Review มาเปลี่ยนลุคเป็นสาวผมสั้นกันที่ Rikyu by Boy Tokyo สุดโด่งดังจากญี่ปุ่น
Nattzpace 7 3ทักทายกันก่อนเนอะสวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวจีบันทุกคน
แนะนำตัวก่อนเลยเราชื่อ แน็ต(^人^)ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆคนนะคะ
วันนี้เรามาเปลี่ยนลุครับวันเกิดที่ใกล้จะถึง ที่ Rikyu by Boy Tokyo @Sukhumvit24 ค่ะ
ด้วยความที่เราไว้ผมยาวมาหลายปี แถมไม่ได้เข้าร้านทำผมมานานหลายเดือนหล่ะ จนผมเริ่มกลับมาหนา หนัก และไม่เป็นทรงอีกต่างหาก บวกกับผมเสียที่เกิดจากการทำสีเองแถมสียังไม่เท่ากันอีก
ทำไมต้อง Rikyu by Boy Tokyoหลังจากหาอ่านรีวิวมาหลายที่ คือเราอยากได้ร้านตัดผมสไตล์ญี่ปุ่นๆหน่อย จนมาเจอรีวิวร้าน BOY, Siam ซึ่งเป็นซึ่งเป็นเครือเดียวกับร้าน Boy, Tokyo ที่ญี่ปุ่น สืบไปสืบมาก็พบว่าร้าน Rikyu, Sukhumvit 24 เป็นสาขาแรกในไทย ส่วน BOY, Siam เป็นสาขาที่2 ประจวบเหมาะกับไปอ่านเจอบทความของ adaymagazine Rikyu by Boy Tokyo: แฮร์ซาลอนที่ช่างทำผมทุกคนเป็นศิลปิน ทำให้อยากไปยิ่งขึ้นไปอีก เพราะร้านน่ารักมาก 5555
วันนี้ได้ฤกษ์ดี เลยมาตัดผมพร้อมทำสีไปด้วยเลย ก่อนไปก็โทรจองคิวให้เรียบร้อยก่อนนะ เราไม่ได้เลือกช่างไว้ แต่เราถามค่ะ ว่าทางร้านจะเลือกให้ยังไง ร้านก็บอกประมาณว่า ถ้าช่วงนั้น ช่างคนไหนว่างก็จะมาช่วยๆกันทำค่ะ เราก็ยังไงก็ได้ค่ะ แค่หนูออกมาสวยก็พอ
การเดินทางง่ายมาก ลงBTS พร้อมพงษ์ ออกทางออกที่ 2เดินออกไปทางที่ไปซอยสุขุมวิท 24นะ อย่าเดินผิด ไปทางเอ็มโพเรียม/ ให้เราเดินผิดทางคนเดียวพอ แล้วนั่งพี่วินเข้ามาก็ได้ 15฿ บอกไปร้าน Rikyu หรือถ้าเอาให้ชัวร์บอกร้าน ร.ศ.234ก็ได้ ร้านอยู่บริเวณเดียวกัน จะเดินเข้าซอยเองก็ได้ พอเข้าซอยต้องข้ามไปอีกฝั่งนะคะ เพราะร้านอยู่คนละฝั่งกับเอ็มโพเรียม
บรรยากาศร้านพอมาถึง จะพบกับบ้านหลังน้อยๆ ส่วนตัวเราว่าออกแนวคล้ายเรือนกระจกอ่ะ เดินเข้ามาในร้าน การตกแต่งเป็นโทนขาว ให้อารมณ์แบบญี่ปุ่นๆ สวยดี เราปลาบปลื้มเลยหล่ะ ก็ไปติดต่อตรงเค้าเตอร์ reception จะถามว่านัดไว้หรือเปล่า บางคนก็มีแบบwalk-in มาบ้าง แต่เราแนะนำ ว่าให้นัดไว้จะดีกว่า จะได้ไม่ต้องรอนาน จากนั้นพนง. จะให้เรานั่งรอและเอาแท็บเลตมาให้เรากรอกข้อมูล นิดหน่อย แบบรู้จักร้านนี้ได้ยังไง อะไรทำนองนี้ แบบทำฐานข้อมูลลูกค้าล่ะม้าง เราเดาว่าน่าจะเฉพาะ ลูกค้าที่มาร้านครั้งแรกนะ ครั้งต่อๆไป ไม่น่าจะต้องกรอกหล่ะ
