เที่ยวฮอกไกโด(เองไม่ง้อทัวร์) วันที่ 10 - 16 พ.ค. 2558 :Vol.2 Day3
marliblossom22สวัสดีค่ะ ชาวจีบัน marliblossom กลับมารายงานตัวแล้วค่ะ ครั้งนี้จะเป็น Vol.2 ของเที่ยวฮอกไกโด(เองไม่ง้อทัวร์) เป็นเที่ยวในวันที่ 3 ของทริป ยังอยู่ที่ฮาโกดาเตะและไปเที่ยวต่อกันที่เมืองโนโบริเบทซึค่ะ จะพยายามลงรูปวิวมากขึ้นค่ะ โดยเพื่อนแซวว่ามีแต่นี่ทริปกินหรือป่าว ฮ่า ๆ โดยสามารถติดตามตอนที่ 1 ได้ที่ http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=207897
วันที่ 12 พ.ค.
เช้านี้ตื่นขึ้นมาแบบขาจะพัง จากที่เมื่อวานเดินไปเยอะมาก (อยากจะบอกว่าไปญี่ปุ่นครั้งนี้เราเดินเฉลี่ยวันละ 10 กิโลได้) ดิฉันก็ตกลงกับเพื่อนไว้ว่า เราจะ 7-8-9 คือ ตื่น 7 โมง กินข้าว 8 โมง และเริ่มเที่ยว 9 โมง ถ้าปล่อยตื่นกันตามอัธยาศัยเกรงว่าแต่ละวันจะเหลือเวลาเที่ยวไม่มาก ฮ่าๆ
ทริปวันนี้เริ่มจากการไปหามื้อเช้ากินกันที่ตลาดเช้าค่ะ เดินไปไม่ไกลจากโรงแรม อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟเลย พอถึงตลาดก็จะเจอปูตัวใหญ่ ๆ มากมาย หอยเหม่นมีทั้งยังไม่ผ่า และผ่าไข่เหลืองๆ ไว้มากมาย(ตัวละประมาณ 1,000 เยน) ปลา กุ้ง หอย มีหมดค่ะ ก็เดินวนชมกันไปรอบหนึ่งก่อน กินซาลาเปาไส้ปูรองท้องไปคนละก้อน ไม่ค่อยอร่อยค่ะ แต่หอยเชลล์ย่างอร่อยมาก อร่อยจริง ๆ ใครไปห้ามพลาด
พอเดินวนรอบก็ตัดสินใจเลือกร้านได้ ก็เป็นร้านคุณลุงชุดฟ้านี่แหละค่ะ สั่งปูยักษ์เผา น่าจะได้มาประมาณ 1 ขา และset ข้าวหน้าทะเลสดมา 2 เซ็ต ซึ่งเข้าใจว่ามันไม่น่าเยอะในตอนสั่ง แต่พอมาเสิร์ฟมันเยอะมาก และยิ่งกว่านั้นคือ ดิฉันไม่กินของดิบ กินไปได้ซักพัก เริ่มต้องมอบหมายงานกันค่ะ เพื่อนสาวรับผิดชอบส่วนที่สด ๆ ไป ส่วนดิฉันจัดการปูเผากับอะไรที่สุกแล้ว โดยมื้อนี้เรียกได้จัดหนักมาก ค่าอาหารร่วมแล้ว 7,200 บาท (ประมาณ 2,100 บาท) ช่างเป็นมื้อเช้าที่ได้กลิ่นอายอาหารทะเลฮอกไกโดที่สดใหม่อันเลื่องชื่อ (คือมันแพงมากกกกก งานดราม่าต้องมา)
พออิ่มท้องอิ่มใจกันแล้ว ก็ถึงเวลาซื้อของฝากจากเมืองฮาโกดาเตะ เค้าจะเด่นเรื่อปลาหมึก กับชีสเค้กค่ะ เริ่มที่ปลาหมึกที่ดิฉันปลื้มก่อน ดิฉันซื้อปลาหมึกแห้งแต่ไม่แข็ง เป็นร้านที่มีคุณลุงยืนเอาปลาหมึกเข้าเครื่องย่อยเป็นเส้นเล็ก ๆ ถ้าจำไม่ผิดห่อเล็กราคา 600 เย็น อันนี้แนะนำค่ะ อร่อยมาก กินเพลินเลย