฝ้ารอให้เจ้าชายมาช่วย ซึ่งทำให้คิดว่าดิสนีย์กำลังโพรโมทเอมม่ามากกว่าความเป็นเบลล์ซะอีก ไม่ค่อยมีคนลงรายละเอียดลึกถึงตัวเจ้าชายอสูร หรือนักแสดงสมทบมากนัก (ลุค อีแวนส์แสดงดีมากๆอย่างที่ได้คิดไว้ ) แน่นอนว่ามีคนมากมายจะต้องคาดหวังกับเบลล์ในเวอร์ชั่นของเอมม่าไว้สูง
พอเราได้เห็นคำสัมภาษณ์ของเอมม่าแล้ว ก็คิดทันทีค่ะว่าเธอจะเจอในสิ่งที่แอนน์ แฮทอะเวย์เคยถูกแอนตี้จากในหนังเพลงles miserables ที่นำออสการ์มาให้เธอรึเปล่า
(แอนน์ฝืนตัวลดน้ำหนักให้ดูผอมป่วยสมบทบาทในเวลาสั้นๆ และเธอพูดออกสื่ออยู่หลายครั้งว่าตัวเองต้องทุ่มเทเหนื่อยยากในการแสดงและร้องเพลงมากแค่ไหนจนเกิดเป็นกระแสหมั่นไส้จากสื่อและผู้คนจนเจ้าตัวต้องหายไปทำใจอยู่พักใหญ่) เพราะรีวิวจากนักวิจารณ์และผู้ชมนั้นชื่นชมหนังว่าสร้างความประทับใจจากความฝันในวัยเด็กของหลายคน แต่ยังมีคนตำหนิในเรื่องทักษะการร้องเพลงของเอมม่าว่ายังมีระดับพอไปวัดไปวาและพึ่งพาAuto- tune บางคนก็เอาการร้องสดของการ audition หนัง La la land ของเอมม่า สโตนมาเปรียบเทียบ
เรา get จริงๆว่าหลายๆครั้งคนเราไม่ได้ตั้งใจพูดให้ใครฟังหมั่นไส้และเป็นการแสดงออกอย่างจริงใจโดยไม่มีอะไรแอบแฝง แต่สังคมก็เป็นเช่นนี้ ¯_(ツ)_/¯ มีความคาดหวังที่จะได้ยินถ้อยคำแสดงความถ่อมตัว ยิ่งเป็นเอมม่าที่มีคนรอจับผิดให้เธอผิดพลาดแล้วยิ่งหนักไปใหญ่
จริงๆแล้วโฉมงามและเจ้าชายอสูรทำเงินไปได้เยอะมากนะคะ เปิดตัวในอาทิตย์แรกด้วยรายได้ทั่วโลก $462 ล้าน เป็นหนังที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดเป็นอันดับ 7 ของดิสนีย์ อาจจะมีเสียงวิจารณ์กับการแสดงของเอมม่าว่าดูเหมือนเฮร์ไมโอนี่ที่มีฉากหลังเป็นชนบทฝรั่งเศส แต่เราก็เจอหลายความเห้นค่ะว่าเธอไม่ได้ดูแย่อะไร ดูเป็นเบลลืได้เหมาะดีแม้ปัจจัยอื่นๆอาจจะอ่อนไปบ้าง โดยรวมแล้วหนังน่ารัก นักแสดงคนอื่นก็แสดงเก่ง ไม่น่าแปลกใจที่จะโกยรายได้สูงทั่วโลก
ลองมาดูความเห็นของชาวเน็ทค่ะ
"มันเป็นบทประเภทที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของนางเอกมากกว่าทักษะการแสดง พวกเค้าต้องการใครสักคนที่มีภาพลักษณ์ของสาวผมสีบรูเน็ทที่ดูมีสมอง และเอมม่า วัตสันก็ใช่เลย ถ้าเป็นสิบปีที่แล้วพวกเค้าคงเลือกนาตาลี พอร์ทแมนให้มารับบทเบลล์นะ"
รู้สึกว่ามันแปลกเหมือนกัน ที่เอ็มเอา quote นั้นของอลันมาขึ้น
เข้าใจว่าอยากไว้อาลัยแหละ แต่มันดูเป็นการแฝงอะเจนด้าจริงๆอย่างที่บางคนวิจารณ์
เพราะชีออกตัวเรื่องนี้แรง
ถ้าเอ็มอยากจะโพสไว้อาลัย อาจจะเขียนชื่นชมความเป็นเฟมินิสท์เขา แล้วแสดงความเสียใจที่เขาต้องจากไปอะไรงี้ จะดูไม่ชัดเจนหรือน่าหมั่นไส้เท่านะ
เข้าใจว่าอยากไว้อาลัยแหละ แต่มันดูเป็นการแฝงอะเจนด้าจริงๆอย่างที่บางคนวิจารณ์
เพราะชีออกตัวเรื่องนี้แรง
ถ้าเอ็มอยากจะโพสไว้อาลัย อาจจะเขียนชื่นชมความเป็นเฟมินิสท์เขา แล้วแสดงความเสียใจที่เขาต้องจากไปอะไรงี้ จะดูไม่ชัดเจนหรือน่าหมั่นไส้เท่านะ