รูปบรรยากาศหน้าร้านกับภายในร้าน เราไม่ได้ถ่ายมานะคะ มัวแต่ตื่นเต้นกับความcool ของร้าน รบกวนไปดูรูปในบทความของอะเดย์แม็กกาซีนที่เราแปะไว้ด้านบนได้เลย
Taking with my stylist พอถึงคิวเรา วันนี้เราได้พี่ก้อย มาเป็นสไตล์ลิสท์ให้ พี่ก้อยก็จะถามว่าวันนี้อยากตัดผมประมาณไหน มีทรงในใจไหม เขาก็จะแนะนำ ว่าแบบไหนเหมาะกับเรา เราแค่บอกอยากเปลี่ยนลุคหลังจากไว้ผมยาวมานาน เอาความยาวแค่ประบ่า บวกทำสี ที่ไม่ได้คิดมาด้วย ว่าอยากทำสีไหน 555
ตอนแรกพี่ก้อยแนะนำให้ทำเป็นสีเดียวล้วน แล้วค่อยทำไฮไลต์แทรกด้านบน นิดหน่อย แบบพอเสยผมแล้วจะได้ดูมีอะไรนิดนึง แต่เราอยากทำแบบให้ด้านบนสีเข้ม ปลายอ่อน แบบออมแบร์ จากนั้นพี่ก้อยเลยเอาชาร์ทสีมาให้ดู อลังมากกกกก มีตั้งแต่โทนสีเนเชอรัลไปจนแฟชั่นจ๋า ให้เลือกแบบละลานตากันเลยทีเดียว
เราเคยอยากทำโทนสีออกชมพู เลยจัดไปค่ะ น้ำตาลไล่มาถึงชมพูที่ปลายผม ลุ้นๆๆว่าจะออกมาเป็นยังไง เราเพิ่มทำทรีทเม้นท์ไปด้วย พี่ก้อยบอกว่ามาครั้งแรกได้ส่วนลด 10% อยู่แล้ว ไม่เสียเวลานะเพราะเค้าบำรุงก่อนทำสี เราก็โอค่ะ จัดมา!!!!
*สำหรับการทำทรีทเม้นท์ เราแนะนำให้ทำควบคู่กับการทำสีผมนะ เพราะไหนๆก็ผมก็ต้องเสียอยู่หล่ะ การบำรุงก่อน-หลังทำเคมีต่างๆ จะช่วยลดผมแห้ง เหมือนไม้กวาดได้นะ ถ้าไม่อยากให้ผมสวยแค่สี แต่สภาพผมย่ำแย่ ก็ต้องบำรุงบ่อยๆนะคะ ^ o ^
ขั้นตอนแรก มาหั่นผมกันก่อนหลังจากตกลงเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มขั้นตอนการตัดก่อนเลย พี่ก้อยตัดเอาความยาวออกก่อนคะ ค่อยจัดการสร้างเลเยอร์ให้ผม จากนั้นค่อยซอย เอาความหนาของผมออก ขั้นตอนประมาณนี้
เราชอบตรงที่พอพี่ก้อยเริ่มตัดผมไปสักพัก ผู้ช่วยอีกคนจะมาคอยกวาดผมบนพื้นอ่ะ แบบบางร้านคือปล่อยให้เศษผมกองที่พื้น ปนกันไปหมด ไม่ค่อยกวาดเท่าไหร่ ถึงพี่ผู้ช่วยจะกวาดได้ไม่หมดแต่พื้นก็ดูสะอาดตาขึ้นเยอะอ่ะ เราชอบ
ขั้นตอนต่อไป ฟอกสีผมพอตัดเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนการฟอกสีผม ค่ะ เราฟอกแค่ปลายผมนะคะ ตอนลงน้ำยากลิ่นน้ำยาไม่ฉุนเท่าไหร่ รับได้ ร้านนี้เอาที่ครอบหูมาครอบกันสีเลอะให้ด้วย พอลงน้ำยาฟอกเสร็จ เค้าก็เอาพลาสติกมาแร็ปผมนิดนึง แล้วให้ผู้ช่วยมาเอาไดร์เป่าความร้อนตรงที่ฟอกผม เพื่อเร่งปฏิกิริยา บลา บลา บลา//งานเคมีก็มา