ส่วนอีกแบบจะแนว ๆ ปลาหมึกแดดเดียวแต่สอดไส้อะไรบางอย่างไว้ในซองสูญญากาศ กลับมาทอดกินที่บ้านสรุปมันคือ ไส้ชีส!!!!!!!! คุณค่ะมันช่างลงตัวค่ะปลาหมึกจากฮาโกดาเตะกับแหล่งชีสฮอกไกโด ฟินเว่ออออออร์ มาต่อกันที่ชีสเค้ก มีหลายยี่ห้อค่ะตอนแรกจะซื้ัอยี่ห้อที่เค้าแนะนำกัน แต่คุณป้าแม่ค้าก็เชียร์อีกยี่ห้อหนึ่ง ทำท่าอันนี้ the best เลยจัดมากินที่ญี่ปุ่นนี่แหละ เพราะชีสเค้กจะหมดอายุเร็ว สำหรับใครจะซื้อแนะนำซื้อวันท้าย ๆ หรือซื้อที่สนามบินก็มีขายค่ะ นอกจากนี้ก็จะมีเบียร์หรือไวน์ท้องถิ่น เนื่องจากฮอกไกโดมีการติดต่อค้าขายกับตะวันตก จึงมีโรงเบียร์ท้องถิ่นอยู่ตามเมืองต่าง ๆ กระป๋องแต่ละที่ก็จะเป็นลายสัญลักษณ์ของแต่ละที่น่าสะสม ดิฉันก็แวะเมืองไหนก็ซื้อมา แต่ให้คุณลุงคุณอาไปหมดเลย แต่ที่เด็ดสุดคือ เจอสตรอเบอรี่สด ๆ เลยซื้อไปกินบนรถไฟ เนื้อนุ่ม รสชาติไม่หวานมาก แทบจะไม่เปรี้ยวเลย กลิ่นหอมมาก ^_^
เดินหอบหิ้วของฝากกลับมา check out โรงแรม ระหว่างที่เดินไปขึ้นรถไฟ ฝนเริ่มพลำลงมา อากาศก็หนาว ตอนไปซื้อตั๋วพบว่าแบบจองที่นั่งเต็ม แต่โชคดีที่วันนี้ (วันอังคาร) ผู้โดยสารไม่เยอะมาก เลยมีที่นั่งแบบทั่วไปเหลือนั่งได้ตามสบาย เที่ยงครึ่งรถไฟออกจากฮาโกดาเตะมุ่งหน้าสู่โนโบริเบทซึ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ประมาณบ่ายสาย ถึงโนโบริเบทซึ (ถ้ามาจากทางซัปโปโรต้องขึ้นสะพานลอยข้ามฝั่งมา) ต้องต่อรถบัสเพื่อเข้าไปหมู่บ้านออนเซ็น ออกจากสถานีมาก็เจอยักษ์แดงถือกระบอง ใครโกหก มีความผิด ทำชั่ว มาเมืองนี้ระวังถูกยักษ์จับในบ่อน้ำร้อนนะคะ อิอิ (แซวๆ) ป้ายรถเมล์อยู่ทางซ้ายมือ เช็คตารางเที่ยวรถ ยังพอมีเวลาเลยเดินเล่นแถวๆ นั้น บ้านแถวนั้นเค้าจะปลูกดอกไม้กันสวยงานเลย ดิฉันเลยได้เจอทั้งซากุระ ลาเวนเดอร์ ทิวลิบ และอีกมากมายที่ไม่รู้จัก เห็นตึกเหมือนปราสาทไกล ถ้าไม่ผิดน่าจะเป็น aquarium ค่ะ
นั่งรถบัสไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงโรงแรม โรงแรมที่เราพักคืนนี้คือ Hotel Mahoroba เป็นโรงแรมที่ grande ที่สุดที่เราพักกันในทริปนี้ ห้องพักกว้างขว้าง ห้องน้ำก็ใหญ่ บริการแบบ full service พวกเรากินบุฟเฟ่มื้อเย็นที่โรงแรมด้วย อาหารเช้าก็ line ใหญ่ดี หลังจากนั่งๆนอนๆ พักที่ห้องซักพัก ก็เริ่มออกเที่ยวเมือง เจอฝนตกระดับกลาง ๆ กลางร่มแล้วไม่เปียกเท่าไหร่ จากโรงแรมก็เดินตรงขึ้นมาผ่าน 7-11 ผ่านร้านลวงของฝากท้องถิ่น ตอนแรกพวกเราหิวกันค่ะ กะหาอะไรกินลองท้อง แต่ไม่มีร้านอาหารกินเล่นเลย ก็เลยดีไป (เพลาการกินบ้าง)
