[Review] ผิวหน้าที่ดีมีได้ไม่ยาก ถ้ารักษาให้ถูกที่ถูกทาง *รีวิวละเอียดยิบ*

6 0

จุดประสงค์ในการรีวิวครั้งนี้ คือ เพื่อต้องการให้ข้อมูลในฐานะผู้บริโภคจริงๆ ไม่มีสปอนเซอร์ และเผื่อใครแวะผ่านมาหรือกำลังหาข้อมูลอยู่ก็สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจค่ะ

ปัญหาผิวหน้า: หน้ามันบริเวณ T-zone จึงทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะสิวหัวช้างที่ขึ้นเป็นประจำก่อนมีประจำเดือน และรูขุมขนเริ่มกว้างขึ้น

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิว: พักผ่อนไม่เป็นเวลา นอนดึก ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ไม่ค่อยทานผักผลไม้ตามหลักโภชนาการ ที่สำคัญส่วนตัวคิดว่า มีปัญหาบริเวณท้องน้อยจะปวดมากเวลามีประจำเดือน จึงอาจเป็นอีกปัจจัยค่ะ

ประสบการณ์การรักษาสิวในอดีต

ในช่วงวัยมัธยมเคยไปรักษาสิวไม่เกิน 3 ครั้ง มีสิวผดขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าไม่รักษาก็หายเองได้ สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าคลีนิครักษาอีกเลย ถัดไปเป็นช่วงมหาลัยสภาพผิวก็ยังคงไม่ต่างจากเดิม จนกระทั่งช่วงประมาณปี3-4 ปัญหาผิวหน้าเริ่มมามากขึ้นกว่าแต่ก่อน เลยตัดสินใจไปรักษาที่คลีนิคอีกครั้ง(เปลี่ยนที่จากครั้งแรก) ซึ่งทางคลีนิคเคลมว่า การรักษาด้วย Magenta light จะช่วยป้องกันการเกิดสิวในอนาคตได้ และป้องกันได้ประมาณ 6 เดือน ด้วยความที่สิวเริ่มขึ้นที่เดิมซ้ำๆ สภาพผิวเริ่มแย่เลยตัดสินใจซื้อ 1 คอร์สเริ่มต้น ราคาอยู่หลักพันกลางๆ ตอนนั้นยังไม่ได้ทำงานหาเงินเอง ส่วนตัวเลยมองว่าราคาสูงนิดนึง แต่ก็ยังพอรับไหว

เมื่อพูดถึงคอร์สรักษาสิวก็เหมือนทั่วๆไปเลยค่ะ 1.พบแพทย์ 2.กดสิว/ฉีดสิว 3.มาร์สหน้า 4.ทาครีม 5.ฉายแสง ML 6.เอายากลับไปทาที่บ้าน (เท่าที่จำได้ประมาณนี้ ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยค่ะ) วนลูบนี้จนจบคอร์สการรักษา ผลที่ได้คือ เหมือนเดิมค่ะ สำหรับคนอื่นอาจได้ผลดี(รึเปล่าไม่แน่ใจ) แต่ส่วนตัวเราไม่ทานยารักษาสิวเลย เมื่อหมดคอร์สจากคลีนิคแล้วสิวก็ยังไม่หาย เราก็เลยหาวิธีรักษาด้วยตัวเอง แต่ยังคงมีไปกดสิวบ้าง เพื่อเอาสิ่งสกปรกออก

ประสบการณ์การรักษาสิวในปัจจุบัน(ล่าสุด)

พอเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน บวกกับอายุที่เพิ่มขึ้น การดูแลตัวเองน้อยลง สิวก็ยังมีเหมือนเดิม และน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าเทียบกับแต่ก่อนจะมีสิวหัวช้างขึ้น 1 เม็ดใหญ่ก่อนมีประจำเดือน จากนั้นก็ค่อยๆยุบลงไปเอง แน่นอนเราก็ทนไม่ได้ต้องไปกดสิวซึ่งบางครั้ง พนง.บางคนก็กดออกไม่หมด แล้วเราก็ปฏิเสธในฉีดสิวนับตั้งแต่หมดคอร์ส เมื่อเกิดการสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนช่วงหลังมานี้ สิวหัวช้างขึ้นรวมๆกันใกล้ๆ 2-3 เม็ด คิดดูว่าใหญ่มากจนคนมองไม่ออกเลย 5555 เหมือนมันเป็นภูเขาทรงป้านอะ พอนึกออกไหมคะ? พอให้จับทีนี่ขนลุกกันเลยทีเดียว บางครั้งไม่มีเวลาไปกดสิวก็กดเองด้วยหล่ะ(อันนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี) แต่มันทนไม่ได้จริงๆ คือมันไม่มีหัวสิวขึ้น แต่มันอักเสบจนบวมเป็นก้อนใหญ่ที่ข้างในมีหลายเม็ดรวมกัน เวลาบีบออกมาก็จะเป็นน้ำสีเหลืองๆ นั่งซับนั่งบีบได้เป็นชั่วโมง ก็ยังออกไม่หมด ชุ่มจนเกือบจะเต็มสำลีแหนะ