พอครบเวลาก็ไปสระออกค่ะ ของเรา ตอนแรกพี่ก้อยบอกว่าน่าจะฟอกแค่รอบเดียว แต่สุดท้ายก็โดนฟอกรอบสองค่ะ เพราะว่าเราเคยทำผมดำตอนรับปริญญา ทำให้ปลาย ผมที่ฟอกเสร็จแล้ว ยังเป็นสีส้มๆอยู่ เดี๋ยวสีพอทำเสร็จสีไม่โอเคตามที่คุยกันไว้ พี่ก้อยเลยขอฟอกอีกรอบเนอะ เราก็ได้ค่ะพี่ เอาเลย พอฟอกรอบสองเสร็จก็ไปล้างผม เตรียมทำสีต่อไป
Treatment ก่อนทำสีก็มีการทำทรีทเม้นท์ ช่วงหลังจากนี้พี่นุช จะเป็นคนคอยดูแลเราต่อค่ะ เพราะพี่ก้อยน่าจะติดลูกค้า พี่นุชเอาทรีทเม้นท์มาใส่ผมอย่างหนักหน่วง เราเห็นมี4-5ขวดได้ ไม่ชัวร์ว่าบำรุงอะไรมั่ง ตอนนั้นง่วงมากคะ เกือบแอบหลับตอนล้างผม พี่นุชนวดให้สบายหัวสุดๆ
*เราแอบจับผมหลังทำทรีทเม้นนะ ผมนิ่มขึ้นเยอะ ดีอ่ะแกร๊!!!! (แอบรู้สึกว่า ผมนิ่มกว่าปกติอีก 5555/นี่ไม่ได้คิดไปเองช่ะ)
Colorเสร็จจากทำทรีทเม้นท์ ก็ถึงขั้นตอนการลงสี ที่แลดูอลังการงานสร้างมาก เราเห็นพี่เขาผสมสีไว้ 3สี ก็คิดในใจแบบ นั้นของฉันคนเดียวรึ เยอะจัง 5555 พอตอนจะลงสีก็เข้าใจค่ะ เพราะก่อนลงสีพี่ก้อยก็แวะมาดูเรื่อยๆนะคะ มาคุยกับพี่นุชว่าให้ลงแบบไหนยังไงบ้าง พี่นุชลงไล่โทนจากน้ำตาลแดงเข้ม->น้ำตาลกลาง->น้ำตาลชมพูตรงปลาย น่าจะประมาณนี้
ร้านนี้ใช้สีของยี่ห้ออะไรจำไม่ได้นะคะ แต่เท่าที่ถามพี่นุชบอกว่ายี่ห้อนี้จะไม่มีส่วนผสมของอัลคาไลน์ พี่นุชบอกว่าลูกค้าบางคนอาจจะรู้สึกแสบๆที่หนังศีรษะนิดหน่อย บางคนก็จะรู้สึกเย็นตอนลงสี สำหรับเรารู้สึกเย็นค่ะ เหมือนเอาครีมทาผิวมาทาที่หัวแทน สบายหัวฝุดๆ ^w^
ระหว่างทำมีผู้ช่วยอีกคนมาช่วยพี่นุชลงสีคะ แต่มาช่วยแค่แปบเดียว ก็ไป 5555 เหมือนว่าพี่เขาทำสีเลอะตรงกรอบหน้าแล้วก็หูเรานิดนึง แล้วพี่ผู้ช่วยคนที่เป่าความร้อนให้เราตอนแรกคงเห็นสีที่เลอะตรงกรอบหน้า และหูเราคะ เขาก็เลยเอาสำลีมาเช็ดให้แบบพยายามทำอย่างเบามือมาก จนเราแบบ(เห้ยย ต้องใส่ใจกันขนาดนี้เชียว ให้ความประทับใจเต็ม10ค่ะ) ระหว่างที่พี่นุชป้ายสีลงบนผมเราแหละคะ เราชอบความใส่ใจตรงนี้
พอลงสีเสร็จพี่นุชก็เก็บรายละเอียดพวกสีที่เลอะกรอบหน้ากับบริเวณหูเราอีกทีคะ ถามว่าทำไมสีถึงเลอะกรอบหน้าเยอะ ด้วยความที่เรามีลูกผมเยอะ เลยต้องป้ายให้ครบ แถวจอนผมก็เช็ดออกให้ เสร็จแล้วก็เอาพลาสติกมาแร็ปอีกรอบ กว่าจะลงสีเสร็จ กว่าจะรอให้ครบเวลา ก็นั่งง่วงไปค่ะจะหลับหลายทีหล่ะ -_- zZZ
