Love the way you lie III

ใครบ้างที่ไม่เคยโกหก ???

แต่ถ้าเป็นคนดังโกหกแล้วโป๊ะแตก เปอร์เซ็นต์การเสียหน้าก็เพิ่มขึ้นไปด้วย เพราะพวกเขาอยู่ในธุรกิจที่ต้องสร้างภาพลักษณ์ที่สวยงามต่อหน้าคนอื่น   ถูกจับได้เมื่อไรเครดิตความน่าเชื่อถือก็ลดลงไปแปรผันตามกับเรื่องราวที่โกหกเอาไว้ว่าเรื่องใหญ่มากขนาดไหน    มาพบกับภาคต่อของเวเลบที่ถูกจับโกหกได้กันเลยค่ะ

Discussion (19)

จ้ะ ไคลี่ 55555 
ไคลี่มาเปิดใจไม่นานมานี้ว่า เธอไม่อยากยอมรับเรื่องทำปากตั้งแต่อายุ 16 (ไม่ใช่ 17 นะคะ ตอนยอมรับอายุ 17 แต่ทำตั้งแต่ 16 เหมือนที่พวกเราเคยไล่ดูภาพกันมาก่อน)  ที่ไม่บอกความจริงนั้น เธอไม่อยากถูกเรียกว่าเป็นตัวอย่างไม่ดี  แต่ "ไม่เคย" ปฏิเสธนะว่าไม่ได้ทำปาก   แค่ไม่ได้บอกใคร 



แต่แล้วเธอก็พลิกกลับว่าจริงๆก็โกหกน่ะแหละ
"ตอนนั้นชั้นอายุยังไม่ถึง 17 เลย  มันจะเป็นไงล่ะถ้าชั้นออกมาประกาศว่าฉีดปากมา  พวกแม่ๆทั้งหลายจะคิดอะไรกันบ้าง  เด็กๆเหหล่านั้นที่เป้นแฟนคลับของชั้นอีก เค้าคงว่าชั้นบ้าไปแล้ว  ชั้นไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่อยากให้ใครคิดว่าต้องทำปากเพื่อให้รู้สึกรดีกับตัวเองขึ้นมา   แต่มันยิ่งบ้ามากไปอีกที่ชั้นโกหกเรื่องนี้  มันเห็นกันชัดๆเลยว่าฉีดมา  ชั้นน่าจะออกมาพูดตรงๆ"
 
Kylie and her big lips

เรื่องนี้พูดกันมาหลายครั้งแล้วค่ะ  แต่เราเพิ่งอ่านสัมภาษณ์ของไคลี่ในเร็วๆนี้ที่เธอเฉลยว่าเพราะอะไรถึงโกหกเรื่องทำปาก




ที่มันเป็นประเด็นร้อนแรงจนล้ำไปเป็นเทรนด์นั้น ต้นเหตุไม่ใช่ทำมาแล้วหน้าเปลี่ยนแล้วโด่งดังอย่างเดียวค่ะ  มันมาจากเรื่องที่เธอแสดงอาการหัวเสียมากและยืนยันว่าไม่ได้ฉีดปาก แต่ใช้ทักษะการแต่งหน้าเป็นชั่วโมงๆ ปั๊มปากดูอิ่มขึ้นมา   และออกมาโต้ข่าว ทั้งพี่น้อง ช่างแต่งหน้าก็ออกโรงมาช่วยกัน
-  บอกว่าเจ็บปวดทีใครๆหาว่าไปทำหน้ามา พูดแบบนี้เหมือนดูถูกกันเลย  อายุแค่ 16เองจะทำอะไรได้ไง  (ประมาณว่าดูถูกว่าอยากสวยจนไปทำตั้งแต่อายุ 16 บ่ะมั้ง)
-  บอกว่าเวลาถ่ายรูปก็ทำปากเจ่อๆเกินจริงเอา และก็เบื่อมากที่ใครๆก็พูดถึงปากเธออยู่ได้ (แล้วลงภาพปากที่ดูใหญ่กว่าเดิมอีกหลายเท่าลง Instagram )
- บอกว่าโตขึ้น หน้าก็เลยเปลี่ยน ไหนจะคอนทัวร์อีก ไม่ได้แอนตี้ศัลยกรรมนะ แต่ไม่ได้อยากทำในตอนนี้
- บอกว่า "หยุดพูดเรื่องปากชั้นสักที   ชั้นไม่เคยทำศัลยกรรม ไม่เคยต้องใช้มีดหมอ"   - คิมออกมายืนยัน ไคลี่แต่งหน้าเก่งม้ากกก ใช้ลิปไลน์เนอร์จนปากอิ่มเลย 


