ปัญหาสิวสิว รักษาได้

11 8

สวัสดีค่าาาวันนี้วิวจะมารีวิวเกี่ยวกับเรื่อง สิวสิว กันนะคะ เพราะอยากจะบอกว่า เป็นได้ ก็หายได้น้า โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปหาหมอ/รพ.ให้เสียเวลาเพราะอะไร ?เพราะยาที่ได้มา มันเหมือนกันไงแกรรรรรร ให้ผลการรักษาที่เหมือนกันและเราสามารถซื้อได้ตาม ร้านขายยาทั่วไป/watson/boots เรียกได้ว่า หกล้มไปตรงไหน ก็ได้ยารักษาสิวมาใช้แน่นอนค่ะ 5555

ถ้าขก.อ่าน ดูคลิปวีดีโอได้เลยค่ะvvv

ขอเกริ่นอันนี้นิดนึงนะคะ สภาพผิวหน้าของเราเป็นสภาพผิวหน้าที่ สิวขึ้นง่ายมากกก โดยเฉพาะสิวอุดตัน เราเลยหาวิธีรักษามาตลอด ทั้งไปคลีนิค ทั้งไปรักษาตามรพ.แต่ล่าสุดดดด!!!!!! อกอีแป้นจะแตกคือไปหาคุณหมอที่ไม่ได้ไปหามาเป็นปีๆแล้ว ผลที่ได้คือ...คุณหมอให้ยาที่เราก็มีอยู่แล้ว และก็สามารถซื้อได้ทั่วไปเลยกลับบ้านมาแล้วนั่งคิดว่า จริงๆแล้วที่เรามีอยู่นั้น ก็สามารถใช้รักษาสิวได้เหมือนกัน ก็เลยเลิกไปหาหมอจ้า จบกันที 5555

*มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง*

อู๊วววว มีแค่ 5 ตัวเท่านั้นเองนะฮ้าาา แต่ 5 ตัวนี้ ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องใช้หมดนะคะเดี๋ยวจะอธิบายแต่ละตัวให้ฟังกันเลย 

BENZAC 2.5%

ตัวนี้นะคะคือ benzac ถามว่าช่วยอะไร ตัวนี้จะเป็นตัวละลายหัวสิวเพื่อที่หัวสิวจะได้หลุดออกมาได้

มันจะค่อยๆปรับผิวออกไปนะคะ (คือจะทำให้หน้าเราแห้งนั่นเอง)

ให้นึกถึงชั้นผิวที่หนามากๆๆๆ แล้วสิวเราไม่สามารถออกมาได้

เจ้าตัวนี้แหล่ะค่ะ จะทำให้สิวเรากดง่ายขึ้น ไม่ช้ำ และไม่เกิดรอย

ถามว่าทำไมต้องกดคะ? ไม่กดได้มั้ย? จะเป็นรอยรึเปล่า?

ถ้าเกิดว่าใช้ถูกวิธี ไม่เกิดแน่นอนค่ะ

ก่อนเราจะกดสิวได้นั้นเราต้องใช้เจ้าตัวนี้ไปก่อนซักอาทิตย์หรือ2อาทิตย์นะคะ

แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าสิวอันไหนกดได้ไม่ได้?

ใช้มือจับค่ะ!

เอามือลูบๆหน้าดู

ถ้าสิวมันพร้อมที่จะออกแล้วมันจะมีความรู้สึกว่ามีหัวแข็งๆอยู่

ให้ใช้เข็มเจาะนะคะ

เข็มอะไร? เข็มไหน? ยังไง?

เดินไปที่ร้านขายยาค่ะแล้วบอกว่า "ซื้อหัวเข็มฉีดยา" น่าจะเข็มละ1บาทไม่ก็2บาทเนี่ยแหละค่ะ

สามารถใช้แล้วก็ทิ้งได้เลย หรือไม่ก็ใช้เช็ดแอลกอฮอลล์ค่ะ***อาจจะอธิบายไม่ค่อยละเอียดนะคะเรื่องกดสิว เดี๋ยวไว้ทำแยกให้ค่ะ***

banzac จะมี 2.5% 5% และ 10% นะคะ

เริ่มต้นขอให้ใช้แค่ 2.5%ก่อนค่ะ เพื่อเป็นการปรับสภาพผิวหน้า

แล้วค่อยใช้ 5%

แต่10%ไม่แนะนำนะคะ เพราะแค่ 5% ก็อยู่แล้วนะ

DIFFERIN หรือ RETIN-A

อันนี้ให้เลือกเอานะคะ ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้2ตัว เพราะคุณสมบัติของมันเหมือนกันค่ะ2 ตัวนี้นะคะจะช่วยขับสิวออกมา อ่านไม่ผิดหรอกค่ะขับสิวออกมา หลายคนเข้าใจผิดว่าครีมที่ใช้แล้วสิวยุบหายไปเลยคือ ดีโน โนวววววว แบบนั้นพอเราหยุดใช้ครีมสังเกตุเลยนะว่าสิวมันจะปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรงมากเพราะเราไปกดมันไว้2ตัวนี้แตกต่างยังไงมาดู

1.ราคา

Differin จะแพงกว่าม้ากกกกกกก อันนี้แค่หลอดเล็กก็ปาไปแล้ว 400กว่าเกือบ 500

Retin-A ถูกค่ะ 100 กว่าบาท (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)

2.ความสามารถ

Differin เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากให้สิวปะทุขึ้นมาอย่างหนักหน่วง ง่ายๆคือค่อยเป็นค่อยไป

Retin-A จะแรงกว่าดิฟฟารีนนะคะ แต่เราชอบอันนี้มากกว่าเพราะรู้สึกว่ามันเร็วดี

การรักษาสิวไม่ต้องไปกลัวว่าสิวจะเยอะมั้ย

ช่างหัวมันเถอะค่ะ ไม่งั้นมันจะหายช้า

ถ้าคนที่เป็นสิวเยอะมากๆ ต้องใช้ความอดทนขั้นสูงกับสิวเลยค่ะ

แต่ถ้าผ่านช่วงนี้ไปจะบอกเลยว่า สิวน้อยลงแน่นอน

**ข้อควรระวัง**

ทั้ง 2 ตัวนี้นะคะ ไวต่อแสงงงง ซึ่งเวลาทาควรไปนอนเลย ไม่ควรนั่งผึ่งแสงไฟนานๆ

เพราะหน้าจะคล้ำ แต่ก็ไม่ได้คล้ำขนาดนั้นนะของเราเวลาเราใช้ก็ปกติ

NIZORAL

อันนี้ให้เป็นของแถมสำหรับคนที่เป็น สิวผดดดดดด!!ไม่มีอะไรมาก มันก็จะช่วยเรื่องผดนาจาา 

SKINOREN CREAM

เราชอบตัวนี้เพราะรู้สึกมันเป็น ยาแก้รอยดำ ที่ดีอีกตัวนึงเลยเวลาทารู้สึกยิบๆ 5555อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ชอบความรู้สึกคันๆ รู้สึกว่ามันไปทำปฏิกิริยากัน จะทำให้รอยหายเร็วขึ้นแต่ก็ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่านะตัวนี้ ถ้าใครเป็นแนวซาดิสหน่อยๆ ตัวนี้ก็แนะนำจ้าาา 


Praya.y

Praya.y

IG : praya.y

FULL PROFILE