Check cut พอครบเวลาพี่ก้อยมาเช็คสีผมให้อีกรอบ ก่อนไปล้างผมและสระผม รอบนี้สระผมนานหน่อย เพราะทำทรีทเม้นท์หลังทำสีด้วย ชอบที่พี่นุชนวดศีรษะมากกกก สบายหัวดี จากนั้นก็มาเป่าผมค่ะ พอแห้งแล้วพี่ก้อย stylist ของเราก็มาเช็คคัทอีกรอบ แล้วสอนเราเซ็ตผมด้วย น่ารักมากๆเลย เสร็จสิ้นกระบวนการ เปลี่ยนลุควันนี้ค่า
BOY products อันนี้แถมค่ะ เป็นผลิตภัณฑ์ของทางร้าน เขาใช้ตอนสระผมให้เรา เราชอบกลิ่นมันมาก แต่ตอนเลือกซื้อ จำไม่ได้อ่ะ ว่ากลิ่นไหน พอดีสระผมหลายรอบมาก ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะมีทั้งหมด 3สูตรนะ คือ jasmin, lavender, kaffir lime เป็นแชมพูกับคอนดิชั่นเนอร์แบบออร์แกนิกสูตรเฉพาะของร้าน บำรุงหนังศรีษะธรรมดานะค่ะ ลดพวกรังแค ผมแห้ง อะไรทำนองนี้ค่ะ ไม่ได้รักษาให้สีผมติดทนนานแต่อย่างใด
ถามว่าทำไมที่ร้านถึงผลิตproductของตัวเองขึ้นมา แบบร้านทำผม ไม่ได้จำเป็นต้องมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองนี่นา เอ!!! หรือแค่ทำแบรนด์ตัวเองขึ้นมาเกร๋ๆ ทำไมไม่ใช้แบรนด์ตามท้องตลาด หรือcoกับดีลเลอร์ใหญ่ๆก็ย่อมได้
สาเหตุหลักคือ แต่ก่อนทางร้านก็ใช้ผลิตภัณฑ์เจ้าอื่นแหละค่ะ แต่คนญี่ปุ่นแพ้เยอะมาก เพราะมีซิลิโคนเป็นส่วนผสมและคงเคมีสุดๆอ่ะ คนญี่ปุ่นถึงได้แพ้ยาสระผมกันเยอะ เราเดาว่าน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดที่ร้าน Boy Tokyo เลย ทำให้เขาเริ่มคิดค้น product ตัวนี้ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่แพ้แชมพู แล้วก็ใช้มาตลอดจนมาเปิดสาขาที่ไทย ก็นำเข้ามาใช้ด้วย เริ่ดไหมหล่ะเธอ
บอกเลยว่าถ้าลองแล้ว จะต้องหลงรักแน่ๆ เพราะกลิ่นมันเริ่ดมาก หอมเบาๆ จากธรรมชาติ เราชอบมาก
เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่เราแนะนำให้ลองไปร้านนี้ค่ะ
ราคาตัดผมเริ่มต้นที่ 700 บาทเท่านั้นนะ ขึ้นอยู่กับความชำนาญของช่าง
ใครสนใจ ตามไปดูรายละเอียดของร้านได้ตามนี้เลย
เว็ปไซต์ของร้าน https://boyrikyu.com
Facebook https://www.facebook.com/boyrikyu
Instagram https://www.instagram.com/boyrikyu/
อันนี้เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกของเรา มีอะไรแนะนำได้ นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะคะ ( -/- )
Colour faded 1st time
Comment
เขียนความเห็นได้เลยจ้า..
Recent comments ความคิดเห็นล่าสุด