แต่มันชัดเกิ๊นนน ไม่ได้วาดปากก็ยังดูมีริมฝีปากมากกว่าแต่ก่อน  ตอนนี้เค้าก็งงกันนิดนึงแล้วว่า ไคจะต้องมาโต้ข่าวทำไม  ดาราหลายคนทำศัลยกรรมให้เป๊ะดูชัดเจนมาก แต่ไม่ได้ออกมาเคลียร์ว่าทำหรือไม่ทำ หรืออาจจะหลบเลี่ยงไม่ตอบตรงๆ  (ยกตัวอย่างจมูกและหน้าอก เบลค ไลฟ์ลี่) ยิ่งเธอออกมาพูดว่าไม่จริ๊งไม่จริง คนก็ยิ่งพูดกันเรื่องนี้  เราก็เลยคิดไปว่า เอ๊ะหรือว่าเป็นหนึ่งในวิธี PR ของเค้า    ฐานแฟนๆวัยรุ่นของไคลี่นั้นมีอยู่ก่อนแล้ว   พอเจ้าตัวเปลี่ยนไปมีความเป็นสาว sexy ดูเป็นคิมตอนอายุ 16  ความสนใจก็พุ่งเข้ามาล้นหลาม  หรือทีมงานเค้าวางแผนมาแต่แรกอยู่แล้วว่าให้ยืนกระต่ายขาเดียวไว้ก่อน แล้วให้โพสท์ภาพที่สวนทางกับคำพูดตัวเองออกมาเยอะๆ จะได้มีกระแสถึงขีดสุด  แล้วก็ควงแขนแม่ติดต่อผู้บริหาร colourpop ทำlip kit ไว้ซะเลย



ไคลี่ตัดสินใจบอกผ่าน reality show ว่าที่จริงทำจ้ะ  ไม่ได้โกหกนะ แต่บอกไม่หมด  (อีตรงที่ไคลี่พูดว่าไม่เคยทำศัลยกรรมด้วยมีดหมอนั่นแหละ   เพราะเค้ายึดกันว่าฟิลเลอร์ไม่ได้เป็นการผ่าตัด ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ศัลยกรรม )  แล้วเธอไม่ได้เสียฟอร์มด้วยนะ  เพราะจากแต่ก่อนที่ไม่ค่อยมีใครสนใจมากนัก ตอนนี้ไคลี่มีแฟนกลุ่มใหญ่ที่บอกว่าปลื้มในลุคของเธอมาก ทำมารึเปล่าไม่สน รู้แต่ว่าสวยแจ่ม

Beyonce



เราเคยอ่านเรื่องราวที่มีคนพยายามเปิดโปงว่าบียอนเซ่ขโมยเครดิตในการแต่งเพลงดังๆของตัวเองมาหลายครั้งค่ะ   แต่อ่านแบบผ่านๆไม่ได้สนใจค้นหา fact เพราะส่วนมากเค้าจะอ้างคำว่าแหล่งข่าว ซึ่งเราไม่ถือว่ามันเป็นหลักฐานไง  แต่เริ่มมาสะกิดใจกับดราม่าเพลง irreplaceable ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นของเธอ  to the left ..to the left


เพลงนี้ได้รับเสียงชื่นชมมากมายทั้งแง่ของเนื้อเพลงติดหูพุ่งทะยานสู่อันดับหนึ่ง แลพยังเรื่อง feminism ชัดเจนในเพลง (ผู้ชายไม่ดีก็ไม่เลี้ยง หญิงแกร่งไล่ตะเพิดแฟนออกจากบ้านแล้วทวงข้าวของที่เคยมอบให้คืนให้หมด)  แต่แฟนๆหลายคนน่าจะอึ้ง เมื่อพบว่าคนที่แต่งเพลงจริงๆเป็นศิลปินดังอีกคน และเพลงนี้แต่งในเวอร์ชั่นผู้ชายก่อนด้วย   และเหตุผลที่เพลงนี้ถูกส่งให้ควีนบีนนั้นก็เพราะศิลปินคนนั้นไม่อยากถูกยัดเยียดข้อหาเหยียดเพศให้   



เค้าคนนั้นคือเนโยค่ะ




ที่จริง ข่าวมันลือมาก่อนที่เนโยจะคอนเฟิร์มว่าเค้าเป็นคนเขียนเพลงนี้ (เวอร์ชั่นผู้ชายที่เนโยร้องหาได้บน youtube เลยค่ะ) ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้แสดงออกว่าพอใจหรือไม่พอใจ  แต่เรื่องมันมาเริ่มต้นตรงที่ ไม่มีคนรู้มาก่อนว่าเนโยคือคนแต่งเพลง และบียอนเซ่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าตัวเองเป็นคนเขียนเพลงเอง  เธอบอกกับMarie Claire  ที่ถามว่าเธอเขียนเพลงนี้จากชีวิตความรักกับเจย์ซีใช่หรือไม่  บีไม่ได้ตอบว่า "จริงๆแล้วเนโยเป็นคนแต่ง"  แต่บอกว่า  "ชั้นแน่ใจค่ะว่าผู้คนคืดว่าชั้นเขียนเพลงนี้จากเรื่องเจย์ซี   แต่คนๆนั้นไม่ใช่เค้าจริงๆค่ะ"