ระยะหลังเริ่มแต่งหน้าน้อยลง ครีมก็ไม่ค่อยได้ทา ไม่มีความสม่ำเสมอ พอปัญหามันถูกพอกไปเรื่อยๆ จนทุกคนเริ่มทักว่า 'หน้าสิว' ถึงขนาดแนะนำและจะพาไปรักษา เราเองก็เริ่มทนไม่ไหวกับหน้าตัวเอง จึงเริ่มทำการหาข้อมูลอย่างจริงจัง ไม่เอาแล้วรักษาเองใช้เวลานานเกินไปแล้ว ก็พยายามหาคลีนิคที่สามารถรักษาปัญหาสิวได้แบบเห็นผล และรวดเร็ว จนมาเจอกับ The demis clinic ที่มีเครื่อง isolaz เพราะเจ้าเครื่องนี้เลยเราจึงตัดสินใจมารักษา ไม่ใช่อ่านที่รีวิวกันมา หรือดูข้อมูลจากคลีนิคอย่างเดียว ด้วยความที่ราคาต่อครั้งหรือจะซื้อคอร์สที่แพงมากกกกสำหรับเรา แม้ตอนนี้จะทำงานหาเงินเองได้แล้ว แต่ก็รู้สึกแพง จะผ่อนก็ยังแพง แต่เมื่อดูแล้วมันไม่มีที่ไหนมีเครื่องนี้เลย ก็เลยลองเข้าไปปรึกษาที่คลีนิคก่อน หลังจากได้ข้อมูลมาพร้อมราคา ก็กลับมาทำการบ้านอีกประมาณ 1 อาทิตย์ สุดท้ายก็เอาหล่ะ เป็นไงเป็นกัน เชิญชมวิวัฒนาการของสภาพผิวได้ตามนี้เลยค่ะ

***ช่วงเวลาถ่ายภาพแตกต่างกันจึงอาจทำให้สีผิวต่างกันนะคะ***

หลังจากได้พบคุณหมอ คุณหมอก็แนะนำให้ทำ isolaz เฉพาะจุด + vbeam ทั่วหน้า + มาร์สหน้า + ทายาที่มีอยู่ต่อไป(benzac, clindaM, Differin ที่รักษาเองนั่นแหละ) โดยขั้นตอนของที่นี่คือ 1.พบแพทย์ 2.กดสิวโดยพนง. 3.เลเซอร์ isolaz โดยแพทย์ 4.เลเซอร์ vbeam โดยแพทย์ 5.มาร์สหน้าโดยพนง ทั้งนี้คุณหมอก็แจ้งไว้ตั้งแต่แรกเรื่องระยะเวลาการรักษาว่า โดยปกติทั่วไปจะต้องเข้ารับการรักษาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 3-5 ครั้ง หลังจากนั้นก็ follow up เป็น 2อาทิตย์ครั้ง

การรักษาของเราเริ่มต้นวันที่ 6 มีนาคม 2559 ตามภาพ

ครั้งที่ 2 วันที่ 13 มีนาคม 2559 ตามภาพ

ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าสิวดีขึ้น การอักเสบลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากปกติต้องขึ้นตุ่มใหญ่ก็มีขนาดเล็กลง สิวผดลดลง และเมื่อได้พบคุณหมอครั้งที่ 2 คุณหมอก็เช็คจากภาพที่คลีนิคถ่ายไว้เป็น record แล้วก็มาจับดูบริเวณคางของเรา ก็แจ้งว่าอาการดีขึ้น หมอยินดีด้วยนะครับ นี่หายแล้ว เจอกันอีกทีอีก 2 อาทิตย์ถัดไปครับ จังหวะนั้นจะดีใจก็ดีใจ จะงงก็งง คือเห็นๆอยู่ว่ามันจะมีรอยสงครามอยู่เลย ไม่ถึงกับเรียกว่าหาย แล้วทำไมหมอถึงบอกหายแล้วหล่ะ? (นี่คิดในใจ ไม่ได้บอกหมอ) ครั้งนี้คุณหมอให้ยารักษาสิวมาทาน 1 ตัวเป็นเวลา 2 วัน และทานวิตามินบำรุงผิวของทางคลีนิค

หลังจากเลเซอร์ครั้งที่ 2 ผ่านไป รอยแดงรอยดำลดลงชัดเจน แน่นอนถ้าไม่เลเซอร์ก็คงไม่ดีขึ้นเร็วขนาดนี้ แต่ส่วนตัวแล้วค่อนข้างพอใจเอาไป 8/10 ค่ะ

หากใครต้องการอ่านรีวิวแบบละเอียดยิบที่รักษากับ The demis clinic เพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูที่ my blog นะคะ เนื่องจากรีวิวนี้ไม่มีเจตจาในการขายสินค้า ดิสเครดิต หรือเป็นหน้าม้าแต่อย่างใด หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ


nud33

nud33

i'm nudee :)

FULL PROFILE