ระหว่างทางศาลเทพเจ้า ซึ่งถ้ามาตรงเวลาท่านจะขยับเขยือนได้ แน่นอนอย่างดิฉันก็ต้องเสี่ยงเซียมซีซิคะ ออกมาภาษาญี่ปุ่นหมดเลย แต่ไม่ต้องกังวลค่ะเราก็ถ่ายรูปไปให้เพื่่อนช่วยแปล ของดิฉันออกมาดีด้วยนะ อิอิ
จากนั้นเดินต่อไปที่ศาลเจ้า แต่เงียบมาก เหมือนปิดทำการแล้ว เพราะตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็น เลยแวะแป๊ปเดียว เพราะดูวังเวง
แล้วก็เดินๆต่อไปจุด highlight ของเมืองนี้ คือ หุบเขานรก หรือ jigokudani ซึ่งเคยเป็นภูเขาไปซึ่งประทุแล้วเมื่อหมื่นปีก่อน เค้าบอกว่าน้ำแร่ที่นี่ดีที่สุดในฮอกไกโด และดีต่อผิวพรรณ นั่นไง เรื่องความสวยความงามต้องมา
ชื่นชมธรรมชาติ เคล้ากลิ่นกำมถันเสร็จ ก็กลับโรงแรม ครั้งนี้เราไม่ได้ไปบ่อแช่เท้าธรรมชาติ เพราะต้องเดินไปอีกเป็นกิโล และข้ามฟาร์มหมีไปด้วยเพราะมืดแล้ว บุฟเฟ่ที่โรงแรมรออยู่
บุฟเฟ่ที่โรงแรมดีเลิศมาก ปูยักษ์นึ่ง และหอยเชลล์ย่างไม่อั้น เป็นบุฟเฟ่นานาชาติ ถ้าเห็นไม่ผิด เหมือนมีอาหารไทยอยู่ด้วย แต่ไม่ค่อยได้สนใจค่ะ ส่วนตัวดิฉันรู้สึกว่าพลาดไปนิดหน่อยที่เมื่อเช้าไปซัดอาหารทะเลมาซะเต็มจนเห็นแล้วไม่อยากกินอีก ก็เลยไปจัดเสต็กเนื้อแทน มันดีงามมากเช่นกันค่ะ
หลังจากมื้ออาหารก็ไปแช่ออนเซ็นค่ะ ที่นี่มี 2 ชั้น จัดเวลาแยกหญิงชาย พูดเลยว่าตกใจมาก เพราะโซนแช่มันกว้างอย่างกะ MCC Hall เดอะมอลล์บางแค คนเยอะด้วย สตรีไทยอย่างดิฉันรู้สึกประหม่านิสหน่อย ดิฉันว่าน่าจะมากกว่า 10 บ่อได้ ทั้งภายในและภายนอก ภายนอกมีประมาณ 5 บ่อ มีเครื่องเล่นสำหรับเด็กด้วย ส่วนด้านในมีทั้งบ่อน้้ำปกติแบบจากุชชี่ กับบ่อน้ำร้อน มีแบบโซนเป็นคอกๆ private ด้วย ไปลองนั่งดู โอ้ น้ำดูร้อนกว่าโซนอื่น นอกจากนี้ยังมีโซนน้ำไหลเป็นสายยาวๆ ไปยืนให้นวดไหล่ได้ โซนอาบน้ำก็อุปกรณ์ครบครัน ครีมทาผิวเค้าดีมาก มีพี่ที่ทำงานที่เคยมาฝากซื้อกลับไปด้วย เราสองสาวแช่น้ำกันจนสวย (คิดเอาเอง) ก็ขึ้นไปนอนค่ะ พรุ่งนี้พร้อมเที่ยวต่อ
รีวิวครั้งนี้กะว่าได้ซักอีก 2 วัน แต่ได้วันเดียว T_T ไว้จะรีบมา post ใหม่ค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่าน
marliblossom
Discussion (2)