เพลงดังมากกวาดไปหลายรางวัล  แน่นอนค่ะว่าเนโยต้องการจะเคลียร์ว่าเขาคือคนแต่งเพลง แต่ส่งเพลงต่อให้บียอนเซืให้เปลี่ยนมาเป็นเวอร์ชั่นผู้หญิง   ที่จริงแล้วแฟนๆของควีนบีได้ประท้วงว่า ไม่ใช่เธอไม่ให้เครดิตเนโยนะ  เธอพูดถึงเค้าและทีมงานที่ช่วยเหลือในการแต่งเพลงร่วมกันไม่ได้ปิดบัง แต่เนโยให้สัมภาษณ์กับ MTV ว่า "บียอนเซ่เคยขึ้นโชว์แล้วก็ประกาศก่อนที่จะเล่นเพลงนี้ว่า 'ชั้นเขียนเพลงนี้ให้พวกเธอนะจ๊ะสาวๆ'  แต่เพลงนี้คือการเขียนร่วมกัน ผมเขียนเนื้อเพลงทั้งหมด แล้วเธอก็ช่วยดูเรื่องเมโลดี้และการเรียบเรียงเสียงร้อง และมันทำให้กลายเป็นการแต่งเพลงร่วมกันนั่นเอง "  อย่างไรก็ดี เนโยได้เปิดเผยภายหลังว่า  ใจจริงเค้าไม่อยากปล่อยเพลงนี้ไปเลย เขียนไว้เป็นเพลงให้ตัวเอง   แต่คนฟังอาจจะคิดว่ามันเหยียดผู้หญิงหรือฟังดูใจร้าย  (แต่พอเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นผู้หญิงแล้วคนกลับชื่นชมว่าเฟมินิสท์)  ทีมคนทำเพลงก็แนะนำให้เค้าปล่อยให้บียอนเซ่ไปเถอะ   ตัวบียอนเซ่ได้ยินเดโมแล้วก็ชอบมาก  แต่โพรดิวเซอร์ของเธอก็บอกว่ามันไม่ได้เข้ากับอัลบั้มเพราะเนโยทำมาในสไตล์คันทรีผสมผสานกับอาร์แอนด์บี  จึงมีทีมงานช่วยดัดแปลงให้เข้ากับสไตล์ของเธอมากขึ้น 

 

Robin Thicke กับ Blurred Lines


เพลงเจ้าปัญหาที่สร้างความสำเร็จให้โรบิ ธิกอย่างล้นหลาม แต่ก็สร้างเรื่องฉาวตามมาอีกมาก ทั้งถูกครอบครัว มาร์วิน เกย์ฟ้องร้องเรื่องลอกเพลง (และโรบินยังแพ้คดีด้วย) เนื้อเพลงและ MV ถูกโจมตีอย่างรุนแรงเรื่องการเหยียดเพศและการยั่วยุให้เกิดการข่มขืน นอกจากนั้นยังมีข้อกังขาผู้แต่งเพลงค่ะ





เพราะโรบินให้สัมภาษณ์ถึงที่มาเพลงนี้ว่า ได้ฟังเพลงGot to Give It Up ของมาร์วิน เกย์ แล้วได้แรงบันดาลใจ พอฟาเรลล์เล่นดนตรีประกอบมันก็ไหลลื่นมากจนแต่งเพลงช่วยกันเสร็จในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น



แต่เพราะเพลงนี้ทำให้พวกเขาถูกฟ้องร้อง โรบินจึงต้องเปิดเผยความจริงในการไต่สวนว่า รู้สึกอิจฉาที่ฟาเรลล์เขียนเนื้อเพลงว Blurred Lines เพียงผู้เดียวจึงอยากจะแบ่งเครดิตความสามารถมาบ้าง       "เอาจริงๆนะ ผมมีส่วนก็แค่...ตอนที่กรึ่มไวโคดินกับเหล้าแล้วไปสตูดิโอ ผมก็อยากจะมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงมั่ง  แต่หลายเดือนต่อมามันก็เปรี้ยงขึ้นมา ผมก็เลยหลอกตัวเองไงว่าตัวเองก็ฝากฝีมือในการสร้างเพลงขึ้นมาด้วยนะ  อยากได้เครดิตกับเพลงที่ดังขนาดนี้บ้างอะ  แต่ความจริงก็คือเพลงนี้เป็นฝีมือของฟาเรลล์ล้วนๆ เขาดูแลทำนองและเขียนเพลงเกือบทุกคำ"



เราได้ยินเรื่องการแอบอ้่างเครดิตเพลงจากคนดังในวงการดนตรีมาเรื่อยๆค่ะ บางอันก็มีหลักฐาน บางอันก็เป็นข้อกล่าวหา