[CR] INNISFREE ITEMS (vol .2)

สวัสดีค่ะ สาวๆชาวจีบัน วันนี้เรามารีวิวสกินแคร์ แบรนด์ Innisfree เชื่อว่าสาวๆหลายๆคนคงเคยเห็นรือได้ยินแบรนด์นี้ผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว และตัวเราเองก็เคยรีวิวไว้แล้วในจีบัน สามารถไปหาอ่านกันได้ค่ะ

ส่วนวันนี้จะมาพูดถึงสกินแคร์อีกครึ่งหนึ่งที่คราวที่แล้วเราไม่ได้รีวิว เนื่องจากลองใช้ได้ไม่นาน คราวนี้จะรีวิวหมดไส้หมดพุงเลยล่ะ...เริ่มเลยเน๊อะ

ออกตัวไว้ก่อนนะคะ เรามิใช่หน้าม้า กลัวเข้าใจผิด เห็นรีวิวแต่แบรนด์เดียว เนื่องจากชอบผลิตภัณฑ์แนวๆจากธรรมชาติ เราเลยชอบแบรนด์นี้เป็นพิเศษ เพราะราคาก็ไม่แพงมาก มนุษย์เงินเดือน(น้อย) อย่างเราเอื้อมถึง

ขอเริ่มที่ผลิตภัณฑ์ตัวดังของ Innisfree ล่ะกันคะ

Innisfree Green Tea Seed Serum

ตัวนี้เป็นเซรั่มตัวดัง เราเลยไม่พลาดที่จะสอยมาลอง ตอนแรกที่ใช้ก็เฉยๆ เพราะ มันเป็นเนื้อเหลวๆ ทาแล้วซึมหายเหมือนไม่ได้ทา คิดว่าไม่น่าจะมีประสิทธิผลอะไรแน่ๆ แต่ใช้ได้ประมาณ 1 เดือน สภาพผิวหน้าดีขึ้น ผิวไม่แห้ง เนื้อเซรั่มไม่เหนอะ สบายตัว ถ้าใช้หมดแล้ว ผิวดีขึ้นกว่านี้ จะซื้อต่ออีกแน่ๆ

ไอเท็มที่สอง มาเป็นเซ็ตเล็กๆ เป็นตัวทดลองใช้ ขนาดพกพา อยู่ในไลน์ green tea ค่ะ มีตัว skin > lotion>cream เราใช้หลังจากตัวเซรั่ม ไม่หนักหน้า เนื้อมันบางเบา เนื้อหนักสุดจะเป็นตัวเนื้อครีม(ตัวกระปุกเล็กๆ) ซึ่งเราไม่ค่อยชอบใช้ เพราะเราทาเซรั่ม แล้วตามด้วยตัวสกิน และโลชั่น แค่นี้เราคิดว่าผิวเราชุ่มพอแล้ว ถ้าทาครีมอีก สิวมาแน่ๆ

ตัวสุดท้ายในไลน์ green tea ที่เราใช้อยู่

Innisfree Green Tea Sleeping Pack

เป็น sleeping mask เนื้อมาส์กจะไม่ข้นมาก มีเม็ดอะไรไม่รู้เล็ก เมื้อทาลงบนผิวหน้า เม็ดนั้นก็จะละลายไป จะใช้หลังทา เซรั่ม บีเอบอกว่า สามารถใช้แทน night cream ได้เลย แต่เราว่ามันเหนอะไป ใช้ทุกคืนเราคงไม่ไหว แต่ถ้าสาวๆคนไหนผิวแห้ง ตัวนี้ก็น่าจะเหมาะนะคะ

เนื้อเซรั่มค่ะ อภัยภาพอาจจะไม่ชัด เพราะเราใช้กล้องมือถือ

Innisfree Rose Skin Toner

เอาจริงๆตัวนี้เราซื้อเพราะกลิ่น เราชอบกลิ่นกุหลาบมาก เรามารู้ทีหลังว่าเป็นโทนเนอร์ เพราะบีเอบอก ถ้าสาวๆคนไหนเคยลองชีสมาส์กกลิ่นกุหลาบของอินนีสฟรี จะบอกว่า มันคือกลิ่นเดียวกัน ส่วนตัวเรา นอกจากใช้เป็นโทนเนอร์แล้ว เราใช้ชีสมาส์กเปล่าๆ ชุบกับตัวนี้แล้วมาส์กหน้า ความรู้สึกไม่ต่างจากตัวชีสมาส์กแบบแผ่นเลยค่ะ แต่ตัวนี้จะเนื้อไม่เข้มข้น เหมือนน้ำโทนเนอร์ทั่วไปค่ะ ที่เราจะใช้เป็นมาส์กเพราะต้องการเสพกลิ่น ฮ่าๆ

Innisfree Super volcanic clay mousse mask

ตัวนี้พัฒนามาจากมาส์กโคลนภูเขาไฟ แบบกระปุก ตัวเดิม พัฒนามาเพื่อให้มันใช้ง่ายมากขึ้น เก็บรักษาง่ายขึ้น จะบอกว่า มันจริงว่า จริงค่ะ!! มันใช้ง่ายกว่าแบบกระปุกมาก เนื้อก็เกลี่ยง่ายกว่า เนื่องจากว่าเนื้อมูสจะละเอียดและแห้งยากกว่าตัวกระปุก ทำให้เรามีเวลาเกลี่ยๆ ให้เรียบเนียนได้ง่ายว่า

และด้วยคุณสมบัตินี้ ทำให้ราคาแพงกว่าแบบกระปุกค่ะ อิอิ

ภาพซ้ายแบบกระปุก ภาพขวาเป็นมูส

Innisfree Olive real body oil

ออยทาผิว เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว เหมาะกะคนผิวแห้งมากๆตอนซื้อบีเอแนะนำให้ทาหลังครีมทาผิว เพราะตัวนี้จะทำหน้าทีล็อคความชุ่มชื่น ไม่ได้ละเหยออกจากผิว เราลองแล้วมันไม่ใช่อ่ะ เราเลยเข้าเว็บ innisfree world ปรากฏว่า ในเว็บแนะนำให้ทาหลังอาบน้ำ แล้วค่อยตามด้วยโลชั่น ตัวนี้หลังใช้มาสักพัก เราชอบมาก เพราะเราผิวแห้งมาก แต่ราคามันแพงมากๆ สุดๆ อ่ะ เราเลยไม่ค่อยใช้ ประหยัด แต่หมดก็จะเก็บเงินซื้อต่อ แน่นอน ตอนผิวแห้ง เราแนะนำเลยค่ะ

สุดท้ายแล้ววววว

Innisfree Olive real body lotion

โลชั่นบำรุงผิว สำหรับคนผิวแห้งมาก ทาหลังจากทา Olive oil เมื่อทาคู่กันสองตัวนี้ สวรรค์ของคนผิวแห้งค่ะ ผิวดี เด้งทั้งวัน ไม่แห้งแตกเลย แต่ปัญหาคือ ราคาแพงมาก แพงจริงๆ นานๆเลยใช้ที ประหยัด ฮ่าๆ

สุดท้ายนี้ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ หากผิดพลาดตรงไหนทักท้วงได้ค่ะ อาจจะพิมพ์ผิดบ้าง เนื่องจากอัพรีวิวในมือถือ ต้องอภัย ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ถ้ามีข้อซักถาม หากเราตอบได้ ยินดีตอบค่ะ ไว้เจอกันรีวิวหน้านะคะ สวัสดีค่าาาา บายยยย