พวกเราหลายคนต่างยอมรับว่าอ ตัวตนของเอมม่า วัตสันและเฮร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์นั้นไมไ่ด้คล้ายคลึงกันแต่ในเรื่องความเฉลียวฉลาดและบทบาทนักเคลื่อนไหวเท่านั้น หลายครั้งที่เราเห็นข้อความโจมตีเธอบนอินเตอร์เน็ทแล้วก็นึกถึงแฮร์รี พอตเตอร์ในตอนแรกที่แม้แต่รอนก็ยังไม่สบอารมณ์กับนิสัยที่ดูเจ้ากี้เจ้าการของเฮอร์ไมโอนี่เท่าใด จะเห็นได้ว่าเธอไม่ได้พอพพูลาร์ในหมู่เพื่อนผู้หญิงนัก เราคิดว่าบางคนอาจจะหมั่นไส้ที่เธอซี้ปึ้กกับคนดังของโลกเวทย์มนต์รวมไปถึงความไม่กลัวเกรงที่จะแสดงสติปัญญาอันปราดเปรื่องต่อหน้าผู้อื่น
เราเพิ่งได้ดูเบื้องหลังของการถ่ายทำแฮร์รี่ พอตเตอร์ในช่วงแรกของเอมม่าที่ดูฮาสุดๆ เพราะเธอไม่ได้จริงจังตั้งใจกับการแสดงเป็นเฮอร์ไมโอนี่เท่านั้น ตอนที่ต้องเข้าฉากร่วมกับแดเนียลและรูเพิร์ทนั้น เอมม่าเผลอตัวขยับปากขมุบขมิบท่องบทแทนเพื่อนจนต้องเทคแล้วเทคอีก "ชั้นรักหนังสือเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ ชั้นอยากจะแสดงให้ดี แล้วก็ทำเกินเลยไป"
คิดภาพออกมั้ยคะ เวลามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาสวยน่ารัก เรียนเก่งมากๆ ยกมือตอบคำถามในชั้นเรียนเป็นคนแรกเสมอ เป็นตัวแทนกิจกรรมเพื่อส่วนรวม เป็นเพื่อนซี้กับเด็กหนุ่มที่โด่งดัง ฟังดูสมบูรณ์แบบจนหลายคนยกเป็นไอดอล แต่แน่นอนว่าจะต้องมีคนคอยแอบกลอกตาใส่
เจ.เค โรว์ลิ่งได้ยอมรับค่ะว่า แม้จะไม่ได้ตั้งใจสร้างเฮอร์ไมโอนี่ให้เหมือนกับตัวเธอ แต่แคแรคเตอร์นี้ก็ได้สะท้อนตัวของผู้ประพันธ์ในสมัยเด็ก เธอเคยถูกเรียกว่ายายคนรู้ไปหมดทุกเรื่องไม่ต่างจากเฮอร์ไมโอนี่ และแคแรคเตอร์นี้ได้กระตุ้นความเป็นเฟมินิสท์ของเธอขึ้นมา ซึ่งมันทำให้เราเชื่อมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกค่ะว่า เอมม่าได้ออดิชั่นบทที่โด่งดังนี้ได้ตัวตนของเธอจริงๆ
ความเหฌนของโรว์ลิ่งต่อเอมม่าในบทบาทเฟมินิสท์
Q คุณคิดว่าเฮฮร์ไมโอนี่จะภูมิใจกับสุนทรพจน์ของเอมม่า วัตสันใยเวที UN รึเปล่าคะ ?
A เฮฮร์ไมโอนี่จะต้องภูมิใจอย่างเหลือล้น สุนทรพจน์ของเอมม่านั้นยอดเยี่ยมไปเลย แฮชแทกHeforShe
สุนทรพจน์ของเอมม่าในที่ขอความร่วมมือสร้างความเท่าเทียมทางเพศโดยมีผู้ชายเข้ามามีบืบาทที่สำคัญโดยใช้ชื่อโครงการว่า He for She นั้น สร้างเสียงชื่นชมจากสื่อและแฟนๆว่าฟังมีพลังสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ แต่ก็ยังมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้อยู่มาก ดังเช่นเคธี่ ยัง นักเขียนจาก TIME ที่คิดว่าข้อเรียกร้องของเอมม่านั้นจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะยังมีผู้ชายที่เชื่อว่าตนได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมเช่นกัน แต่กลับไม่มีใครให้ความสนใจช่วยเหลือเหมือนกับเมื่อผู้หญิงต้องตกเป็นเหยื่อ และให้ความเห็นว่าชื่อของโครงการควรจะเป็น She and he for us จากที่มีคนที่ต่อต้านแม้แต่ชื่อของโครงการ He For She ที่ฟังดูเหมือนกับว่าผู้ชายต้องมาเป็นเบี้ยล่าง ไม่ได้เท่าเทียมกัน
เอมม่าประกาศว่าเธอจะไม่หยุดยั้งบทบาทการเป็นนักสิทธิสตรีจนกว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แม้ว่าจะมีเสียงค่อนขอดจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยว่าความเท่าเทียมทางเพศไม่นั้นไม่ใช่การยกให้เพศหญิงเป็นจุดศูนย์กลาง แต่ทุกๆคนไม่ว่าจะเพศใด หญิง ชาย เกย์ ทรานส์ หรือผู้ที่ไร้เพศก็ควรให้ความสำคัญไม่แตกต่างกัน